Countdown
We've been
togerther for
ค้นหา
Latest topics
Most active topics
[OS] ความลับของสายเลือด (ฮัวเฮย / ผิงเสีย) Rate: NC-15
+4
The_Dark_Lady
Luckey.B
yakusoku
asra
8 posters
หน้า 1 จาก 1
[OS] ความลับของสายเลือด (ฮัวเฮย / ผิงเสีย) Rate: NC-15
คำเตือน : รั่วและเรทเบาๆ
Talk: ไม่ได้เขียนฟิคนานเลยค่ะ งานรุม คิดถึงถังกาวม้ากมาก หลายหัวข้อเดลี่อยากเขียนก็ไม่ได้เขียน TwT
ตอนนี้พอว่างบ้างแล้วขอเอาฮัวเฮยมาฝากให้อ่านกันค่ะ งานกาวล้วนๆ ไม่มีสติปน 55+
ต่อจาก Hide and seek นะจ๊ะ
___________
ความลับของสายเลือด
จางฉี่หลิงตัดสินใจยกเลิกภารกิจคว่ำกรวยกลางคันทั้งๆ ที่เพิ่งเข้าไปได้ไม่ถึงครึ่งทาง เขามองเจ้าของฉายาบอดดำที่ยืนพิงผนังถ้ำใบหน้าซีดขาวอย่างชั่งใจ
“ไว้มาใหม่”
“ฉันไหว ได้พักสักหน่อยก็ดีขึ้น” ชายในอาภรณ์สีดำทั้งชุดเถียงทั้งๆ ที่ยังยืนหลับตานิ่งสูดลมหายใจลึกเข้าปอดเป็นระยะ
“นายไม่ไหว”
“ไหวน่า” คู่สนทนายังคงดื้อ ขยับตัวเดินต่อแต่กลับวูบหน้าคว่ำ ดีว่าอีกฝ่ายจับไว้ทันไม่อย่างนั้นหน้าของเขาคงจูบเข้ากับพื้นหินเต็มๆ หลังจากนั้นคือการกึ่งลากกึ่งพยุงเขาออกจากสุสาน
อากาศบริสุทธิ์และลมเย็นที่โชยพัดด้านอยู่ด้านนอกสุสานทำให้ใบหน้าซีดเผือดใต้แว่นสีดำดูสดชื่นขึ้น ชายหนุ่มขอโทษขอโพยคู่หูคว่ำกรวยเรื่องที่ตัวเขาทำให้งานล่ม
“โทษที ทำให้มาเสียเที่ยว”
“ร่างกายนายเป็นไงบ้าง” จางฉี่หลิงถามกลับ ดูไม่ใส่ใจนักว่างานจะสำเร็จหรือไม่
“ฉันเองก็ไม่เข้าใจ อยู่ๆ มันก็ไม่มีแรง” เฮยเสียจื่อตอบ เขาทั้งรู้สึกหงุดหงิดและสงสัย เรี่ยวแรงที่เคยมีมากมายหายไป ทั้งๆที่ตัวเขาไม่ได้รับบาดเจ็บหรือถูกพิษอะไรทั้งนั้น “จะว่าเพราะแผลเดิมจากตอนไปลุยกับแมวยักษ์คราวก่อนก็ไม่ใช่ ฉันมั่นใจว่าตัวเองหายดีแล้ว”
“ลงเขาแล้วนายควรไปตรวจซ้ำ”
“อือ” ชายแว่นดำรับปากอย่างขอไปที
พวกเขาทั้งสองคนตัดสินใจกลับลงมาพักที่โรงแรมท้องถิ่นแห่งหนึ่ง ตั้งใจว่าจะพักสักสองสามวันก่อนจะแยกย้ายกลับบ้าน คืนแรกของการพักผ่อน เฮยเสียจื่อนอนแผ่อยู่บนเตียง เขายังรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพื่อนร่วมห้องบอกให้เขานอนพัก แต่เขาก็หลับไม่ลง ในหัวยังคงครุ่นคิดเกี่ยวกับอาการของตนเอง
วูบหนึ่งเขาคิดว่าคงเพราะใกล้ถึงเวลาของเขาแล้ว ร่างกายจึงเสื่อมสภาพ แต่ใจหนึ่งก็รู้ดีว่ามันยังไม่ถึงเวลา ถึงมันจะใกล้เข้ามาแล้วก็เถอะแต่อย่างน้อยๆ ก็น่าจะอีกหลายสิบปี ร่างสูงเพรียวที่สมบูรณ์พร้อมไปด้วยมัดกล้ามเนื้อสมส่วนพลิกตะแคงซุกหน้ากับหมอนนุ่ม ทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาว่าตัวเองพลาดอะไรไปหรือเปล่า
ครั้งล่าสุดที่เขาลงกรวยคือเมื่อครึ่งปีก่อนหน้า เขาบาดเจ็บค่อนข้างสาหัสจนต้องไปพักฟื้นอยู่ที่เยอรมันอยู่สามเดือน จนคุณชายเก้าตามไปสอบสวนลงโทษปู้ยี่ปู้ยำเขาโทษฐานหนีหน้าไม่บอกไม่กล่าวอยู่ 1 เดือนเต็ม ตามด้วยลากเขากลับมายังปักกิ่งเมื่อสองเดือนก่อนเขาจะออกมาคว่ำกรวยครั้งนี้
คิ้วเข้มสีดำขมวดยุ่งเข้าหากันเมื่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ร่างสูงดีดตัวเองลุกขึ้นมานั่งโงนเงน พูดแทบไม่เป็นคำ
“จางฉี่หลิง ฉันมีเรื่องให้นายช่วย!!!”
**********
เซี่ยอวี่ฮัวกำลังหงุดหงิด ลูกน้องของเขาแจ้งข่าวว่าเจ้างูตัวดีกลับมาจากคว่ำกรวยแล้ว แต่ยังคงขลุกอยู่ที่บ้านพักส่วนตัว ไม่ยอมกลับมาหาเขา พอเขาไปหาถึงบ้าน ก็เห็นเจ้ากิเลนหน้ามึนนั่งหัวโด่เป็นมารขวางคออยู่ในห้องรับแขก มารอบแรกก็เจอ รอบสองก็เจออีกแถมไม่มีวี่แววว่าจะกลับง่ายๆ
“อู๋เสียไม่ว่าหรือ ที่นายไม่กลับเสียที” ริมฝีปากบางเอ่ยถามแกมจิกกัด
“เขารู้ว่าฉันอยู่ที่นี่ เฮยเสียจื่ออาการไม่ค่อยดีหลังจากลงกรวยฉันจึงอยู่เป็นเพื่อน”
คำตอบจากคนตรงหน้ายิ่งทำให้คุณชายเก้ารู้สึกหงุดหงิดทวีคูณ ยิ่งเหลือบมองร่างโปร่งในเสื้อกล้ามสีดำและกางเกงผ้าสีเดียวกันที่กำลังนอนเอกเขนกมีทีท่าลั้นลาอยู่บนโซฟาตัวยาว ดวงตาสีน้ำตาลคมตวัดจ้องประสานดวงตาสีดำสนิทของคู่สนทนา
“สภาพแบบนั้นถ้าจะบอกว่าอาการไม่ดีคงมีแต่สมอง ซึ่งฉันคิดว่าเป็นเรื่องปกติของเจ้านั่น”
“อ้าวคุณชาย ไหงมาลงที่ผม”
เสียงอุทธรณ์จากร่างที่กำลังนอนกลิ้งดูทีวีดังประท้วง แต่ก็เท่านั้นบรรยากาศที่น่าอึดอัดยังคงดำเนินต่อไป และในที่สุดเซี่ยอวี่ฮัวก็เป็นฝ่ายยอมแพ้อีกครั้ง
“ฉันจะกลับ” คุณชายเก้าพูดขึ้นขณะวางแก้วน้ำลงบนโต๊ะกาแฟ มือเรียวขยับเลื่อนโต๊ะนิดหนึ่งเพื่อให้ลุกขึ้นยืนได้สะดวก
“ไม่ส่งนะคร้าบ”
เฮยเสียจื่อกล่าวลาทั้งๆที่ยังนอนกลิ้งอย่างเกียจคร้าน จนแขกผู้มาเยือนอยากเข้าไปกระทืบให้สาแก่ใจที่ถูกกวนประสาท แต่ติดอยู่ที่เจ้ากิเลนใบ้ที่ลุกขึ้นยืนส่งขวางอยู่
จางฉี่หลิงเดินมาส่งแขกจนถึงหน้าประตูบ้าน เมื่อดูจนแน่ใจว่าอีกฝ่ายขับรถออกไปไกลแล้วจึงเดินกลับเข้ามาด้านใน
“นายควรบอกหมอนั่น” สหายร่วมลงกรวยที่นานๆ จะเปิดปากเสียทีพูดเข้าประเด็น ดวงตาสีดำคมมองร่างสูงโปร่งที่นอนแบ่บไร้เรี่ยวแรงบนโซฟาตัวใหญ่ ไม่เหลือทีท่ายียวนกวนบาทาแบบก่อนหน้านี้
เฮยเสียจื่อมองสบสายตาของคู่สนทนาผ่านแว่นตาดำ พลางถอนใจหนัก “จะให้บอกยังไง? เดินดุ่มๆ เข้าไปพูดว่า เฮ้คุณชายเซี่ย สายเลือดตระกูลฉันมันมีความสามารถพิเศษ และเพราะสิ่งที่คุณชายทำกับผม เลยทำให้มันเกิดผลแล้วอย่างนั้นเรอะ!!”
