Countdown
We've been
togerther for

ค้นหา
 
 

Display results as :
 


Rechercher Advanced Search


[Fic] Forgotten Promise [ผิงเสีย] CH1

+2
SilverCloud
sinnerdarker
6 posters

Go down

[Fic] Forgotten Promise [ผิงเสีย] CH1 Empty [Fic] Forgotten Promise [ผิงเสีย] CH1

ตั้งหัวข้อ by sinnerdarker Tue 28 Oct 2014, 18:52

Title : Forgotten Promise

Author : Sinnerdarker

Paring : เมินโหยวผิง(จางฉี่หลิง) x อู๋เสีย(วัยเด็ก)

Rating : PG…..เหอะนะ



คือซินพยายามจะไลน์ตามเรื่อง แต่ท่าทางจะไม่ไหว ดูตารางเวลาเล่มสิบแล้วตาลายมาก//ตบตีนายเมิน ช่างหัวแม่มแล้วกัน!!

เรื่องนี้อยู่ที่สองถึงสามตอนจบ (หรืออาจเกินกว่านั้น ไม่แน่ใจ ขอขึ้นว่า Fic ก่อน ถ้าแค่สามตอนจบจริงๆจะปรับเป็น SF นะคะ) จะพยายามไม่ดองนะคะ จะพยายาม.../คนที่ตามฟิคซินทราบกิตติศัพท์ความดองนังซินดี









+++++++++++++++++++++




คำสัญญาที่ไม่ใครจดจำได้ จะยังต้องทำตามอยู่หรือเปล่า?


.



.





-ปี 19XX : อดีตอันไม่ทราบว่าเป็นจริงหรือเพียงมายา-



“ฝากเสี่ยวเสียหน่อยนะท่าน!!”



คนของตระกูลอู๋พูดแบบนั้นแล้วรีบเร่งจากไป ทิ้งเขาไว้กับเด็กคนหนึ่ง



เขาอุ้มเด็กคนนั้นไว้ในมือ ดวงตาเหม่อลอยมองไล่หลังชายหนุ่มที่รีบขึ้นรถไปโดยไม่ไถ่ถามความสมัครใจของเขาซักคำ ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่ใหญ่ ก่อนจะก้มลงมองเด็กในมือตัวเอง



เด็กตรงหน้าสูงเพียงเอวเขาได้ ใส่เครื่องแต่งกายน่ารักน่าเอ็นดู เห็นก็รู้ว่าเป็นลูกรักหลานรักของครอบครัว ใบหน้าของเจ้าตัวกลมนุ่มนิ่มตามประสาเด็ก เส้นผมตัดสั้นนุ่มละเอียด ดวงตากลมโตสีดำสนิทใสแจ๋วจ้องมองตามแผ่นหลังของบิดาที่จากไป ก่อนจะเงยหน้าขึ้นจ้องมองเขา ท่าทางจะงุนงงไม่ต่างกัน



“เตี่ยไปไหน..”เด็กชายเอ่ยถามเสียงเบา สั่นเครือ ดวงตาระริกไหว เขาคล้ายจะเห็นน้ำตาคลอหน่วงอยู่ในนั้น



จางฉี่หลิงไม่ได้ตอบออกไปในทันที เขาก้มหัวลงอีกเล็กน้อยเพื่อมองใบหน้าที่เงยมองตน ก่อนส่ายหัวเบาๆ ให้เด็กชายเป็นคำตอบว่าเขาเองก็ไม่รู้อะไรเหมือนกัน



ร่างเล็กป้อมกระพริบตาปริบๆ จ้องมองเขาครู่หนึ่ง ก่อนจะเบะปาก



“แงงงงงงงงงงงงง”



และเริ่มร้องไห้จ้า



ชายหนุ่มตกใจจนเกือบทำเด็กชายตก เสียงร้องของร่างในมือสูงแหลมมากจนปวดหัว จางฉี่หลิงรีบวางเด็กในมือลง ก่อนจะย่อกายลงนั่งยองๆ ให้สายตาอยู่ในระดับเดียวกัน และหันตัวร่างเล็กมาจนเห็นใบหน้าชัดเจน



เด็กชายตัวน้อยร้องไห้งอแงเสียงหลง ใบหน้ายู่ยี่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาที่ไหลลงมาเรื่อยๆ ร้องหนักจนน้ำมูกเริ่มไหลย้อยเป็นทาง มือเล็กป้อมยกขึ้นปาดหน้าตาตัวเองจนเละเทะไปหมด สุดท้ายชายหนุ่มทนไม่ไหวจึงเอาเสื้อของตนเช็ดหน้าเช็ดตาของร่างเล็กแทน



