Countdown
We've been
togerther for
ค้นหา
Latest topics
Most active topics
[One Shot](+Original Character) Her - Pan Zi (พานจื่อ)(สปอยล์เล่ม7-10)
3 posters
หน้า 1 จาก 1
[One Shot](+Original Character) Her - Pan Zi (พานจื่อ)(สปอยล์เล่ม7-10)
[Dao Mu Bi Ji-Fanfiction] [One Shot] Her - Pan Zi (+Original Character)
Story: KagaHika
Note: สาวน้อยในเรื่องเป็นออริจินัลคาแรคเตอร์ของเราเองค่ะ แรงรักเฮียพานทำให้เขียนฟิคนี้ขึ้นมา ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าหลุดกรอบเฮียพานไปหรือเปล่า แต่ก็คิดว่าอย่างน้อยๆ เฮียก็น่าจะมีมุมนี้แอบซ่อนเอาไว้เหมือนกัน สุดท้ายนี้ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านนะคะ
---
เธอเป็นผู้หญิงที่เห็นได้ชัดเจนว่าอยู่ในรอยต่อของเด็กสาวและหญิงสาว
ใบหน้าของเธออ่อนเยาว์ดูเด็กกว่าอายุจริงทว่ามักจะแสดงท่าทีเรียบเฉยไม่ยิ้มแย้ม แว่นตากรอบดำทรงเหลี่ยมทำให้ดูดุผิดกับนิสัยจริงๆ รูปร่างจัดว่าสมส่วน แม้ในหมู่ผู้หญิงด้วยกันจะถือว่าค่อนข้างสูง แต่เมื่อเราอยู่ใกล้กันผมก็พลันรู้สึกว่าเธอตัวเล็กกว่าความเป็นจริงอยู่เสมอ
ผิวขาว แก้มป่อง ดวงตาสีเข้ม ริมฝีปากอิ่มเต็ม และช่วงไหล่แคบมนที่ซุกตัวอยู่ใต้เสื้อผ้าสีเข้มเหมือนเด็กผู้ชาย เส้นผมของเธอเป็นสีดำปนร่องรอยของแดดที่ลามเลียจนกลายเป็นสีน้ำตาล ผมเส้นเล็กละเอียดหยิกธรรมชาติอย่างที่จัดทรงได้ยาก จะเป็นลอนก็ไม่เป็น จะเหยียดตรงก็ไม่ใช่ ครึ่งๆ กลางๆ แลดูกระเซอะกระเซิงเหมือนคนไม่ได้หวีผม ถึงจะบ่นอยู่เรื่อยๆ แต่เธอก็ยังรักษาเส้นผมของตัวเองปล่อยให้ยาวจรดเอวอยู่ดี
เวลาที่เราพบกันเธอมักจะรวบผมเอาไว้ ครึ่งศีรษะบ้าง รวบหลวมๆ ไว้ที่ท้ายทอยบ้าง บางครั้งก็รวบเอียงไว้ที่ไหล่ข้างใดข้างหนึ่ง บางครั้งก็ถักเป็นเปีย และน้อยครั้งมากที่จะปล่อยสยาย
...มันดูไม่เรียบร้อยน่ะ เดี๋ยวคนเขาจะคิดว่าไม่ได้หวีผมมา...