“ใช่”
“นายไม่ใช่ฉันก็พูดง่าย” คนนอนอยู่เถียงคอเป็นเอ็น
“แล้วทำไมต้องทำให้ยาก”
“สมมติถ้านายน้อยสามเป็นแบบฉัน นายจะทำยังไง”
จางฉี่หลิงนิ่งไปครู่ใหญ่ ก่อนริมฝีปากบางจะหยักยิ้มนิดหนึ่งแทนคำตอบ
“โอ้ยๆๆ ฉันตั้งคำถามผิดสินะ” ชายใส่แว่นดำโอดครวญ มือสองข้างแทบจะทึ้งผมตัวเอง
คราวนี้จางฉี่หลิงเป็นฝ่ายถอนใจใส่ นิ้วที่ยาวเป็นพิเศษชี้มาที่ตัวของอีกฝ่าย พูดประโยคยาวกว่าทุกๆ ครั้ง
“นายไม่พูด ยิ่งนานเข้าร่างกายนายมันก็ฟ้อง ให้เซี่ยอวี่เฉินรู้จากปากนายดีกว่าให้เขารู้ด้วยตัวเองหรือจากคนอื่น”
เฮยเสียจื่อเงียบไปอย่างยอมจำนน แต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้จะเริ่มต้นพูดกับคนๆนั้นยังไง
“นายจะไปไหน?” เขาถามเมื่อเห็นจางฉี่หลิงเริ่มเก็บของ
“กลับบ้าน”
ร่างที่นอนอยู่ถอนใจ พยักหน้า “ไปเถอะป่านนี้นายน้อยสามบ่นแย่แล้ว ส่วนคุณชายโมโหออกไปอย่างนั้นคงไม่มาอีกนาน”
“นายก็พักซะ แล้วอย่าลืมบอกเขา” จางฉี่หลิงทิ้งท้ายก่อนจากไป
************
เฮยเสียจื่อปิดปากหาวหวอด เขาทั้งเหนื่อยทั้งง่วง ยิ่งต้องมาแสดงตบตาคุณชายเก้าว่าตนเป็นปกติยิ่งเหนื่อย หลังจากลงเขาวันนั้น เขาขอให้นายใบ้จางช่วยพาเขาไปที่แห่งหนึ่ง ที่ๆ เก็บเรื่องราวความลับดำมืดของสายเลือดพิเศษของตระกูลที่ถูกซ่อนไว้มิดชิดมาตลอดระยะเวลาหลายร้อยปี
เขายังจำได้ดีว่าตัวเองยืนนิ่ง ใบหน้าซีดขาวคล้ายวิญญาณหลุดจากร่าง เมื่อพบคำตอบว่าแท้จริงแล้วตนไม่ได้ป่วยอย่างที่เข้าใจ แต่เป็นเพราะสายเลือดของเขาเอง…..
สายเลือดของเขาอายุยืนยาวก็จริง แต่ก็มีจำนวนคนน้อย ธรรมชาติพิลึกพิลั่นจึงให้ความสามารถอื่นทดแทนมาคือจะหญิงหรือชายก็สามารถให้กำเนิดบุตรได้ ซึ่งในกรณีชาย หากคนๆ นั้นได้รับการกระตุ้นร่างกายจากการมีสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องและยาวนานพอก็มีโอกาสตั้งครรภ์
ก็แน่ล่ะเดือนนึงเต็มๆ ที่เยอรมัน ที่เขาไม่ได้ออกจากบ้าน.....
“คุณชายเพราะคุณคนเดียวววววว” เฮยเสียจื่อตะโกนใส่หมอนที่ตัวเองซุกหน้าอยู่ ชีวิตหลังจากนี้คงหมดโอกาสแต่งเมียเข้าบ้าน แล้วเขาก็สะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูบ้านอีกครั้ง
ชายหนุ่มหันขวับไปทางประตูทั้งๆ ที่ยังนอนอยู่ รู้สึกหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้เมื่อเห็นว่าใครเดินเข้ามา
“คุณชาย ลืมของหรือครับ” เขาเอ่ยทักพยายามบังคับเสียงให้เป็นปกติ
“ใช่” เซี่ยอวี่ฮัวเดินเข้ามาในบ้านตรงไปยังห้องรับแขก
“ยังหนุ่มยังแน่น ขี้หลงขี้ลืม” เฮยเสียจื่ออดไม่ได้ที่จะเอ่ยแซว หัวเราะด้วยน้ำเสียงยียวนเหมือนทุกครั้ง ขณะมองแผ่นหลังแข็งแรงที่ทาบทับด้วยสูทสีดำคิทติ้งเนี้ยบของคนตรงหน้า
“คนขี้ลืมมันตาแก่อย่างนายต่างหาก” คุณชายเซี่ยย้อนเรียบ ก่อนกล่าวประโยคถัดมาด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น แบบที่คนฟังขนหัวลุก “ลืมไปแล้วสินะว่า ฉันเป็นคนนิสัยยังไง?”
“กล่าวหากันแบบนี้ หาพวกเหรอคร้าบ” ร่างสูงตอบแบบใจดีสู้ดอกไม้กินคน ตรงข้ามกับสัญชาตญาณส่วนลึกที่กำลังส่งเสียงร้องเตือนดังลั่นราวไซเรนฉุกเฉิน
“ก็ไม่รู้สินะ....”
ใบหน้าที่ซีดเซียวอยู่แล้วของคนชอบกวนประสาทคราวนี้ขาวเผือดราวกระดาษ เมื่อเห็นอีกฝ่ายล้วงมือเข้าไปใต้โต๊ะกาแฟกลางห้อง ดึงเอาวัตถุเล็กๆ คล้ายไมค์ขนาดจิ๋วที่ดูยังไงก็เครื่องอัดเสียงหรือไม่ก็เครื่องดักฟังออกมาไว้ในมือข้างหนึ่ง
‘ชิบหาย!!! คุณพระคุณเจ้าช่วยลูกงูด้วยยย’ เฮยเสียจื่อสบถลั่นอยู่ในใจ
“เรื่องที่หนีไปเยอรมันจนฉันต้องถ่อไปตามถึงที่ก็เพิ่งจะผ่านไปไม่นาน นายก็ลืมเสียแล้ว นายก็รู้ว่าฉันไม่ชอบที่นายมีเรื่องปิดบัง แล้วนี่จะต้องให้ฉันสอบสวนแบบครั้งนั้นหรือนายจะเล่าเรื่องทั้งหมดเองหืออ... เฮยเสียจื่อ”
ริมฝีปากบางของคุณชายเซี่ยคลี่ยิ้มหวาน แต่ดวงตาไม่ยิ้มด้วย เฮยเสียจื่อขยับตัวหนีตามสัญชาตญาณแต่ก็ไม่ทันอีกฝ่ายก้าวพรวดเดียวก็จับตัวเขากดแน่นติดโซฟา
“โอ้ย!!”
“กล้าดียังไงเอาผู้ชายอื่นเข้าบ้าน แถมยังมีความลับที่เจ้าหมอนั่นรู้แต่ฉันไม่รู้ นี่ฉันควรจะลงโทษนายยังไงดี” เสียงหวานแต่แฝงไว้ด้วยความดุดันถาม
“คุณชายปล่อยก่อน…”
ร่างสูงเพรียวที่อยู่ด้านล่างพยายามดิ้นรนสุดชีวิต ในยามปกติเขาก็สู้แรงอีกฝ่ายไม่ได้อยู่แล้ว คนบ้าอะไรไม่รู้แรงควายผิดรูปร่างหน้าตา นับประสาอะไรกับสภาพร่างกายตัวเองตอนนี้ เฮยเสียจื่อต้องรีบตัดสินใจทำอะไรสักอย่างก่อนตัวเองจะกลายเป็นข่าวพาดหัวสามีหึงโหดซ้อมภรรยาตายทั้งกลม
เซี่ยอวี่ฮัวปล่อยเขาจริงๆ แต่หลังจากที่ลอกคราบเขา เอาเข็มขัดมัดแขนเขาไพล่หลังเสร็จแล้ว
ชายแว่นดำลอบกลืนน้ำลาย ดวงตาสีแปลกใต้แว่นดำมองตามร่างอีกฝ่ายที่เดินไปปิดล็อคบ้าน ปิดม่านปิดไฟ เปิดเพลงที่ดังพอจะกลบเสียงอะไรก็ตามที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้เป็นภาพเดจาวูเหมือนกับเมื่อตอนอยู่เยอรมันไม่มีผิด
..
..
บางทีควรจะเปลี่ยนพาดหัวข่าวใหม่เป็น สามีหึงหื่นข่มขืนภรรยาตายทั้งกลม
..
..
เซี่ยอวี่ฮัวถอดสูทพาดไว้บนเก้าอี้ ปลดกระดุมเสื้อเชิร์ตสองสามเม็ด เดินกลับมาหาร่างเปลือยเปล่าที่นอนแอ้งแม้งไม่มีท่าทีขัดขืนโวยวายอย่างที่ควรจะเป็น ดวงตาสีน้ำตาลคมกริบกวาดมองสำรวจร่างเปลือยตรงหน้า ผิวเนื้อเรียบลื่นออกขาวเพราะเจ้าตัวไม่ชอบออกแดด และรอยแผลเป็นจางๆ บนกล้ามเนื้อสมส่วนทั่วตัว ดูแล้วก็ไม่มีอะไรผิดปกติอย่างที่เจ้ากิเลนบอกเสียหน่อย
จะมีก็แต่….