จางฉี่หลิงไม่รู้ว่าตนควรจะพูดอะไรดี เขาปลอบเด็กไม่เป็น เกิดมาไม่เคยอยู่กับเด็กมาก่อน เลยได้แต่ใช้เสื้อเช็ดน้ำมูกน้ำตาให้เด็กน้อยตรงหน้าตน



เด็กชายร้องต่อไป เขาก็นั่งเช็ดน้ำตาให้โดยไม่พูดอะไรต่อไป ผ่านไปครู่ใหญ่ เขาถึงได้ยินเสียงสูดจมูกฟืด แล้วร่างตรงหน้าเขาก็เริ่มหยุดร้องไห้ เหลือเพียงเสียงสะอื้นเบาๆ



“คุณน้าเสื้อเปื้อนหมดแล้ว”เด็กชายตัวน้อยเอ่ยเสียงแหบเครือพร้อมสูดน้ำมูกทีหนึ่ง นัยน์ตากลมโตแดงช้ำมองเสื้อยู่ยี่ของจางฉี่หลิงที่ตอนนี้เต็มไปคราบน้ำตาและคราบน้ำมูกของตน สีหน้าแสดงออกอย่างตรงไปตรงมาว่ารู้สึกผิด ก่อนที่เจ้าตัวจะขยำเสื้อตัวเองและเอ่ยพึมพำ “ผมขอโทษ..”



“..ไม่เป็นไร” ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ตอบกลับไปสั้นๆ มองใบหน้าของเด็กชายที่ตอนนี้แดงเถือกเพราะเพิ่งจะร้องไห้ไป ก่อนจะลุกขึ้นเต็มส่วนสูง และถอดเสื้อที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาและคราบน้ำมูกออก เผยแผ่นอกเปลือยเปล่าและหน้าท้องที่เต็มไปด้วยลอนกล้ามเนื้อสมส่วน “เข้าบ้านก่อน”



เด็กชายตัวน้อยทำตามอย่างว่าง่าย ร่างเล็กเดินตามรอยเท้าเขาต้อยๆ เขามาในบ้าน มือป้อมยกขึ้นปาดน้ำตากับถูจมูกตัวเอง ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงสงสัย “ที่นี่บ้านคุณน้าเหรอ?”



จางฉี่หลิงผงกหัวเบาๆ นัยน์ตาคมสีดำสนิทมองไปรอบบ้านของตนที่ไม่ได้หรูหราซักเท่าใดนัก มันแค่พออยู่ได้ และเขาก็อยู่คนเดียว ไม่จำเป็นต้องมีบ้านใหญ่โตหรูหราแต่อย่างไร



ชายหนุ่มร่างสูงโยนเสื้อของตนลงในตะกร้าซักผ้า ก่อนจะหันมามองร่างเล็กที่มองไปรอบๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น เขามองอีกฝ่ายหันมองไปทางโน้นทีทางนี้ทีซักพักก่อนจะเอ่ยถามขึ้น “รู้ไหมว่าทำไมพ่อนายถึงพานายมาที่นี่?”



เด็กชายหันมามองจางฉี่หลิง เจ้าตัวนิ่งไปครู่ใหญ่ ก่อนจะส่ายหัว และทำท่าจะเบะปากร้องไห้อีกรอบ



เห็นแบบนั้นชายหนุ่มก็สะดุ้งเฮือกอย่างไร้เหตุผล เขารีบย่อตัวลงแตะเข่ากับพื้นและมองใบหน้าของอีกฝ่ายอีกครั้ง พร้อมกับว่าขึ้น “อย่าร้องไห้ เป็นลูกผู้ชายไม่ใช่หรือ?”



พอได้ยินแบบนั้น ร่างเล็กก็ชะงักไป ดวงตากลมโตกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะผงกหัวหงึกๆ แล้วสูดน้ำมูกกลับเข้าไป พร้อมกับเอ่ยเสียงอู้อี้ “อาสามบอกว่าลูกผู้ชายต้องไม่ร้องไห้ ต้องเข้มแข็ง”



“ดีแล้ว” จางฉี่หลิงพรูลมหายใจ เขาหยัดกายลุกขึ้นยืน ก้าวเดินเข้าไปในตัวบ้านพร้อมกับหยิบเสื้อมาผลัดใส่ ในขณะที่สายตาก็มองร่างเล็กๆ ที่เดินตามมาต้อยๆ “มีอะไร?”



