Countdown
We've been
togerther for
ค้นหา
Latest topics
Most active topics
[Fic] (AU) We're dating 1/2 (ผิงเสีย)
+3
Rozenkreuz
yakusoku
The_Dark_Lady
7 posters
หน้า 1 จาก 1
[Fic] (AU) We're dating 1/2 (ผิงเสีย)
เซทไฮสคูลนายน้อยติดเกมส์ (ที่เนื้อหาเกี่ยวกับเกมส์เริ่มหายไปจากเนื้อเรื่อง ; w ; )
เหตุการณ์ต่อเนื่องจาก [Fic]#dmbjdaily 20 days left (Promise)(AU) Forgotten Promise (ผิงเสีย)
หลังจากที่คุยถกเถียงกันผ่านโปรแกรมแชทบนมือถือจนเครื่องแทบค้าง พบว่านายอ้วนกับนายแว่นดำจะมาสมทบกับพวกเราตอนสิบเอ็ดโมง
...แต่ขอโทษเถอะนะ ตอนเท้าพวกผมแตะประตูห้างนี่เพิ่งจะผ่านสิบโมงมาไม่เท่าไรเหอะ…
“จะไปทำอะไรฆ่าเวลารอก่อนดี…”
ผมพึมพำก่อนจะหันหน้าไปทางคนพามาอย่างขอคำปรึกษา...ซึ่งไม่ได้ช่วยอะไรเลย ในเมื่อหมอนั่นเพียงแค่จ้องหน้าผมกลับแล้วระบายยิ้มอ่อนๆไม่พูดไม่จาอะไร
...หยั่งกับจะบอกว่าตามใจนายเถอะ…
ผมจึงได้แต่ถอนใจพลิกข้อมือมองนาฬิกา...แล้วมองแผนผังของห้าง…
“งั้นขอไปร้านหนังสือก่อนก็แล้วกัน…”
ผมพูดขึ้น แม้รู้ดีว่าจะไม่ได้รับเสียงตอบรับ ก่อนจะก้าวดุ่มๆไป แต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็โดนคว้ามือเอาไว้แล้วคนที่เอาแต่ยืนนิ่งในตอนแรกก็เดินขึ้นมาตีคู่
ผมมองมือที่ถูกจับไว้ด้วยความงงงวย...อะไรของหมอนี่…
“จะได้ไม่พลัดหลงกัน”
เป็นคำพูดจากอีกฝ่าย ก็ฟังดูมีเหตุผลดีจึงไม่ได้ทักท้วงแล้วปล่อยให้อีกคนจับมือต่อไป ถึงในใจผมจะตงิดๆว่ามันไม่จำเป็นก็เหอะ
แล้วเราก็เดินมาถึงร้านหนังสือ เพราะว่าค่อนข้างเช้าร้านจึงแทบไม่มีคน มีเพียงแต่พวกผมเท่านั้นและแทบจะทันทีที่เดินเข้าไป พนักงานสาวๆในร้านก็พากันหันมองพวกเราเป็นตาเดียว มีสองสามคนเริ่มจับกลุ่มป้องปากซุบซิบพร้อมคอยชำเลืองมองพวกเราเป็นระยะๆ
...เอิ่ม พี่ครับ ทำอะไรไปตามปกติเถอะครับ ไม่ต้องสนอกสนใจพวกผมขนาดนั้นก็ได้
แล้วทำไมจางฉี่หลิงไม่ยอมปล่อยผมซักทีล่ะวะ!
ผมพยายามบิดข้อมือตัวเองออกจากการเกาะกุมของคนร่างสูงโปร่ง แต่เหมือนมือหมอนี่จะเคลือบกาวเอาไว้พวกเล่นเกาะหนึบไม่ยอมปล่อยเสียที จึงบอกไปว่า
“ฉันจะไปดูหนังสือทางนู้น…” อีกฝ่ายจึงลากแขนพาผมไป
หูแว่วเสียงใครบางคน ‘โอ้ยยยย วันนี้วันดี มีคู่น่ารักมาเดทกันให้เห็นเป็นบุญตาแต่เช้าเลยแกร้…..’
