Countdown
We've been
togerther for
ค้นหา
Latest topics
Most active topics
[OS] สิ่งสำคัญหนึ่งเดียวในชีวิต [ผิงเสีย] [NC18]
+8
Yuwadee Wana
kame_kazuha
fay_13
sagacity191
Fenrir
Feran.FS
TimothyJ
sinnerdarker
12 posters
หน้า 1 จาก 1
[OS] สิ่งสำคัญหนึ่งเดียวในชีวิต [ผิงเสีย] [NC18]
Title : สิ่งสำคัญหนึ่งเดียวในชีวิต
Author : Sinnerdarker
Paring : เมินโหยวผิง x อู๋เสีย
Rating : R-18
ไม่ได้เขียนเรทนาน ไม่หวามไม่โอเค ต้องขออภัย
ซินรู้สึกซินโคตรทำคาแรกเตอร์เสี่ยวเกอพังเลย แง!!! ;c;
ในที่สุดก็ได้เขียนฟิคคู่หลักซะที <3 //หลังจากเขียนคู่ไม้จิ้มฟันไป /เหม่อ
เขาลืมตาขึ้นในความว่างเปล่า
สิ่งที่ทอดยาวอยู่ตรงหน้าคือความมืดมิด ไร้สรรพสิ่ง เป็นเพียงเวิ้งอนธกาล
เขาทดลองหยั่งเท้าลงหาพื้นดิน ทว่าความรู้สึกใต้เท้ากลับไร้ที่หยัดยืน
มันว่างเปล่า
ทั้งอย่างนั้น เขากลับไม่ไม่ได้ร่วงหล่นลงไป ร่างกายดูราวกับลอยเคว้งอยู่ในอากาศ
ครู่หนึ่ง แสงสว่างก็ถูกจุดขึ้น
แสงสว่างนั้นแต่เดิมวูบไหวเพียงเปลว ก่อนจะลุกโชติช่วงสว่างวาบขึ้น พร้อมทัศนียภาพที่ปรากฏกลืนกินความมืดในพริบตา
รู้สึกตัวอีกที จางฉี่หลิงก็ยืนอยู่บนถนนกลางเมืองเสียแล้ว
ชายหนุ่มเบิกตาขึ้นเล็กน้อย ทว่าไม่ได้ตื่นตระหนก เขาขยับมือขึ้นสัมผัสร่างของคนที่เดินผ่านมา คิดว่าจะถามถึงสถานการณ์ที่ตนพบอยู่ตอนนี้
แต่คนคนนั้นกลับเดินผ่านเขาไปโดยไม่สนใจ
จางฉี่หลิงยืนนิ่ง เขายังไม่ได้คิดอะไรมากนัก ทว่าเมื่อเขาทดลองสัมผัสคนที่เดินผ่านไปมา ..คนแล้วคนเล่า กลับไม่มีใครสนใจเขาซักคน
เขาสัมผัสคนเหล่านั้นได้ เปล่งเสียงเรียกคนเหล่านั้น ทว่าไม่มีใครสนใจ ไม่มีใครแม้แต่จะหันมามอง
คนเหล่านั้นเดินผ่านเขาไปเหมือนกับอากาศธาตุ ราวกับไร้ตัวตน
..ราวกับเขาถูกโลกใบนี้ปฏิเสธ
จางฉี่หลิงสูดลมหายใจลึก หลับตาลง ก่อนจะก้มลงมองมือที่สั่นเล็กน้อยของตน
เขาหรี่ตาลง กำมือแน่น ข่มความตระหนกอันน้อยนิดที่ผุดขึ้นมาจากภายใน
ฉับพลัน เขาก็เห็นร่างที่คุ้นเคยเดินผ่านไป
ร่างนั้นเตี้ยกว่าเขาเล็กน้อย เส้นผมตัดสั้น เป็นชายหนุ่มผู้มีท่าทางคล้ายคุณชายผู้ดี กำลังแย้มรอยยิ้มพร้อมกับเดินผ่านเขาไป
เขารู้ดีว่าคนคนนั้นคือใคร
ไวกว่าความคิด ฝ่ามือของจางฉี่หลิงก็คว้าหมับที่ไหล่ของอีกฝ่าย และเปล่งชื่อเรียกของเจ้าตัวออกไป
“อู๋เสีย”
เจ้าของนามชะงัก หันมามองเขา
ทว่าแทนที่จะแย้มยิ้มให้ เลิกคิ้วสงสัยที่พบเขา หรือทำสีหน้าตกใจที่จู่ๆ เขาก็โผล่มา อู๋เสียกลับทำสีหน้างุนงงใส่เขา …จดจ้องด้วยดวงตาของคนไม่รู้จักกัน
และเอ่ยคำที่เขาไม่เคยคาดคิดว่าจะได้ยินจากร่างตรงหน้า
เฮือก!
เขาสะดุ้งตื่นขึ้นมา สิ่งที่ไหลเข้ามาในคลองสายตาเป็นอย่างแรกคือเพดานสีขาวสะอาดสะอ้านทรงสี่เหลี่ยม
เมินโหยวผิง..จางฉี่หลิงลุกพรวดขึ้นจากเตียง เหงื่อเย็นๆ ไหลผ่านขมับของเขา หัวใจเต้นรัวเร็วอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวืต
ความฝัน?
เขารำพึงกับตัวเอง ยกมือสั่นระริกขึ้นกุมหน้าอกของตน ความหวาดกลัวเพียงชั่วพริบตาเดียวนั้นยังคงตกตะกอนอยู่ภายในใจของเขา
เมินโหยวผิงพรูลมหายใจ ฝ่ามือหนายกขึ้นเสยเส้นผมชื่นเหงื่อของตน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นและกลอกดวงตามองไปรอบห้องที่ตนอยู่ ณ ขณะนี้
ห้องนี้เป็นห้องทรงสี่เหลี่ยมขนาดที่พอจะอยู่คนเดียวได้ ภายในห้องไม่มีเครื่องเรือนอะไรมากนักนอกจากเตียงที่เขานอนอยู่ ตู้เสื้อผ้า และโต๊ะเครื่องแป้งสำหรับผู้หญิง เป็นเครื่องตกแต่งมาตรฐานสำหรับห้องพักทั่วไป
ที่นี่เป็นห้องหนึ่งในบ้านของอู๋เสีย…เขาจำได้
เมินโหยวผิงลุกขึ้นจากเตียง รู้สึกมึนเล็กน้อยเนื่องจากเพิ่งจะตื่นนอน เขาสาวเท้าไปที่ประตูห้อง ก่อนจะบิดลูกประตู และเดินออกไปภายนอกห้อง
แอ๊ด…
ชายหนุ่มปิดประตูอย่างเบามือ เขานิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะทอดสายตามองระเบียงที่ทอดยาวออกไป
เขาได้ยินเสียงสรวลเฮฮาจากเรือนเคียงและเสียงรถราที่แล่นอยู่ภายนอก ทว่าสำหรับเขาตอนนี้เสียงนั้นกลับเบา..เบายิ่งกว่าเสียงลมหายใจและเสียงฝีเท้าของเขา
..ราวกับบนโลกนี้มีเพียงเขา มีเพียงเมินโหยวผิงเพียงผู้เดียว
เขาก้าวเท้าเดินไปตามความยาวของระเบียงไม้ เสียงเอี๊ยดอ๊าดดังแผ่วเบาแช่มช้าตามจังหวะการเดิน ก่อนที่ชายหนุ่มจะเจอกับประตูอีกบาน
ชายหนุ่มยกมือขึ้นแตะลูกบิดประตู ก่อนจะบิดหมุน เปิดเข้าไปภายในด้วยเสียงที่เบาที่สุด
เบื้องหลังประตูบานนั้น เขาพบแผ่นหลังที่คุ้นเคยของคนคนหนึ่ง กำลังนั่งจ้องหน้าจอแลปท็อปอยู่อย่างเคร่งเครียด
“…อู๋เสีย”
เขาเรียกชื่อของอีกฝ่ายออกไป น้ำเสียงแผ่วเบา ลังเล และสั่นอย่างน่าสมเพช พร้อมกับกลั้นใจรอปฏิกิริยาของคนที่นั่งหันหลังให้
เจ้าของชื่อชะงักปลายนิ้วที่พรมลงบนแลปท็อป ก่อนจะหันมาด้วยสีหน้าเดียวกับที่เขาเห็นในฝัน
สีหน้างุนงง สงสัย
แต่ก่อนที่ชายหนุ่มร่างเพรียวบางจะเอ่ยพูดด้วยประโยคเดียวกับในความฝัน คำคำอื่นกลับหลุดออกมา
“เสี่ยวเกอ?”
เพียงแค่ได้ยินชื่อเรียกอีกหนึ่งของเขาดังออกมาจากปากของร่างตรงหน้า หัวใจหนักอึ้งที่เขาอุ้มมาตลอดทางก็ผ่อนคลายลงทันที
“ตื่นแล้วเหรอ? หลับพอไหม? นายอ้วนเพิ่งโทรมาบอกว่าจะมาบ้าน เดี๋ยวคงได้คุยอะไรกัน” อู๋เสียกล่าวด้วยน้ำเสียงสบายๆ กดสลีปแลปท็อปและปิดหน้าจอพับลงไป ร่างเพรียวบางลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่หน้าโต๊ะของตน ก่อนจะเดินมาหาเมินโหยวผิงที่ยืนอยู่ตรงประตูห้อง และเลิกคิ้วเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงยืนนิ่งไม่ขยับไปไหน “เสี่ยวเกอ นายเป็นอะ…”
หมับ!
พูดไม่ทันขาดคำ ร่างที่แข็งแรงกว่าก็ดึงเขาเข้าไปในอ้อมแขน โอบกอดไว้อย่างแนบแน่น
ใบหน้าของอู๋เสียเห่อร้อนขึ้นมา เกือบจะอ้าปากด่าคนที่จู่ๆ ก็ดึงเขาเข้าไปกอด “เสี่ยวเกอ! นาย…!”