เด็กชายสะดุ้งเล็กน้อย บางทีอาจจะเพราะยังไม่คุ้นกับเขา เจ้าตัวลังเลอยู่พักใหญ่ ก่อนที่เสียงใสๆ จะดังกังวานขึ้น “ผมชื่ออู๋เสีย เรียกเสี่ยวเสียก็ได้ คุณน้าชื่ออะไรเหรอ”



“….จางฉี่หลิง” เขาตอบไปสั้นๆ



“ให้ผมเรียกคุณน้าจางได้ไหม?”เจ้าตัวถามด้วยเสียงใสแจ๋ว



จางฉี่หลิงไม่ได้ตอบอะไร แต่ผงกหัวเล็กน้อยให้เด็กชายตรงหน้าตน



“คุณน้าจางเป็นใครเหรอ? คนรู้จักของเตี่ยเหรอ?”เสี่ยวเสียถามคนตรงหน้าเขา มองดวงตาสีดำสนิทที่ให้ความรู้สึกลึกล้ำ เครื่องหน้าคมสันที่ล้อมกรอบด้วยเส้นผมสีดำ ใบหน้าไร้อารมณ์ของอีกฝ่ายทำให้เด็กชายรู้สึกกลัวเกร็งเล็กน้อย



อู๋เสียจ้องใบหน้าของชายหนุ่มด้วยดวงตาใสแป๋ว ในแววระริกไหวคู่นั้นมีร่องรอยของความเกร็งและหวาดกลัว



จางฉี่หลิงเบนสายตาออกจากร่างเล็กป้อม และก้าวเดินลึกเข้าไปภายในตัวบ้านโดยไม่ลืมตอบคำถามของเด็กชาย “ทำนองนั้น”



“ละ..แล้ว ทำไมเตี่ยถึงพาผมมาที่นี่ล่ะ” อู๋เสียยังเอ่ยถามต่อไป ขาสั้นๆ วิ่งตามชายหนุ่มร่างสูงไปอย่างอยากรู้อยากเห็น



“ฉันไม่รู้ นายเองได้ยินอะไรมาบ้าง?”



“เอ…..” อู๋เสียครางแผ่วเบา ขาสั้นหยุดลง ก่อนจะเงยหน้ามองเพดานอย่างครุ่นคิด “เตี่ยบอกว่า เตี่ยกับอาม๊าแล้วก็พวกคุณอาไม่ว่าง จะฝากผมไว้กับคนที่วางใจได้สามวัน จะได้ปลอดภัย”



….สามวัน



จางฉี่หลิงรู้สึกเวียนหัวขึ้นมาทันใด เขาโดนยัดเยียดให้ดูแลเด็กเป็นเวลาสามวันงั้นหรือ?



จำนวนวันไม่ใช่ปัญหา เพียงแต่เดิมทีเขาไม่ได้สนิทอะไรกับสกุลจาง ถึงจะเรียกได้ว่ามีความไว้เนื้อเชื่อใจกันในระดับหนึ่ง แต่มันมากถึงขนาดเอาลูกเอาหลานตัวเองมาฝากที่เขาหรือ?



เขามีคำถามแบบนั้นเกิดขึ้นในใจ แต่ไม่นานมันก็คลายหายไป ชายหนุ่มพรูลมหายใจยาว ก่อนจะเดินไปตามระเบียงยาวในบ้านของตน



“อ๊ะ คุณน้าจาง รอผมด้วย!”



ชายหนุ่มไม่ได้สนใจฟังเสียงของอีกฝ่าย และแน่นอนว่าไม่ได้ชะลอฝีเท้าเพื่อให้ร่างเล็กๆ ตามทัน ช่วงขาที่แตกต่างทำให้อู๋เสียต้องเร่งฝีเท้าเพื่อให้ไปถึงคนที่เดินนำไปก่อน แต่เพราะรีบวิ่งอย่างร้อนรน สุดท้ายเขาก็สะดุดล้มโครมไปกับพื้นจนได้



โครม!



“โอ๊ย!”



เสียงร้องกับเสียงหัวกระแทกพื้นทำให้จางฉี่หลิงหยุดชะงัก เขารีบหันไปดูอู๋เสีย ตอนนั้นถึงเห็นว่าอีกฝ่ายนอนคว่ำหน้าแผ่อยู่กับพื้น



“งือ….”อู๋เสียครางแผ่วเบา ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นมานั่ง เบะปากคลำหัวป้อยๆ “เจ็บ…”



พอเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้เป็นอะไรมาก ชายหนุ่มร่างสูงก็พรูลมหายใจออก ก่อนจะเริ่มออกเดินต่อ



โครม!



แต่เขาก้าวขาออกจากจุดเดิมได้ครู่เดียว เสียงเดิมก็ดังขึ้นอีกครั้ง



“……” ชายหนุ่มนิ่งไป ก่อนจะหันหลังกลับไปเห็นร่างเล็กที่ลงไปนั่งคลำหัวตัวเองด้วยความเจ็บอีกครั้ง จางฉี่หลิงมองภาพนั้นอยู่พักใหญ่ ก่อนจะเดินย้อนกลับไปหาร่างที่นั่งกุมหน้าผากอยู่กับพื้น



“เป็นอะไรไหม?”



