Countdown
We've been
togerther for

ค้นหา
 
 

Display results as :
 


Rechercher Advanced Search


[Fic] ความกลุ้มใจของเถ้าแก่อู๋

+3
Nepenthes
yakusoku
Eli-kun
7 posters

Go down

[Fic] ความกลุ้มใจของเถ้าแก่อู๋ Empty [Fic] ความกลุ้มใจของเถ้าแก่อู๋

ตั้งหัวข้อ by Eli-kun Tue 31 Mar 2015, 13:47

เป็นฟิคที่ต่อมาจากฟิคเรื่องนี้ค่ะ
https://dmbjth.thai-forum.net/t1120-topic
โปรดคลิกอ่านเพื่อจะได้ช่วยให้เข้าใจเนื้อเรื่องมากขึ้นนะคะ

คำเตือน ฟิคเรื่องนี้เกิดจากแรงมโนล้วนๆ ในเรื่องนายน้อยอู๋เสียจะค่อนข้างมีอายุพอสมควรแล้วนะคะ

      หลายปีผ่านไป ผมและครอบครัวยังคงใช้ชีวิตอย่างสงบสุข ตอนนี้ตัวผมก็ยังติดนิสัยชอบเขียนบันทึก แม้ไม่มีเหตุการณ์ระทึกขวัญสั่นประสาทเหมือนสมัยลงกรวยตอนหนุ่มๆ แต่วันว่างๆก็ยังคงนั่งบันทึกเรื่องราวของตัวเองและผู้คนรอบข้าง ช่วงนี้ผมมีปัญหาหนักใจอยู่เรื่องหนึ่งที่แก้ไม่ตกสักที อยากรู้ไหมครับว่าเรื่องอะไร
   
      ครอบครัวของผมตอนนี้ประกอบไปด้วยผม ภรรยา และลูกอีก 2 คน ใช่แล้ว คุณอ่านไม่ผิดหรอก ตอนนี้ผมมีลูก 2 คนแล้ว แถมลูกคนที่ 2 ยังเป็นลูกสาวซะด้วย ผมดีใจมากๆ ป๊ากับม้าก็ดีใจ เพราะครอบครัวเราตั้งแต่รุ่นคุณปู่ ส่วนใหญ่มีแต่เด็กผู้ชาย ยายหนูแสนน่ารักลูกสาวของผมเลยกลายเป็นขวัญใจของตระกูลอู๋ไปโดยปริยาย แม้กระทั่งอารองที่ชอบปั้นหน้าขรึมอยู่เสมอ เวลาที่มองดูยายหนูของผม ริมฝีปากยังฉาบไปด้วยรอยยิ้มเปี่ยมสุข

      เพื่อนๆแต่ละคนของผมต่างก็แยกย้ายกันไปดำเนินชีวิตของตัวเอง นายอ้วนไม่มีครอบครัว แต่เปิดร้านเพิ่มอีก 3-4 แห่ง ช่วงนี้ดูท่าทางจะยุ่งมาก ผมเองก็ไม่ค่อยได้ติดต่อกับเขาเท่าไหร่ แต่นายอ้วนทำมาค้าขึ้น หยิบจับอะไรก็รุ่ง ธุรกิจค้าขายของเขาท่าทางจะไปได้สวย

      เมินโหยวผิงยังคงเดินทางท่องเที่ยวไปเรื่อยๆ แต่ผมไม่ค่อยห่วงเท่าไหร่ เพราะช่วงนี้เขากลับมาทุกปี ต่างจากสมัยก่อนที่หายตัวไปเป็นปีๆ ติดต่อก็ไม่ค่อยได้

      ทุกครั้งเวลาที่เมินโหยวผิงกลับมา ผมต้องเป็นธุระจัดการให้ นายอ้วนไม่ค่อยว่าง ยุ่งตัวเป็นเกลียว บ้านก็ไม่ค่อยมีคนอยู่ ดังนั้นเวลาส่วนใหญ่ที่เมินโหยวผิงกลับมา เขาจะมาพักกับผมที่หังโจว

      ยามบ่าย ผมจิบชานั่งคุยกับเมินโหยวผิงไปเรื่อยเปื่อย แม้เวลาจะผ่านมานานขนาดนี้ แต่เวลาที่ผมสนทนากับเขา ยังคงมีช่วงเวลาแห่งความเงียบงันกั้นกลางระหว่างเราสองคน ผมไม่เคยต่อบทสนทนากับเขาได้อย่างลื่นไหลสักที แต่เราทั้งคู่ต่างก็รู้จักนิสัยของอีกฝ่ายอย่างทะลุปรุโปร่ง ความเงียบนั้นจึงไม่ได้น่าอึดอัดแต่อย่างใด