“เรียกชื่อของฉัน” เมินโหยวผิงกระซิบแผ่วเบา
“….? ชื่อ ก็เรียกอยู่ไง เสี่ยวเกอ?”อู๋เสียเอ่ยปากตอบด้วยความงุนงง “หรือนายหมายถึงชื่อเมินโหยวผิง? อ้อ แต่ชื่อจริงนายคือจางฉี่หลิงนี่นะ”
“จะอะไรก็ได้ทั้งนั้น” เมินโหยวผิงพึมพำ อ้อมแขนยิ่งโอบกระชับร่างในอ้อมแขนแน่นขึ้นทุกขณะ ใบหน้าที่ล้อมกรอบด้วยเส้นผมสีดำสลวยซุกลงที่ไหล่ของร่างที่บอบบางกว่า ก่อนจะเอ่ยพึมพำอีกครั้ง “….แค่..เรียกชื่อฉัน”
“………”อู๋เสียยังไม่ได้ตอบอะไร แต่เขาสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ ดังนั้นร่างที่บางกว่าจึงยกแขนขึ้นโอบกอดแผ่นหลังของอีกฝ่าย และเรียกชื่อของชายหนุ่มร่างสูงตามที่ต้องการ “จางฉี่หลิง”
“อีกครั้ง”
“จางฉี่หลิง”
“…อีกรอบ”
“เมินโหยวผิง เสี่ยวเกอ จางฉี่หลิง! นายกลัวฉันจำชื่อนายไม่ได้หรือไง!”อู๋เสียตวาดลั่น ทั้งฉิวทั้งขำ ทว่าร่างที่โอบกอดเขาไว้กลับชะงักเกร็งไปราวกับถูกจี้ใจดำ
“…เสี่ยวเกอ นายโอเคไหม? มีอะไรหรือเปล่า?”อู๋เสียผลักร่างที่โอบกอดตนออกเล็กน้อย ก่อนจะเงยมองใบหน้าเรียบเฉยของชายหนุ่มร่างสูงตรงหน้าตน
หากเขามองไม่ผิด ดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นมีร่องรอยของความหวั่นไหว
“…แค่ฝัน….”เมินโหยวผิงพึมพำ ยกหลังมือขึ้นเกลี่ยพวงแก้มของร่างตรงหน้า “ฝันว่าอยู่ในโลกที่ไม่มีใครมองเห็นฉัน ถูกปฏิเสธออกมา แล้ว…นายก็จำฉันไม่ได้”
“แค่นั้นเหร…..”อู๋เสียพูดได้แค่นั้นก็เงียบไป เขาจดจ้องดวงตาสีดำสนิทที่มองลงมา ความหวาดกลัวฉายชัดเจนบนดวงตาคู่นั้น
ความเงียบเริ่มทำให้เขาอึดอัด อู๋เสียจึงกลั้วหัวเราะแห้งๆ และว่าต่อ “มันก็แค่ความฝัน..แค่ฉันลืมนา….”
“มันไม่ใช่แค่ อู๋เสีย” เมินโหยวผิงขึ้นเสียงชัด ฝ่ามือเลื่อนกุมมือของชายหนุ่มร่างเพรียวบางไว้ ดวงตาหลุบมองพื้นพร้อมคำพูดที่พร่างพรูออกมามากมายอย่างผิดวิสัย “ฉันไม่มีความทรงจำ ไม่มีส่วนเชื่อมโยงอะไรบนโลกนี้…นายเป็นเพียงคนเดียวที่ฉันผูกพันด้วย เป็นสิ่งเชื่อมโยงเดียวที่ฉันหลงเหลืออยู่”
ชั่วพริบตาที่อู๋เสียบอกว่า ‘นายเป็นใคร’ เขารู้สึกเหมือนโลกล่มสลาย
ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เขาเป็นอย่างไร..เขาไม่มีความทรงจำหลงเหลืออยู่ บางสิ่งบางอย่างกลับคืนมา เป็นความรู้ เป็นสัญชาตญาณ แต่สิ่งที่บ่งบอกความเป็นตัวตนของเขา..กลับไม่หลงเหลือในความทรงจำแม้แต่อย่างเดียว
สิ่งเดียวที่ทำให้เขารู้ว่าเขายังเป็นส่วนหนึ่งของโลกใบนี้คือคนตรงหน้า ตัวตนของอู๋เสีย
หากแม้แต่ตัวตนของคนตรงหน้า..เขายังต้องสูญเสียไป หากว่าอีกฝ่ายเองยังไม่อาจจดจำเขาได้ …
เขาไม่แน่ใจว่าตนจะมีชีวิตต่อไปได้หรือไม่
อู๋เสียมองใบหน้าที่ก้มต่ำลงของเมิงโหยวผิง นึกรู้ว่าบัดนี้เจ้าตัวตกลงในห้วงภวังค์ ดังนั้นเขาจึงเงยหน้าจูบแก้มของอีกฝ่ายแผ่วเบา แล้วละออกมา มองใบหน้าประหลาดใจของชายหนุ่มร่างสูง
“ฉันไม่ลืมนายง่ายๆ หรอก ฉันสัญญา” อู๋เสียกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ชัดเจน และสีหน้าจริงจัง “ฉันเคยบอกนายไปแล้ว บางทีนายอาจจะจำไม่ได้…ใช่ไหม?”
อู๋เสียเว้นจังหวะไปเล็กน้อย มองใบหน้าของคนตรงหน้าที่จดจ้องเขาด้วยสายตางุนงงค้นหา ก่อนจะพรูลมหายใจและเอ่ยขึ้น
“ ‘ถ้านายหายไป อย่างน้อยฉันจะรู้’ ” เขายกคำพูดที่เคยบอกเมินโหยวผิงไปเมื่อนานมาแล้วขึ้นมา เขารู้ว่าอีกฝ่ายจำไม่ได้…แต่กับแค่พูดอีกซักครั้งจะเป็นอะไรไป
เขายินดีพูดคำนี้อีกกี่ครั้งก็ได้ ตราบที่จะต้องไม่สูญเสียคนตรงหน้าไป ตราบที่เขาจะยังเห็นใบหน้าของคนคนคนนี้สายตา
ตราบที่ยังมีคนคนนี้อยู่ข้างกาย
“..และฉันจะตามหานายสุดขอบหล้า ต่อให้นายจำไม่ได้ ฉันจะจำนายได้ จะไม่มีวันลืมนาย และต่อให้นายที่จำฉันไม่ได้ จะผลักไสไล่ส่งฉัน เห็นว่าฉันน่ารำคาญ ฉันก็ตามตอแยนาย เสี่ยวเกอ นายเตรียมใจไว้แล้วกัน!”
ว่าจบ อู๋เสียก็ชกอกของเมินโหยวผิงเบาๆ และยกมุมริมฝีปากขึ้น “ดังนั้นนายก็เลิกกังวลกับฝันนั้นได้แล้ว”
“….อืม”เมินโหยวผิงไม่ได้พูดอะไร หากแต่ผงกหัวเบาๆ ก่อนจะรั้งร่างของอู๋เสียเข้าไปในอ้อมแขนอีกครั้ง คราวนี้ไม่เพียงกอดเปล่า จมูกโด่งเริ่มดุนซุกลงที่ลำคอของเขา ทำเอาคนถูกรุกรานต้องรีบแย้งขึ้นทันที “เดี๋ยวเหอะเสี่ยวเกอ! นี่คิดจะทำอะไร!?”
“ทำให้แน่ใจว่าไม่ใช่ความฝัน” เสี่ยวเกอกล่าวห้วนสั้น ฝ่ามือหนาเริ่มซุกไซร้เข้ามาในร่มผ้า สัมผัสผิวเนียนเปลือยเปล่าของชายหนุ่มร่างเพรียวบาง
“วิธีบ้าอะไรของนายวะ! เอามือออกไปนะ! ถ้ากลัวว่าเป็นความฝันฉันจะหยิกนายเอง!”นายน้อยอู๋เสียไม่ว่าเปล่าทำท่าจะหยิกอีกฝ่ายจริง แต่มีหรือเมินโหยวผิงจะยอม พริบตาที่อู๋เสียยกมือขึ้นจะประทุษร้าย นายเมินของเขาก็รวบแขนบิดไปข้างหลังแล้ว
“เฮ้ย! ปล่อยนะเสี่ยวเกอ!!”
“ถ้านายสัญญาว่าจะไม่ซน”
“ซนบ้าซนบออะไรเล่า!”
“เป็นเด็กดีหน่อยสิ อู๋เสีย”เสียงทุ้มนุ่มกระซิบข้างใบหูเขา พร้อมจุมพิตแผ่วเบาที่ใบหู ทำเอาทั้งร่างอู๋เสียแทบจะอ่อนยวบละลายไปกองกับพื้น
“…เออ ยอมแล้ว!! ปล่อยซะทีดิ!” อู๋เสียร้องอย่างหมดหนทาง ก่อนจะเงยมองใบหน้าคม พร้อมหัวใจที่กระตุกวูบเมื่อเห็นรอยยิ้มบางๆ ที่หาได้ยากบนใบหน้าคมคายของอีกฝ่าย
ไม่นานนัก ใบหน้าของอีกฝ่ายก็ใกล้มาเรื่อยๆ พร้อมริมฝีปากที่แนบชิดบดเบียดลงมา ส่งผ่านความร้อนและรสสัมผัสมาสู่ร่างกายของเขา
เมินโหยวผิงละจูบออกไปเล็กน้อย ก่อนจะเปลี่ยนมุมและบดเบียดริมฝีปากลงมาอีกครั้ง มือใหญ่ขยับประครองท้ายทอยของร่างตรงหน้า ผลักดันให้ริมฝีปากของอู๋เสียยิ่งบดเบียดแนบชิดยิ่งกว่าเก่า
“อืม…”เสียงครางดังแผ่วเบา อู๋เสียเผยอริมฝีปากเล็กน้อย ส่งลิ้นขยับแลบเลียริมฝีปากของอีกฝ่ายอย่างเชิญชวน ไม่นานนักคนตรงหน้าก็ตอบสนองเขา เผยอรอมฝีปากส่งเรียวลิ้นเข้าพัวพัน แลกเปลี่ยนรสสัมผัสหอมหวานเฉอะแฉะของกันและอัน
อู๋เสียขยับแขนขึ้นกอดเมินโหยวผิงเอาไว้ ในขณะที่อีกฝ่ายเริ่มรุกเร้าเขามากขึ้นเรื่อยๆ จนเหมือนจะหายใจไม่ออก มือหนาเริ่มขยับเคลื่อนไหวสอดเข้าใต้ร่มผ้า สัมผัสแผ่นหลังเปลือยเปล่าของเขา ในขณะที่ริมฝีปากสองคู่ยังคงขยับสัมผัสบดเบียด ส่งเสียงน่าอายออกมาเป็นระยะ
ร่างที่บางกว่าเริ่มขยับมือ สอดเข้าสัมผัสผิวร้อนผ่าวของอีกฝ่ายบ้าง ดวงตาของเขาจดจ้องรอยสักรูปกิเลนดำที่เริ่มแผ่ขยายบนผิวของเมินโหยวผิง ก่อนจะยิ้มอย่างพอใจ
“….ไม่รู้ทำไมนะ ฉันโคตรชอบรอยสักนายเลย” อู๋เสียพึมพำ ไล้นิ้วตามรอยสักที่เริ่มปรากฏขึ้น ในขระที่ถูกปลดอาภรร์ชิ้นบนออก พร้อมกับที่เขาก็เลิกเสื้อของอีกฝ่ายขึ้น ช่วยถอดออกให้เห็นผิวเปลือยเปล่าของกันและกัน
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แผ่นหลังของเขาก็ถูกดันติดกำแพงซะแล้ว
“ฮ่า…”ชายหนุ่มร่างเพรียวบางพรูลมหายใจ ก่อนจะหายใจกระตุกเฮือกเมื่ออีกฝ่ายแตะต้องที่สวนล่างของร่างกายเขา “เดี๋ยว! เสี่ยวเกอ…!”