ร่างโปร่งของคุณชายเก้า ขึ้นคร่อมร่างอีกฝ่ายไว้ใต้ตัว ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มเย็น ถอดแว่นที่ปิดบังแววตาของร่างใต้ตัวเองออกวางไว้บนโต๊ะใกล้ๆ นิ้วเรียวไล้ไปตามไลน์กล้ามเนื้อของอีกฝ่ายจากไหปลาร้า ผ่านยอดอกสีอ่อน ระเรื่อยไปจนถึงจุดกลางลำตัว รุกล้ำเข้าสู่ช่องทางเบื้องหลัง
เฮยเสียจื่อสะดุ้งเฮือก พยายามขยับตัวหนีสัมผัสหยาบโลนไร้การถนอมใดๆ การสอบปากคำเริ่มต้นขึ้นแล้ว
มือหนึ่งรูดรั้งเบื้องหน้า อีกข้างสอดควานเบื้องหลังจากหนึ่งเป็นสอง จากสองเป็นสาม ชายหนุ่มผู้ถูกกระทำพยายามอย่างยิ่งที่จะกลั้นเสียงร้องของตัวเอง แน่ล่ะว่ามันสร้างความขัดใจให้กับอีกฝ่าย นิ้วเรียวทั้งสามจึงกวาดควานลึกรุนแรงขึ้นจนเขาร้องลั่นปลดปล่อยตัวเองเปรอะเปื้อนฝ่ามือกร้าน
“คุณชาย!!”
เซี่ยอวี่ฮัวคำรามเบาอย่างพึงพอใจ “เอาล่ะทีนี้จะบอกได้หรือยังว่านายมีความลับอะไร”
ดวงตาสีแปลกเต็มไปด้วยความลำบากใจ ไม่มั่นใจ ในสายตาของเซี่ยอวี่ฮัวเขาไม่เคยเห็นเจ้าตัวป่วนของเขาเป็นแบบนี้มาก่อน อันที่จริงเขารู้สึกแปลกตั้งแต่ที่มันไม่ขัดขืน ไม่ปากดี และดูอ่อนแรงอย่างผิดปกติ เขาถึงยังไม่ได้ทำอะไรรุนแรงมากนักอย่างที่เขาอยากทำให้หนำใจ
“คุณชาย…. ผม….”
“อะไร? ฉันไม่ได้ยิน….” คุณชายเซี่ยถามย้ำ พลางเริ่มต้นขยับนิ้วที่ยังคาอยู่ในร่างอีกฝ่าย จนอีกฝ่ายกลั้นใจตอบเสียงดังแบบอะไรจะเกิดก็เกิด
“ผมท้อง!!!”
ดวงตาสีน้ำตาลคมเบิกกว้างกับคำตอบที่ได้รับ ก่อนหรี่มอง ย้อนถามเสียงเย็น
“ยังจะพูดเล่น นายอยากถูกล่ามติดเตียงทั้งชีวิตนักรึไง”
“ถึงผมจะชอบพูดเล่น แต่ถ้ามันเรื่องคอขาดบาดตายกับชีวิตตัวเองแบบนี้ผมก็ไม่คิดจะเล่นหรอกนะ”
“นายเป็นผู้ชาย….”
“ใช่ เพราะแบบนี้ผมถึงไม่บอก ถึงบอกไปคุณก็ไม่เชื่อ”
คิ้วเรียวของเซี่ยอวี่ฮัวขมวดมุ่นเข้าหากัน ยอมถอนนิ้วที่กำลังรุกรานอีกฝ่ายออก ดวงตาสีน้ำตาลสวยจ้องดวงตาสีแปลกนิ่งก่อนออกคำสั่ง
“เล่ามาให้หมด”
ในที่สุดเรื่องราวทุกอย่างพรั่งพรูออกจากปากเฮยเสียจื่ออยากหมดเปลือก ตบท้ายด้วยการบอกให้อีกฝ่ายไปเปิดลิ้นชักบนสุดของตู้เก็บของในนั้นมีบันทึกโบราณเล่มหนึ่ง เป็นบันทึกต้องห้ามของสกุลเฮยรายละเอียดทั้งหมดอยู่ในนั้น
คุณชายเก้าถอนใจยาวหลังจากฟังเรื่องทุกอย่างจบ ชายหนุ่มปลดเข็มขัดที่มัดพัดอีกฝ่ายออก ลุกขึ้นไปเอาเสื้อสูทของตัวเองมาคลุมร่างอีกฝ่ายไว้ก่อนจะเดินไปที่ลิ้นชักที่ว่า บันทึกโบราณถูกเก็บอยู่ในนั้นจริงๆ ตามที่บอก เขาหยิบมันขึ้นมาพลิกผ่านๆ อย่างเบามือครู่หนึ่ง พอหันกลับมาก็เห็นอีกคนกำลังลุกเดินโซเซมาทางเขา ชายหนุ่มวางบันทึกลงก้าวยาวๆ เข้ามาตวัดช้อนอุ้มอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว จนคนถูกอุ้มตั้งตัวไม่ทันร้องเสียงหลง
“คุณชาย!”
“ยืนไม่ไหวอยู่แล้วไม่ใช่รึ นายมันก็แบบนี้ ดื้อ ปากแข็ง ชอบทำอะไรเกินกำลัง ชอบทำให้เป็นห่วง” คนอุ้มดุ คิ้วเรียวขมวดนิดหนึ่งเมื่อรู้สึกได้ถึงน้ำหนักตัวของคนในอ้อมแขนที่ลดลง
แม้เฮยเสียจื่อจะสูงกว่าเขาอยู่หน่อยหนึ่งแต่มันไม่ใช่ไปัญหา เขาอุ้มอีกฝ่ายเดินลิ่วไปยังห้องนอน วางอีกฝ่ายลงบนเตียงกว้างดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวให้ ดวงตาสีแปลกที่บัดนี้ทอดซึมมองใบหน้าสวยงามราวอิสตรีตรงข้ามกับนิสัยและการกระทำอย่างสิ้นเชิงของคนที่นั่งอยู่ข้างเตียง
“มีอะไรที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ หรือฉันควรจะรู้อีกไหม” คนที่เพิ่งรู้ตัวว่าจะได้เป็นเตี่ยหมาดๆ ถาม
“ไม่มีแล้วครับ ทุกอย่างที่ผมรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ผมบอกไปหมดแล้ว”
“ดี จากนี้มีอะไรก็บอกอย่าปิดฉัน”
คนหน้าสวยใจเหี้ยมกล่าวสำทับ มือเรียวหยิบมือถือขึ้นมากดแป้นข้อความรัวเร็วและกดส่ง
“งาน?”
“ก็ไม่เชิง ฉันแค่สั่งยกเลิกการหาคน”
“หาใคร?”
“หาผู้หญิงดีๆ สุขภาพแข็งแรง”
คิ้วสีดำเรียวขมวดเข้าหากันจากคำตอบที่ได้รับโดยไม่รู้ตัว
“แต่ไม่จำเป็นแล้ว” เซี่ยอวี่ฮัวกล่าวต่อ พลางใช้นิ้วเรียวจิ้มจึ่กลงไปตรงหว่างคิ้วที่กำลังขมวดยุ่งอย่างไม่ค่อยพอใจของอีกฝ่าย เรียกเสียงโวยวายจากร่างที่นอนอยู่จนต้องปิดปากให้เสียงเงียบลงด้วยริมฝีปากของตนเนิ่นนานก่อนจะปล่อยให้เป็นอิสระ
เฮยเสียจื่อมองอีกฝ่ายที่มีสีหน้าครุ่นคิดบางอย่าง
“คุณกำลังคิดอะไร?”
“กำลังคิดว่าสอง... ไม่สิ... สี่ดีกว่า เอ...หรือสักครึ่งโหล”
ดวงตาสีแปลกที่มองอีกฝ่ายยังคงเต็มไปด้วยความสงสัย
ริมฝีปากสีอ่อนของเซี่ยอวี่ฮัวแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์เอาจริง ใบหน้าขาวเนียนก้มลงกระซิบริมหู ด้วยน้ำเสียงนุ่มชัดเจน ขณะที่เฮยเสียจื่อหน้าซีดเผือดกับคำตอบที่ได้รับ
“ลูกเรา...”