      “เสี่ยวเกอ กลับมาคราวนี้นายตั้งใจจะอยู่สักกี่วัน” ผมมองดูเขา เสี่ยวเกอยังคงเป็นเสี่ยวเกอคนเดิม ร่างกายของเขาแทบไม่เปลี่ยนไปเลย ยังคงเป็นชายหนุ่มรูปงามวัยยี่สิบต้นๆ กาลเวลาทำร้ายเขาไม่ได้แม้สักนิดเดียว

      “ไม่รู้ อาจจะสัก 1 อาทิตย์หรือมากกว่านั้น” เขาตอบสั้นๆ ดวงตาเหม่อมองไปยังที่ไกลแสนไกล

      ผมนั่งมองดูเขา เสี่ยวเกอ จะพูดว่าเขาไม่เปลี่ยนไปเลยก็คงไม่ถูก ถึงเขาจะชอบเหม่อลอยเหมือนเดิม แต่ผมรู้สึกได้ว่า เขาดูผ่อนคลายขึ้น เหมือนภาระหน้าที่ที่อยู่บนบ่าถูกยกออกไป หลังจากจบเรื่องทั้งหมดแล้ว เขาก็ได้เป็นอิสระจากสิ่งที่ผูกมัดเขาไว้ เมินโหยวผิงแบกรับโชคชะตาที่หนักหนาเกินกว่าคนทั่วไปจะจินตนาการไหว มีจุดจบที่เรียบง่ายอย่างตอนนี้ นับว่าไม่เลวเลยจริงๆ  

      และเพราะเมินโหยวผิงค่อนข้างแตกต่างจากคนทั่วไป ผมจึงเล่าเรื่องราวคร่าวๆของของเขาให้ภรรยากับลูกๆฟังด้วย เพื่อไม่ให้พวกเขาตกใจ ภรรยาของผมตอนแรกแทบไม่อยากจะเชื่อผม เธอไม่เชื่อว่าจะมีคนที่เป็นอมตะอยู่บนโลกนี้จริงๆ แต่พอเธอได้เห็นกับตาตัวเอง ว่าหลายปีผ่านไป เสี่ยวเกอก็ยังเหมือนเดิม จึงยอมเชื่อในที่สุด เรื่องราวพวกนี้ต้องให้พวกเขาได้เห็นด้วยตาของตัวเองเท่านั้น คำบอกเล่าอธิบายใดๆแทบไร้ประโยชน์

      ส่วนลูกๆ ของผม เพราะยังเด็กจึงไม่ค่อยเข้าใจเรื่องพวกนี้มากนัก แต่พอพวกเขาโตขึ้นก็เริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติของเสี่ยวเกอ แต่พวกเขาไม่ได้หวาดกลัว ตรงกันข้ามกลับรู้สึกทึ่ง อู๋อี้เฟย ลูกชายคนโตของผมถึงกับเรียกเมินโหยวผิงว่า 'มนุษย์มหัศจรรย์'

      ผมดีใจที่เห็นลูกทั้งสองเข้ากับเสี่ยวเกอได้เป็นอย่างดี เสี่ยวเกอเองก็ดูจะให้ความเอ็นดูกับเด็กทั้งคู่อย่างมาก ทุกครั้งที่เขากลับมาจะเอาของฝากแปลกๆติดไม้ติดมือจากต่างแดนมาให้ลูกๆของผมเสมอ และยังสอนวิชาต่อสู้พื้นฐานเล็กๆน้อยๆให้กับอู๋อี้เฟยด้วย ถึงเขาจะยังไม่ค่อยพูดค่อยจาเหมือนเดิม แต่เห็นได้ชัดว่าลูกๆของผมก็ชอบเขามากเหมือนกัน เพราะทุกครั้งที่เมินโหยวผิงมาบ้านของเรา ทั้งคู่จะตื่นเต้นดีใจกันจนออกนอกหน้า

      แต่แล้วปัญหาหนักอกในชีวิตของผมก็เกิดขึ้นในวันครบรอบวันเกิดปีที่ 15 ของอู๋เยี่ยหลิง ลูกสาวคนเล็กของผมนี่ละครับ

      ทำไมน่ะหรือ วันนั้นเราจัดงานปาร์ตี้วันเกิดเล็กๆให้เธอ มีญาติพี่น้องและเพื่อนๆมาร่วมอวยพร ป๊ากับม้าของผมก็มาด้วย แต่ละคนยังมอบของขวัญสวยงามน่ารักเอาอกเอาใจยายหนู อารองถึงกับมอบสร้อยข้อมือเพชรเส้นเล็กๆเป็นของขวัญวันเกิดครบรอบ 15 ปีให้เธอเลยทีเดียว    

      แต่ผมกลับพบว่า ท่าทีของยายหนูดูกระสับกระส่ายแบบแปลกๆ คล้ายมีเรื่องในใจอะไรบางอย่าง