ไม่ทันห้าม เมินโหยวผิงก็ปลดกางเกงของเขา ขยับกอบกุมส่วนอ่อนไหวที่เริ่มตื่นตัวและสั่นระริกอย่างน่าอาย ราวกับตั้งตารอสัมผัสจากอีกฝ่าย
ร่างที่สูงกว่าพรูลมหายใจเล็กน้อย มือหนาที่มีนิ้วมือซึ่งยาวกว่าคนทั่วไปเริ่มขยับส่วนอ่อนไหวของเขาขึ้นลง ส่งสัญญาณแล่นปราดขึ้นมาตามแนวสันหลัง
อู๋เสียหอบหายใจ ใบหน้าเริ่มแดงเรือขึ้น เขาขยับมือสัมผัสกางเกงของอีกฝ่าย ปลดปล่อยสิ่งที่ดุนดันออกมา
ของของเสี่ยวเกอขนาดใหญ่กว่าเขาอย่างไม่ต้องเทียบ..ไม่รู้ว่าเขาจะกลัวหรือเจ็บใจดี
นายน้อยแห่งตระกูลอู๋กลืนน้ำลายเอื๊อก เขาสัมผัสปลายนิ้วลงบนส่วนอ่อนไหวของเมินโหยวผิง ไล้นิ้วและกอบกุมอย่างแผ่วเบา ฉับพลันลมหายใจของอีกฝ่ายก็กระตุก
เขารุ้สึกพอใจอย่างประหลาด
อู๋เสียเริ่มขยับมือรูดขึ้นลง เลียนแบบเมินโหยวผิงที่กำลังสัมผัสเขา ปลายนิ้วร้อนผ่าวที่แตะต้องส่วนอ่อนไหวของเขาเคลื่อนไหวอย่างช่ำชอง ขยับรูดขึ้นลงโดยที่เพิ่มความเร็วมากขึ้นทุกที คลื่นความรู้สึกที่พุงสูงขึ้นเรื่อยๆ เริ่มทำให้เขาตั้งสมาธิสัมผัสสิ่งที่กอบกุมไว้ไม่ได้ “เสี่ยวเกอ..หยุดก่อน..”
“จะไปแล้วหรือ?”
“….อึก!...บอกให้หยุดก่อน..”อู๋เสียหอบหายใจพร่า ขมวดเกลียวแห่งคลื่นอารมณ์ที่โหมซัดใกล้จะถึงจุดสิ้นสุดทุกที ฝ่ามือที่สัมผัสกอบกุมอีกฝ่ายอยู่..เขาไม่แน่ใจแล้วว่าตนยังเคลื่อนไหวปรนเปรออยู่หรือเปล่า
ในเมื่อสติของเขาคล้ายจะเลือนรางหายไปทุกที
ราวกับรู้ มือของเมินโหยวผิงเริ่มเพิ่มความถี่ขึ้น เพิ่มอุณหภูมิในร่างกายของเขาให้สูงขึ้น เสียงครางของเขาหอบกระชั้นขึ้นทุกขณะ จนกระทุ่งถึงจุดสิ้นสุดของคลื่นซาซัดที่พุ่งสูง
“ฮะ..ฮ่า..อื้อ…อึก…!” ในที่สุด ร่างของอู๋เสียก็กระตุกเกร็ง ความร้อนทั่วร่างกายที่ทวีสูงขึ้นวูบหายไปในชั่วพริบตาเดียว เกลียวขมวดของคลื่นอารมณ์ถล่มซัดในคราวเดียวจนสมองของเขาขาวโพลน
ชายหนุ่มรู้สึกถึงของเหลวอุ่นร้อนที่เปื้อนอยู่บนหน้าท้องของตน ก่อนจะหน้าแดงเล็กน้อยด้วยความอายเมื่อเห็นมัเประเปื้อนบนหน้าท้องของเมินโหยวผิง
เหนือสิ่งอื่นใด..ในขณะที่เขาปลดปล่อยแล้ว..อีกฝ่ายกลับยังคงสั่นระริก ตระหง่านอยู่ตรงหน้าเขา
“..เสี่ยวเกอ เดี๋ยวฉัน..อุ!”อู๋เสียอุทานเมื่อถูกอุ้มขึ้นมา เมินโหยวผิงย่อตัวลง ก่อนจะวางเขาลงกับพื้น และเริ่มต้นถอดกางเกงของเขาออกไปจนชายหนุ่มเปลือยเปล่าไปหมดทั้งร่าง..หนาวสั่นไม่น้อย “เสี่ยวเกอ…เดี๋ยว…เอาจริงเรอะ”
เจ้าของนามไม่ได้ตอบคำถามของเขา อีกฝ่ายปาดของเหลวขาวขุ่นที่เขาปลดปล่อยออกมาด้วยปลายนิ้วที่ยาวกว่าปกติทั้งสองนิ้ว ก่อนจะแยกขาของเขาออก แทรกร่างเข้ามากึ่งกลาง และสอดปลายนิ้วที่เปรอะเปื้อนของเหลวเข้าไปภายใน
“อื้อ!” อู๋เสียสะดุ้งเกร็งเมื่อรู้สึกถึงปลายนิ้วอุ่นที่สัมผัสเข้ามาภายในช่องทางนุ่มของเขา เสี่ยวเกอค่อย ๆ สอดนิ้วเข้ามาอย่างนิ่มนวล ขยับหล่อลื่นปากทางของเขาให้ผ่อนคลายและขยายพอที่จะรอรับสิ่งที่ใหญ่กว่า
จากหนึ่งนิ้วเป็นสองนิ้ว เสี่ยวเกอค่อยๆ ขยับกวาดควานเข้ามาภายใน กระทั่งสัมผัสจุดหนึ่งที่อยู่ลึกเข้าไปซึ่งส่งผลให้อู๋เสียสะดุ้งพรวดขึ้นมาสุดตัว
“อ๊า!”
“? เป็นอะไร?”
“..ไม่มีอะไร..แต่..อุ! อย่าเอาแต่..อื้อ! แตะ..ตรงนั้น!”อู๋เสียโวยวายกึ่งคราง ลมหายใจขาดห้วง ในขณะที่ปลายนิ้วซึ่งยาวผิดปกติของเสี่ยวเกอยังคงขยับไล้วนพื้นผิวนุ่มภายในกายเขา ตรงบริเวณที่ส่งคลื่นแล่นปราดจนแทบทำให้หัวสมองว่างเปล่า
อาจจะเพราะถูกใจปฏิกิริยาของเขา เมินโหยวผิงจึงสัมผัสย่ำจุดนั้นซ้ำๆ ทำเอาอู๋เสียซึ่งร่างกายชาไร้เรี่ยวแรงต้องขยับแขนกอดคอเมินโหยวผิงเอาไว้ “พอได้แล้ว..เข้ามาได้แล้ว”
“พอแล้วหรือ?”