END
- แถม -
เด็กน้อยตัวจิ๋วหลิวแก้มยุ้ยกลมสีชมพู เส้นผมดูนุ่มนิ่มสีดำ และดวงตารียาวสีน้ำตาลอ่อนจ้องเป๋งไปยังเจ้าของร้านขายแผ่นลอกลาย
“เสี่ยวฮัว… เด็กคนนี้ดูยังไงก็ลูกนาย… นายแต่งงานมีเมียตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมไม่บอกฉันบ้าง” อู๋เสียถามอย่างแปลกใจเมื่อเห็นเพื่อนในวัยเด็กอุ้มเด็กชายตัวน้อยอายุไม่ถึงขวบดีมาเยี่ยมถึงหางโจว เพราะถ้าคุณชายเซี่ยมีคุณนาย แถมยังมีลูกให้แล้วควรจะเป็นข่าวใหญ่ครึกโครม สาวแก่แม่ม่ายอกหักร้องไห้กัดผ้าเช็ดหน้าทั่วบ้านทั่วเมือง ไม่ใช่เงียบเป็นเป่าสากชนิดที่ตัวเขาเองก็ไม่รู้เรื่องเช่นกัน
“เมียน่ะมีนานแล้ว แต่ลูกเพิ่งมี น่ารักใช่ไหมล่ะ”
“อะไรกัน เรายังเป็นญาติกันอยู่หรือเปล่านายแต่งเมีย แต่ฉันไม่รู้ แถมไม่เคยแนะนำให้รู้จัก”
“นายรู้จัก”
“ซิ่วซิ่ว”
“ไม่ใช่”
นายน้อยสามทำหน้ายุ่งเดาไม่ถูก ถ้าไม่ใช่ซิ่วซิ่ว ผู้หญิงที่ทั้งเขาและเสี่ยวฮัวรู้จักก็มีจำนวนนับนิ้วมือได้แต่ก็ไม่เข้าข่ายสักคน ขณะกำลังคิดไม่ตก ชายหนุ่มเจ้าของบ้านก็ได้ยินเสียงคนเดินลงมาจากชั้นสอง
“เสี่ยวเกอ เสี่ยวฮัวมาแน่ะ” อู๋เสียร้องบอก
เมื่อได้ยินเสียงเรียกร่างสูงในชุดลำลองจึงเดินเข้ามาร่วมวงสนทนา ดวงตาสีดำเบิกกว้างนิดหนึ่งเมื่อเห็นร่างน้อยในอ้อมแขนของคุณชายเก้า นี่คงเป็นสาเหตุหลักที่เพื่อนร่วมลงกรวยของเขาหายไปจากวงการแบบไร้ร่องรอย เขาเอ่ยทักทายแขกตามด้วยถามหาแม่เด็ก
“อยู่ที่โรงแรม ไม่ได้นอนทั้งคืนเพราะเจ้าตัวเล็กกวนเลยไม่ได้พามาด้วย” คุณชายเก้าตอบเรียบๆ
อู๋เสียมองหน้าคนทั้งคู่ซ้ายทีขวาที “เดี๋ยวๆ เสี่ยวเกอนายไปรู้จักแม่ตาหนูนี่ด้วยตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“นายก็รู้จัก” จางฉี่หลิงตอบ
เสียงแจ้งเตือนข้อความเข้าจากโทรศัพท์ของเซี่ยอวี่ฮัวดังขึ้นเสียก่อนที่อู๋เสียผู้กำลังถูกความสงสัยครอบงำกำลังจะระเบิดคำถาม คุณชายเก้ากดดูข้อความนั่นแว่บหนึ่ง
“ฉันต้องกลับแล้ว ไว้คราวหน้าจะมาเยี่ยมใหม่นะอาเฮีย หวังว่ารอบหน้าเจอกันอาเฮียจะมีหลานให้ฉันอุ้มบ้าง”
ไม่พูดเปล่าเซี่ยอวี่ฮัวยังแถมรอยยิ้มของผู้ชนะไว้ให้ทั้งคู่ก่อนขึ้นรถลีมูซีนคันงามจากไป
“คนอวดลูกชัดๆ” อู๋เสียเอ่ยขึ้นพลางโคลงหัว “ว่าแต่นายเถอะบอกฉันที ใครเป็นแม่เด็ก”
“เฮยเสียจื่อ”
คำตอบไม่คาดคิดทำเอาคนถามสำลักน้ำชาจนน้ำหูน้ำตาไหล
“แค่กๆ เสี่ยวเกอนายล้อเล่นอะไร”
“ฉันไม่ได้ล้อเล่น” คู่สนทนาตอบ ขณะลูบหลังอีกฝ่าย จนเห็นว่าเป็นปกติดีแล้วจึงเล่าเรื่องที่ตนรู้ให้ฟัง
หลังจากฟังทุกอย่างจนจบอู๋เสียหันมองร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างๆ อยู่นานจนอีกฝ่ายรู้สึกตัว
“มีอะไร?”
“นายอายุยืนยาว”
คู่สนทนาพยักหน้ารับ
“คนตระกูลนายมีจำนวนน้อย”
“ใช่”
“.....”
“ฉันไม่ได้มีสายเลือดเดียวกับเฮยเสียจื่อ อีกอย่างคนที่เป็นฝ่ายถูกกระตุ้นด้วยการมีสัมพันธ์คือนาย...” จางฉี่หลิงถอนใจอย่างระอา ก่อนตอบอย่างเท่าทันความคิดคนตรงหน้า ประโยคหลังจงใจก้มลงกระซิบที่ริมหูอีกฝ่าย
“...บางทีสกุลอู๋อาจจะมีความสามารถนี้ก็ได้”
END เถอะจ้ะ
Talk: ไม่ได้เขียนฟิคนานเลยค่ะ งานรุม คิดถึงถังกาวม้ากมาก หลายหัวข้อเดลี่อยากเขียนก็ไม่ได้เขียน TwT
ตอนนี้พอว่างบ้างแล้วขอเอาฮัวเฮยมาฝากให้อ่านกันค่ะ งานกาวล้วนๆ ไม่มีสติปน 55+
ต่อจาก Hide and seek นะจ๊ะ
___________
ความลับของสายเลือด
จางฉี่หลิงตัดสินใจยกเลิกภารกิจคว่ำกรวยกลางคันทั้งๆ ที่เพิ่งเข้าไปได้ไม่ถึงครึ่งทาง เขามองเจ้าของฉายาบอดดำที่ยืนพิงผนังถ้ำใบหน้าซีดขาวอย่างชั่งใจ
“ไว้มาใหม่”
“ฉันไหว ได้พักสักหน่อยก็ดีขึ้น” ชายในอาภรณ์สีดำทั้งชุดเถียงทั้งๆ ที่ยังยืนหลับตานิ่งสูดลมหายใจลึกเข้าปอดเป็นระยะ
“นายไม่ไหว”
“ไหวน่า” คู่สนทนายังคงดื้อ ขยับตัวเดินต่อแต่กลับวูบหน้าคว่ำ ดีว่าอีกฝ่ายจับไว้ทันไม่อย่างนั้นหน้าของเขาคงจูบเข้ากับพื้นหินเต็มๆ หลังจากนั้นคือการกึ่งลากกึ่งพยุงเขาออกจากสุสาน
อากาศบริสุทธิ์และลมเย็นที่โชยพัดด้านอยู่ด้านนอกสุสานทำให้ใบหน้าซีดเผือดใต้แว่นสีดำดูสดชื่นขึ้น ชายหนุ่มขอโทษขอโพยคู่หูคว่ำกรวยเรื่องที่ตัวเขาทำให้งานล่ม
“โทษที ทำให้มาเสียเที่ยว”
“ร่างกายนายเป็นไงบ้าง” จางฉี่หลิงถามกลับ ดูไม่ใส่ใจนักว่างานจะสำเร็จหรือไม่
“ฉันเองก็ไม่เข้าใจ อยู่ๆ มันก็ไม่มีแรง” เฮยเสียจื่อตอบ เขาทั้งรู้สึกหงุดหงิดและสงสัย เรี่ยวแรงที่เคยมีมากมายหายไป ทั้งๆที่ตัวเขาไม่ได้รับบาดเจ็บหรือถูกพิษอะไรทั้งนั้น “จะว่าเพราะแผลเดิมจากตอนไปลุยกับแมวยักษ์คราวก่อนก็ไม่ใช่ ฉันมั่นใจว่าตัวเองหายดีแล้ว”
“ลงเขาแล้วนายควรไปตรวจซ้ำ”
“อือ” ชายแว่นดำรับปากอย่างขอไปที
พวกเขาทั้งสองคนตัดสินใจกลับลงมาพักที่โรงแรมท้องถิ่นแห่งหนึ่ง ตั้งใจว่าจะพักสักสองสามวันก่อนจะแยกย้ายกลับบ้าน คืนแรกของการพักผ่อน เฮยเสียจื่อนอนแผ่อยู่บนเตียง เขายังรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพื่อนร่วมห้องบอกให้เขานอนพัก แต่เขาก็หลับไม่ลง ในหัวยังคงครุ่นคิดเกี่ยวกับอาการของตนเอง
วูบหนึ่งเขาคิดว่าคงเพราะใกล้ถึงเวลาของเขาแล้ว ร่างกายจึงเสื่อมสภาพ แต่ใจหนึ่งก็รู้ดีว่ามันยังไม่ถึงเวลา ถึงมันจะใกล้เข้ามาแล้วก็เถอะแต่อย่างน้อยๆ ก็น่าจะอีกหลายสิบปี ร่างสูงเพรียวที่สมบูรณ์พร้อมไปด้วยมัดกล้ามเนื้อสมส่วนพลิกตะแคงซุกหน้ากับหมอนนุ่ม ทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาว่าตัวเองพลาดอะไรไปหรือเปล่า
ครั้งล่าสุดที่เขาลงกรวยคือเมื่อครึ่งปีก่อนหน้า เขาบาดเจ็บค่อนข้างสาหัสจนต้องไปพักฟื้นอยู่ที่เยอรมันอยู่สามเดือน จนคุณชายเก้าตามไปสอบสวนลงโทษปู้ยี่ปู้ยำเขาโทษฐานหนีหน้าไม่บอกไม่กล่าวอยู่ 1 เดือนเต็ม ตามด้วยลากเขากลับมายังปักกิ่งเมื่อสองเดือนก่อนเขาจะออกมาคว่ำกรวยครั้งนี้
คิ้วเข้มสีดำขมวดยุ่งเข้าหากันเมื่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ร่างสูงดีดตัวเองลุกขึ้นมานั่งโงนเงน พูดแทบไม่เป็นคำ
“จางฉี่หลิง ฉันมีเรื่องให้นายช่วย!!!”