อู๋เสียเงยหนขึ้นเมื่อได้ยินคำถามของคนที่สูงกว่าเขา เด็กชายร่างเล็กเงยหน้าขึ้น ก่อนจะส่ายหัวไปมา “มะ..ไม่เป็นไรครับ…แต่ว่าเจ็บ… โอ๊ย!”



เสียงเล็กใสร้องลั่นเมื่อถูกอีกฝ่ายแตะนิ้วลงบนหน้าผากที่บวมปูดขึ้นมา ดวงตากลมโตคลอหน่วงด้วยน้ำตา เกือบที่จะร้องไห้อีกครั้งหนึ่ง



แต่น้ำตาคลอหน่วงออกมาได้นิดหน่อย ชายหนุ่มร่างสูงก็กวาดมือมาหา และอุ้มเขาขึ้นไปจนสายตาอยู่ในระดับเดียวกัน



ภาพที่เห็นจากความสูงระดับเดียวกับอีกฝ่ายค่อนข้างแปลกตา ทุกอย่างที่เคยสูงกว่าเขาดูเตี้ยกว่าเดิมไปหมด ทำให้อู๋เสียที่เกือบจะร้องไห้ลืมความเจ็บของตนไปทันที



“สูงจัง!!”อู๋เสียร้องอย่างร่าเริง รู้สึกถึงฝ่ามือที่ประคองแผ่นหลังของตนไว้ เด็กชายร่างเล็กยื่นมือไปโอบคอร่างสูงใหญ่ไม่ให้ตัวเองร่วงลงไป ในขณะที่คุณน้าจางตามที่เขาเรียกเริ่มออกก้าวเดิน



“คุณน้าจางตัวสูงจัง ของอย่างอื่นดูเล็กไปเลย!” เด็กชายร้องอย่างร่าเริง ใบหน้ากลมมองไปรอบข้างอย่างสนใจ แต่ไม่นานนักความเงียบที่มีเพียงเสียงฝีเท้าของชายหนุ่มก็ทำให้ความตื่นเต้นของอู๋เสียสงบลง และเขาก็เริ่มมองสังเกตรอบบ้าน



บ้านหลังนี้เล็กกว่าบ้านของเขา แต่ก็ให้ความรู้สึกกว้างขวางต่างจากบ้านที่เต็มไปด้วยสิ่งของและผู้คน ภายในบ้านไม่ได้เปิดดวงไฟ มีเพียงแสงอาทิตย์ที่ลอดกระทบพื้นจากหน้าต่างบางๆ



เงียบจังเลย



“นี่ๆ คุณน้าจาง” อู๋เสียร้องเจื้อยแจ้วพร้อมดึงผมของจางฉี่หลิงเรียกความสนใจ ทว่าอีกฝ่ายไม่สนใจเขา แต่ถึงอย่างนั้น เด็กชายก็ยังเอ่ยถ่ามต่อไป “คุณน้าจางอยู่คนเดียวเหรอ?”



ชายหนุ่มร่างสูงยังคงเดินต่อไป



“คุณน้าจางมีพี่น้องไหม? อาเตี่ย? อาม๊าล่ะ?”



ความเงียบสงัดยังคงตอบเขาแทนคำพูด



“..คุณน้าจาง ในบ้านมืดจัง ไม่เปิดไฟหน่อยเหรอ?”



คราวนี้ดูเหมือนจะมีปฏิกิริยา



ชายหนุ่มหันมามองร่างที่ตนอุ้มไว้ในอ้อมแขน ก่อนจะยื่นมือไปเปิดไฟ ฉันพลันแสงสว่างก็วาบขึ้นตามระเบียงที่ทอดยาว



อู๋เสียหรี่ตาเล็กน้อยเพราะยังไม่คุ้นกับแสงสว่าง กะพริบตาปริบๆครู่หนึ่งถึงจะเริ่มชิน จากนั้น เด็กชายก็หันไปถามคนอุ้มด้วยน้ำเสียงใสซื่ออีกครั้ง “แล้ว ตกลงคุณน้าจางอยู่คนเดียวเหรอ”



จางฉี่หลิงมองใบหน้าของเด็กชาย ก่อนจะพรูลมหายใจยาว และกล่าวขึ้น “ใช่ ฉันอยู่คนเดียว”



“คุณน้าจางเก่งจัง! อยู่คนเดียวได้ด้วย! คุณน้าจางแยกออกมาอยู่คนเดียวเหรอ เก่งจังน้า~~”อู๋เสียพึมพำอย่างเลื่อมใส “ถ้าโตขึ้นผมอยากอยู่คนเดียวบ้างจัง!”