“เออ เข้ามาซะที”
เมินโหยวผิงไม่ได้พูดอะไร เขาถอนปลายนิ้วทั้งสองออกไป ทำเอาร่างกายของอู๋เสียกระตุก รุ้สึกถึงความว่างเปล่าไปชั่วขณะ
กระทั่งรุ้สึกถึงสิ่งที่นุ่มร้อนกว่าซึ่งกำลังค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาในร่างเขา
อู๋เสียสูดลมหายใจลึก ยิ่งเกร็งเขาจะยิ่งเจ็บ ดังนั้นชายหนุ่มจึงขยับแขนกอดคอเมินโหยวผิงไว้ พยายามผ่อนคลายให้มากที่สุด ในขณะที่ส่วนสัดร้อนผ่าวค่อยๆ กดลึกเข้ามาภายในกาย
เพียงแค่สัมผัสร้อนนุ่มที่สัมผัสปากทาง อู๋เสียก็แทบรู้สึกเหมือนจะบ้า เขารู้สึกถึงคลื่นอารมณ์ที่ก่อตัวขึ้นอีกครั้งทุกแรงเสียดสีในขณะที่เสี่ยวเกอดันกายเข้ามา
“ขอโทษนะอู๋เสีย”
ยังไม่ได้ทันได้ถามว่าขอโทษเรื่องอะไร เสี่ยวเกอก็ทะลึ่งพรวดดันกายเข้ามาจนสุด ทำเอาอู๋เสียเผลอครางเสียงหลง ผวารัดร่างของอีกฝ่ายไว้เสียแน่น
ชายหนุ่มร่างเพรียวบางสูดลมหายใจลึก สัมผัสได้ถึงสัดส่วนร้อนผ่าวที่เต้นตุบอยู่ในร่าง ซึ่งเขาตอดรัด…แนบชิดจนเกือบจะจำรูปร่างของมันได้
….ฟังดูลามกชะมัด
“เสี่ยวเกอ…จะทำอะไรก็เตือนกันก่อนสิ..วะ..หวา! อื้อ!! ฮ้า…!อะ..”ต่อว่าไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็เริ่มเคลื่อนไหวกายเข้าออกอย่างไม่ปราณี แรงเสียดสีที่ปากทางและผิวสัมผัสที่ภายในส่งกระแสนแล่นปราดไปทั่วร่าง ส่งผลให้สมองเขาเหมือนจะยุ่งเหยิงอีกครั้ง
เสี่ยวเกอจับต้นขาของเขาขึ้นพาดบ่า ขยับกายแทรกเข้ามาจนสุดและเคลื่อนออก เขาได้ยินทั้งเสียงหอบของตัวเองและอีกฝ่าย ผสานกับเสี่ยงที่เกิดจากการเคลื่อนไหวกายของพวกเขา
“…..นี่ไม่ใช่ความฝันใช่ไหม? อู๋เสีย”
เสียงของเสี่ยวเกอดังผ่าเข้ามาในคลื่นอารมณ์ ใบหน้าที่มองตรงลงมาหาเขาเต็มไปด้วยความเสน่หา..รักใคร่..ปรารถนา…
“…นายแม่ง…เสียบฉันขนาดนี้ยังถามอะไรอีกวะ!”อู๋เสียอดด่าหยาบใส่อีกฝ่ายไม่ได้ เขารั้งคอของเสี่ยวเกอลงมาจูบอีกครั้ง และว่าต่อ “ฉันอยู่ตรงนี้ เสี่ยวเกอ ไม่ใช่ความฝันแต่เป็นความจริง ฉันจะไม่มีวันลืมนาย แล้วนายก็ห้ามหายไปไหนเหมือนกัน”
เสี่ยวเกอไม่ได้ตอบเขา อีกฝ่ายเพียงกระตุกรอยยิ้มบาง ก่อนจะเริ่มเคลื่อนไหวกายอีกครั้ง เสียดสีเร็วรี่เพิ่มจังหวะกระชั้นถี่จนสติเขาหลุดลอย
ไม่นานนัก เขาก็รู้สึกถึงแรงกระแทกครั้งสุดท้าย พร้อมของเหลวที่ปลดปล่อยเอ่ออาบเข้ามาภายใน อู๋เสียรู้สึกเหมือนตนเองก็เหมือนจะปดปล่อยออกไปอีกครั้งเช่นกัน
อุณหภูมิร้อนจัดที่ห่อหุ้มอบอวลรอบข้างเริ่มเบาบางลง เหลือเพียงอากาศเย็นชื้น เสียงหอบหายใจ และผิวชื้นเหงื่อเหนอะหนะของคนสองคน
“..เลอะเทอะหมด” อู๋เสียพึมพำ มองหน้าท้องของตนและขอฝเสี่ยวเกอที่เต็มไปด้วยของเหลวสีขาว ก่อนที่ชายหนุ่มตรงหน้าเขาจะโอบกอดเขาไว้ แนบแน่น…เนิ่นนาน
เมินโหยวผิงมองร่างในอ้อมแขนเขา
เขากอดร่างนั้นไว้แน่น ปรารถนาที่จะรับรู้ว่านี่คือความจริง
รับรู้ว่าอู๋เสียจดจำเขาได้ และเขาเองจะยังจดจำอู๋เสียได้
จากนี้ไป..เขาจะสูญเสียความทรงจำไปอีกครั้งหรือเปล่า เขาไม่รู้ แต่ ณ เวลานี้ ตอนนี้ เขาจะเชื่อในคำมั่นที่อีกฝ่ายมอบให้
Author : Sinnerdarker
Paring : เมินโหยวผิง x อู๋เสีย
Rating : R-18
ไม่ได้เขียนเรทนาน ไม่หวามไม่โอเค ต้องขออภัย
ซินรู้สึกซินโคตรทำคาแรกเตอร์เสี่ยวเกอพังเลย แง!!! ;c;
ในที่สุดก็ได้เขียนฟิคคู่หลักซะที <3 //หลังจากเขียนคู่ไม้จิ้มฟันไป /เหม่อ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เขาลืมตาขึ้นในความว่างเปล่า
สิ่งที่ทอดยาวอยู่ตรงหน้าคือความมืดมิด ไร้สรรพสิ่ง เป็นเพียงเวิ้งอนธกาล
เขาทดลองหยั่งเท้าลงหาพื้นดิน ทว่าความรู้สึกใต้เท้ากลับไร้ที่หยัดยืน
มันว่างเปล่า
ทั้งอย่างนั้น เขากลับไม่ไม่ได้ร่วงหล่นลงไป ร่างกายดูราวกับลอยเคว้งอยู่ในอากาศ
ครู่หนึ่ง แสงสว่างก็ถูกจุดขึ้น
แสงสว่างนั้นแต่เดิมวูบไหวเพียงเปลว ก่อนจะลุกโชติช่วงสว่างวาบขึ้น พร้อมทัศนียภาพที่ปรากฏกลืนกินความมืดในพริบตา
รู้สึกตัวอีกที จางฉี่หลิงก็ยืนอยู่บนถนนกลางเมืองเสียแล้ว
ชายหนุ่มเบิกตาขึ้นเล็กน้อย ทว่าไม่ได้ตื่นตระหนก เขาขยับมือขึ้นสัมผัสร่างของคนที่เดินผ่านมา คิดว่าจะถามถึงสถานการณ์ที่ตนพบอยู่ตอนนี้
แต่คนคนนั้นกลับเดินผ่านเขาไปโดยไม่สนใจ
จางฉี่หลิงยืนนิ่ง เขายังไม่ได้คิดอะไรมากนัก ทว่าเมื่อเขาทดลองสัมผัสคนที่เดินผ่านไปมา ..คนแล้วคนเล่า กลับไม่มีใครสนใจเขาซักคน
เขาสัมผัสคนเหล่านั้นได้ เปล่งเสียงเรียกคนเหล่านั้น ทว่าไม่มีใครสนใจ ไม่มีใครแม้แต่จะหันมามอง
คนเหล่านั้นเดินผ่านเขาไปเหมือนกับอากาศธาตุ ราวกับไร้ตัวตน
..ราวกับเขาถูกโลกใบนี้ปฏิเสธ
จางฉี่หลิงสูดลมหายใจลึก หลับตาลง ก่อนจะก้มลงมองมือที่สั่นเล็กน้อยของตน
เขาหรี่ตาลง กำมือแน่น ข่มความตระหนกอันน้อยนิดที่ผุดขึ้นมาจากภายใน
ฉับพลัน เขาก็เห็นร่างที่คุ้นเคยเดินผ่านไป
ร่างนั้นเตี้ยกว่าเขาเล็กน้อย เส้นผมตัดสั้น เป็นชายหนุ่มผู้มีท่าทางคล้ายคุณชายผู้ดี กำลังแย้มรอยยิ้มพร้อมกับเดินผ่านเขาไป
เขารู้ดีว่าคนคนนั้นคือใคร
ไวกว่าความคิด ฝ่ามือของจางฉี่หลิงก็คว้าหมับที่ไหล่ของอีกฝ่าย และเปล่งชื่อเรียกของเจ้าตัวออกไป
“อู๋เสีย”
เจ้าของนามชะงัก หันมามองเขา
ทว่าแทนที่จะแย้มยิ้มให้ เลิกคิ้วสงสัยที่พบเขา หรือทำสีหน้าตกใจที่จู่ๆ เขาก็โผล่มา อู๋เสียกลับทำสีหน้างุนงงใส่เขา …จดจ้องด้วยดวงตาของคนไม่รู้จักกัน
และเอ่ยคำที่เขาไม่เคยคาดคิดว่าจะได้ยินจากร่างตรงหน้า
.
.
.
“นายเป็นใคร”
.
.
.
สิ้นสุดคำนั้น ทัศนียภาพรอบข้างก็แตกสลายราวกระจกร้าว
และเขาก็ดำดิ่งลงไปในเวิ้งมืดมิดอันว่างเปล่าอีกครั้ง
.
.
.
.
.
“นายเป็นใคร”
.
.
.
สิ้นสุดคำนั้น ทัศนียภาพรอบข้างก็แตกสลายราวกระจกร้าว
และเขาก็ดำดิ่งลงไปในเวิ้งมืดมิดอันว่างเปล่าอีกครั้ง
.
.
.
เฮือก!
เขาสะดุ้งตื่นขึ้นมา สิ่งที่ไหลเข้ามาในคลองสายตาเป็นอย่างแรกคือเพดานสีขาวสะอาดสะอ้านทรงสี่เหลี่ยม
เมินโหยวผิง..จางฉี่หลิงลุกพรวดขึ้นจากเตียง เหงื่อเย็นๆ ไหลผ่านขมับของเขา หัวใจเต้นรัวเร็วอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวืต
ความฝัน?