เดทเดิทอะไรกันครับ...นี่เพื่อนกันแมนๆมารอดูหนังครับ…ได้โปรดอย่าคิดไปไกล
ผมจิ๊ปากอย่างหงุดหงิดเบาๆ ขณะมือหยิบหนังสือจากชั้นมาดู ในที่สุดจางฉี่หลิงก็ปล่อยมือซักที ผมมองร่างสูงโปร่งนั่นเดินดุ่มๆไปทางหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ทิ้งผมไว้ที่ชั้นตำราเรียนอย่างสงบสุข
พลิกดูตำราเรียนที่คิดว่าจะซื้อไว้ไปอ่านสองสามเล่ม จดชื่อหนังสือไว้ในใจ หมายมั่นว่าถ้าคราวหน้าจะมาซื้อไปแล้วขยับไปทางชั้นนวนิยายแนวผจญภัย
อ้าว...คุณอาสาม นักขียนที่ผมตามอยู่ออกเล่มใหม่แล้วหรือนี่…
อดไม่ได้ที่จะหยิบมาพลิกอ่านดู เป็นตอนต่อจากเล่มที่แล้วพอดี ผมจึงไล่อ่านตัวอักษรบนหน้ากระดาษอย่างตั้งใจ
...หากคุณจะไม่รู้ ผมเป็นประเภทที่ถ้าเจอหนังสือที่ถูกใจผมจะจมดิ่งกับมันจนเมินสิ่งรอบข้างไปเสียหมด…
ขณะที่ผมกำลังเพลิดเพลินกับการผจญภัยของตัวละคร คล้ายได้ยินเสียงใครกระซิบอยู่ใกล้ๆด้วยถ้อยคำบางอย่าง ซึ่งผมไม่ได้สนใจ ได้ยินเสียงวี้ดว้ายจากที่ไกลๆ
ผมคร่ำเคร่งกับตัวอักษรตรงหน้า ตัวเอกของอาสามอยู่ในช่วงเป็นตาย ผมไม่มีอารมณ์จะสนใจใครทั้งนั้น ได้แต่เอาใจลุ้นว่าตัวเอกคนนั้นจะฟันฝ่าวิกฤตไปได้รึเปล่า รู้สึกตัวว่ามีคนจับแขนแล้วลากพาไป ขาผมขยับเดินไปตามแรงดึง แต่สายตาและสมาธิยังคงอยู่กับหน้ากระดาษ ได้ยินเสียงนุ่มทุ้มกับเสียงใสๆของพนักงานคุยกัน มีเสียงหัวเราะคิกคักปนมา เสียงตี๊ดยิงบาร์โค้ดผ่านหู ก่อนที่จะถูกลากให้เดินไปต่อ
พอเงยหน้าขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตัวเองมานั่งอยู่ที่ร้านบุฟเฟ่ต์ชาบูชื่อดังแล้ว ตรงข้ามมีจางฉี่หลิงนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มองอยู่ ผมจึงปิดหนังสือแล้วถามไป
“มองอะไรของนาย…แล้วพามาร้านนี่ทำไม...”
“มองคนบ้าหนังสือ…” อีกฝ่ายเอ่ยยิ้มๆ ผมรู้ว่าอีกฝ่ายตั้งใจแซวแน่ๆก็ได้แต่ร้อนหน้า “นายอ้วยกับเฮยเสียจื่อส่งข้อความมาว่าอยากหาอะไรกินกันก่อน...” คำตอบของอีกฝ่ายขาดช่วงไปเพราะคนผมดำหันไปรับเมนูจากบริกร
“เลยสั่งให้มาจองที่นั่งเอาไว้…” ผมพยักหน้าเป็นเชิงบอกว่าเข้าใจแล้วก่อนจะรับเมนูที่อีกฝ่ายยื่นให้
...มองหนังสือในมืออีกหน ก่อนจะเอ่ยปากถามคนที่มาด้วยกัน
“นี่นายจ่ายเงินให้เหรอ…”
“ก็อู๋เสียเล่นกำไว้ไม่ปล่อย...ก็เลยช่วยไม่ได้…”
ผมจึงวางเมนูลงแล้วพลิกปกจะดูราคา แต่อีกฝ่ายดันรู้ทันยึดมือผมเอาไว้เสียก่อน
“ทำอะไรน่ะ...ปล่อย....จะดูราคา จะได้จ่ายตังค์คืนให้”
“ไม่เอาเงิน…”
“หะ...ไม่ได้ จะติดค้างกันไม่ได้หรอกนะ หนังสือนี่ราคาไม่ใช่น้อยๆ…” ผมบ่นใส่อีกฝ่ายที่ยังยกยิ้มไม่เลิกแถมยังจับมือเอาไว้ไม่ปล่อย เรื่องอะไรที่จะติดหนี้ทั้งๆที่มีจ่าย เกิดหมอนี่จดบัญชีมาทวงตอนไม่มีมิแย่รึ