เธอให้เหตุผลเช่นนั้นด้วยรอยยิ้มและผมก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
ความสัมพันธ์ของเราเป็นสิ่งที่เลือนรางและยากจะอธิบาย เธออายุน้อยกว่าผมเป็นรอบหรือบางทีอาจจะมากกว่านั้น เธออยู่ในที่สว่างและผมอยู่ในที่มืด เธอร่ำเรียนมหาวิทยาลัยมีความรู้ในขณะที่ผมไม่ ถ้าหากวันนั้นเธอไม่ติดสอยห้อยตามอาจารย์มาที่ร้านของพี่สาม ชาตินี้เราก็คงไม่มีวันได้โคจรมาพบกันเป็นแน่
ผมจำไม่ได้ว่าตัวเองรู้สึกอย่างไรตอนที่เจอเธอครั้งแรก ผู้หญิงหน้าตาบึ้งตึงท่าทางเย็นชาไม่มีอะไรโดดเด่น แต่งตัวทะมัดทะแมงเหมือนเด็กผู้ชาย ผมรวบเป็นหางม้าแต่ยังยาวจรดเอวดูเกะกะสายตา ระหว่างที่บทสนทนาของการซื้อขายดำเนินไปก็เอาแต่เดินวนรอบร้านมองสินค้าด้วยความเงียบ ตอนนั้นผมคิดแค่ว่าเธอเป็นลูกค้าขาจรคนหนึ่งที่ผ่านเข้ามาแล้วก็จะผ่านออกไปเหมือนคนอื่นๆ
แต่ผมคิดผิด
เมื่อการซื้อขายจบลง อาจารย์ของเธอไปทำธุระที่อื่นต่อและเธอต้องรับหน้าที่ในการขนของพวกนั้นกลับ เพราะปริมาณที่มากประจวบกับเป็นเวลาย่ำค่ำ อาจารย์ของเธอจึงออกความเห็นสิ้นคิดด้วยการเพิ่มเงินให้และขอให้พี่สามจัดคนไปส่งเธอที่มหาวิทยาลัย พี่สามต้องการเอาใจลูกค้ามือเติบและหน้าที่เด็กส่งของก็กลายมาเป็นหน้าที่ของลูกน้องคนสนิทอย่างไอ้พานจื่อคนนี้
เมื่อพี่สามสั่งมาว่าให้บริการให้ดี ลูกน้องที่ดีอย่างพานจื่อก็ทำตามอย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง แม้ว่าจะรู้สึกเหมือนนั่งรถมากับก้อนน้ำแข็งเดินได้ที่เอาแต่เงียบไม่พูดไม่จา ทว่านั่นก็นับเป็นเรื่องดี ผมเองก็ไม่ชอบผู้หญิงที่เอาแต่ส่งเสียงแหลมๆ น่ารำคาญทั้งวันเหมือนกัน แต่เงียบเกินไปอย่างเธอก็ชวนให้คิดว่าเป็นใบ้หรือเปล่า ถึงอย่างนั้นผมก็ทำหน้าที่เด็กส่งของที่ดี ช่วยเธอขนของลงจนหมดและวนรถไปส่งเธอที่หน้าทางเข้าหอพักเป็นการตบท้าย
ตอนที่เธอก้าวลงจากรถและหันมายิ้มขอบคุณนั่นเองที่ทำให้ผมรู้สึกว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น แต่ยังคงคิดว่าเธอเป็นแค่ลูกค้าขาจรคนหนึ่ง และคนอย่างเราก็คงไม่โคจรมาพบกันอีกเป็นครั้งที่สอง
แม้ไม่อยากจะเชื่อ แต่ความบังเอิญที่มีอยู่จริงก็เกิดขึ้นกับผู้ชายที่ชื่อพานจื่ออีกครั้ง จากความบังเอิญที่ได้ พบกัน ก็กลายเป็นเจตนาของผมที่พาตัวเองไปพบกับเธออีกครั้ง ...และอีกครั้ง
ความสัมพันธ์ของเราเป็นสิ่งที่เลือนรางและยากจะอธิบาย เราพบกันเดือนละครั้งหรือสองครั้งเป็นอย่างมาก ในรูปแบบที่เหมือนบังเอิญได้เจอมากกว่าจะนัดหมายกันออกมาพบปะ ...บางทีแม้แต่ตอนนี้เธออาจจะยังเข้าใจว่าการพบเจอทุกครั้งของเราเป็นเรื่องบังเอิญก็เป็นได้
การเป็นคนรู้จักของเรานั้นช่างผิวเผินและไร้จุดหมาย เวลาที่พบกันเพียงได้นั่งจิบน้ำชาคุยกันหรือกินข้าวด้วยกันสักมื้อก็ถือเป็นโชคใหญ่หลวง ...แค่เดือนละครั้งที่ได้เห็นรอยยิ้มซื่อๆ ของผู้หญิงคนนั้นก็เพียงพอแล้ว
ตอนที่นายน้อยไล่ให้ผมไปแต่งเมียสักคนนั้น ใบหน้าของเธอลอยผ่านเข้ามาในหัว แต่เพราะสำนึกที่ยังพอมีอยู่บ้างทำให้ผมรั้งตัวเองเอาไว้ แม้จะไม่เคยเอ่ยปาก แต่คนอย่างผมก็สำนึกตัวดีว่าไม่ควรจะดึงคนที่มีอนาคตสดใสอย่างเธอลงมาเกลือกกลั้วกับชีวิตที่ขลุกอยู่ข้างคูคลองของตัวเอง ...แค่คิดก็ไม่ควรแล้ว