เขารำพึงกับตัวเอง ยกมือสั่นระริกขึ้นกุมหน้าอกของตน ความหวาดกลัวเพียงชั่วพริบตาเดียวนั้นยังคงตกตะกอนอยู่ภายในใจของเขา
เมินโหยวผิงพรูลมหายใจ ฝ่ามือหนายกขึ้นเสยเส้นผมชื่นเหงื่อของตน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นและกลอกดวงตามองไปรอบห้องที่ตนอยู่ ณ ขณะนี้
ห้องนี้เป็นห้องทรงสี่เหลี่ยมขนาดที่พอจะอยู่คนเดียวได้ ภายในห้องไม่มีเครื่องเรือนอะไรมากนักนอกจากเตียงที่เขานอนอยู่ ตู้เสื้อผ้า และโต๊ะเครื่องแป้งสำหรับผู้หญิง เป็นเครื่องตกแต่งมาตรฐานสำหรับห้องพักทั่วไป
ที่นี่เป็นห้องหนึ่งในบ้านของอู๋เสีย…เขาจำได้
เมินโหยวผิงลุกขึ้นจากเตียง รู้สึกมึนเล็กน้อยเนื่องจากเพิ่งจะตื่นนอน เขาสาวเท้าไปที่ประตูห้อง ก่อนจะบิดลูกประตู และเดินออกไปภายนอกห้อง
แอ๊ด…
ชายหนุ่มปิดประตูอย่างเบามือ เขานิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะทอดสายตามองระเบียงที่ทอดยาวออกไป
เขาได้ยินเสียงสรวลเฮฮาจากเรือนเคียงและเสียงรถราที่แล่นอยู่ภายนอก ทว่าสำหรับเขาตอนนี้เสียงนั้นกลับเบา..เบายิ่งกว่าเสียงลมหายใจและเสียงฝีเท้าของเขา
..ราวกับบนโลกนี้มีเพียงเขา มีเพียงเมินโหยวผิงเพียงผู้เดียว
เขาก้าวเท้าเดินไปตามความยาวของระเบียงไม้ เสียงเอี๊ยดอ๊าดดังแผ่วเบาแช่มช้าตามจังหวะการเดิน ก่อนที่ชายหนุ่มจะเจอกับประตูอีกบาน
ชายหนุ่มยกมือขึ้นแตะลูกบิดประตู ก่อนจะบิดหมุน เปิดเข้าไปภายในด้วยเสียงที่เบาที่สุด
เบื้องหลังประตูบานนั้น เขาพบแผ่นหลังที่คุ้นเคยของคนคนหนึ่ง กำลังนั่งจ้องหน้าจอแลปท็อปอยู่อย่างเคร่งเครียด
“…อู๋เสีย”
เขาเรียกชื่อของอีกฝ่ายออกไป น้ำเสียงแผ่วเบา ลังเล และสั่นอย่างน่าสมเพช พร้อมกับกลั้นใจรอปฏิกิริยาของคนที่นั่งหันหลังให้
เจ้าของชื่อชะงักปลายนิ้วที่พรมลงบนแลปท็อป ก่อนจะหันมาด้วยสีหน้าเดียวกับที่เขาเห็นในฝัน
สีหน้างุนงง สงสัย
แต่ก่อนที่ชายหนุ่มร่างเพรียวบางจะเอ่ยพูดด้วยประโยคเดียวกับในความฝัน คำคำอื่นกลับหลุดออกมา
“เสี่ยวเกอ?”
เพียงแค่ได้ยินชื่อเรียกอีกหนึ่งของเขาดังออกมาจากปากของร่างตรงหน้า หัวใจหนักอึ้งที่เขาอุ้มมาตลอดทางก็ผ่อนคลายลงทันที
“ตื่นแล้วเหรอ? หลับพอไหม? นายอ้วนเพิ่งโทรมาบอกว่าจะมาบ้าน เดี๋ยวคงได้คุยอะไรกัน” อู๋เสียกล่าวด้วยน้ำเสียงสบายๆ กดสลีปแลปท็อปและปิดหน้าจอพับลงไป ร่างเพรียวบางลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่หน้าโต๊ะของตน ก่อนจะเดินมาหาเมินโหยวผิงที่ยืนอยู่ตรงประตูห้อง และเลิกคิ้วเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงยืนนิ่งไม่ขยับไปไหน “เสี่ยวเกอ นายเป็นอะ…”
หมับ!
พูดไม่ทันขาดคำ ร่างที่แข็งแรงกว่าก็ดึงเขาเข้าไปในอ้อมแขน โอบกอดไว้อย่างแนบแน่น
ใบหน้าของอู๋เสียเห่อร้อนขึ้นมา เกือบจะอ้าปากด่าคนที่จู่ๆ ก็ดึงเขาเข้าไปกอด “เสี่ยวเกอ! นาย…!”
“เรียกชื่อของฉัน” เมินโหยวผิงกระซิบแผ่วเบา
“….? ชื่อ ก็เรียกอยู่ไง เสี่ยวเกอ?”อู๋เสียเอ่ยปากตอบด้วยความงุนงง “หรือนายหมายถึงชื่อเมินโหยวผิง? อ้อ แต่ชื่อจริงนายคือจางฉี่หลิงนี่นะ”
“จะอะไรก็ได้ทั้งนั้น” เมินโหยวผิงพึมพำ อ้อมแขนยิ่งโอบกระชับร่างในอ้อมแขนแน่นขึ้นทุกขณะ ใบหน้าที่ล้อมกรอบด้วยเส้นผมสีดำสลวยซุกลงที่ไหล่ของร่างที่บอบบางกว่า ก่อนจะเอ่ยพึมพำอีกครั้ง “….แค่..เรียกชื่อฉัน”
“………”อู๋เสียยังไม่ได้ตอบอะไร แต่เขาสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ ดังนั้นร่างที่บางกว่าจึงยกแขนขึ้นโอบกอดแผ่นหลังของอีกฝ่าย และเรียกชื่อของชายหนุ่มร่างสูงตามที่ต้องการ “จางฉี่หลิง”
“อีกครั้ง”
“จางฉี่หลิง”
“…อีกรอบ”
“เมินโหยวผิง เสี่ยวเกอ จางฉี่หลิง! นายกลัวฉันจำชื่อนายไม่ได้หรือไง!”อู๋เสียตวาดลั่น ทั้งฉิวทั้งขำ ทว่าร่างที่โอบกอดเขาไว้กลับชะงักเกร็งไปราวกับถูกจี้ใจดำ
“…เสี่ยวเกอ นายโอเคไหม? มีอะไรหรือเปล่า?”อู๋เสียผลักร่างที่โอบกอดตนออกเล็กน้อย ก่อนจะเงยมองใบหน้าเรียบเฉยของชายหนุ่มร่างสูงตรงหน้าตน
หากเขามองไม่ผิด ดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นมีร่องรอยของความหวั่นไหว
“…แค่ฝัน….”เมินโหยวผิงพึมพำ ยกหลังมือขึ้นเกลี่ยพวงแก้มของร่างตรงหน้า “ฝันว่าอยู่ในโลกที่ไม่มีใครมองเห็นฉัน ถูกปฏิเสธออกมา แล้ว…นายก็จำฉันไม่ได้”
“แค่นั้นเหร…..”อู๋เสียพูดได้แค่นั้นก็เงียบไป เขาจดจ้องดวงตาสีดำสนิทที่มองลงมา ความหวาดกลัวฉายชัดเจนบนดวงตาคู่นั้น
ความเงียบเริ่มทำให้เขาอึดอัด อู๋เสียจึงกลั้วหัวเราะแห้งๆ และว่าต่อ “มันก็แค่ความฝัน..แค่ฉันลืมนา….”
“มันไม่ใช่แค่ อู๋เสีย” เมินโหยวผิงขึ้นเสียงชัด ฝ่ามือเลื่อนกุมมือของชายหนุ่มร่างเพรียวบางไว้ ดวงตาหลุบมองพื้นพร้อมคำพูดที่พร่างพรูออกมามากมายอย่างผิดวิสัย “ฉันไม่มีความทรงจำ ไม่มีส่วนเชื่อมโยงอะไรบนโลกนี้…นายเป็นเพียงคนเดียวที่ฉันผูกพันด้วย เป็นสิ่งเชื่อมโยงเดียวที่ฉันหลงเหลืออยู่”
ชั่วพริบตาที่อู๋เสียบอกว่า ‘นายเป็นใคร’ เขารู้สึกเหมือนโลกล่มสลาย
ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เขาเป็นอย่างไร..เขาไม่มีความทรงจำหลงเหลืออยู่ บางสิ่งบางอย่างกลับคืนมา เป็นความรู้ เป็นสัญชาตญาณ แต่สิ่งที่บ่งบอกความเป็นตัวตนของเขา..กลับไม่หลงเหลือในความทรงจำแม้แต่อย่างเดียว
สิ่งเดียวที่ทำให้เขารู้ว่าเขายังเป็นส่วนหนึ่งของโลกใบนี้คือคนตรงหน้า ตัวตนของอู๋เสีย
หากแม้แต่ตัวตนของคนตรงหน้า..เขายังต้องสูญเสียไป หากว่าอีกฝ่ายเองยังไม่อาจจดจำเขาได้ …
เขาไม่แน่ใจว่าตนจะมีชีวิตต่อไปได้หรือไม่
อู๋เสียมองใบหน้าที่ก้มต่ำลงของเมิงโหยวผิง นึกรู้ว่าบัดนี้เจ้าตัวตกลงในห้วงภวังค์ ดังนั้นเขาจึงเงยหน้าจูบแก้มของอีกฝ่ายแผ่วเบา แล้วละออกมา มองใบหน้าประหลาดใจของชายหนุ่มร่างสูง
“ฉันไม่ลืมนายง่ายๆ หรอก ฉันสัญญา” อู๋เสียกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ชัดเจน และสีหน้าจริงจัง “ฉันเคยบอกนายไปแล้ว บางทีนายอาจจะจำไม่ได้…ใช่ไหม?”
อู๋เสียเว้นจังหวะไปเล็กน้อย มองใบหน้าของคนตรงหน้าที่จดจ้องเขาด้วยสายตางุนงงค้นหา ก่อนจะพรูลมหายใจและเอ่ยขึ้น
“ ‘ถ้านายหายไป อย่างน้อยฉันจะรู้’ ” เขายกคำพูดที่เคยบอกเมินโหยวผิงไปเมื่อนานมาแล้วขึ้นมา เขารู้ว่าอีกฝ่ายจำไม่ได้…แต่กับแค่พูดอีกซักครั้งจะเป็นอะไรไป
เขายินดีพูดคำนี้อีกกี่ครั้งก็ได้ ตราบที่จะต้องไม่สูญเสียคนตรงหน้าไป ตราบที่เขาจะยังเห็นใบหน้าของคนคนคนนี้สายตา
ตราบที่ยังมีคนคนนี้อยู่ข้างกาย
“..และฉันจะตามหานายสุดขอบหล้า ต่อให้นายจำไม่ได้ ฉันจะจำนายได้ จะไม่มีวันลืมนาย และต่อให้นายที่จำฉันไม่ได้ จะผลักไสไล่ส่งฉัน เห็นว่าฉันน่ารำคาญ ฉันก็ตามตอแยนาย เสี่ยวเกอ นายเตรียมใจไว้แล้วกัน!”