**********
เซี่ยอวี่ฮัวกำลังหงุดหงิด ลูกน้องของเขาแจ้งข่าวว่าเจ้างูตัวดีกลับมาจากคว่ำกรวยแล้ว แต่ยังคงขลุกอยู่ที่บ้านพักส่วนตัว ไม่ยอมกลับมาหาเขา พอเขาไปหาถึงบ้าน ก็เห็นเจ้ากิเลนหน้ามึนนั่งหัวโด่เป็นมารขวางคออยู่ในห้องรับแขก มารอบแรกก็เจอ รอบสองก็เจออีกแถมไม่มีวี่แววว่าจะกลับง่ายๆ
“อู๋เสียไม่ว่าหรือ ที่นายไม่กลับเสียที” ริมฝีปากบางเอ่ยถามแกมจิกกัด
“เขารู้ว่าฉันอยู่ที่นี่ เฮยเสียจื่ออาการไม่ค่อยดีหลังจากลงกรวยฉันจึงอยู่เป็นเพื่อน”
คำตอบจากคนตรงหน้ายิ่งทำให้คุณชายเก้ารู้สึกหงุดหงิดทวีคูณ ยิ่งเหลือบมองร่างโปร่งในเสื้อกล้ามสีดำและกางเกงผ้าสีเดียวกันที่กำลังนอนเอกเขนกมีทีท่าลั้นลาอยู่บนโซฟาตัวยาว ดวงตาสีน้ำตาลคมตวัดจ้องประสานดวงตาสีดำสนิทของคู่สนทนา
“สภาพแบบนั้นถ้าจะบอกว่าอาการไม่ดีคงมีแต่สมอง ซึ่งฉันคิดว่าเป็นเรื่องปกติของเจ้านั่น”
“อ้าวคุณชาย ไหงมาลงที่ผม”
เสียงอุทธรณ์จากร่างที่กำลังนอนกลิ้งดูทีวีดังประท้วง แต่ก็เท่านั้นบรรยากาศที่น่าอึดอัดยังคงดำเนินต่อไป และในที่สุดเซี่ยอวี่ฮัวก็เป็นฝ่ายยอมแพ้อีกครั้ง
“ฉันจะกลับ” คุณชายเก้าพูดขึ้นขณะวางแก้วน้ำลงบนโต๊ะกาแฟ มือเรียวขยับเลื่อนโต๊ะนิดหนึ่งเพื่อให้ลุกขึ้นยืนได้สะดวก
“ไม่ส่งนะคร้าบ”
เฮยเสียจื่อกล่าวลาทั้งๆที่ยังนอนกลิ้งอย่างเกียจคร้าน จนแขกผู้มาเยือนอยากเข้าไปกระทืบให้สาแก่ใจที่ถูกกวนประสาท แต่ติดอยู่ที่เจ้ากิเลนใบ้ที่ลุกขึ้นยืนส่งขวางอยู่
จางฉี่หลิงเดินมาส่งแขกจนถึงหน้าประตูบ้าน เมื่อดูจนแน่ใจว่าอีกฝ่ายขับรถออกไปไกลแล้วจึงเดินกลับเข้ามาด้านใน
“นายควรบอกหมอนั่น” สหายร่วมลงกรวยที่นานๆ จะเปิดปากเสียทีพูดเข้าประเด็น ดวงตาสีดำคมมองร่างสูงโปร่งที่นอนแบ่บไร้เรี่ยวแรงบนโซฟาตัวใหญ่ ไม่เหลือทีท่ายียวนกวนบาทาแบบก่อนหน้านี้
เฮยเสียจื่อมองสบสายตาของคู่สนทนาผ่านแว่นตาดำ พลางถอนใจหนัก “จะให้บอกยังไง? เดินดุ่มๆ เข้าไปพูดว่า เฮ้คุณชายเซี่ย สายเลือดตระกูลฉันมันมีความสามารถพิเศษ และเพราะสิ่งที่คุณชายทำกับผม เลยทำให้มันเกิดผลแล้วอย่างนั้นเรอะ!!”
“ใช่”
“นายไม่ใช่ฉันก็พูดง่าย” คนนอนอยู่เถียงคอเป็นเอ็น
“แล้วทำไมต้องทำให้ยาก”
“สมมติถ้านายน้อยสามเป็นแบบฉัน นายจะทำยังไง”
จางฉี่หลิงนิ่งไปครู่ใหญ่ ก่อนริมฝีปากบางจะหยักยิ้มนิดหนึ่งแทนคำตอบ
“โอ้ยๆๆ ฉันตั้งคำถามผิดสินะ” ชายใส่แว่นดำโอดครวญ มือสองข้างแทบจะทึ้งผมตัวเอง
คราวนี้จางฉี่หลิงเป็นฝ่ายถอนใจใส่ นิ้วที่ยาวเป็นพิเศษชี้มาที่ตัวของอีกฝ่าย พูดประโยคยาวกว่าทุกๆ ครั้ง
“นายไม่พูด ยิ่งนานเข้าร่างกายนายมันก็ฟ้อง ให้เซี่ยอวี่เฉินรู้จากปากนายดีกว่าให้เขารู้ด้วยตัวเองหรือจากคนอื่น”
เฮยเสียจื่อเงียบไปอย่างยอมจำนน แต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้จะเริ่มต้นพูดกับคนๆนั้นยังไง
“นายจะไปไหน?” เขาถามเมื่อเห็นจางฉี่หลิงเริ่มเก็บของ
“กลับบ้าน”
ร่างที่นอนอยู่ถอนใจ พยักหน้า “ไปเถอะป่านนี้นายน้อยสามบ่นแย่แล้ว ส่วนคุณชายโมโหออกไปอย่างนั้นคงไม่มาอีกนาน”
“นายก็พักซะ แล้วอย่าลืมบอกเขา” จางฉี่หลิงทิ้งท้ายก่อนจากไป
************
เฮยเสียจื่อปิดปากหาวหวอด เขาทั้งเหนื่อยทั้งง่วง ยิ่งต้องมาแสดงตบตาคุณชายเก้าว่าตนเป็นปกติยิ่งเหนื่อย หลังจากลงเขาวันนั้น เขาขอให้นายใบ้จางช่วยพาเขาไปที่แห่งหนึ่ง ที่ๆ เก็บเรื่องราวความลับดำมืดของสายเลือดพิเศษของตระกูลที่ถูกซ่อนไว้มิดชิดมาตลอดระยะเวลาหลายร้อยปี
เขายังจำได้ดีว่าตัวเองยืนนิ่ง ใบหน้าซีดขาวคล้ายวิญญาณหลุดจากร่าง เมื่อพบคำตอบว่าแท้จริงแล้วตนไม่ได้ป่วยอย่างที่เข้าใจ แต่เป็นเพราะสายเลือดของเขาเอง…..
สายเลือดของเขาอายุยืนยาวก็จริง แต่ก็มีจำนวนคนน้อย ธรรมชาติพิลึกพิลั่นจึงให้ความสามารถอื่นทดแทนมาคือจะหญิงหรือชายก็สามารถให้กำเนิดบุตรได้ ซึ่งในกรณีชาย หากคนๆ นั้นได้รับการกระตุ้นร่างกายจากการมีสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องและยาวนานพอก็มีโอกาสตั้งครรภ์
ก็แน่ล่ะเดือนนึงเต็มๆ ที่เยอรมัน ที่เขาไม่ได้ออกจากบ้าน.....
“คุณชายเพราะคุณคนเดียวววววว” เฮยเสียจื่อตะโกนใส่หมอนที่ตัวเองซุกหน้าอยู่ ชีวิตหลังจากนี้คงหมดโอกาสแต่งเมียเข้าบ้าน แล้วเขาก็สะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูบ้านอีกครั้ง
ชายหนุ่มหันขวับไปทางประตูทั้งๆ ที่ยังนอนอยู่ รู้สึกหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้เมื่อเห็นว่าใครเดินเข้ามา
“คุณชาย ลืมของหรือครับ” เขาเอ่ยทักพยายามบังคับเสียงให้เป็นปกติ
“ใช่” เซี่ยอวี่ฮัวเดินเข้ามาในบ้านตรงไปยังห้องรับแขก
“ยังหนุ่มยังแน่น ขี้หลงขี้ลืม” เฮยเสียจื่ออดไม่ได้ที่จะเอ่ยแซว หัวเราะด้วยน้ำเสียงยียวนเหมือนทุกครั้ง ขณะมองแผ่นหลังแข็งแรงที่ทาบทับด้วยสูทสีดำคิทติ้งเนี้ยบของคนตรงหน้า
“คนขี้ลืมมันตาแก่อย่างนายต่างหาก” คุณชายเซี่ยย้อนเรียบ ก่อนกล่าวประโยคถัดมาด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น แบบที่คนฟังขนหัวลุก “ลืมไปแล้วสินะว่า ฉันเป็นคนนิสัยยังไง?”
“กล่าวหากันแบบนี้ หาพวกเหรอคร้าบ” ร่างสูงตอบแบบใจดีสู้ดอกไม้กินคน ตรงข้ามกับสัญชาตญาณส่วนลึกที่กำลังส่งเสียงร้องเตือนดังลั่นราวไซเรนฉุกเฉิน
“ก็ไม่รู้สินะ....”