ครั้งสุดท้ายที่ผมได้พบเธอนั้น เธอปล่อยผมสยายใส่กระโปรงสีน้ำเงินแต่งหน้าบางเบา รอยยิ้มสดใสประดับอยู่บนริมฝีปากยามเรียกเป็นคำพี่พาน ไถ่ถามว่าผมเป็นอย่างไรบ้างและยังสบายดีอยู่ไหม โลกทั้งใบที่มืดมนเพราะพี่สามหายสาบสูญกลับสว่างไสวขึ้นมาวูบหนึ่ง แสงของเธอสว่างจ้าจนสมองของผมพร่าเบลอไม่รู้ว่าตัวเองพูดอะไรออกไปบ้าง กว่าจะได้สติก็ตอนที่หันหลังเดินจากมาแล้ว
ท่ามกลางความมืดภายในถ้ำนั้น ผมเหนี่ยวไกปืนเป่ากระดิ่งหกเหลี่ยมอย่างเยือกเย็นแม้ดวงตาจะพร่าลาย รู้สึกอยากดูดบุหรี่แต่ก็จนใจที่นายน้อยดันพาซื่อโยนส่งไฟแช็กและบุหรี่มาให้จุดเอง ความหนาวไล่ขึ้นมาเรื่อยๆ พร้อมกับประสาทสัมผัสอย่างอื่นๆ ที่ค่อนเลือนรางไป ยังขยับปากร้องเป็นเพลงตอนที่จ่อปากกระบอกปืนไว้ข้างขมับ ภาพของสาวน้อยผมสยายในกระโปรงสีน้ำเงินคนนั้นยังคงชัดเจนอยู่ในความทรงจำจนผมรู้สึกเจ็บปวด
...ผมไม่เคยมีโอกาสบอกว่ายามที่เส้นผมสยายล้อมกรอบใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มของเธอนั้นงดงามเพียงใด
หน้าที่ของพานจื่อในโลกนี้จบลงตั้งแต่พี่สามหายไป ได้แต่หวังว่าผมจะได้พบกับเขาในโลกหลังความตาย รออยู่ในนั้นสักห้าหกสิบปีอาจจะได้เจอผู้หญิงคนนั้น พอถึงตอนนั้นผมคงมีโอกาสพูดสิ่งที่ไม่เคยได้พูดออกไปอีกครั้ง
ผมออกแรงเหนี่ยวไกปืน เสียงมัจจุราชแผดก้องเป็นสิ่งสุดท้ายก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบลง
- End -
Story: KagaHika
Note: สาวน้อยในเรื่องเป็นออริจินัลคาแรคเตอร์ของเราเองค่ะ แรงรักเฮียพานทำให้เขียนฟิคนี้ขึ้นมา ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าหลุดกรอบเฮียพานไปหรือเปล่า แต่ก็คิดว่าอย่างน้อยๆ เฮียก็น่าจะมีมุมนี้แอบซ่อนเอาไว้เหมือนกัน สุดท้ายนี้ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านนะคะ
---
เธอเป็นผู้หญิงที่เห็นได้ชัดเจนว่าอยู่ในรอยต่อของเด็กสาวและหญิงสาว
ใบหน้าของเธออ่อนเยาว์ดูเด็กกว่าอายุจริงทว่ามักจะแสดงท่าทีเรียบเฉยไม่ยิ้มแย้ม แว่นตากรอบดำทรงเหลี่ยมทำให้ดูดุผิดกับนิสัยจริงๆ รูปร่างจัดว่าสมส่วน แม้ในหมู่ผู้หญิงด้วยกันจะถือว่าค่อนข้างสูง แต่เมื่อเราอยู่ใกล้กันผมก็พลันรู้สึกว่าเธอตัวเล็กกว่าความเป็นจริงอยู่เสมอ
ผิวขาว แก้มป่อง ดวงตาสีเข้ม ริมฝีปากอิ่มเต็ม และช่วงไหล่แคบมนที่ซุกตัวอยู่ใต้เสื้อผ้าสีเข้มเหมือนเด็กผู้ชาย เส้นผมของเธอเป็นสีดำปนร่องรอยของแดดที่ลามเลียจนกลายเป็นสีน้ำตาล ผมเส้นเล็กละเอียดหยิกธรรมชาติอย่างที่จัดทรงได้ยาก จะเป็นลอนก็ไม่เป็น จะเหยียดตรงก็ไม่ใช่ ครึ่งๆ กลางๆ แลดูกระเซอะกระเซิงเหมือนคนไม่ได้หวีผม ถึงจะบ่นอยู่เรื่อยๆ แต่เธอก็ยังรักษาเส้นผมของตัวเองปล่อยให้ยาวจรดเอวอยู่ดี
เวลาที่เราพบกันเธอมักจะรวบผมเอาไว้ ครึ่งศีรษะบ้าง รวบหลวมๆ ไว้ที่ท้ายทอยบ้าง บางครั้งก็รวบเอียงไว้ที่ไหล่ข้างใดข้างหนึ่ง บางครั้งก็ถักเป็นเปีย และน้อยครั้งมากที่จะปล่อยสยาย
...มันดูไม่เรียบร้อยน่ะ เดี๋ยวคนเขาจะคิดว่าไม่ได้หวีผมมา...