ว่าจบ อู๋เสียก็ชกอกของเมินโหยวผิงเบาๆ และยกมุมริมฝีปากขึ้น “ดังนั้นนายก็เลิกกังวลกับฝันนั้นได้แล้ว”
“….อืม”เมินโหยวผิงไม่ได้พูดอะไร หากแต่ผงกหัวเบาๆ ก่อนจะรั้งร่างของอู๋เสียเข้าไปในอ้อมแขนอีกครั้ง คราวนี้ไม่เพียงกอดเปล่า จมูกโด่งเริ่มดุนซุกลงที่ลำคอของเขา ทำเอาคนถูกรุกรานต้องรีบแย้งขึ้นทันที “เดี๋ยวเหอะเสี่ยวเกอ! นี่คิดจะทำอะไร!?”
“ทำให้แน่ใจว่าไม่ใช่ความฝัน” เสี่ยวเกอกล่าวห้วนสั้น ฝ่ามือหนาเริ่มซุกไซร้เข้ามาในร่มผ้า สัมผัสผิวเนียนเปลือยเปล่าของชายหนุ่มร่างเพรียวบาง
“วิธีบ้าอะไรของนายวะ! เอามือออกไปนะ! ถ้ากลัวว่าเป็นความฝันฉันจะหยิกนายเอง!”นายน้อยอู๋เสียไม่ว่าเปล่าทำท่าจะหยิกอีกฝ่ายจริง แต่มีหรือเมินโหยวผิงจะยอม พริบตาที่อู๋เสียยกมือขึ้นจะประทุษร้าย นายเมินของเขาก็รวบแขนบิดไปข้างหลังแล้ว
“เฮ้ย! ปล่อยนะเสี่ยวเกอ!!”
“ถ้านายสัญญาว่าจะไม่ซน”
“ซนบ้าซนบออะไรเล่า!”
“เป็นเด็กดีหน่อยสิ อู๋เสีย”เสียงทุ้มนุ่มกระซิบข้างใบหูเขา พร้อมจุมพิตแผ่วเบาที่ใบหู ทำเอาทั้งร่างอู๋เสียแทบจะอ่อนยวบละลายไปกองกับพื้น
“…เออ ยอมแล้ว!! ปล่อยซะทีดิ!” อู๋เสียร้องอย่างหมดหนทาง ก่อนจะเงยมองใบหน้าคม พร้อมหัวใจที่กระตุกวูบเมื่อเห็นรอยยิ้มบางๆ ที่หาได้ยากบนใบหน้าคมคายของอีกฝ่าย
ไม่นานนัก ใบหน้าของอีกฝ่ายก็ใกล้มาเรื่อยๆ พร้อมริมฝีปากที่แนบชิดบดเบียดลงมา ส่งผ่านความร้อนและรสสัมผัสมาสู่ร่างกายของเขา
เมินโหยวผิงละจูบออกไปเล็กน้อย ก่อนจะเปลี่ยนมุมและบดเบียดริมฝีปากลงมาอีกครั้ง มือใหญ่ขยับประครองท้ายทอยของร่างตรงหน้า ผลักดันให้ริมฝีปากของอู๋เสียยิ่งบดเบียดแนบชิดยิ่งกว่าเก่า
“อืม…”เสียงครางดังแผ่วเบา อู๋เสียเผยอริมฝีปากเล็กน้อย ส่งลิ้นขยับแลบเลียริมฝีปากของอีกฝ่ายอย่างเชิญชวน ไม่นานนักคนตรงหน้าก็ตอบสนองเขา เผยอรอมฝีปากส่งเรียวลิ้นเข้าพัวพัน แลกเปลี่ยนรสสัมผัสหอมหวานเฉอะแฉะของกันและอัน
อู๋เสียขยับแขนขึ้นกอดเมินโหยวผิงเอาไว้ ในขณะที่อีกฝ่ายเริ่มรุกเร้าเขามากขึ้นเรื่อยๆ จนเหมือนจะหายใจไม่ออก มือหนาเริ่มขยับเคลื่อนไหวสอดเข้าใต้ร่มผ้า สัมผัสแผ่นหลังเปลือยเปล่าของเขา ในขณะที่ริมฝีปากสองคู่ยังคงขยับสัมผัสบดเบียด ส่งเสียงน่าอายออกมาเป็นระยะ
ร่างที่บางกว่าเริ่มขยับมือ สอดเข้าสัมผัสผิวร้อนผ่าวของอีกฝ่ายบ้าง ดวงตาของเขาจดจ้องรอยสักรูปกิเลนดำที่เริ่มแผ่ขยายบนผิวของเมินโหยวผิง ก่อนจะยิ้มอย่างพอใจ
“….ไม่รู้ทำไมนะ ฉันโคตรชอบรอยสักนายเลย” อู๋เสียพึมพำ ไล้นิ้วตามรอยสักที่เริ่มปรากฏขึ้น ในขระที่ถูกปลดอาภรร์ชิ้นบนออก พร้อมกับที่เขาก็เลิกเสื้อของอีกฝ่ายขึ้น ช่วยถอดออกให้เห็นผิวเปลือยเปล่าของกันและกัน
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แผ่นหลังของเขาก็ถูกดันติดกำแพงซะแล้ว
“ฮ่า…”ชายหนุ่มร่างเพรียวบางพรูลมหายใจ ก่อนจะหายใจกระตุกเฮือกเมื่ออีกฝ่ายแตะต้องที่สวนล่างของร่างกายเขา “เดี๋ยว! เสี่ยวเกอ…!”
ไม่ทันห้าม เมินโหยวผิงก็ปลดกางเกงของเขา ขยับกอบกุมส่วนอ่อนไหวที่เริ่มตื่นตัวและสั่นระริกอย่างน่าอาย ราวกับตั้งตารอสัมผัสจากอีกฝ่าย
ร่างที่สูงกว่าพรูลมหายใจเล็กน้อย มือหนาที่มีนิ้วมือซึ่งยาวกว่าคนทั่วไปเริ่มขยับส่วนอ่อนไหวของเขาขึ้นลง ส่งสัญญาณแล่นปราดขึ้นมาตามแนวสันหลัง
อู๋เสียหอบหายใจ ใบหน้าเริ่มแดงเรือขึ้น เขาขยับมือสัมผัสกางเกงของอีกฝ่าย ปลดปล่อยสิ่งที่ดุนดันออกมา
ของของเสี่ยวเกอขนาดใหญ่กว่าเขาอย่างไม่ต้องเทียบ..ไม่รู้ว่าเขาจะกลัวหรือเจ็บใจดี
นายน้อยแห่งตระกูลอู๋กลืนน้ำลายเอื๊อก เขาสัมผัสปลายนิ้วลงบนส่วนอ่อนไหวของเมินโหยวผิง ไล้นิ้วและกอบกุมอย่างแผ่วเบา ฉับพลันลมหายใจของอีกฝ่ายก็กระตุก
เขารุ้สึกพอใจอย่างประหลาด
อู๋เสียเริ่มขยับมือรูดขึ้นลง เลียนแบบเมินโหยวผิงที่กำลังสัมผัสเขา ปลายนิ้วร้อนผ่าวที่แตะต้องส่วนอ่อนไหวของเขาเคลื่อนไหวอย่างช่ำชอง ขยับรูดขึ้นลงโดยที่เพิ่มความเร็วมากขึ้นทุกที คลื่นความรู้สึกที่พุงสูงขึ้นเรื่อยๆ เริ่มทำให้เขาตั้งสมาธิสัมผัสสิ่งที่กอบกุมไว้ไม่ได้ “เสี่ยวเกอ..หยุดก่อน..”
“จะไปแล้วหรือ?”
“….อึก!...บอกให้หยุดก่อน..”อู๋เสียหอบหายใจพร่า ขมวดเกลียวแห่งคลื่นอารมณ์ที่โหมซัดใกล้จะถึงจุดสิ้นสุดทุกที ฝ่ามือที่สัมผัสกอบกุมอีกฝ่ายอยู่..เขาไม่แน่ใจแล้วว่าตนยังเคลื่อนไหวปรนเปรออยู่หรือเปล่า
ในเมื่อสติของเขาคล้ายจะเลือนรางหายไปทุกที
ราวกับรู้ มือของเมินโหยวผิงเริ่มเพิ่มความถี่ขึ้น เพิ่มอุณหภูมิในร่างกายของเขาให้สูงขึ้น เสียงครางของเขาหอบกระชั้นขึ้นทุกขณะ จนกระทุ่งถึงจุดสิ้นสุดของคลื่นซาซัดที่พุ่งสูง
“ฮะ..ฮ่า..อื้อ…อึก…!” ในที่สุด ร่างของอู๋เสียก็กระตุกเกร็ง ความร้อนทั่วร่างกายที่ทวีสูงขึ้นวูบหายไปในชั่วพริบตาเดียว เกลียวขมวดของคลื่นอารมณ์ถล่มซัดในคราวเดียวจนสมองของเขาขาวโพลน
ชายหนุ่มรู้สึกถึงของเหลวอุ่นร้อนที่เปื้อนอยู่บนหน้าท้องของตน ก่อนจะหน้าแดงเล็กน้อยด้วยความอายเมื่อเห็นมัเประเปื้อนบนหน้าท้องของเมินโหยวผิง
เหนือสิ่งอื่นใด..ในขณะที่เขาปลดปล่อยแล้ว..อีกฝ่ายกลับยังคงสั่นระริก ตระหง่านอยู่ตรงหน้าเขา
“..เสี่ยวเกอ เดี๋ยวฉัน..อุ!”อู๋เสียอุทานเมื่อถูกอุ้มขึ้นมา เมินโหยวผิงย่อตัวลง ก่อนจะวางเขาลงกับพื้น และเริ่มต้นถอดกางเกงของเขาออกไปจนชายหนุ่มเปลือยเปล่าไปหมดทั้งร่าง..หนาวสั่นไม่น้อย “เสี่ยวเกอ…เดี๋ยว…เอาจริงเรอะ”
เจ้าของนามไม่ได้ตอบคำถามของเขา อีกฝ่ายปาดของเหลวขาวขุ่นที่เขาปลดปล่อยออกมาด้วยปลายนิ้วที่ยาวกว่าปกติทั้งสองนิ้ว ก่อนจะแยกขาของเขาออก แทรกร่างเข้ามากึ่งกลาง และสอดปลายนิ้วที่เปรอะเปื้อนของเหลวเข้าไปภายใน
“อื้อ!” อู๋เสียสะดุ้งเกร็งเมื่อรู้สึกถึงปลายนิ้วอุ่นที่สัมผัสเข้ามาภายในช่องทางนุ่มของเขา เสี่ยวเกอค่อย ๆ สอดนิ้วเข้ามาอย่างนิ่มนวล ขยับหล่อลื่นปากทางของเขาให้ผ่อนคลายและขยายพอที่จะรอรับสิ่งที่ใหญ่กว่า
จากหนึ่งนิ้วเป็นสองนิ้ว เสี่ยวเกอค่อยๆ ขยับกวาดควานเข้ามาภายใน กระทั่งสัมผัสจุดหนึ่งที่อยู่ลึกเข้าไปซึ่งส่งผลให้อู๋เสียสะดุ้งพรวดขึ้นมาสุดตัว
“อ๊า!”