จางฉี่หลิงมองใบหน้าของคนที่เพิ่งร้องไห้ตอนพ่อตัวเองขับรถจากไป แต่ไม่ได้พูดอะไร ชายหนุ่มยังคงอุ้มเด็กน้อยไว้ในอ้อมแขนตน จนกระทั่งเดินมาถึงห้องโล่งกว้างที่มีโซฟายาวสีครีมหนึ่งตัว ตู้โชว์ไม้ขนาดใหญ่แกะสลัดลวดลายสัตว์ในตำนาน และโทรทัศน์รุ่นเก่าเครื่องหนึ่ง



ร่างสูงสมส่วนวางเด็กชายอู๋เสียไว้บนโซฟาด้านหนึ่ง ส่วนตัวเองก็ทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาอีกด้านหนึ่ง ชายหนุ่มพรูลมหายใจ หลับตาลง ประสานมือทั้งสองหลวมๆ ไว้ที่หว่างขาแล้วเริ่มครุ่นคิด



ตอนนี้เขากำลังเผชิญกับอะไร?



มีเด็กคนหนึ่งอยู่ในบ้านเขา จู่ๆ ก็ถูกนำมาฝากไว้โดยไม่มีปี่มี่ขลุ่ย และถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด เขาจะต้องดูแลเด็กคนนี้ไปสามวัน



..เขาไม่มีความคิดว่าตนเองจะดูแลเด็กคนหนึ่งได้



ให้ดูแลผู้ใหญ่ซักคนเขาอาจทำได้ ให้ข้าว ให้น้ำ ให้ที่พัก ให้ความปลอดภัย แค่นั้นก็เป็นพอ ไม่จำเป็นต้องพูดคุย ..แต่เขาไม่เคยอยู่กับเด็กมาก่อน ปฏิบัติตัวกับเด็กไม่เป็น ไม่รู้ว่าควรพูดคุยด้วยอย่างไร และจะว่าไป ก็นานเหลือเกินแล้วที่เขาไม่ได้ ‘ใช้ชีวิต’ กับคนอื่น



นานจนลืมเสียแล้วว่ามันเป็นอย่างไร



“นี่ๆ คุณน้าจาง”



เสียงใสเจื้อยแจวดังขึ้นข้างกาย ปลุกเขาขึ้นจากห้วงภวังค์ของตน และพอเงยหน้าหาต้นเสียง ก็เห็นใบหน้าและดวงตาใสซื่อกำลังจดจ้องมาทางเขา



“คุณน้าจางไม่สบายเหรอ?” อู๋เสียเอียงคอ ยกมือเล็กป้อมขึ้นแตะหน้าผากของชายหนุ่มร่างสูง ก่อนจะขมวดคิ้ว และเปลี่ยนป่ายมือแปะที่แก้มทั้งสองข้างของอีกฝ่าย



ฝ่ามือเล็กป้อมนั้นทั้งนุ่มน่มและอบอุ่น ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย บางทีอาจจะเพราะร่างกายของเด็กแต่ไหนแต่ไรก็อุณหภูมิก็สูงกว่าผู้ใหญ่ แต่เหนือสิ่งอื่นใด เขาแปลกใจตัวเองที่ยอมให้เด็กชายตรงหน้าแตะต้องตน



หลายครั้งที่สัญชาตญาณมาก่อนความคิด เขาปฏิเสธที่จะให้ใครซักคนแตะต้องทันก่อนที่จะคิดเสียด้วยซ้ำ ทว่าครั้งนี้..เขากลับปล่อยให้เด็กตรงหน้าแตะตัวอย่างง่ายดาย



เพราะอะไรกัน



อู๋เสียป่ายมือกลับไปที่หน้าผาก ก่อนจะขยับใบหน้าแตะหน้าผากตัวเองกับของอีกฝ่าย และละออกมาพร้อมเอียงคอสงสัย “แปลกจัง ไม่เห็นร้อนเลย คุณน้าไม่ได้ไม่สบายเหรอ?”