...อีกอย่างคือผมรู้สึกไม่ค่อยอยากจะติดค้างอะไรกับหมอนี่นัก
“ปล่อยมือเดี๋ยวนี้เลย จะจ่ายเงินคืนให้…”
“ก็บอกว่าไม่เอาเงิน…”
“ทำไม…”
“ซื้อให้เป็นที่ระลึก…”
“ระลึกอะไร…”
อีกฝ่ายโน้มหน้าเข้ามาชิด กระซิบกระซาบด้วยรอยยิ้ม “ที่ระลึกว่าได้มาเที่ยวด้วยกันครั้งแรก…”
ผมอ้าปากหวอ รู้สึกเหมือนมีอะไรในหัวระเบิดดังบึ้ม ใบหน้าร้อนผ่าวๆ ถ้อยคำที่เตรียมจะพูดติดขัดอยู่ในลำคอ
“พวกเขามาพอดี…”
เจ้าตัวคนพูดนั่นก็ทำหน้าตาปกติเสมือนไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น นัยน์ตาสีดำมมองออกไปทางประตูร้าน ผมมองตามจึงได้เห็นว่าเพื่อนๆของพวกเรามาถึงแล้วเห็นนายอ้วนและนายแว่นดำเฮยเสียจื่อเด่นมาแต่ไกล ก่อนร่างสูงโปร่งนั้นจะขยับลุกขึ้นให้คนอื่นได้นั่ง
...ซึ่งเจ้าตัวก็ย้ายมานั่งข้างผมแทน
“ไง...มากันแต่เช้าเลย”้
เสียงนายอ้วนทักขึ้น ทันทีที่เจ้าตัวหย่อนตูดลงนั่ง ใบหน้ายิ้มกริ่ม
...ยิ้มหาพ่อง…
“หมอนี่สิ...ไปรับที่บ้านแต่เช้า…”
ผมได้แต่บุ้ยปากไปทางจางฉี่หลิง ที่พอเริ่มมีคนมาก็เข้าสู่โหมดไร้เสียง “...ก็เลยพากันมา”
“แหม่...เขามีไปรงไปรับกันด้วย…เสี่ยวเกอคนนี้นี่สองมาตรฐาน...ทีอู๋เสียล่ะไปรับถึงบ้าน...”
“นั่นสินะครับ…”
แหม่ เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเชียวนายอ้วนกับนายแว่นดำนี่… ผมได้แต่นึกค่อนในใจ ไม่อาจจะหาถ้อยคำไปฉะกับสองคนนี้ได้ พอเบือนหน้าหนีก็หันไปเห็นใครอีกคนที่มาด้วย
“อ้าว...เสี่ยวฮัว...มายังไง…”
“พอดีคนแถวนี้ชวนมาน่ะ...เห็นว่าว่างแล้วนายก็มา...เลยยอมมาด้วย”
คุณชายตระกูลเซี่ยคนนี้เป็นญาติห่างๆกัน เคยสนิทสนมด้วยสมัยเด็กแต่ห่างไปตอนสมัยเรียน เพิ่งได้มาเจอกันอีกครั้งตอนเรียนมัธยมปลายนี้เอง วันนี้มาในชุดเสื้อเชิ้ตสีชมพูพับแขนถึงข้อศอกกับกางเกงยีนส์สบายๆ อีกฝ่ายแย้มยิ้มบางๆขณะตอบพลางเหล่ตาไปทางนายแว่นดำ ผมจึงรู้ได้ทันทีว่าเสี่ยวฮัวคงได้ตั๋วจากหมอนี่ อดคิดอยู่ในใจไม่ได้ว่านับตั้งแต่เล่นละครด้วยกันตอนงานโรงเรียน ดูเสี่ยวฮัวจะสนิทสนมกับนายแว่นดำมากขึ้นเป็นพิเศษ...
เพราะว่าครุ่นคิดเรื่องของสองคนนั่น พอคนอื่นๆที่นายอ้วนกับนายแว่นดำพามาด้วยร้องทักทาย ผมจึงได้แต่ผงกหัวรับอย่างอึนๆ จนกระทั่งจางฉี่หลิงสะกิดแขนแล้วคีบขนมจีบป้อนให้ ก่อนเจ้าตัวจะหันไปคีบเนื้อจากปิ่นโตโยนใส่หม้อชาบู(ซึ่งผมไม่รู้เลยว่าเขาเอามาตั้ง ตั้งแต่เมื่อไร)
ผมถอนหายใจ ช่างมันเถอะ...แล้วยักไหล่เลิกคิด หยิบตะเกียบ ช่วยจางฉี่หลิงเอาของกินลงหม้อชาบู…
...แล้วมหกรรมซัดชาบูก็เริ่มต้นขึ้น...