“? เป็นอะไร?”
“..ไม่มีอะไร..แต่..อุ! อย่าเอาแต่..อื้อ! แตะ..ตรงนั้น!”อู๋เสียโวยวายกึ่งคราง ลมหายใจขาดห้วง ในขณะที่ปลายนิ้วซึ่งยาวผิดปกติของเสี่ยวเกอยังคงขยับไล้วนพื้นผิวนุ่มภายในกายเขา ตรงบริเวณที่ส่งคลื่นแล่นปราดจนแทบทำให้หัวสมองว่างเปล่า
อาจจะเพราะถูกใจปฏิกิริยาของเขา เมินโหยวผิงจึงสัมผัสย่ำจุดนั้นซ้ำๆ ทำเอาอู๋เสียซึ่งร่างกายชาไร้เรี่ยวแรงต้องขยับแขนกอดคอเมินโหยวผิงเอาไว้ “พอได้แล้ว..เข้ามาได้แล้ว”
“พอแล้วหรือ?”
“เออ เข้ามาซะที”
เมินโหยวผิงไม่ได้พูดอะไร เขาถอนปลายนิ้วทั้งสองออกไป ทำเอาร่างกายของอู๋เสียกระตุก รุ้สึกถึงความว่างเปล่าไปชั่วขณะ
กระทั่งรุ้สึกถึงสิ่งที่นุ่มร้อนกว่าซึ่งกำลังค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาในร่างเขา
อู๋เสียสูดลมหายใจลึก ยิ่งเกร็งเขาจะยิ่งเจ็บ ดังนั้นชายหนุ่มจึงขยับแขนกอดคอเมินโหยวผิงไว้ พยายามผ่อนคลายให้มากที่สุด ในขณะที่ส่วนสัดร้อนผ่าวค่อยๆ กดลึกเข้ามาภายในกาย
เพียงแค่สัมผัสร้อนนุ่มที่สัมผัสปากทาง อู๋เสียก็แทบรู้สึกเหมือนจะบ้า เขารู้สึกถึงคลื่นอารมณ์ที่ก่อตัวขึ้นอีกครั้งทุกแรงเสียดสีในขณะที่เสี่ยวเกอดันกายเข้ามา
“ขอโทษนะอู๋เสีย”
ยังไม่ได้ทันได้ถามว่าขอโทษเรื่องอะไร เสี่ยวเกอก็ทะลึ่งพรวดดันกายเข้ามาจนสุด ทำเอาอู๋เสียเผลอครางเสียงหลง ผวารัดร่างของอีกฝ่ายไว้เสียแน่น
ชายหนุ่มร่างเพรียวบางสูดลมหายใจลึก สัมผัสได้ถึงสัดส่วนร้อนผ่าวที่เต้นตุบอยู่ในร่าง ซึ่งเขาตอดรัด…แนบชิดจนเกือบจะจำรูปร่างของมันได้
….ฟังดูลามกชะมัด
“เสี่ยวเกอ…จะทำอะไรก็เตือนกันก่อนสิ..วะ..หวา! อื้อ!! ฮ้า…!อะ..”ต่อว่าไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็เริ่มเคลื่อนไหวกายเข้าออกอย่างไม่ปราณี แรงเสียดสีที่ปากทางและผิวสัมผัสที่ภายในส่งกระแสนแล่นปราดไปทั่วร่าง ส่งผลให้สมองเขาเหมือนจะยุ่งเหยิงอีกครั้ง
เสี่ยวเกอจับต้นขาของเขาขึ้นพาดบ่า ขยับกายแทรกเข้ามาจนสุดและเคลื่อนออก เขาได้ยินทั้งเสียงหอบของตัวเองและอีกฝ่าย ผสานกับเสี่ยงที่เกิดจากการเคลื่อนไหวกายของพวกเขา
“…..นี่ไม่ใช่ความฝันใช่ไหม? อู๋เสีย”
เสียงของเสี่ยวเกอดังผ่าเข้ามาในคลื่นอารมณ์ ใบหน้าที่มองตรงลงมาหาเขาเต็มไปด้วยความเสน่หา..รักใคร่..ปรารถนา…
“…นายแม่ง…เสียบฉันขนาดนี้ยังถามอะไรอีกวะ!”อู๋เสียอดด่าหยาบใส่อีกฝ่ายไม่ได้ เขารั้งคอของเสี่ยวเกอลงมาจูบอีกครั้ง และว่าต่อ “ฉันอยู่ตรงนี้ เสี่ยวเกอ ไม่ใช่ความฝันแต่เป็นความจริง ฉันจะไม่มีวันลืมนาย แล้วนายก็ห้ามหายไปไหนเหมือนกัน”
เสี่ยวเกอไม่ได้ตอบเขา อีกฝ่ายเพียงกระตุกรอยยิ้มบาง ก่อนจะเริ่มเคลื่อนไหวกายอีกครั้ง เสียดสีเร็วรี่เพิ่มจังหวะกระชั้นถี่จนสติเขาหลุดลอย
ไม่นานนัก เขาก็รู้สึกถึงแรงกระแทกครั้งสุดท้าย พร้อมของเหลวที่ปลดปล่อยเอ่ออาบเข้ามาภายใน อู๋เสียรู้สึกเหมือนตนเองก็เหมือนจะปดปล่อยออกไปอีกครั้งเช่นกัน
อุณหภูมิร้อนจัดที่ห่อหุ้มอบอวลรอบข้างเริ่มเบาบางลง เหลือเพียงอากาศเย็นชื้น เสียงหอบหายใจ และผิวชื้นเหงื่อเหนอะหนะของคนสองคน
“..เลอะเทอะหมด” อู๋เสียพึมพำ มองหน้าท้องของตนและขอฝเสี่ยวเกอที่เต็มไปด้วยของเหลวสีขาว ก่อนที่ชายหนุ่มตรงหน้าเขาจะโอบกอดเขาไว้ แนบแน่น…เนิ่นนาน
เมินโหยวผิงมองร่างในอ้อมแขนเขา
เขากอดร่างนั้นไว้แน่น ปรารถนาที่จะรับรู้ว่านี่คือความจริง
รับรู้ว่าอู๋เสียจดจำเขาได้ และเขาเองจะยังจดจำอู๋เสียได้
จากนี้ไป..เขาจะสูญเสียความทรงจำไปอีกครั้งหรือเปล่า เขาไม่รู้ แต่ ณ เวลานี้ ตอนนี้ เขาจะเชื่อในคำมั่นที่อีกฝ่ายมอบให้
.
.
.
เขามีเรื่องที่ไม่กล้าบอกอู๋เสีย
เขาขอให้อู๋เสียไม่ลืมเขาและอู๋เสียขอให้เขาไม่หายไปไหนอีก
แต่เขาทำไม่ได้..อยู่กับอู๋เสียตลอดไปอย่างที่บอกไม่ได้
เขามีหน้าที่ต้องทำ มีที่ที่ต้องไปเพื่อตัวตนของเขาและเขาพาอู๋เสียไปด้วยไม่ได้
พาสิ่งที่สำคัญที่สุดกับเขาไปด้วยไม่ได้น
ถ้าเขาจากไป และพบกันอีกครั้ง อู๋เสียจะหาว่าเขาไม่รักษาสัญญาหรือเปล่า
และเพราะเขาไม่รักษาสัญญา อู๋เสียจะไม่รักษาสัญญาด้วยหรือเปล่า
เขาจะลองเสี่ยงดู….
เขาภาวนา หากจากกันครั้งต่อไปและพบกันอีกครั้ง อู๋เสียจะยิ้มให้ เรียกชื่อของเขา
‘บอกแล้วไง ฉันจะตามนายไปทุกที่ เสี่ยวเกอ’
.
.
เพียงแค่นั้น และเขาจะไม่ขออะไรอีก
.
.
สิ่งสำคัญเพียงหนึ่งเดียวในชีวิตของเขา
อู๋เสีย
END
.
.
เขามีเรื่องที่ไม่กล้าบอกอู๋เสีย
เขาขอให้อู๋เสียไม่ลืมเขาและอู๋เสียขอให้เขาไม่หายไปไหนอีก
แต่เขาทำไม่ได้..อยู่กับอู๋เสียตลอดไปอย่างที่บอกไม่ได้
เขามีหน้าที่ต้องทำ มีที่ที่ต้องไปเพื่อตัวตนของเขาและเขาพาอู๋เสียไปด้วยไม่ได้
พาสิ่งที่สำคัญที่สุดกับเขาไปด้วยไม่ได้น
ถ้าเขาจากไป และพบกันอีกครั้ง อู๋เสียจะหาว่าเขาไม่รักษาสัญญาหรือเปล่า
และเพราะเขาไม่รักษาสัญญา อู๋เสียจะไม่รักษาสัญญาด้วยหรือเปล่า
เขาจะลองเสี่ยงดู….
เขาภาวนา หากจากกันครั้งต่อไปและพบกันอีกครั้ง อู๋เสียจะยิ้มให้ เรียกชื่อของเขา
‘บอกแล้วไง ฉันจะตามนายไปทุกที่ เสี่ยวเกอ’
.