เธอให้เหตุผลเช่นนั้นด้วยรอยยิ้มและผมก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
ความสัมพันธ์ของเราเป็นสิ่งที่เลือนรางและยากจะอธิบาย เธออายุน้อยกว่าผมเป็นรอบหรือบางทีอาจจะมากกว่านั้น เธออยู่ในที่สว่างและผมอยู่ในที่มืด เธอร่ำเรียนมหาวิทยาลัยมีความรู้ในขณะที่ผมไม่ ถ้าหากวันนั้นเธอไม่ติดสอยห้อยตามอาจารย์มาที่ร้านของพี่สาม ชาตินี้เราก็คงไม่มีวันได้โคจรมาพบกันเป็นแน่
ผมจำไม่ได้ว่าตัวเองรู้สึกอย่างไรตอนที่เจอเธอครั้งแรก ผู้หญิงหน้าตาบึ้งตึงท่าทางเย็นชาไม่มีอะไรโดดเด่น แต่งตัวทะมัดทะแมงเหมือนเด็กผู้ชาย ผมรวบเป็นหางม้าแต่ยังยาวจรดเอวดูเกะกะสายตา ระหว่างที่บทสนทนาของการซื้อขายดำเนินไปก็เอาแต่เดินวนรอบร้านมองสินค้าด้วยความเงียบ ตอนนั้นผมคิดแค่ว่าเธอเป็นลูกค้าขาจรคนหนึ่งที่ผ่านเข้ามาแล้วก็จะผ่านออกไปเหมือนคนอื่นๆ
แต่ผมคิดผิด
เมื่อการซื้อขายจบลง อาจารย์ของเธอไปทำธุระที่อื่นต่อและเธอต้องรับหน้าที่ในการขนของพวกนั้นกลับ เพราะปริมาณที่มากประจวบกับเป็นเวลาย่ำค่ำ อาจารย์ของเธอจึงออกความเห็นสิ้นคิดด้วยการเพิ่มเงินให้และขอให้พี่สามจัดคนไปส่งเธอที่มหาวิทยาลัย พี่สามต้องการเอาใจลูกค้ามือเติบและหน้าที่เด็กส่งของก็กลายมาเป็นหน้าที่ของลูกน้องคนสนิทอย่างไอ้พานจื่อคนนี้
เมื่อพี่สามสั่งมาว่าให้บริการให้ดี ลูกน้องที่ดีอย่างพานจื่อก็ทำตามอย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง แม้ว่าจะรู้สึกเหมือนนั่งรถมากับก้อนน้ำแข็งเดินได้ที่เอาแต่เงียบไม่พูดไม่จา ทว่านั่นก็นับเป็นเรื่องดี ผมเองก็ไม่ชอบผู้หญิงที่เอาแต่ส่งเสียงแหลมๆ น่ารำคาญทั้งวันเหมือนกัน แต่เงียบเกินไปอย่างเธอก็ชวนให้คิดว่าเป็นใบ้หรือเปล่า ถึงอย่างนั้นผมก็ทำหน้าที่เด็กส่งของที่ดี ช่วยเธอขนของลงจนหมดและวนรถไปส่งเธอที่หน้าทางเข้าหอพักเป็นการตบท้าย
ตอนที่เธอก้าวลงจากรถและหันมายิ้มขอบคุณนั่นเองที่ทำให้ผมรู้สึกว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น แต่ยังคงคิดว่าเธอเป็นแค่ลูกค้าขาจรคนหนึ่ง และคนอย่างเราก็คงไม่โคจรมาพบกันอีกเป็นครั้งที่สอง
แม้ไม่อยากจะเชื่อ แต่ความบังเอิญที่มีอยู่จริงก็เกิดขึ้นกับผู้ชายที่ชื่อพานจื่ออีกครั้ง จากความบังเอิญที่ได้ พบกัน ก็กลายเป็นเจตนาของผมที่พาตัวเองไปพบกับเธออีกครั้ง ...และอีกครั้ง
ความสัมพันธ์ของเราเป็นสิ่งที่เลือนรางและยากจะอธิบาย เราพบกันเดือนละครั้งหรือสองครั้งเป็นอย่างมาก ในรูปแบบที่เหมือนบังเอิญได้เจอมากกว่าจะนัดหมายกันออกมาพบปะ ...บางทีแม้แต่ตอนนี้เธออาจจะยังเข้าใจว่าการพบเจอทุกครั้งของเราเป็นเรื่องบังเอิญก็เป็นได้