      “เสี่ยวหลิง ลูกกังวลอะไรอยู่หรือเปล่า” ผมตัดสินใจถามเธอไปตรงๆ

      “ป๊า คุณอาจางฉี่หลิงเพื่อนของป๊า เขาบอกว่าจะมาถึงวันนี้ไม่ใช่เหรอคะ”

      ผมพลันนึกขึ้นได้ เสี่ยวเกอติดต่อมาเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ว่าจะมาพักที่บ้านของเรา และจะเดินทางมาถึงในวันนี้จริงๆ แต่วันนี้ตรงกับวันเกิดของลูกสาวและกำลังยุ่งๆ เกือบลืมไปเลย จริงๆผมก็ไม่ได้ลืมไปเสียทีเดียว เสี่ยวหลิงทำให้ผมนึกขึ้นมาได้

      “ใช่ เขาบอกว่าจะมาถึงช่วงบ่ายๆ นี่ก็ค่ำแล้วทำไมยังไม่มาอีกนะ เดี๋ยวป๊าจะลองโทรเช็คดู” ผมขอตัว ปลีกตัวจากมา แต่ก็ยังไม่วายเหลือบไปเห็นลูกสาวของผมมองตามมาด้วยสายตาที่เหมือนกับ... คาดหวังอะไรบางอย่าง

      ผมไม่ได้คิดอะไร โทรหาเสี่ยวเกอ เดี๋ยวนี้เขามีมือถือใช้แล้วนะ ไม่ต้องแปลกใจไป แต่โทรหาอยู่หลายครั้งก็ไม่ติด แบตหมดหรือยังไง

      ผ่านไปอีกชั่วโมง เริ่มดึกแล้ว แขกเหรื่อก็พากันขอตัวกลับ ตอนนั้นเองผมก็เห็นเมินโหยวผิงกำลังเดินตรงเข้ามา

      “เสี่ยวเกอ” ผมกำลังจะเดินเข้าไปหาเขา แต่มีบางคนไวกว่า ร่างเล็กๆที่ยืนอยู่ข้างๆผมจนถึงเมื่อครู่เผ่นแผล็วออกไปราวกับลูกธนุหลุดออกจากแล่ง

      “คุณอาจาง” เสียงร่าเริงสดใสดังขึ้น ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นเสี่ยวหลิง ลูกสาวของผมเองครับ เธอดูดีอกดีใจมากๆที่เมินโหยวผิงมาถึง ใบหน้าเต็มไปด้วยร้อยยิ้ม

      ผมยืนมองอยู่ห่างๆ พวกเขาพูดอะไรบางอย่างกัน เห็นเมินโหยวผิงส่ายหน้า แล้วก็ล้วงอะไรสักอย่างออกมาจากกระเป๋า
     
      ผมเดินเข้าไปดู มันคือสร้อยข้อมือหินทิเบต เมินโหยวผิงสวมสร้อยนั้นลงบนข้อมือของเสี่ยวหลิง

     “สิ่งนี้จะช่วยคุ้มครอง ปกป้องเธอจากเคราะห์ร้ายทั้งปวงได้” เขากล่าวเรียบๆ “สุขสันต์วันเกิด”

      ยายหนูของผมดีใจจนพูดไม่ออก ท่าทางของเธอที่ได้รับสร้อยข้อมือจากเมินโหยวผิงดูยินดียิ่งกว่าได้สร้อยข้อมือเพชรจากอารองเสียอีก ผมขอบคุณเมินโหยวผิง พูดคุยซักถามว่าทำไมเขาจึงมาช้า เสี่ยวหลิงยังยืนอยู่ใกล้ๆ ไม่ยอมไปไหน

      “เสี่ยวหลิง นี่ก็เริ่มดึกแล้ว ไปพักผ่อนเถอะ พ่อจะคุยกับคุณอาสักพัก คุณอาเดินทางมาเหนื่อยๆ คงจะอยากพักเหมือนกัน” ผมบอกกับเธอ

      ยายหนูลังเล แต่แล้วจึงยอมจากไปอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก

...............................................................................................................................................