.
เพียงแค่นั้น และเขาจะไม่ขออะไรอีก
.
.
สิ่งสำคัญเพียงหนึ่งเดียวในชีวิตของเขา
อู๋เสีย
END
sinnerdarker- ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
- จำนวนข้อความ : 343
Points : 4054
Join date : 27/10/2014
ที่อยู่ : บ้านสกุลหวัง
Re: [OS] สิ่งสำคัญหนึ่งเดียวในชีวิต [ผิงเสีย] [NC18]
แบบ...แบบว่า อ่านแล้วเขินค่ะ//ปิดหน้า
เสี่ยวเกออ นายเป็นคนน่ารักขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันคะ เป็นเรทที่มุ้งมิ้งสุดๆเลยค่ะ!
เสี่ยวเกออ นายเป็นคนน่ารักขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันคะ เป็นเรทที่มุ้งมิ้งสุดๆเลยค่ะ!
TimothyJ- ด้วง
- จำนวนข้อความ : 27
Points : 3495
Join date : 29/10/2014
ที่อยู่ : รังด้วงชั้น24
Re: [OS] สิ่งสำคัญหนึ่งเดียวในชีวิต [ผิงเสีย] [NC18]
sinnerdarker พิมพ์ว่า:
[i]สิ้นสุดคำนั้น ทัศนียภาพรอบข้างก็แตกสลายราวกระจกร้าว
และเขาก็ดำดิ่งลงไปในเวิ้งมืดมิดอันว่างเปล่าอีกครั้ง
//วิ่งมากรี๊ดอัดพี่ซิน กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ชอบประโยคนี้(ชี้โคด)มากๆๆ ถ้าโพสฃิงค์รูปได้เมื่อไหร่จะเอามาแปะนะคะ!!
Feran.FS- ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
- จำนวนข้อความ : 457
Points : 3942
Join date : 27/10/2014
Age : 28
ที่อยู่ : ใต้เตียงนอนเซี่ยจื่อหยาง...
Re: [OS] สิ่งสำคัญหนึ่งเดียวในชีวิต [ผิงเสีย] [NC18]
นี่กัจะให้นายน้อยเล่นวิ่งไล่จับกับนายไปอีกนานแค่ไหนน่ะเสี่ยวเกอ!!
รักเขาก็อยู่กับเขาเซ่!!! ไม่ใช่เป็นฝ่ายจากไปแล้วหวังให้เขามาวิ่งไล่หาตัวเองตลอด!!! เวลาของนายน้อยไม่ได้มีเหลือเฟืออย่างนายนะ!!!
รักเขาก็อยู่กับเขาเซ่!!! ไม่ใช่เป็นฝ่ายจากไปแล้วหวังให้เขามาวิ่งไล่หาตัวเองตลอด!!! เวลาของนายน้อยไม่ได้มีเหลือเฟืออย่างนายนะ!!!
Re: [OS] สิ่งสำคัญหนึ่งเดียวในชีวิต [ผิงเสีย] [NC18]
เศร้าจัง
เสี่ยวเกอ ถ้ากลัวอู๋เสียจะลืม ก็อย่าจากไปไหนอีกเลย
เสี่ยวเกอ ถ้ากลัวอู๋เสียจะลืม ก็อย่าจากไปไหนอีกเลย
sagacity191- ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
- จำนวนข้อความ : 53
Points : 3513
Join date : 06/11/2014
Re: [OS] สิ่งสำคัญหนึ่งเดียวในชีวิต [ผิงเสีย] [NC18]
เสี่ยวเกอน่าร้ากกกกกกกกกกกกกกก
อ้อนนายน้อยได้น่ารัก มุ้งมิ้งมากอ่ะ เรทนี้หวานมากข่าาาาาาาาา /ด้วงฟินตาย 1 ea
อ้อนนายน้อยได้น่ารัก มุ้งมิ้งมากอ่ะ เรทนี้หวานมากข่าาาาาาาาา /ด้วงฟินตาย 1 ea
kame_kazuha- ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
- จำนวนข้อความ : 274
Points : 3745
Join date : 27/10/2014
ที่อยู่ : สุสานสักที่
Re: [OS] สิ่งสำคัญหนึ่งเดียวในชีวิต [ผิงเสีย] [NC18]
ฟิคเรท แต่ทำไมอ่านถึงตอนจบน้ำตามันกลับไหลออกมาเองได้ว่ะเนี่ย
สงสารเสี่ยวเกอขึ้นมาจับใจ
สงสารเสี่ยวเกอขึ้นมาจับใจ
Yuwadee Wana- ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
- จำนวนข้อความ : 352
Points : 3828
Join date : 27/10/2014
Re: [OS] สิ่งสำคัญหนึ่งเดียวในชีวิต [ผิงเสีย] [NC18]
ตอนที่นายน้อยพูดว่า นายเป็นใครนี่ เข้าใจฟีลของเสี่ยวเกอเลยค่ะ แบบสิ่งสำคัญเพียงหนึ่งเดียวของตัวเอง กลับบอกว่าลืมนี่ โลกทั้งใบสลายเลยค่ะ
แต่ตอนหลัง หื่น! นี่ก็.... ดีน้าาาาา
แต่ตอนหลัง หื่น! นี่ก็.... ดีน้าาาาา
ryu77- ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
- จำนวนข้อความ : 64
Points : 3540
Join date : 01/11/2014
Re: [OS] สิ่งสำคัญหนึ่งเดียวในชีวิต [ผิงเสีย] [NC18]
“…..นี่ไม่ใช่ความฝันใช่ไหม? อู๋เสีย”
“…นายแม่ง…เสียบฉันขนาดนี้ยังถามอะไรอีกวะ!”
สารภาพว่าอ่านถึงตอนนี้ขำก๊ากเลยค่ะ เปลี่ยนอารมณ์ฉับพลัน5555+
“…นายแม่ง…เสียบฉันขนาดนี้ยังถามอะไรอีกวะ!”
สารภาพว่าอ่านถึงตอนนี้ขำก๊ากเลยค่ะ เปลี่ยนอารมณ์ฉับพลัน5555+
nuu_baitoey- ด้วง
- จำนวนข้อความ : 31
Points : 3501
Join date : 27/10/2014
Re: [OS] สิ่งสำคัญหนึ่งเดียวในชีวิต [ผิงเสีย] [NC18]
ทำไมยังไม่ได้เม้น 555
อ่านซ้ำอีกรอบ งื้อออออววว
นายแม่ง เสียบฉันขนาดนี้ยังถามอะไรอีกวะ..... พรวดดด //เอาทิชชู่ยัดรูจมูก
โอ้ยยย โอ้ยยยย นายน้อย พูดจาน่าตี เกือบจะฆ่าด้วงตายทั้งฝูงแล้ว แฮ่ก
อ่านซ้ำอีกรอบ งื้อออออววว
นายแม่ง เสียบฉันขนาดนี้ยังถามอะไรอีกวะ..... พรวดดด //เอาทิชชู่ยัดรูจมูก
โอ้ยยย โอ้ยยยย นายน้อย พูดจาน่าตี เกือบจะฆ่าด้วงตายทั้งฝูงแล้ว แฮ่ก
Rozenkreuz- ด้วงอาณาจักรเจ้าแม่ซีหวังหมู่
- จำนวนข้อความ : 625
Points : 3848
Join date : 01/07/2015
Age : 31
ที่อยู่ : กองทัพผีเก็บเห็ดแห่งประตูสำริด
Re: [OS] สิ่งสำคัญหนึ่งเดียวในชีวิต [ผิงเสีย] [NC18]
พวกนายลืมไปว่าเสี่ยอ้วนจะมาหรือเปล่า 5555
MildLove- ด้วงฝึกหัด
- จำนวนข้อความ : 19
Points : 3257
Join date : 17/06/2015
Similar topics
» [OS] #dmbjdaily '520' (ผิงเสีย :: เหม่งจาง,ผิงเสีย)
» [FIC] ซีรีสวรรค์องค์ที่ 2 [ผิงเสีย]
» [OS] 'สูท' (ผิงเสีย :: จางฉี่หลิงxอู๋เสีย)
» [FIC] ซีรี่สวรรค์องค์ที่ 1 [ผิงเสีย]
» [OS] สิ่งที่ไม่อาจปล่อยวาง [ผิงเสีย]
» [FIC] ซีรีสวรรค์องค์ที่ 2 [ผิงเสีย]
» [OS] 'สูท' (ผิงเสีย :: จางฉี่หลิงxอู๋เสีย)
» [FIC] ซีรี่สวรรค์องค์ที่ 1 [ผิงเสีย]
» [OS] สิ่งที่ไม่อาจปล่อยวาง [ผิงเสีย]
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|
Fri 24 Jul 2020, 01:39 by gustoon
» [คู่มือด้วง] Keyword จีนสำหรับการขุด(แฟนดอม)สุสาน
Thu 21 Jun 2018, 00:29 by miskizfullmoon
» มังฮวาและภาคทิเบต
Thu 21 Jun 2018, 00:23 by miskizfullmoon
» [OS] Father is the best (ผิงเสีย)
Thu 03 Aug 2017, 16:12 by schneewittchen
» [Fic] สิ่งเล็กๆที่เชื่อมโลก5 [เมินโหยวผิง+อู่เสีย+เสี่ยอ้วน]+OC
Tue 01 Aug 2017, 12:30 by natsume
» [OS] #dmbjdaily (จูปาจุ๊บ) Bittersweet [ผิงเสีย AU]
Thu 06 Apr 2017, 15:58 by Zeth
» [OS] #dmbjdaily "โทรศัพท์มือถือ" - no Pairing [All]
Tue 04 Apr 2017, 22:27 by Zeth
» [OS] #DMBJDaily (แว่น): ระยะที่มองไม่เห็น [ฮัวเสีย]
Sat 01 Apr 2017, 16:55 by Zeth
» [OS] #DMBJdaily (5.20) ท่านยอดฝีมือ [หวังเหมิง (+เหมิงเสีย)(+ผิงเสีย)]
Thu 30 Mar 2017, 17:24 by Zeth