การเป็นคนรู้จักของเรานั้นช่างผิวเผินและไร้จุดหมาย เวลาที่พบกันเพียงได้นั่งจิบน้ำชาคุยกันหรือกินข้าวด้วยกันสักมื้อก็ถือเป็นโชคใหญ่หลวง ...แค่เดือนละครั้งที่ได้เห็นรอยยิ้มซื่อๆ ของผู้หญิงคนนั้นก็เพียงพอแล้ว
ตอนที่นายน้อยไล่ให้ผมไปแต่งเมียสักคนนั้น ใบหน้าของเธอลอยผ่านเข้ามาในหัว แต่เพราะสำนึกที่ยังพอมีอยู่บ้างทำให้ผมรั้งตัวเองเอาไว้ แม้จะไม่เคยเอ่ยปาก แต่คนอย่างผมก็สำนึกตัวดีว่าไม่ควรจะดึงคนที่มีอนาคตสดใสอย่างเธอลงมาเกลือกกลั้วกับชีวิตที่ขลุกอยู่ข้างคูคลองของตัวเอง ...แค่คิดก็ไม่ควรแล้ว
ครั้งสุดท้ายที่ผมได้พบเธอนั้น เธอปล่อยผมสยายใส่กระโปรงสีน้ำเงินแต่งหน้าบางเบา รอยยิ้มสดใสประดับอยู่บนริมฝีปากยามเรียกเป็นคำพี่พาน ไถ่ถามว่าผมเป็นอย่างไรบ้างและยังสบายดีอยู่ไหม โลกทั้งใบที่มืดมนเพราะพี่สามหายสาบสูญกลับสว่างไสวขึ้นมาวูบหนึ่ง แสงของเธอสว่างจ้าจนสมองของผมพร่าเบลอไม่รู้ว่าตัวเองพูดอะไรออกไปบ้าง กว่าจะได้สติก็ตอนที่หันหลังเดินจากมาแล้ว
ท่ามกลางความมืดภายในถ้ำนั้น ผมเหนี่ยวไกปืนเป่ากระดิ่งหกเหลี่ยมอย่างเยือกเย็นแม้ดวงตาจะพร่าลาย รู้สึกอยากดูดบุหรี่แต่ก็จนใจที่นายน้อยดันพาซื่อโยนส่งไฟแช็กและบุหรี่มาให้จุดเอง ความหนาวไล่ขึ้นมาเรื่อยๆ พร้อมกับประสาทสัมผัสอย่างอื่นๆ ที่ค่อนเลือนรางไป ยังขยับปากร้องเป็นเพลงตอนที่จ่อปากกระบอกปืนไว้ข้างขมับ ภาพของสาวน้อยผมสยายในกระโปรงสีน้ำเงินคนนั้นยังคงชัดเจนอยู่ในความทรงจำจนผมรู้สึกเจ็บปวด
...ผมไม่เคยมีโอกาสบอกว่ายามที่เส้นผมสยายล้อมกรอบใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มของเธอนั้นงดงามเพียงใด
หน้าที่ของพานจื่อในโลกนี้จบลงตั้งแต่พี่สามหายไป ได้แต่หวังว่าผมจะได้พบกับเขาในโลกหลังความตาย รออยู่ในนั้นสักห้าหกสิบปีอาจจะได้เจอผู้หญิงคนนั้น พอถึงตอนนั้นผมคงมีโอกาสพูดสิ่งที่ไม่เคยได้พูดออกไปอีกครั้ง
ผมออกแรงเหนี่ยวไกปืน เสียงมัจจุราชแผดก้องเป็นสิ่งสุดท้ายก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบลง
- End -
แก้ไขล่าสุดโดย kagahika เมื่อ Wed 05 Nov 2014, 17:53, ทั้งหมด 2 ครั้ง
kagahika- ด้วงฝึกหัด
- จำนวนข้อความ : 5
Points : 3479
Join date : 04/11/2014
Age : 30
Re: [One Shot](+Original Character) Her - Pan Zi (พานจื่อ)(สปอยล์เล่ม7-10)
ฮืออออ เฮียพานนนนน เศร้า...