เพราะต่างหิวกันมา ทุกคนจึงตั้งหน้าตั้งตากินอย่างไม่สนใจใคร ผมเองก็แทบแย่งไม่ทัน ยังดีที่จางฉี่หลิงที่นั่งข้างๆคอยคีบนู่นคีบนี่มาให้ ผมจึงได้กินบ้าง
แล้วช่วงจ่ายตังค์ก็มาถึง…
“คนละ…” เป็นเสี่ยวฮัวซึ่งกดมือถือหารราคาที่รวมส่วนลดและโปรโมชั่นของร้านร้องบอกจำนวนเงินที่ต้องจ่าย ผมเองก็เตรียมหยิบกระเป๋าตังค์ตัวเองขึ้นมาจ่ายโดยไม่อิดออด…ถ้าไม่ติดว่า
“อู๋เสีย/อาเฮีย...เดี๋ยวจ่ายให้” เป็นจางฉี่หลิงกับเสี่ยวฮัวร้องขัดไว้ ก่อนเสี่ยวฮัวจะหันขวับไปเขม่นตาใส่จางฉี่หลิง
ผมรู้สึกว่าบรรยากาศบนโต๊ะมันชักจะเริ่มอึดอัดแปลกๆ
-------- 1/2 --------
เดี๋ยวจะแต่งครึ่งหลังมาต่อนะคะ ; w ;
คิดว่าน่าจะมีคนรอฉากเดทตั้งแต่วันอาทิตย์ที่แล้ว...//ใครรอหล่อนกัน
ด้วยเหตุติดขัดหลายๆประการ และความฝืดของสมองคนเขียน//ก็คือกำลังหมดมุขเขียนไม่ออก
ก็เลยมาเอาวันนี้ (แถมยังไม่ครบอีกตะหาก ; w ; )
ก็คิดเอาไว้คร่าวๆแล้วว่าจะเกิดอะไรต่อไป แต่รู้สึกเขียนไม่ออกแรง (วิถีสโลว์ไลฟ์ในตจว.ทำพิษแล้วข่ะ)
ถ้าตอนนี้ไม่สนุกก็ไม่ต้องแปลกใจค่ะ ขอโทษคนที่คาดหวังและรออ่านด้วย
ครึ่งหลังจะพยายามทำให้ดีขึ้นค่ะ
เหตุการณ์ต่อเนื่องจาก [Fic]#dmbjdaily 20 days left (Promise)(AU) Forgotten Promise (ผิงเสีย)
หลังจากที่คุยถกเถียงกันผ่านโปรแกรมแชทบนมือถือจนเครื่องแทบค้าง พบว่านายอ้วนกับนายแว่นดำจะมาสมทบกับพวกเราตอนสิบเอ็ดโมง
...แต่ขอโทษเถอะนะ ตอนเท้าพวกผมแตะประตูห้างนี่เพิ่งจะผ่านสิบโมงมาไม่เท่าไรเหอะ…
“จะไปทำอะไรฆ่าเวลารอก่อนดี…”
ผมพึมพำก่อนจะหันหน้าไปทางคนพามาอย่างขอคำปรึกษา...ซึ่งไม่ได้ช่วยอะไรเลย ในเมื่อหมอนั่นเพียงแค่จ้องหน้าผมกลับแล้วระบายยิ้มอ่อนๆไม่พูดไม่จาอะไร
...หยั่งกับจะบอกว่าตามใจนายเถอะ…
ผมจึงได้แต่ถอนใจพลิกข้อมือมองนาฬิกา...แล้วมองแผนผังของห้าง…
“งั้นขอไปร้านหนังสือก่อนก็แล้วกัน…”
ผมพูดขึ้น แม้รู้ดีว่าจะไม่ได้รับเสียงตอบรับ ก่อนจะก้าวดุ่มๆไป แต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็โดนคว้ามือเอาไว้แล้วคนที่เอาแต่ยืนนิ่งในตอนแรกก็เดินขึ้นมาตีคู่
ผมมองมือที่ถูกจับไว้ด้วยความงงงวย...อะไรของหมอนี่…
“จะได้ไม่พลัดหลงกัน”
เป็นคำพูดจากอีกฝ่าย ก็ฟังดูมีเหตุผลดีจึงไม่ได้ทักท้วงแล้วปล่อยให้อีกคนจับมือต่อไป ถึงในใจผมจะตงิดๆว่ามันไม่จำเป็นก็เหอะ
แล้วเราก็เดินมาถึงร้านหนังสือ เพราะว่าค่อนข้างเช้าร้านจึงแทบไม่มีคน มีเพียงแต่พวกผมเท่านั้นและแทบจะทันทีที่เดินเข้าไป พนักงานสาวๆในร้านก็พากันหันมองพวกเราเป็นตาเดียว มีสองสามคนเริ่มจับกลุ่มป้องปากซุบซิบพร้อมคอยชำเลืองมองพวกเราเป็นระยะๆ
...เอิ่ม พี่ครับ ทำอะไรไปตามปกติเถอะครับ ไม่ต้องสนอกสนใจพวกผมขนาดนั้นก็ได้
แล้วทำไมจางฉี่หลิงไม่ยอมปล่อยผมซักทีล่ะวะ!
ผมพยายามบิดข้อมือตัวเองออกจากการเกาะกุมของคนร่างสูงโปร่ง แต่เหมือนมือหมอนี่จะเคลือบกาวเอาไว้พวกเล่นเกาะหนึบไม่ยอมปล่อยเสียที จึงบอกไปว่า
“ฉันจะไปดูหนังสือทางนู้น…” อีกฝ่ายจึงลากแขนพาผมไป
หูแว่วเสียงใครบางคน ‘โอ้ยยยย วันนี้วันดี มีคู่น่ารักมาเดทกันให้เห็นเป็นบุญตาแต่เช้าเลยแกร้…..’