      ตกดึก ผมสูบบุหรี่ นั่งอยู่หน้าบ้าน ตากลมเย็นคุยกับเมินโหยวผิง

     “นายไม่ควรสูบจัดขนาดนี้” เมินโหยวผิงกล่าว

      “ทำไม ไม่ชอบกลิ่นรึไง”

      เมินโหยวผิงส่ายหน้า ไม่พูดอะไร

      “โทษที เป็นความเคยชินน่ะ เวลาที่กลุ้มใจก็อดไม่ได้ซักที” ผมขยี้ก้นบุหรี่กับจานรอง ความจริงระยะหลังมานี้ ผมไม่ค่อยได้สูบแล้วนะ

      เรานั่งกันอยู่เงียบๆ เมินโหยวผิงไม่ถามด้วยซ้ำว่าผมกลุ้มใจเรื่องอะไร ถ้าเป็นยามปกติผมคงน้อยใจ แต่ตอนนี้ผมกลับรู้สึกขอบคุณเขา

      จากตรงนี้สามารถมองเห็นหน้าต่างห้องนอนของเยี่ยหลิง จากมุมที่ผมนั่งอยู่มองเห็นได้ชัดเจน ลูกสาวของผมยืนอยู่ข้างหน้าต่าง กำลังมองลงมาที่พวกเรา ผมนั่งคุยกับเมินโหยวผิงเกือบชั่วโมงแล้ว เธอก็ยืนมองอยู่เกือบชั่วโมงเหมือนกัน
   
.............................................................................................................................................


      ครับ นี่แหละปัญหาหนักอกของผมในตอนนี้

      ตั้งแต่วันนั้นที่ผมเห็นแววตาที่เสี่ยวหลิงใช้มองเมินโหยวผิง ในใจก็รู้สึกกลัดกลุ้มอย่างประหลาด

      ยายหนูของผมชอบเมินโหยวผิง แถมยังเป็นความชอบแบบหนุ่มสาวเสียด้วย ตอนนี้เสี่ยวหลิงอายุ 15 เริ่มโตเป็นสาวแล้ว เรื่องพวกนี้แค่คุณลองสังเกตดูสักนิดก็พอจะดูออก ท่าทางที่เธอชอบเข้าไปพูดคุยกับเสี่ยวเกอ คอยมองหาเขาอยู่แทบจะตลอดเวลา

      ผมยกมือลูบหน้า ทำไม โลกใบนี้มีผู้ชายตั้งมากมาย ทำไมต้องเป็นเมินโหยวผิง
     
      ผมมองเห็นปัญหามากมายถ้าหากเสี่ยวหลิงจะไปชอบพอกับเมินโหยวผิง ไม่ใช่ว่าเขาเป็นผู้ชายที่บกพร่องหรืออะไรทำนองนั้น เพียงแต่เมินโหยวผิงไม่เหมือนกับพวกเรา ประการแรก คนสกุลจางมีอายุยืนยาว ถ้าหากลูกสาวผมแต่งงานกับเขาไป วันเวลาข้างหน้า ลูกของผมจะต้องแก่ตัวลงเรื่อยๆ ในขณะที่เขายังเป็นคนหนุ่มเหมือนเดิม ตอนนี้ยังไม่เท่าไหร่ แต่ในอนาคตยายหนูของผมจะทนรับความแตกต่างนี้ไหวหรือ

      ประการที่สองยิ่งน่าหนักใจกว่าข้อแรก ตั้งแต่คบกับเขามา ผมยังไม่เคยเห็นเมินโหยวผิงให้ความสนใจผู้หญิงคนไหนเป็นพิเศษ ไม่เคยแม้แต่ครั้งเดียว ลูกสาวผมชอบเขา ไม่ได้หมายความว่าเขาจะต้องชอบลูกสาวของผมกลับ เรื่องความรักความชอบบังคับกันได้ที่ไหน นี่หมายความว่าลูกสาวผมกำลังรักเขาข้างเดียว ความรักข้างเดียวทรมานแค่ไหนทำไมผมจะไม่รู้

      ผมมีความรู้สึกลึกๆอยู่เสมอว่าเสี่ยวเกอเป็นคนที่ทุ่มเทกับให้กับเป้าหมายของเขา ยามนี้ยิ่งตัวเขาเป็นอิสระจากภาระหน้าที่ทั้งมวล ถ้าหากคุณคือคนที่เขามอบหัวใจให้ เขาจะปกป้องดูแลคุณด้วยชีวิต แต่คำถามคือ คุณจะใช่คนคนนั้นสำหรับเขาหรือเปล่า

      หากเมินโหยวผิงรักยายหนูของผมสักนิด ต่อให้มีปัญหาเรื่องความแตกต่างของช่วงชีวิตก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรเลย สองคนรักใคร่กัน ปัญหาใหญ่หลวงแค่ไหน ย่อมเอาชนะฟันฝ่าไปได้

      ผมไม่รู้จะระบายความอัดอั้นนี้กับใคร พูดกันตามตรง ถ้าหากว่าลูกสาวของผมไปชอบนายอ้วน ผมยังไม่กลุ้มใจขนาดนี้เลย

      ผมลองปรึกษาเสี่ยวฮัว เสี่ยวฮัวฟังผมเล่าจนจบก็กล่าวว่า “ฉันคิดว่า ความชอบของลูกสาวนายอาจจะเป็นความชอบแบบหลงใหลที่เด็กสาวๆมีต่อพวกไอดอลหนุ่มอะไรทำนองนั้น นายลองหาเด็กหนุ่มหน้าตาดีสักคนมาดึงดูดความสนใจของลูกสาวนาย บางทีเธออาจจะเลิกสนใจจางฉี่หลิงคนนั้นก็ได้”