ใบหน้าที่ซีดเซียวอยู่แล้วของคนชอบกวนประสาทคราวนี้ขาวเผือดราวกระดาษ เมื่อเห็นอีกฝ่ายล้วงมือเข้าไปใต้โต๊ะกาแฟกลางห้อง ดึงเอาวัตถุเล็กๆ คล้ายไมค์ขนาดจิ๋วที่ดูยังไงก็เครื่องอัดเสียงหรือไม่ก็เครื่องดักฟังออกมาไว้ในมือข้างหนึ่ง
‘ชิบหาย!!! คุณพระคุณเจ้าช่วยลูกงูด้วยยย’ เฮยเสียจื่อสบถลั่นอยู่ในใจ
“เรื่องที่หนีไปเยอรมันจนฉันต้องถ่อไปตามถึงที่ก็เพิ่งจะผ่านไปไม่นาน นายก็ลืมเสียแล้ว นายก็รู้ว่าฉันไม่ชอบที่นายมีเรื่องปิดบัง แล้วนี่จะต้องให้ฉันสอบสวนแบบครั้งนั้นหรือนายจะเล่าเรื่องทั้งหมดเองหืออ... เฮยเสียจื่อ”
ริมฝีปากบางของคุณชายเซี่ยคลี่ยิ้มหวาน แต่ดวงตาไม่ยิ้มด้วย เฮยเสียจื่อขยับตัวหนีตามสัญชาตญาณแต่ก็ไม่ทันอีกฝ่ายก้าวพรวดเดียวก็จับตัวเขากดแน่นติดโซฟา
“โอ้ย!!”
“กล้าดียังไงเอาผู้ชายอื่นเข้าบ้าน แถมยังมีความลับที่เจ้าหมอนั่นรู้แต่ฉันไม่รู้ นี่ฉันควรจะลงโทษนายยังไงดี” เสียงหวานแต่แฝงไว้ด้วยความดุดันถาม
“คุณชายปล่อยก่อน…”
ร่างสูงเพรียวที่อยู่ด้านล่างพยายามดิ้นรนสุดชีวิต ในยามปกติเขาก็สู้แรงอีกฝ่ายไม่ได้อยู่แล้ว คนบ้าอะไรไม่รู้แรงควายผิดรูปร่างหน้าตา นับประสาอะไรกับสภาพร่างกายตัวเองตอนนี้ เฮยเสียจื่อต้องรีบตัดสินใจทำอะไรสักอย่างก่อนตัวเองจะกลายเป็นข่าวพาดหัวสามีหึงโหดซ้อมภรรยาตายทั้งกลม
เซี่ยอวี่ฮัวปล่อยเขาจริงๆ แต่หลังจากที่ลอกคราบเขา เอาเข็มขัดมัดแขนเขาไพล่หลังเสร็จแล้ว
ชายแว่นดำลอบกลืนน้ำลาย ดวงตาสีแปลกใต้แว่นดำมองตามร่างอีกฝ่ายที่เดินไปปิดล็อคบ้าน ปิดม่านปิดไฟ เปิดเพลงที่ดังพอจะกลบเสียงอะไรก็ตามที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้เป็นภาพเดจาวูเหมือนกับเมื่อตอนอยู่เยอรมันไม่มีผิด
..
..
บางทีควรจะเปลี่ยนพาดหัวข่าวใหม่เป็น สามีหึงหื่นข่มขืนภรรยาตายทั้งกลม
..
..
เซี่ยอวี่ฮัวถอดสูทพาดไว้บนเก้าอี้ ปลดกระดุมเสื้อเชิร์ตสองสามเม็ด เดินกลับมาหาร่างเปลือยเปล่าที่นอนแอ้งแม้งไม่มีท่าทีขัดขืนโวยวายอย่างที่ควรจะเป็น ดวงตาสีน้ำตาลคมกริบกวาดมองสำรวจร่างเปลือยตรงหน้า ผิวเนื้อเรียบลื่นออกขาวเพราะเจ้าตัวไม่ชอบออกแดด และรอยแผลเป็นจางๆ บนกล้ามเนื้อสมส่วนทั่วตัว ดูแล้วก็ไม่มีอะไรผิดปกติอย่างที่เจ้ากิเลนบอกเสียหน่อย
จะมีก็แต่….
ร่างโปร่งของคุณชายเก้า ขึ้นคร่อมร่างอีกฝ่ายไว้ใต้ตัว ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มเย็น ถอดแว่นที่ปิดบังแววตาของร่างใต้ตัวเองออกวางไว้บนโต๊ะใกล้ๆ นิ้วเรียวไล้ไปตามไลน์กล้ามเนื้อของอีกฝ่ายจากไหปลาร้า ผ่านยอดอกสีอ่อน ระเรื่อยไปจนถึงจุดกลางลำตัว รุกล้ำเข้าสู่ช่องทางเบื้องหลัง
เฮยเสียจื่อสะดุ้งเฮือก พยายามขยับตัวหนีสัมผัสหยาบโลนไร้การถนอมใดๆ การสอบปากคำเริ่มต้นขึ้นแล้ว
มือหนึ่งรูดรั้งเบื้องหน้า อีกข้างสอดควานเบื้องหลังจากหนึ่งเป็นสอง จากสองเป็นสาม ชายหนุ่มผู้ถูกกระทำพยายามอย่างยิ่งที่จะกลั้นเสียงร้องของตัวเอง แน่ล่ะว่ามันสร้างความขัดใจให้กับอีกฝ่าย นิ้วเรียวทั้งสามจึงกวาดควานลึกรุนแรงขึ้นจนเขาร้องลั่นปลดปล่อยตัวเองเปรอะเปื้อนฝ่ามือกร้าน
“คุณชาย!!”
เซี่ยอวี่ฮัวคำรามเบาอย่างพึงพอใจ “เอาล่ะทีนี้จะบอกได้หรือยังว่านายมีความลับอะไร”
ดวงตาสีแปลกเต็มไปด้วยความลำบากใจ ไม่มั่นใจ ในสายตาของเซี่ยอวี่ฮัวเขาไม่เคยเห็นเจ้าตัวป่วนของเขาเป็นแบบนี้มาก่อน อันที่จริงเขารู้สึกแปลกตั้งแต่ที่มันไม่ขัดขืน ไม่ปากดี และดูอ่อนแรงอย่างผิดปกติ เขาถึงยังไม่ได้ทำอะไรรุนแรงมากนักอย่างที่เขาอยากทำให้หนำใจ
“คุณชาย…. ผม….”
“อะไร? ฉันไม่ได้ยิน….” คุณชายเซี่ยถามย้ำ พลางเริ่มต้นขยับนิ้วที่ยังคาอยู่ในร่างอีกฝ่าย จนอีกฝ่ายกลั้นใจตอบเสียงดังแบบอะไรจะเกิดก็เกิด
“ผมท้อง!!!”
ดวงตาสีน้ำตาลคมเบิกกว้างกับคำตอบที่ได้รับ ก่อนหรี่มอง ย้อนถามเสียงเย็น
“ยังจะพูดเล่น นายอยากถูกล่ามติดเตียงทั้งชีวิตนักรึไง”
“ถึงผมจะชอบพูดเล่น แต่ถ้ามันเรื่องคอขาดบาดตายกับชีวิตตัวเองแบบนี้ผมก็ไม่คิดจะเล่นหรอกนะ”
“นายเป็นผู้ชาย….”
“ใช่ เพราะแบบนี้ผมถึงไม่บอก ถึงบอกไปคุณก็ไม่เชื่อ”
คิ้วเรียวของเซี่ยอวี่ฮัวขมวดมุ่นเข้าหากัน ยอมถอนนิ้วที่กำลังรุกรานอีกฝ่ายออก ดวงตาสีน้ำตาลสวยจ้องดวงตาสีแปลกนิ่งก่อนออกคำสั่ง
“เล่ามาให้หมด”
ในที่สุดเรื่องราวทุกอย่างพรั่งพรูออกจากปากเฮยเสียจื่ออยากหมดเปลือก ตบท้ายด้วยการบอกให้อีกฝ่ายไปเปิดลิ้นชักบนสุดของตู้เก็บของในนั้นมีบันทึกโบราณเล่มหนึ่ง เป็นบันทึกต้องห้ามของสกุลเฮยรายละเอียดทั้งหมดอยู่ในนั้น
คุณชายเก้าถอนใจยาวหลังจากฟังเรื่องทุกอย่างจบ ชายหนุ่มปลดเข็มขัดที่มัดพัดอีกฝ่ายออก ลุกขึ้นไปเอาเสื้อสูทของตัวเองมาคลุมร่างอีกฝ่ายไว้ก่อนจะเดินไปที่ลิ้นชักที่ว่า บันทึกโบราณถูกเก็บอยู่ในนั้นจริงๆ ตามที่บอก เขาหยิบมันขึ้นมาพลิกผ่านๆ อย่างเบามือครู่หนึ่ง พอหันกลับมาก็เห็นอีกคนกำลังลุกเดินโซเซมาทางเขา ชายหนุ่มวางบันทึกลงก้าวยาวๆ เข้ามาตวัดช้อนอุ้มอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว จนคนถูกอุ้มตั้งตัวไม่ทันร้องเสียงหลง
“คุณชาย!”