เดทเดิทอะไรกันครับ...นี่เพื่อนกันแมนๆมารอดูหนังครับ…ได้โปรดอย่าคิดไปไกล
ผมจิ๊ปากอย่างหงุดหงิดเบาๆ ขณะมือหยิบหนังสือจากชั้นมาดู ในที่สุดจางฉี่หลิงก็ปล่อยมือซักที ผมมองร่างสูงโปร่งนั่นเดินดุ่มๆไปทางหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ทิ้งผมไว้ที่ชั้นตำราเรียนอย่างสงบสุข
พลิกดูตำราเรียนที่คิดว่าจะซื้อไว้ไปอ่านสองสามเล่ม จดชื่อหนังสือไว้ในใจ หมายมั่นว่าถ้าคราวหน้าจะมาซื้อไปแล้วขยับไปทางชั้นนวนิยายแนวผจญภัย
อ้าว...คุณอาสาม นักขียนที่ผมตามอยู่ออกเล่มใหม่แล้วหรือนี่…
อดไม่ได้ที่จะหยิบมาพลิกอ่านดู เป็นตอนต่อจากเล่มที่แล้วพอดี ผมจึงไล่อ่านตัวอักษรบนหน้ากระดาษอย่างตั้งใจ
...หากคุณจะไม่รู้ ผมเป็นประเภทที่ถ้าเจอหนังสือที่ถูกใจผมจะจมดิ่งกับมันจนเมินสิ่งรอบข้างไปเสียหมด…
ขณะที่ผมกำลังเพลิดเพลินกับการผจญภัยของตัวละคร คล้ายได้ยินเสียงใครกระซิบอยู่ใกล้ๆด้วยถ้อยคำบางอย่าง ซึ่งผมไม่ได้สนใจ ได้ยินเสียงวี้ดว้ายจากที่ไกลๆ
ผมคร่ำเคร่งกับตัวอักษรตรงหน้า ตัวเอกของอาสามอยู่ในช่วงเป็นตาย ผมไม่มีอารมณ์จะสนใจใครทั้งนั้น ได้แต่เอาใจลุ้นว่าตัวเอกคนนั้นจะฟันฝ่าวิกฤตไปได้รึเปล่า รู้สึกตัวว่ามีคนจับแขนแล้วลากพาไป ขาผมขยับเดินไปตามแรงดึง แต่สายตาและสมาธิยังคงอยู่กับหน้ากระดาษ ได้ยินเสียงนุ่มทุ้มกับเสียงใสๆของพนักงานคุยกัน มีเสียงหัวเราะคิกคักปนมา เสียงตี๊ดยิงบาร์โค้ดผ่านหู ก่อนที่จะถูกลากให้เดินไปต่อ
พอเงยหน้าขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตัวเองมานั่งอยู่ที่ร้านบุฟเฟ่ต์ชาบูชื่อดังแล้ว ตรงข้ามมีจางฉี่หลิงนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มองอยู่ ผมจึงปิดหนังสือแล้วถามไป
“มองอะไรของนาย…แล้วพามาร้านนี่ทำไม...”
“มองคนบ้าหนังสือ…” อีกฝ่ายเอ่ยยิ้มๆ ผมรู้ว่าอีกฝ่ายตั้งใจแซวแน่ๆก็ได้แต่ร้อนหน้า “นายอ้วยกับเฮยเสียจื่อส่งข้อความมาว่าอยากหาอะไรกินกันก่อน...” คำตอบของอีกฝ่ายขาดช่วงไปเพราะคนผมดำหันไปรับเมนูจากบริกร
“เลยสั่งให้มาจองที่นั่งเอาไว้…” ผมพยักหน้าเป็นเชิงบอกว่าเข้าใจแล้วก่อนจะรับเมนูที่อีกฝ่ายยื่นให้
...มองหนังสือในมืออีกหน ก่อนจะเอ่ยปากถามคนที่มาด้วยกัน
“นี่นายจ่ายเงินให้เหรอ…”
“ก็อู๋เสียเล่นกำไว้ไม่ปล่อย...ก็เลยช่วยไม่ได้…”
ผมจึงวางเมนูลงแล้วพลิกปกจะดูราคา แต่อีกฝ่ายดันรู้ทันยึดมือผมเอาไว้เสียก่อน
“ทำอะไรน่ะ...ปล่อย....จะดูราคา จะได้จ่ายตังค์คืนให้”
“ไม่เอาเงิน…”
“หะ...ไม่ได้ จะติดค้างกันไม่ได้หรอกนะ หนังสือนี่ราคาไม่ใช่น้อยๆ…” ผมบ่นใส่อีกฝ่ายที่ยังยกยิ้มไม่เลิกแถมยังจับมือเอาไว้ไม่ปล่อย เรื่องอะไรที่จะติดหนี้ทั้งๆที่มีจ่าย เกิดหมอนี่จดบัญชีมาทวงตอนไม่มีมิแย่รึ