      แล้วผมจะไปหาจากไหน ผมคิด เสี่ยวหลิงมีเพื่อนมากมายทั้งหญิงชาย แต่ทั้งหมดก็เป็นเพื่อนกันทั้งนั้น ผมไม่เคยเห็นลูกสาวของผมสนใจใครจริงจังมาก่อนเลย

     “เสี่ยวฮัว ฉันมีเรื่องไหว้วานนาย นายบอกให้ฉันหาเด็กหนุ่มหน้าตาดี ฉันขอยืมตัวลูกชายของนายหน่อยได้มั้ย”

     “ไม่ได้” เสี่ยวฮัวปฏิเสธทันที “ลูกชายของฉันมีแฟนแล้ว จะหาก็ไปหาคนอื่น”

      ผมลองทำตามที่เสี่ยวฮัวบอก แต่ก็ยังหาใครถูกใจไม่ได้สักคน จริงๆแล้วเพราะผมไม่ไว้ใจให้ใครทำหน้าที่นี้ต่างหาก  สุดท้ายก็ลองเกลี้ยกล่อมเสี่ยวฮัวอีกรอบ

     “ก็ได้ ฉันจะลองพูดกับลูกชายให้ แต่ฉันให้เวลาแค่ 1 เดือน ถ้าเวลา 1 เดือนนี้ยังไม่ได้ผล นายต้องไปหาวิธีเอาเองแล้ว”

      หลังจากวันนั้น เซี่ยเหว่ยถิง ลูกชายของเสี่ยวฮัวก็ค่อยๆก้าวเข้ามาในชีวิตของลูกสาวผม ทั้งคู่อายุไล่เลี่ยกัน น่าจะสนิทกันได้ง่าย อีกอย่างเพราะเป็นลูกของเสี่ยวฮัวผมถึงได้เบาใจ ถ้าให้ใครที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้ามาเล่นบทนี้ ผมไม่วางใจจริงๆ

      แต่เรื่องไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด ตลอดเวลาหนึ่งเดือนที่ลูกชายของเสี่ยวฮัวพยายามไปรับไปส่ง พาไปเที่ยวข้างนอก เสี่ยวหลิงก็ไม่ได้มีท่าทีเป็นปลื้มกับเขาเหมือนที่เป็นกับเมินโหยวผิงแต่อย่างใด

      “พี่เหว่ยถิงคุยเก่งมาก อยู่กับพี่เขาแล้วไม่เบื่อเลย” ผมนั่งคุยกับเสี่ยวหลิงในวันหนึ่ง

      “แล้วเสี่ยวหลิงชอบพี่เขาบ้างไหมลูก”

      “ชอบค่ะ เป็นพี่ชายที่น่ารักมากๆอีกคนหนึ่งเลย”

      “พี่ชาย แค่นั้นรึ” ผมลองหยั่งเชิง

      “ใช่ค่ะ” เสี่ยวหลิงยิ้มอย่างบริสุทธิ์ใจ “มีอะไรหรือเปล่าคะป๊า”

      “ไม่หรอก ไม่มีอะไร”

      เอาน่า ยังเร็วไป ลองให้เวลาอีกสักหน่อย

      เวลา 1 เดือนมาถึงไวกว่าที่คิด ผมเสนอให้เซี่ยเหว่ยถิง ลองใช้ไม้ตายสุดท้าย คือลองสารภาพรักกับเสี่ยวหลิงดู

      แต่ผลที่ได้รับคือ ลูกสาวผมตอบปฏิเสธลูกชายของเสี่ยวฮัวอย่างงดงาม “เสี่ยวหลิงดีใจที่พี่เหว่ยถิงชอบเสี่ยวหลิง แต่เสี่ยวหลิงมีคนที่ชอบอยู่แล้ว ต้องขอโทษจริงๆ ค่ะ”

      คนที่ชอบนั่นคงไม่ได้หมายถึงเมินโหยวผิงหรอกใช่มั้ย แผนนี้ไม่ได้ผล ความจริงผมก็พอจะรู้ว่ามันเป็นแผนการที่ฟังดูงี่เง่ามากๆ ลูกชายของเสี่ยวฮัวมีแฟนแล้ว แต่ก็ยังมาช่วยเล่นบทตามจีบเสี่ยวหลิงปลอมๆให้ผม ถ้าหากลูกสาวผมเกิดชอบเขาขึ้นมาจริงๆ แล้วมีปัญหาให้เขาต้องผิดใจกับแฟน นั่นก็คงเป็นเรื่องใหญ่อยู่เหมือนกัน