“ฉันไม่ได้เป็นอะไร”ชายหนุ่มตอบเสียงเรียบ ดึงฝ่ามือเล็กๆ ที่แปะบนหน้าตนออก ก่อนจะหันกลับไปนั่งนิ่งตามเดิม



“คุณน้าจาง ไม่เป็นอะไรจริงๆ เหรอ?”เด็กชายผมดำเอ่ยถาม ร่างเล็กขยับเข้าไปใกล้อีกฝ่าย มือเล็กวางลงบนท่อนแขนแกร่งที่วางทอดอยู่บนหน้าตักของเจ้าตัว “ผมรู้สึกเหมือนคุณน้าจางไม่ค่อยสบาย”



“ฉันไม่เป็นไร” ชายหนุ่มกล่าวย้ำ มองใบหน้ากลมที่จดจ้องเขาด้วยสายตาเป็นกังวล ก่อนจะยกมือขึ้นลูบศีรษะที่ปกคลุมด้วยเส้นผมสีดำนุ่มละเอียดอย่างเก้ๆ กังๆ



อู๋เสียสะดุ้งเกร็งนิดหน่อย แต่ก็ก้มหัวลง ยอมให้ลูบแต่โดยดี



จางฉี่หลิงมองร่างเล็กๆ ตรงหน้าเขา มือหนายังคงลูบเส้นผมนุ่มนิ่มของอีกฝ่ายต่อไป… และคงลูบจนมืดค่ำโดยไม่รู้จักเบื่อหน่ายถ้าไม่ได้ยินเสียงแปลกๆ ดังขึ้นมาก่อน.



.



.



โครกกกกกกก



เสียงสนั่นหวั่นไหวดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ จางฉี่หลิงกะพริบตาปริบๆ เขาพิจารณาดูแล้วไม่น่าใช่เสียงจากร่างของตน และในบ้านไม่มีกลิ่นอายของสิ่งมีชีวิตอื่นใดนอกจากเขาและเด็กตรงหน้า



ถ้างั้น…….



จางฉี่หลิงคิดในใจ ก่อนจะก้มมองร่างที่ตนยังคงวางมือไว้บนกลุ่มผมสีดำสนิท



เด็กชายก้มหน้างุด ทำให้เขามองไม่เห็นสีหน้าของเจ้าตัว แต่ก็เหมือนจะเห็นใบหูที่แดงเรื่อขึ้นมา กับแขนสองข้างที่เกร็งและขยำกางเกงไว้



“…หิว?”



ชายหนุ่มถามหยั่งเชิง และอู๋เสียไม่ได้ตอบอะไร แต่พยักหน้าหงึกๆ ใบหน้าระเรื่อแดงด้วยความเขิน และไม่ลืมที่จะเอ่ยงึมงำขึ้นมา “ก็ตอนเที่ยงยังไม่ทันได้กินอะไร เตี่ยก็อุ้มขึ้นรถมาแล้ว….”



เขามองเด็กที่กล่าวคำแก้ตัวตรงหน้าตน ก่อนจะลุกขึ้นจากโซฟาและเดินออกจากห้องกว้าง



“คะ คุณน้าจาง” อู๋เสียรีบเรียกชื่อคนที่เดินจากไป เด็กชายกระโดดลงจากโซฟานุ่ม ก่อนจะเดิ่นกึ่งวิ่งตามแผ่นหลังของชายหนุ่มร่างสูงไป



คราวนี้คุณน้าจางไม่ได้เดินเร็วนัก แม้จะยังเร็วมากพอให้อู๋เสียต้องกึ่งเดินกึ่งวิ่งเพื่อให้ไล่แผ่นหลังอีกฝ่ายทัน แต่เด็กชายก็ไม่ถึงขั้นต้องวิ่งจนสะดุดล้มเมื่อเมื่อครู่



คุณน้าจางจะไปไหนกัน?



อู๋เสียคิดในใจ แต่เขาไม่กล้าถาม เดินตามไปพักใหญ่ถึงเห็นห้องที่อยู่ถัดไปไม่ไกลจากห้องกว้างที่มีโซฟา



เด็กชายร่างเล็กหยุดยืนนิ่ง มองตามหลังคุณน้าจางที่เดินเข้าไปข้างใน เขาแอบยืนนิ่งอยู่ตรงระเบียงพักใหญ่ ไม่กล้าเดินตามเข้าไป แต่แล้วก็เริ่มได้กลิ่นหอมๆ โชยออกมา



อู๋เสียน้ำลายสอ ท้องยิ่งร้องโครกครากหนักกว่าเก่า ความจริงมันก็แค่กลิ่นข้าวผัดเอง แต่เวลาหิวอะไรก็หอมน่ากินทั้งนั้นแหละ!