...อีกอย่างคือผมรู้สึกไม่ค่อยอยากจะติดค้างอะไรกับหมอนี่นัก
“ปล่อยมือเดี๋ยวนี้เลย จะจ่ายเงินคืนให้…”
“ก็บอกว่าไม่เอาเงิน…”
“ทำไม…”
“ซื้อให้เป็นที่ระลึก…”
“ระลึกอะไร…”
อีกฝ่ายโน้มหน้าเข้ามาชิด กระซิบกระซาบด้วยรอยยิ้ม “ที่ระลึกว่าได้มาเที่ยวด้วยกันครั้งแรก…”
ผมอ้าปากหวอ รู้สึกเหมือนมีอะไรในหัวระเบิดดังบึ้ม ใบหน้าร้อนผ่าวๆ ถ้อยคำที่เตรียมจะพูดติดขัดอยู่ในลำคอ
“พวกเขามาพอดี…”
เจ้าตัวคนพูดนั่นก็ทำหน้าตาปกติเสมือนไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น นัยน์ตาสีดำมมองออกไปทางประตูร้าน ผมมองตามจึงได้เห็นว่าเพื่อนๆของพวกเรามาถึงแล้วเห็นนายอ้วนและนายแว่นดำเฮยเสียจื่อเด่นมาแต่ไกล ก่อนร่างสูงโปร่งนั้นจะขยับลุกขึ้นให้คนอื่นได้นั่ง
...ซึ่งเจ้าตัวก็ย้ายมานั่งข้างผมแทน
“ไง...มากันแต่เช้าเลย”้
เสียงนายอ้วนทักขึ้น ทันทีที่เจ้าตัวหย่อนตูดลงนั่ง ใบหน้ายิ้มกริ่ม
...ยิ้มหาพ่อง…
“หมอนี่สิ...ไปรับที่บ้านแต่เช้า…”
ผมได้แต่บุ้ยปากไปทางจางฉี่หลิง ที่พอเริ่มมีคนมาก็เข้าสู่โหมดไร้เสียง “...ก็เลยพากันมา”
“แหม่...เขามีไปรงไปรับกันด้วย…เสี่ยวเกอคนนี้นี่สองมาตรฐาน...ทีอู๋เสียล่ะไปรับถึงบ้าน...”
“นั่นสินะครับ…”
แหม่ เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเชียวนายอ้วนกับนายแว่นดำนี่… ผมได้แต่นึกค่อนในใจ ไม่อาจจะหาถ้อยคำไปฉะกับสองคนนี้ได้ พอเบือนหน้าหนีก็หันไปเห็นใครอีกคนที่มาด้วย
“อ้าว...เสี่ยวฮัว...มายังไง…”
“พอดีคนแถวนี้ชวนมาน่ะ...เห็นว่าว่างแล้วนายก็มา...เลยยอมมาด้วย”
คุณชายตระกูลเซี่ยคนนี้เป็นญาติห่างๆกัน เคยสนิทสนมด้วยสมัยเด็กแต่ห่างไปตอนสมัยเรียน เพิ่งได้มาเจอกันอีกครั้งตอนเรียนมัธยมปลายนี้เอง วันนี้มาในชุดเสื้อเชิ้ตสีชมพูพับแขนถึงข้อศอกกับกางเกงยีนส์สบายๆ อีกฝ่ายแย้มยิ้มบางๆขณะตอบพลางเหล่ตาไปทางนายแว่นดำ ผมจึงรู้ได้ทันทีว่าเสี่ยวฮัวคงได้ตั๋วจากหมอนี่ อดคิดอยู่ในใจไม่ได้ว่านับตั้งแต่เล่นละครด้วยกันตอนงานโรงเรียน ดูเสี่ยวฮัวจะสนิทสนมกับนายแว่นดำมากขึ้นเป็นพิเศษ...
เพราะว่าครุ่นคิดเรื่องของสองคนนั่น พอคนอื่นๆที่นายอ้วนกับนายแว่นดำพามาด้วยร้องทักทาย ผมจึงได้แต่ผงกหัวรับอย่างอึนๆ จนกระทั่งจางฉี่หลิงสะกิดแขนแล้วคีบขนมจีบป้อนให้ ก่อนเจ้าตัวจะหันไปคีบเนื้อจากปิ่นโตโยนใส่หม้อชาบู(ซึ่งผมไม่รู้เลยว่าเขาเอามาตั้ง ตั้งแต่เมื่อไร)
ผมถอนหายใจ ช่างมันเถอะ...แล้วยักไหล่เลิกคิด หยิบตะเกียบ ช่วยจางฉี่หลิงเอาของกินลงหม้อชาบู…
...แล้วมหกรรมซัดชาบูก็เริ่มต้นขึ้น...