      ผลลัพธ์ออกมาแบบนี้ ทำให้ผมทั้งโล่งอกและผิดหวังไปพร้อมๆกัน

      คราวนี้ผมลองปรึกษานายอ้วนดูบ้าง นายอ้วนฟังผมเล่าแล้วก็หัวเราะ

      “เสี่ยวอู๋ นายนี่ขี้กังวลเกินเหตุไปนะ ลูกสาวนายชอบเสี่ยวเกอก็ปล่อยให้ชอบไปสิ จะไปขัดขวางทำไม”

      “แต่เสี่ยวเกอไม่ได้ชอบเสี่ยวหลิงนี่ ถ้าปล่อยให้ชอบอยู่ฝ่ายเดียวอย่างนี้ คนที่ต้องเจ็บปวดก็คือเสี่ยวหลิงนั่นละ” ผมแย้ง

      “นายก็เลยคิดจะตัดไฟแต่ต้นลม” นายอ้วนส่ายหัว มองผม “เทียนเจิน ชีวิตคนเรามีหลายด้าน ทั้งสุขและทุกข์ นายต้องลองปล่อยให้ลูกของนายเผชิญหน้ากับชีวิตของเขาด้วยตัวเอง ไม่ใช่เอาแต่ปกป้องเป็นไข่ในหินอยู่แบบนี้”  

      “ไม่ใช่ลูกของนาย นายก็พูดได้นี่หว่า” ผมกล่าว

     “ฉันรู้ แต่นายลองปล่อยไปตามธรรมชาติเถอะ ความรักครั้งนี้ของลูกสาวนายไม่สมหวังก็ผิดหวัง ในเมื่อคิดจะรัก ก็ต้องยอมรับผลลัพธ์ที่จะตามมาได้ ชีวิตที่พบเจออุปสรรคบ้าง ทำให้คนเราเติบโตขึ้น” นายอ้วนพูดอย่างจริงจัง

     “ถ้านายรักลูกจริง ก็ต้องลองปล่อยให้เขาได้ตัดสินใจเอง คนเป็นพ่อแม่ก็คอยเฝ้าดูอยู่ห่างๆ นายคิดจะตัดสินชีวิตให้ลูกของนายทุกย่างก้าวเลยหรือ” นายอ้วนย้อนถามผม

      ผมลองมาทบทวนดู ที่นายอ้วนพูดก็มีส่วนถูก ผมอาจจะกังวลเกินกว่าเหตุ แต่เสี่ยวหลิงไม่ใช่ลูกของเขา เขาไม่มีวันเข้าใจหัวอกคนเป็นพ่อแม่อย่างผม  

      ผมลองทำตามที่นายอ้วนบอก ลอบสังเกตการณ์อยู่ห่างๆ เมินโหยวผิงไม่มีทีท่าอะไรเป็นพิเศษ เขาปฏิบัติต่อลูกทั้งสองของผมอย่างเท่าเทียมกัน แต่ท่าทีของเสี่ยวหลิงที่มีต่อเขานี่สิ ยิ่งนับวันยิ่งชัดเจน ภรรยาของผมก็พอจะมองออกบ้างแล้ว แต่เธอก็ดูไม่ได้กังวลเท่าผม ตกลงมีผมคนเดียวที่ประสาทไปหรือไงนะ

      ผมมองออกไป เห็นเมินโหยวผิงกำลังเดินเล่นหน้าบ้านอยู่กับเสี่ยวหลิง ยายหนูของผมชวนเขาพูดคุยตลอด เมินโหยวผิงแทบไม่พูดอะไร แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทางรำคาญเช่นกัน

      มองคนสองคนที่เดินเคียงข้างกันแล้วผมก็อดคิดไม่ได้ว่าก็ไม่เลว เมินโหยวผิงรูปร่างเหมือนชายหนุ่มอายุ 20 กว่าๆ ส่วนเสี่ยวหลิงปีนี้ย่าง 18 แล้ว เวลาที่เดินกับเมินโหยวผิง ก็ไม่ได้ดูเหมือนเฒ่าหัวงูกินเด็กแต่อย่างใด

      ลูกสาวของผมแม้จะไม่ได้สะสวยอะไรมากมาย แต่กำลังอยู่ในวัยที่สดใส อีกทั้งเป็นคนร่าเริง มีมนุษยสัมพันธ์ดี ผมมั่นใจว่าคนส่วนใหญ่เห็นแล้วน่าจะชอบเธอ อีกทั้งหลายคนยังบอกด้วยว่า ลูกสาวของผมนั้นคล้ายคลึงกับผมมากทั้งรูปร่างหน้าตาและนิสัยใจคอ