ทาสแมวผู้บ้าวาย- ด้วงฝึกหัด
- จำนวนข้อความ : 17
Points : 3496
Join date : 27/10/2014
Re: [One Shot](+Original Character) Her - Pan Zi (พานจื่อ)(สปอยล์เล่ม7-10)
//เข้ามากรีดร้อง
โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ เฮียพานนนนนนนนนนนนน แงงงงงงงงงงงง
โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ เฮียพานนนนนนนนนนนนน แงงงงงงงงงงงง
Feran.FS- ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
- จำนวนข้อความ : 457
Points : 3951
Join date : 27/10/2014
Age : 28
ที่อยู่ : ใต้เตียงนอนเซี่ยจื่อหยาง...
Similar topics
» [OS] #dmbjdaily (เก้า) การรวมตัวที่ไม่รู้จุดประสงค์ [~~~บันทึกของเสี่ยวหลิง Special ~~~] [All Character]
» [Fic]#dmbjdaily 51 days left (Games) AU When the favourite character disappear [ผิงเสีย]
» [One shot] บันทึกจอมโจรแห่งสุสาน ‘สิ่งที่ห่วงยิ่งกว่าชีวิต’
» shot fic เมา(ฮัวเสีย)
» [OS]Requiem for you [พานจื่อ] *สปอยล์เล่ม10*
» [Fic]#dmbjdaily 51 days left (Games) AU When the favourite character disappear [ผิงเสีย]
» [One shot] บันทึกจอมโจรแห่งสุสาน ‘สิ่งที่ห่วงยิ่งกว่าชีวิต’
» shot fic เมา(ฮัวเสีย)
» [OS]Requiem for you [พานจื่อ] *สปอยล์เล่ม10*
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|
Fri 24 Jul 2020, 01:39 by gustoon
» [คู่มือด้วง] Keyword จีนสำหรับการขุด(แฟนดอม)สุสาน
Thu 21 Jun 2018, 00:29 by miskizfullmoon
» มังฮวาและภาคทิเบต
Thu 21 Jun 2018, 00:23 by miskizfullmoon
» [OS] Father is the best (ผิงเสีย)
Thu 03 Aug 2017, 16:12 by schneewittchen
» [Fic] สิ่งเล็กๆที่เชื่อมโลก5 [เมินโหยวผิง+อู่เสีย+เสี่ยอ้วน]+OC
Tue 01 Aug 2017, 12:30 by natsume
» [OS] #dmbjdaily (จูปาจุ๊บ) Bittersweet [ผิงเสีย AU]
Thu 06 Apr 2017, 15:58 by Zeth
» [OS] #dmbjdaily "โทรศัพท์มือถือ" - no Pairing [All]
Tue 04 Apr 2017, 22:27 by Zeth
» [OS] #DMBJDaily (แว่น): ระยะที่มองไม่เห็น [ฮัวเสีย]
Sat 01 Apr 2017, 16:55 by Zeth
» [OS] #DMBJdaily (5.20) ท่านยอดฝีมือ [หวังเหมิง (+เหมิงเสีย)(+ผิงเสีย)]
Thu 30 Mar 2017, 17:24 by Zeth