เพราะต่างหิวกันมา ทุกคนจึงตั้งหน้าตั้งตากินอย่างไม่สนใจใคร ผมเองก็แทบแย่งไม่ทัน ยังดีที่จางฉี่หลิงที่นั่งข้างๆคอยคีบนู่นคีบนี่มาให้ ผมจึงได้กินบ้าง
แล้วช่วงจ่ายตังค์ก็มาถึง…
“คนละ…” เป็นเสี่ยวฮัวซึ่งกดมือถือหารราคาที่รวมส่วนลดและโปรโมชั่นของร้านร้องบอกจำนวนเงินที่ต้องจ่าย ผมเองก็เตรียมหยิบกระเป๋าตังค์ตัวเองขึ้นมาจ่ายโดยไม่อิดออด…ถ้าไม่ติดว่า
“อู๋เสีย/อาเฮีย...เดี๋ยวจ่ายให้” เป็นจางฉี่หลิงกับเสี่ยวฮัวร้องขัดไว้ ก่อนเสี่ยวฮัวจะหันขวับไปเขม่นตาใส่จางฉี่หลิง
ผมรู้สึกว่าบรรยากาศบนโต๊ะมันชักจะเริ่มอึดอัดแปลกๆ
-------- 1/2 --------
เดี๋ยวจะแต่งครึ่งหลังมาต่อนะคะ ; w ;
คิดว่าน่าจะมีคนรอฉากเดทตั้งแต่วันอาทิตย์ที่แล้ว...//ใครรอหล่อนกัน
ด้วยเหตุติดขัดหลายๆประการ และความฝืดของสมองคนเขียน//ก็คือกำลังหมดมุขเขียนไม่ออก
ก็เลยมาเอาวันนี้ (แถมยังไม่ครบอีกตะหาก ; w ; )
ก็คิดเอาไว้คร่าวๆแล้วว่าจะเกิดอะไรต่อไป แต่รู้สึกเขียนไม่ออกแรง (วิถีสโลว์ไลฟ์ในตจว.ทำพิษแล้วข่ะ)
ถ้าตอนนี้ไม่สนุกก็ไม่ต้องแปลกใจค่ะ ขอโทษคนที่คาดหวังและรออ่านด้วย
ครึ่งหลังจะพยายามทำให้ดีขึ้นค่ะ
The_Dark_Lady- ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
- จำนวนข้อความ : 301
Points : 3634
Join date : 21/06/2015
Age : 29
ที่อยู่ : On the Land, Below the sky
Re: [Fic] (AU) We're dating 1/2 (ผิงเสีย)
กรี๊ดดด เสี่ยวฮัวกับนายจางจะทำศึกแย่งอู๋เสียแล้วค่าาา ตื่นเต้นๆ
yakusoku- ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
- จำนวนข้อความ : 369
Points : 3830
Join date : 05/11/2014
ที่อยู่ : โลงในสุสานโบราณ
Re: [Fic] (AU) We're dating 1/2 (ผิงเสีย)
*บรึ้มตามนายน้อย*
เสี่ยวเกอคนนี้สองมาตรฐานนนนน ถถถถถถ
ด้วงอิจฉา อิจฉาาาาา พนักงานในร้านนนนน ได้ยินได้เห็นอะไรบ้างตอบ!! *เขย่าๆๆๆ*
แล้วไอ้ตีเนียนจูงมือ กระซิบกระซาบข้างหู คีบขนมจีบป้อนถึงปากนี่มันอัลไลลลลลลล เสี่ยวเกอชัดเจนขนาดนี้ มาเพื่อนกันแมนๆอะไรของเอ็งฮะเทียนเจิน
ผมพยายามชะเง้อมองหาด้วง อยู่ไหนนะ ด้วงอู๋ผมดำยาวคนนั้น แค่กๆ
ฝากอัพโหลดวิดีโอลงบอร์ดผิงเสียด้ว--- //โดนพลองกระหน่ำฟาด
เสี่ยวเกอคนนี้สองมาตรฐานนนนน ถถถถถถ
ด้วงอิจฉา อิจฉาาาาา พนักงานในร้านนนนน ได้ยินได้เห็นอะไรบ้างตอบ!! *เขย่าๆๆๆ*
แล้วไอ้ตีเนียนจูงมือ กระซิบกระซาบข้างหู คีบขนมจีบป้อนถึงปากนี่มันอัลไลลลลลลล เสี่ยวเกอชัดเจนขนาดนี้ มาเพื่อนกันแมนๆอะไรของเอ็งฮะเทียนเจิน
ผมพยายามชะเง้อมองหาด้วง อยู่ไหนนะ ด้วงอู๋ผมดำยาวคนนั้น แค่กๆ
ฝากอัพโหลดวิดีโอลงบอร์ดผิงเสียด้ว--- //โดนพลองกระหน่ำฟาด
Rozenkreuz- ด้วงอาณาจักรเจ้าแม่ซีหวังหมู่
- จำนวนข้อความ : 625
Points : 3848
Join date : 01/07/2015
Age : 31
ที่อยู่ : กองทัพผีเก็บเห็ดแห่งประตูสำริด
Re: [Fic] (AU) We're dating 1/2 (ผิงเสีย)
//w// อ๊ายยยยย ชอบฉากในร้านหนังสือจังค่ะะะะะ
แง คิดภาพตอนเสี่ยวเกอลากนายน้อยที่กำลังตั้งใจอ่านไปจ่ายเงิน น่ารักกกก