      แถมในบรรดาลูกทั้งสองคนของผม ก็ดูเหมือนจะมีแต่เสี่ยวหลิงนี่แหละที่สืบทอดพลังเลือดพิเศษมาจากผม ลูกชายคนโตของผมดูเหมือนจะไม่ได้มีความสามารถนี้ ผมค้นพบเรื่องนี้โดยบังเอิญตอนที่เสี่ยวหลิงยังเด็กและได้รับบาดเจ็บจนเลือดไหล

      ถ้าหากลูกสาวของผมแต่งงานกับเมินโหยวผิง ก็เท่ากับว่าเมินโหยวผิงจะกลายมาเป็นลูกเขยของผม
   
      ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่ามันประหลาดพิลึก เมินโหยวผิงเป็นคนรุ่นคุณปู่ของผม บางทีอาจจะแก่กว่านั้นด้วยซ้ำ เขาได้ร่วมผจญภัยกับผม จนพวกเรากลายมาเป็นสหายกัน แต่ตอนนี้เขากำลังจะกลายมาเป็นลูกเขยของผมแล้วงั้นรึ โชคชะตาช่างตลกสิ้นดี

      แล้วผมก็พบว่า ผมคิดไกลเกินไป ผ่านไปปีแล้วปีเล่า ความสัมพันธ์ของเมินโหยวผิงกับเสี่ยวหลิงก็ยังไม่ไปถึงไหน เสี่ยวเกอกลับมาหังโจวแค่ปีละครั้ง โอกาสที่จะได้พบเจอกับเสี่ยวหลิงมีน้อยมาก

      ลูกสาวของผมเองก็ไม่มีทีท่าว่าจะชอบคนอื่นเช่นกัน บางครั้งยังเห็นเธอนั่งเหม่อมองสร้อยข้อมือที่เมินโหยวผิงให้เป็นของขวัญทั้งวัน ส่วนตัวผมก็ได้แต่เฝ้ามองอยู่เงียบๆ
     
      จนถึงวันที่เสี่ยวเกอกลับมา ผมจับตัวเขาไว้ ลากมานั่งคุยด้วยกัน

      “เสี่ยวเกอ นายไม่เคยคิดจะแต่งงานมีครอบครัวบ้างเลยหรือ” ผมลองหยั่งเชิง

      เขาทำท่าครุ่นคิด แล้วก็มองหน้าผม “ไม่”  เขากล่าว “ฉันค่อนข้างพอใจกับชีวิตตอนนี้อยู่แล้ว”

      “แล้วนายไม่เคยมีคนที่ชอบ ไม่เคยรักใครบ้างเลยรึยังไง” ผมถามต่อ

      พอคำถามนี้หลุดจากปากผม ผมก็ได้เห็นแววตาของเมินโหยวผิงวูบไหวอย่างประหลาด คล้ายกับมีเงาของความเจ็บปวดจางๆพาดผ่าน แต่มันก็กลับหายไปอย่างรวดเร็ว ถ้าไม่มองให้ดีอาจจะคิดว่าตาฝาดไป แต่พอดีผมดันเห็นแล้วนี่สิ

      “ช่างเถอะ” ผมตบไหล่เขา “ถือซะว่าเมื่อกี้ฉันไม่ได้ถามแล้วกัน” ไม่ว่าเขาจะเคยรักใครมาก่อนหรือไม่ มันก็คงไม่ได้จบลงอย่างสวยงามเท่าใดนัก ผมไม่รู้ว่าทำไม แต่พอได้เห็นแววตาเมื่อสักครู่ของเขาแล้ว ผมรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ควรยุ่ง ไม่ควรจะไปกวนสิ่งที่ตกตะกอนในใจของเขาให้ขุ่นขึ้นมาอีก

      เอาเถอะ รอดูต่อไปสักพัก ผมคิด

      ผมคิดว่าเรื่องมันจะเรียบๆเรื่อยๆแบบนี้ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงต่อไป แต่ผมก็ได้พบว่า ผมคิดผิด ในปลายฤดูร่วงของปีที่ลูกสาวผมอายุครบ 20 ปี ก็เกิดเรื่องบางอย่างที่ไม่คาดฝันขึ้น

............................................................................................................................................