“ยืนไม่ไหวอยู่แล้วไม่ใช่รึ นายมันก็แบบนี้ ดื้อ ปากแข็ง ชอบทำอะไรเกินกำลัง ชอบทำให้เป็นห่วง” คนอุ้มดุ คิ้วเรียวขมวดนิดหนึ่งเมื่อรู้สึกได้ถึงน้ำหนักตัวของคนในอ้อมแขนที่ลดลง
แม้เฮยเสียจื่อจะสูงกว่าเขาอยู่หน่อยหนึ่งแต่มันไม่ใช่ไปัญหา เขาอุ้มอีกฝ่ายเดินลิ่วไปยังห้องนอน วางอีกฝ่ายลงบนเตียงกว้างดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวให้ ดวงตาสีแปลกที่บัดนี้ทอดซึมมองใบหน้าสวยงามราวอิสตรีตรงข้ามกับนิสัยและการกระทำอย่างสิ้นเชิงของคนที่นั่งอยู่ข้างเตียง
“มีอะไรที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ หรือฉันควรจะรู้อีกไหม” คนที่เพิ่งรู้ตัวว่าจะได้เป็นเตี่ยหมาดๆ ถาม
“ไม่มีแล้วครับ ทุกอย่างที่ผมรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ผมบอกไปหมดแล้ว”
“ดี จากนี้มีอะไรก็บอกอย่าปิดฉัน”
คนหน้าสวยใจเหี้ยมกล่าวสำทับ มือเรียวหยิบมือถือขึ้นมากดแป้นข้อความรัวเร็วและกดส่ง
“งาน?”
“ก็ไม่เชิง ฉันแค่สั่งยกเลิกการหาคน”
“หาใคร?”
“หาผู้หญิงดีๆ สุขภาพแข็งแรง”
คิ้วสีดำเรียวขมวดเข้าหากันจากคำตอบที่ได้รับโดยไม่รู้ตัว
“แต่ไม่จำเป็นแล้ว” เซี่ยอวี่ฮัวกล่าวต่อ พลางใช้นิ้วเรียวจิ้มจึ่กลงไปตรงหว่างคิ้วที่กำลังขมวดยุ่งอย่างไม่ค่อยพอใจของอีกฝ่าย เรียกเสียงโวยวายจากร่างที่นอนอยู่จนต้องปิดปากให้เสียงเงียบลงด้วยริมฝีปากของตนเนิ่นนานก่อนจะปล่อยให้เป็นอิสระ
เฮยเสียจื่อมองอีกฝ่ายที่มีสีหน้าครุ่นคิดบางอย่าง
“คุณกำลังคิดอะไร?”
“กำลังคิดว่าสอง... ไม่สิ... สี่ดีกว่า เอ...หรือสักครึ่งโหล”
ดวงตาสีแปลกที่มองอีกฝ่ายยังคงเต็มไปด้วยความสงสัย
ริมฝีปากสีอ่อนของเซี่ยอวี่ฮัวแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์เอาจริง ใบหน้าขาวเนียนก้มลงกระซิบริมหู ด้วยน้ำเสียงนุ่มชัดเจน ขณะที่เฮยเสียจื่อหน้าซีดเผือดกับคำตอบที่ได้รับ
“ลูกเรา...”
END
- แถม -
เด็กน้อยตัวจิ๋วหลิวแก้มยุ้ยกลมสีชมพู เส้นผมดูนุ่มนิ่มสีดำ และดวงตารียาวสีน้ำตาลอ่อนจ้องเป๋งไปยังเจ้าของร้านขายแผ่นลอกลาย
“เสี่ยวฮัว… เด็กคนนี้ดูยังไงก็ลูกนาย… นายแต่งงานมีเมียตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมไม่บอกฉันบ้าง” อู๋เสียถามอย่างแปลกใจเมื่อเห็นเพื่อนในวัยเด็กอุ้มเด็กชายตัวน้อยอายุไม่ถึงขวบดีมาเยี่ยมถึงหางโจว เพราะถ้าคุณชายเซี่ยมีคุณนาย แถมยังมีลูกให้แล้วควรจะเป็นข่าวใหญ่ครึกโครม สาวแก่แม่ม่ายอกหักร้องไห้กัดผ้าเช็ดหน้าทั่วบ้านทั่วเมือง ไม่ใช่เงียบเป็นเป่าสากชนิดที่ตัวเขาเองก็ไม่รู้เรื่องเช่นกัน
“เมียน่ะมีนานแล้ว แต่ลูกเพิ่งมี น่ารักใช่ไหมล่ะ”
“อะไรกัน เรายังเป็นญาติกันอยู่หรือเปล่านายแต่งเมีย แต่ฉันไม่รู้ แถมไม่เคยแนะนำให้รู้จัก”
“นายรู้จัก”
“ซิ่วซิ่ว”
“ไม่ใช่”
นายน้อยสามทำหน้ายุ่งเดาไม่ถูก ถ้าไม่ใช่ซิ่วซิ่ว ผู้หญิงที่ทั้งเขาและเสี่ยวฮัวรู้จักก็มีจำนวนนับนิ้วมือได้แต่ก็ไม่เข้าข่ายสักคน ขณะกำลังคิดไม่ตก ชายหนุ่มเจ้าของบ้านก็ได้ยินเสียงคนเดินลงมาจากชั้นสอง
“เสี่ยวเกอ เสี่ยวฮัวมาแน่ะ” อู๋เสียร้องบอก
เมื่อได้ยินเสียงเรียกร่างสูงในชุดลำลองจึงเดินเข้ามาร่วมวงสนทนา ดวงตาสีดำเบิกกว้างนิดหนึ่งเมื่อเห็นร่างน้อยในอ้อมแขนของคุณชายเก้า นี่คงเป็นสาเหตุหลักที่เพื่อนร่วมลงกรวยของเขาหายไปจากวงการแบบไร้ร่องรอย เขาเอ่ยทักทายแขกตามด้วยถามหาแม่เด็ก
“อยู่ที่โรงแรม ไม่ได้นอนทั้งคืนเพราะเจ้าตัวเล็กกวนเลยไม่ได้พามาด้วย” คุณชายเก้าตอบเรียบๆ
อู๋เสียมองหน้าคนทั้งคู่ซ้ายทีขวาที “เดี๋ยวๆ เสี่ยวเกอนายไปรู้จักแม่ตาหนูนี่ด้วยตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“นายก็รู้จัก” จางฉี่หลิงตอบ
เสียงแจ้งเตือนข้อความเข้าจากโทรศัพท์ของเซี่ยอวี่ฮัวดังขึ้นเสียก่อนที่อู๋เสียผู้กำลังถูกความสงสัยครอบงำกำลังจะระเบิดคำถาม คุณชายเก้ากดดูข้อความนั่นแว่บหนึ่ง
“ฉันต้องกลับแล้ว ไว้คราวหน้าจะมาเยี่ยมใหม่นะอาเฮีย หวังว่ารอบหน้าเจอกันอาเฮียจะมีหลานให้ฉันอุ้มบ้าง”
ไม่พูดเปล่าเซี่ยอวี่ฮัวยังแถมรอยยิ้มของผู้ชนะไว้ให้ทั้งคู่ก่อนขึ้นรถลีมูซีนคันงามจากไป
“คนอวดลูกชัดๆ” อู๋เสียเอ่ยขึ้นพลางโคลงหัว “ว่าแต่นายเถอะบอกฉันที ใครเป็นแม่เด็ก”
“เฮยเสียจื่อ”
คำตอบไม่คาดคิดทำเอาคนถามสำลักน้ำชาจนน้ำหูน้ำตาไหล
“แค่กๆ เสี่ยวเกอนายล้อเล่นอะไร”
“ฉันไม่ได้ล้อเล่น” คู่สนทนาตอบ ขณะลูบหลังอีกฝ่าย จนเห็นว่าเป็นปกติดีแล้วจึงเล่าเรื่องที่ตนรู้ให้ฟัง
หลังจากฟังทุกอย่างจนจบอู๋เสียหันมองร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างๆ อยู่นานจนอีกฝ่ายรู้สึกตัว
“มีอะไร?”
“นายอายุยืนยาว”
คู่สนทนาพยักหน้ารับ
“คนตระกูลนายมีจำนวนน้อย”
“ใช่”
“.....”
“ฉันไม่ได้มีสายเลือดเดียวกับเฮยเสียจื่อ อีกอย่างคนที่เป็นฝ่ายถูกกระตุ้นด้วยการมีสัมพันธ์คือนาย...” จางฉี่หลิงถอนใจอย่างระอา ก่อนตอบอย่างเท่าทันความคิดคนตรงหน้า ประโยคหลังจงใจก้มลงกระซิบที่ริมหูอีกฝ่าย
“...บางทีสกุลอู๋อาจจะมีความสามารถนี้ก็ได้”
END เถอะจ้ะ
asra- ด้วง
- จำนวนข้อความ : 47
Points : 3563
Join date : 02/11/2014
Re: [OS] ความลับของสายเลือด (ฮัวเฮย / ผิงเสีย) Rate: NC-15
เสี่ยวเกออออ อยากมีลูกสินะคะ นายน้อยจะมีความสามารถนั้นมั้ยหนอ หุหุ
yakusoku- ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
- จำนวนข้อความ : 369
Points : 3842
Join date : 05/11/2014
ที่อยู่ : โลงในสุสานโบราณ
Re: [OS] ความลับของสายเลือด (ฮัวเฮย / ผิงเสีย) Rate: NC-15
วั้ยยยยๆ เสี่ยวฮัวคนอวดลูก 555
ตระกูลอู๋มีบ้างไม๊ค่ะ คริๆ
ตระกูลอู๋มีบ้างไม๊ค่ะ คริๆ
Luckey.B- ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
- จำนวนข้อความ : 102
Points : 3318
Join date : 20/07/2015
ที่อยู่ : ใต้ถุนบ้านสกุลจาง ใต้ดินบ้านอาสาม
Re: [OS] ความลับของสายเลือด (ฮัวเฮย / ผิงเสีย) Rate: NC-15
แทบร้องกรี้ดตอนแว่นมีเลือดพิเศษ
ตาคุณชายเซี่ยนี่ก็เหลือเกิน...เมียกำลังไม่สบายยังจะมา !@#$%^
ดีนะที่ยังมือทัน...แต่พอรู้แล้วนี่แบบ อี๋...ครึ่งโหล...ถามแว่นหน่อยมั้ย
มีการเอามาอวดนายน้อยสามอีกนะ
ชอบตรงนายน้อยแอบนินทา 5555 คนอวดลูก
ฟฟฟฟฟฟฟ จริงๆกะข่มเสี่ยวเกอด้วยรึเปล่า
เสี่ยวเกอถึงกับรีบดับมโนนายน้อย กลัวนายน้อยเทิร์นเมะใส่เหรอคะ 555
... “...บางทีสกุลอู๋อาจจะมีความสามารถนี้ก็ได้” จางอากงร้ายกาจนัก...