อู้ว ต่อไปจะต้องมีฉากในโรงหนังแน่ๆเลยใช่ไหมคะ =//w//=
แง คิดภาพตอนเสี่ยวเกอลากนายน้อยที่กำลังตั้งใจอ่านไปจ่ายเงิน น่ารักกกก
อู้ว ต่อไปจะต้องมีฉากในโรงหนังแน่ๆเลยใช่ไหมคะ =//w//=
Cathareen- ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
- จำนวนข้อความ : 149
Points : 3595
Join date : 24/12/2014
Re: [Fic] (AU) We're dating 1/2 (ผิงเสีย)
[quote=นี่เพื่อนกันแมนๆมารอดูหนังครับ…ได้โปรดอย่าคิดไปไกล"][/quote]
แมนๆมาดูหนัง...มองคำนี้เเรงมาก
นายอย่ามาอ้างมิตรภาพเเถวนี้สิ...ใครๆเขาก็ดูออก
แต่เเหม อาเฮียดีจังนะ หนังสือก็มีคนซื้อให้ จะกินก็มีคนจ่าย ทางนี้อิจฉาหนักมาก
แมนๆมาดูหนัง...มองคำนี้เเรงมาก
นายอย่ามาอ้างมิตรภาพเเถวนี้สิ...ใครๆเขาก็ดูออก
แต่เเหม อาเฮียดีจังนะ หนังสือก็มีคนซื้อให้ จะกินก็มีคนจ่าย ทางนี้อิจฉาหนักมาก
mama moosap- ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
- จำนวนข้อความ : 64
Points : 3419
Join date : 29/03/2015
Re: [Fic] (AU) We're dating 1/2 (ผิงเสีย)
หึหึหึหึหึ ดูท่าทางจางฉี่หลิงจะมีคู่แข่งแล้วสิ สู้ๆนะเราเชียนายเต็มที่
FunnyLee- ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
- จำนวนข้อความ : 88
Points : 3300
Join date : 12/07/2015
Re: [Fic] (AU) We're dating 1/2 (ผิงเสีย)
ตายล่ะ...กิ๊กเก่า...กับเเฟนใหม่//ผิดล่ั
meanato- ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
- จำนวนข้อความ : 487
Points : 3961
Join date : 27/10/2014
Age : 26
ที่อยู่ : หลังประตูสัมฤทธิ์
Similar topics
» [Fic] (AU) We're dating 2/2 (ผิงเสีย)
» [OS] #dmbjdaily '520' (ผิงเสีย :: เหม่งจาง,ผิงเสีย)
» [OS] โรค - ผิงเสีย
» [Fic] 001 [ผิงเสีย]
» [Fic] คืนแรกของผมและเขา [ผิงเสีย]
» [OS] #dmbjdaily '520' (ผิงเสีย :: เหม่งจาง,ผิงเสีย)
» [OS] โรค - ผิงเสีย
» [Fic] 001 [ผิงเสีย]
» [Fic] คืนแรกของผมและเขา [ผิงเสีย]
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|
Fri 24 Jul 2020, 01:39 by gustoon
» [คู่มือด้วง] Keyword จีนสำหรับการขุด(แฟนดอม)สุสาน
Thu 21 Jun 2018, 00:29 by miskizfullmoon
» มังฮวาและภาคทิเบต
Thu 21 Jun 2018, 00:23 by miskizfullmoon
» [OS] Father is the best (ผิงเสีย)
Thu 03 Aug 2017, 16:12 by schneewittchen
» [Fic] สิ่งเล็กๆที่เชื่อมโลก5 [เมินโหยวผิง+อู่เสีย+เสี่ยอ้วน]+OC
Tue 01 Aug 2017, 12:30 by natsume
» [OS] #dmbjdaily (จูปาจุ๊บ) Bittersweet [ผิงเสีย AU]
Thu 06 Apr 2017, 15:58 by Zeth
» [OS] #dmbjdaily "โทรศัพท์มือถือ" - no Pairing [All]
Tue 04 Apr 2017, 22:27 by Zeth
» [OS] #DMBJDaily (แว่น): ระยะที่มองไม่เห็น [ฮัวเสีย]
Sat 01 Apr 2017, 16:55 by Zeth
» [OS] #DMBJdaily (5.20) ท่านยอดฝีมือ [หวังเหมิง (+เหมิงเสีย)(+ผิงเสีย)]
Thu 30 Mar 2017, 17:24 by Zeth