จบแล้ว แต่อาจจะมีตอนต่อค่ะ แบ่งไว้เป็นสองพาร์ท ขอบคุณทุกท่านที่อ่านมาจนถึงตอนนี้นะคะ อ่านกันเล่นๆ ไม่ต้องคิดอะไรมาก ขอให้อ่านกันให้สนุกค่ะ


แก้ไขล่าสุดโดย Eli-kun เมื่อ Wed 01 Apr 2015, 03:49, ทั้งหมด 3 ครั้ง (Reason for editing : แก้ไขคำผิด)
Eli-kun
Eli-kun
ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา

จำนวนข้อความ : 80
Points : 3459
Join date : 04/03/2015

ขึ้นไปข้างบน Go down

[Fic] ความกลุ้มใจของเถ้าแก่อู๋ Empty Re: [Fic] ความกลุ้มใจของเถ้าแก่อู๋

ตั้งหัวข้อ by yakusoku Tue 31 Mar 2015, 14:07

คนที่เสี่ยวเกอรักก็คือนายไง อู๋เสีย
เฮ้อ ทำไมถึงอยากให้อู๋เสียกลายเป็นแบบเสี่ยวเกอบ้างจัง
แบบว่าไม่แก่ขึ้นเลยหน้าเด็กตลอดกาลอยู่กับเสี่ยวเกอตลอดไป
yakusoku
yakusoku
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ

จำนวนข้อความ : 369
Points : 3853
Join date : 05/11/2014
ที่อยู่ : โลงในสุสานโบราณ

ขึ้นไปข้างบน Go down

[Fic] ความกลุ้มใจของเถ้าแก่อู๋ Empty Re: [Fic] ความกลุ้มใจของเถ้าแก่อู๋

ตั้งหัวข้อ by Nepenthes Wed 01 Apr 2015, 15:09

เสี่ยวเกอ รักใครอีกไม่ได้หรอกก นอกจากนาย อู๋เสีย ที่รักกก
Nepenthes
Nepenthes
ด้วง
ด้วง

จำนวนข้อความ : 42
Points : 3469
Join date : 01/01/2015

ขึ้นไปข้างบน Go down

[Fic] ความกลุ้มใจของเถ้าแก่อู๋ Empty Re: [Fic] ความกลุ้มใจของเถ้าแก่อู๋

ตั้งหัวข้อ by DarkAki Wed 01 Apr 2015, 23:56

เถ้าแก่คะ อย่าจี้ปมเสี่ยวเกอสิ

อยากรู้แล้วอ่ะว่าจะเกิดอะไรขึ้น
DarkAki
DarkAki
ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา

จำนวนข้อความ : 93
Points : 3494
Join date : 27/01/2015

ขึ้นไปข้างบน Go down

[Fic] ความกลุ้มใจของเถ้าแก่อู๋ Empty Re: [Fic] ความกลุ้มใจของเถ้าแก่อู๋

ตั้งหัวข้อ by Fenrir Sun 05 Apr 2015, 11:38

สังหรณ์ใจแปลกๆว่าคนที่เสี่ยวเกอจะชอบจะรักคงไม่พ้น.... //เหลือบมองอาเฮียลูกสอง
Fenrir
Fenrir
ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา

จำนวนข้อความ : 117
Points : 3637
Join date : 27/10/2014
Age : 32
ที่อยู่ : ไหสักใบในบ้านสกุลอู๋

http://fenrirsglue.blogspot.com/

ขึ้นไปข้างบน Go down

[Fic] ความกลุ้มใจของเถ้าแก่อู๋ Empty Re: [Fic] ความกลุ้มใจของเถ้าแก่อู๋

ตั้งหัวข้อ by faliona01 Sun 05 Apr 2015, 12:40

แอบกุมขมับเล็กน้อย
เทียนเจิ้นเอย.........
faliona01
faliona01
ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
ด้วงต้นไม้เทพเจ้า

จำนวนข้อความ : 261
Points : 3770
Join date : 02/11/2014
ที่อยู่ : เตียงหยกเย็นในถ้ำสุสานโบราณ

ขึ้นไปข้างบน Go down

[Fic] ความกลุ้มใจของเถ้าแก่อู๋ Empty Re: [Fic] ความกลุ้มใจของเถ้าแก่อู๋

ตั้งหัวข้อ by Rozenkreuz Thu 02 Jul 2015, 23:11

มีลางสังหรณ์แปลกๆเหมือนกันว่าคนที่เสี่ยวเกอชอบก็คงไม่พัน... ใครบางคนที่เขาอุตส่าห์ยอมเข้าไปอยู่ในประตูแทนตั้งสิบปี แต่พอกลับออกมาก็พบว่าไอคนที่ชอบแม่งยังคงทำตัวเป็นเทียนเจินเสมอต้นเสมอปลายไม่เห็นจะเปลี่ยนไปสักกะติ๊ด แล้วก็หนีไปแต่งเมียซะงั้น วุ้ยยยยย
พูดแล้วมันขึ้นนะเนี่ย
Rozenkreuz
Rozenkreuz
ด้วงอาณาจักรเจ้าแม่ซีหวังหมู่
ด้วงอาณาจักรเจ้าแม่ซีหวังหมู่

จำนวนข้อความ : 625
Points : 3871
Join date : 01/07/2015
Age : 31
ที่อยู่ : กองทัพผีเก็บเห็ดแห่งประตูสำริด

ขึ้นไปข้างบน Go down

ขึ้นไปข้างบน


 
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