เจ้าของดวงตากลมโตกลืนน้ำลายเอื๊อก ก่อนจะทำใจกล้าก้าวเข้าไปในห้องครัว และเห็นคุณน้าจางเอาจานข้าวผัดวางลงบนโต๊ะไม้ที่วางอยู่กลางห้องครัว



“ของผมเหรอ?” เสี่ยวเสียเผลอถามไปตามใจคิด ดวงตาเป็นประกายจดจ้องจานข้าวราวกับจะพุ่งไปเขมือบเสียเดี๋ยวนี้ แต่ยังคงไม่ได้วิ่งเข้าไปหาจานข้าวที่ส่งไอร้อนหอมหวลขึ้นมาเหนือข้าวสวยสีเหลืองทองร้อนๆ



คุณน้าจางไม่ได้ตอบคำถามของเด็กชายตัวน้อย เขาเพียงวางจานไว้บนโต๊ะที่หน้าเก้าอี้ตัวหนึ่ง วางช้อนส้อมลงไป ส่วนตัวเองก็เดินอ้อมไปนั่งที่เก้าอี้ตัวตรงกันข้าม



นี่เป็นสัญญาณว่าให้เขากินได้ใช่ไหม?



ไม่ว่าจะคิดไปเองหรือว่าเข้าใจท่าทีอีกฝ่ายถูก อู๋เสียก็เดินกึ่งวิ่งไปที่โต๊ะตัวนั้นเสียแล้ว เขาปีนขึ้นเก้าอี้อย่างทุลักทุเล และเริ่มใช้ช้อนจ้วงตักข้าวผัดขึ้นมากินทันที’



“อร่อย!” เด็กชายร้องเสียงใส ดวงตากลมโตเบิกกว้าง ก่อนตักข้าวผัดขึ้นมากินอีกคำ อีกคำ และอีกคำ อู๋เสียกินมูมมามชนิดที่หากอยู่บ้านคงโดนไม่ม๊าก็อารองตีมือเผียะโทษฐานกินข้าวไม่เรียบร้อย แต่ในเมื่อที่นี่ไม่มีใครห้าม..อู๋เสียก็ไม่คิดจะกินข้าวช้าๆ แบบเรียบร้อย อีกอย่างหนึ่ง เขาก็หิวมากจนหยุดมือตัวเองไม่ได้แล้ว



อู๋เสียกินข้าวอย่างเอร้ดอร่อยจนลืมไปว่ามีคนนั่งท้าวคางจ้องเขากิข้าวอย่ รู้สึกตัวอีกทีก็เห็นผ้าสะอาดผืนหนึ่งยื่นมาตรงหน้าเขา



“เช็ดปาก”



คุณน้าจางพูดสั้นๆ อู๋เสียกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะเอ่ยบอกเสียงใส“คุณน้าจางเช็ดให้หน่อยสิ”



คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามชะงักนิ่งไป แต่ยังคงยื่นผ้าให้โดยไม่ได้เช็ดให้เขา



เสี่ยวเสียขมวดคิ้ว เพราะเป็นลูกคนเดียวหลานคนเดียวในบ้าน ทุกคนจึงค่อนข้างตามใจ ไม่ใช่อาม๊าก็เตี่ยจะคอยเช็ดหน้าเช็ดปากให้เขาเสมอ ดังนั้นเด็กชายจึงเริ่มปฏิบัติการอ้อนโดนไม่จำเป็นต้องคิด “คุณน้าจางเช็ดให้ทีน้า~~”



เสี่ยวเสียทำตาแป๋วมองหน้าอีกฝ่าย ใบหน้านิ่งจ้องตอบเขาไร้อารมณ์ความรู้สึก แต่แน่นอนว่าเด็กชายไม่คิดยอมแพ้ ยื่นหน้าไปใกล้ๆ อีกฝ่ายเหมือนจะขอให้อีกฝ่ายเช็ดปากให้



สุดท้ายไม่ทราบได้ด้วยเหตุผล คุณน้าจางผู้แสนหน้าตายก็เช้ดปากให้เขาจนได้



“ขอบคุณครับ!” อู๋เสียเอ่ยฉะฉาน ก่อนจะก้มหน้าลงกินข้าวต่อ และชะงักเมื่ออีกฝ่ายเตือนเขากระชับสั้น



“กินดีๆ”



เด็กชายผงกหัวหงึกๆ ก่อนจะเริ่มกินข้าวช้าลงตามที่อีกฝ่ายสั่ง



เพราะว่าเริ่มกินข้าวช้าลง และความหิวเริ่มคลายลง อู๋เสียเลยถือโอกาสมองหน้าของคุณน้าจางชัดๆ



ถึงจะเรียกว่าคุณน้า แต่อู๋เสียคิดว่าอีกฝ่ายน่าจะอ่อนกว่าเตี่ยของตนอยู่โข อาจจะควรเรียกว่าพี่ชายมากกว่าคุณน้าด้วยซ้ำ แต่เพราะเขาเรียกว่าคุณน้าไปแล้ว ก็ไม่คิดว่าอยากจะเปลี่ยนคำเรียก



ใบหน้าของคุณน้าจางเรียบมาก ไม่แสดงอารมณ์ซักนิด ตอนเห็นทีแรกก็กลัวอยู่หรอก..แต่ไม่รู้ทำไม พอเริ่มชินถึงรู้สึกว่ามันไม่ได้น่ากลัวอะไร ยิ่งอนที่คุณน้าจางอุ้มเขาพาเข้ามา เขายิ่งรู้สึกว่าไม่น่ากลัวอย่างที่คิดไว้ตอนแรก



แล้วเขาก็รู้สึกว่าคุณน้าจางน่าจะใจดี..