ตาคุณชายเซี่ยนี่ก็เหลือเกิน...เมียกำลังไม่สบายยังจะมา !@#$%^
ดีนะที่ยังมือทัน...แต่พอรู้แล้วนี่แบบ อี๋...ครึ่งโหล...ถามแว่นหน่อยมั้ย
มีการเอามาอวดนายน้อยสามอีกนะ
ชอบตรงนายน้อยแอบนินทา 5555 คนอวดลูก
ฟฟฟฟฟฟฟ จริงๆกะข่มเสี่ยวเกอด้วยรึเปล่า
เสี่ยวเกอถึงกับรีบดับมโนนายน้อย กลัวนายน้อยเทิร์นเมะใส่เหรอคะ 555
... “...บางทีสกุลอู๋อาจจะมีความสามารถนี้ก็ได้” จางอากงร้ายกาจนัก...
The_Dark_Lady- ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
- จำนวนข้อความ : 301
Points : 3646
Join date : 21/06/2015
Age : 29
ที่อยู่ : On the Land, Below the sky
Re: [OS] ความลับของสายเลือด (ฮัวเฮย / ผิงเสีย) Rate: NC-15
อรั๊กกกกกกกกกกกกกก คารวะธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ //วิ่งไปโขกหัวคำนับแปดทิศบนฉางไป๋ซาน
เป็นสายเลือดที่ดีย์ ฮรือออออออ ทำไมจางอากงไม่มีบ้าง!! //โดนดาบดำกระซวก
แงงงง อายุยืนยาว *เหล่* ตระกูลมีจำนวนน้อย *เหล่หนัก* ..... นายน้อยนี่ทรงมาดีมาก เกือบละ แต่จางอากงมาเหนือกว่า "คนที่ถูกกระตุ้นก็คือนาย" //หวีดดดดดดดดดดดด นายน้อยยย ประสบการณ์มันต่างกัน ถถถถถถถ
เสี่ยวฮัวนี่ ฮู้ยยย ขี้อวดดด เอาลูกมาอวด ทิ้งแม่เฉย นี่เรียกหลงลูกลืมเมีย ฟฟฟฟฟฟ
เป็นสายเลือดที่ดีย์ ฮรือออออออ ทำไมจางอากงไม่มีบ้าง!! //โดนดาบดำกระซวก
แงงงง อายุยืนยาว *เหล่* ตระกูลมีจำนวนน้อย *เหล่หนัก* ..... นายน้อยนี่ทรงมาดีมาก เกือบละ แต่จางอากงมาเหนือกว่า "คนที่ถูกกระตุ้นก็คือนาย" //หวีดดดดดดดดดดดด นายน้อยยย ประสบการณ์มันต่างกัน ถถถถถถถ
เสี่ยวฮัวนี่ ฮู้ยยย ขี้อวดดด เอาลูกมาอวด ทิ้งแม่เฉย นี่เรียกหลงลูกลืมเมีย ฟฟฟฟฟฟ
Rozenkreuz- ด้วงอาณาจักรเจ้าแม่ซีหวังหมู่
- จำนวนข้อความ : 625
Points : 3860
Join date : 01/07/2015
Age : 31
ที่อยู่ : กองทัพผีเก็บเห็ดแห่งประตูสำริด
Re: [OS] ความลับของสายเลือด (ฮัวเฮย / ผิงเสีย) Rate: NC-15
โอยยยยยยยยยยย เรื่องนี้คือดีงาม ฮัวเฮยบันไซซซซซซซซซ!!
วิ่งมาช่วยแจวแพอย่างว่องไว พี่เฮยเป็นคุณแม่ลูกอ่อนไปแล้ว หมั่นไส้คุณชายจริงจัง เห่อลูกไปไหมคะ
วิ่งมาช่วยแจวแพอย่างว่องไว พี่เฮยเป็นคุณแม่ลูกอ่อนไปแล้ว หมั่นไส้คุณชายจริงจัง เห่อลูกไปไหมคะ
Re: [OS] ความลับของสายเลือด (ฮัวเฮย / ผิงเสีย) Rate: NC-15
มีเพื่อนเอาฟิคนี้มาให้เรา เราถึงกับต้องไปหาพาสบอดเลยคะไม่ได้เข้านานจนลืม ฮืออออ เข้ามาเพื่อเม้มโโยเฉพาะอยากบอกว่ามันเลอค่ามาก
คืออยากร้องไห้ให้กับนายแว่นพร้อมกับตบมือให้ับคุณชายเซี่ยน้ำยาดีเหลือเกิอน เลี้ยงสัก 10 คนคุณชายก็ขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอก เฮยเสียจื่อเอ๋ย นายคิดว่าจะปิดคุณชายได้หรือไง ชอบคู่นี้มากจริงๆมันน่ารัก อีกอย่างชอบที่คุณแต่งด้วย พี่เฮยเป็นผู้ชายอยู่ไม่ได้สาว แงงง ขอให้แต่งออกมาอีกเยอะๆนะคะ
คืออยากร้องไห้ให้กับนายแว่นพร้อมกับตบมือให้ับคุณชายเซี่ยน้ำยาดีเหลือเกิอน เลี้ยงสัก 10 คนคุณชายก็ขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอก เฮยเสียจื่อเอ๋ย นายคิดว่าจะปิดคุณชายได้หรือไง ชอบคู่นี้มากจริงๆมันน่ารัก อีกอย่างชอบที่คุณแต่งด้วย พี่เฮยเป็นผู้ชายอยู่ไม่ได้สาว แงงง ขอให้แต่งออกมาอีกเยอะๆนะคะ
kuramajoy- ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
- จำนวนข้อความ : 206
Points : 3783
Join date : 27/10/2014
Re: [OS] ความลับของสายเลือด (ฮัวเฮย / ผิงเสีย) Rate: NC-15
*จิกหมอนขาดไปสามใบ* โอย...ลูกเป็นโหลนี่ถามคนคลอดยังคะ ถ้านายเเว่นงอนหอบลูกหนีลงสุสานไม่รู้ด้วยนะคะ555+
meanato- ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
- จำนวนข้อความ : 487
Points : 3973
Join date : 27/10/2014
Age : 26
ที่อยู่ : หลังประตูสัมฤทธิ์
Similar topics
» [OS] #dmbjdaily (นม) ชานมไข่มุก [ผิงเสีย ,เออร์เหลียน] Rate-PG
» [Drabble] รวมหนาวเดอะซีรีย์ 9 (ฮัวเฮย/ผิงเสีย)
» [fic] สะใภ้ตระกูลอู๋ 1[ผิงเสีย/ฮัวเฮย]
» [Drabble] รวมหนาวเดอะซีรีย์ 10 (ฮัวเฮย/ผิงเสีย)
» [fic] สะใภ้ตระกูลอู๋ 2[ผิงเสีย/ฮัวเฮย]
» [Drabble] รวมหนาวเดอะซีรีย์ 9 (ฮัวเฮย/ผิงเสีย)
» [fic] สะใภ้ตระกูลอู๋ 1[ผิงเสีย/ฮัวเฮย]
» [Drabble] รวมหนาวเดอะซีรีย์ 10 (ฮัวเฮย/ผิงเสีย)
» [fic] สะใภ้ตระกูลอู๋ 2[ผิงเสีย/ฮัวเฮย]
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|
Fri 24 Jul 2020, 01:39 by gustoon
» [คู่มือด้วง] Keyword จีนสำหรับการขุด(แฟนดอม)สุสาน
Thu 21 Jun 2018, 00:29 by miskizfullmoon
» มังฮวาและภาคทิเบต
Thu 21 Jun 2018, 00:23 by miskizfullmoon
» [OS] Father is the best (ผิงเสีย)
Thu 03 Aug 2017, 16:12 by schneewittchen
» [Fic] สิ่งเล็กๆที่เชื่อมโลก5 [เมินโหยวผิง+อู่เสีย+เสี่ยอ้วน]+OC
Tue 01 Aug 2017, 12:30 by natsume
» [OS] #dmbjdaily (จูปาจุ๊บ) Bittersweet [ผิงเสีย AU]
Thu 06 Apr 2017, 15:58 by Zeth
» [OS] #dmbjdaily "โทรศัพท์มือถือ" - no Pairing [All]
Tue 04 Apr 2017, 22:27 by Zeth
» [OS] #DMBJDaily (แว่น): ระยะที่มองไม่เห็น [ฮัวเสีย]
Sat 01 Apr 2017, 16:55 by Zeth
» [OS] #DMBJdaily (5.20) ท่านยอดฝีมือ [หวังเหมิง (+เหมิงเสีย)(+ผิงเสีย)]
Thu 30 Mar 2017, 17:24 by Zeth