ใจดีมากๆ ด้วย



อู๋เสียคิดในใจ ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตากินข้าวต่อไป



+++++++++++++++++++++++

TBC
sinnerdarker
sinnerdarker
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ

จำนวนข้อความ : 343
Points : 4054
Join date : 27/10/2014
ที่อยู่ : บ้านสกุลหวัง

ขึ้นไปข้างบน Go down

[Fic] Forgotten Promise [ผิงเสีย] CH1 Empty Re: [Fic] Forgotten Promise [ผิงเสีย] CH1

ตั้งหัวข้อ by SilverCloud Tue 28 Oct 2014, 21:48

นายน้อยเวอร์ชั่นเด็กช่างโมเอ้โดนใจด้วงจริงๆ เสี่ยวเกอคะไม่สนใจเหรอ #คุก
SilverCloud
SilverCloud
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ

จำนวนข้อความ : 433
Points : 3940
Join date : 27/10/2014
ที่อยู่ : ตู้เสื้อผ้าของอารอง

ขึ้นไปข้างบน Go down

[Fic] Forgotten Promise [ผิงเสีย] CH1 Empty Re: [Fic] Forgotten Promise [ผิงเสีย] CH1

ตั้งหัวข้อ by gaaraclub Fri 21 Nov 2014, 15:49

จิบิอู๋เสียดาเมจตอนอ้อนแรงยิ่งนักกกก >\\\<
gaaraclub
gaaraclub
ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา

จำนวนข้อความ : 81
Points : 3551
Join date : 27/10/2014
ที่อยู่ : แขนเสื้อปู่อู๋

ขึ้นไปข้างบน Go down

[Fic] Forgotten Promise [ผิงเสีย] CH1 Empty Re: [Fic] Forgotten Promise [ผิงเสีย] CH1

ตั้งหัวข้อ by ryu77 Tue 02 Dec 2014, 22:00

เสี่ยวเสียโมเอะ! >////<
จางฉี่หลิง...นายคิดจะงาบนายน้อยตั้งแต่เด็กเลยใช่ไหม!? ตอบมานะ //โดนหักคอ
ryu77
ryu77
ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา

จำนวนข้อความ : 64
Points : 3540
Join date : 01/11/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

[Fic] Forgotten Promise [ผิงเสีย] CH1 Empty Re: [Fic] Forgotten Promise [ผิงเสีย] CH1

ตั้งหัวข้อ by Starsong Wed 28 Jan 2015, 23:19

โอยยยย น่ารักจังงงง เสี่ยวเสียอ้อนทีด้วงละลายตายค่าาา~ >_____<

คุณน้าจางเค้าคงเล่นด้วยไม่เป็น มาบ้านพี่(ป้า?)แทนมั้ยลูกกก //ล่อลวงเด็ก!?

แต่คุณพ่อไปไหนกันน้า ฝากไว้ตั้งสามวันเชียวเหรอ? นานจัง

ปล. รอตอนต่อไปอยู่นะคะะะะ ;v;
Starsong
Starsong
ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา

จำนวนข้อความ : 86
Points : 3480
Join date : 13/01/2015
ที่อยู่ : ในถ้วยชาอารอง

ขึ้นไปข้างบน Go down

[Fic] Forgotten Promise [ผิงเสีย] CH1 Empty Re: [Fic] Forgotten Promise [ผิงเสีย] CH1

ตั้งหัวข้อ by Rozenkreuz Thu 16 Jul 2015, 01:31

ง่า ไม่มีต่อเหรอคร้าบคุณซิน
แลดูมีแววดราม่านิดๆ //โชตะะะะ ฮู้ววว
Rozenkreuz
Rozenkreuz
ด้วงอาณาจักรเจ้าแม่ซีหวังหมู่
ด้วงอาณาจักรเจ้าแม่ซีหวังหมู่

จำนวนข้อความ : 625
Points : 3848
Join date : 01/07/2015
Age : 31
ที่อยู่ : กองทัพผีเก็บเห็ดแห่งประตูสำริด

ขึ้นไปข้างบน Go down

ขึ้นไปข้างบน

- Similar topics

 
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