Countdown
We've been
togerther for

ค้นหา
 
 

Display results as :
 


Rechercher Advanced Search


[OS] #dmbjdaily (Spring) Heavenly Blue [AU] [ผิงเสีย]

+5
yakusoku
Koume
Malangporyim
Cathareen
feyralin
9 posters

Go down

[OS] #dmbjdaily (Spring) Heavenly Blue [AU] [ผิงเสีย] Empty [OS] #dmbjdaily (Spring) Heavenly Blue [AU] [ผิงเสีย]

ตั้งหัวข้อ by feyralin Mon 30 Mar 2015, 23:58

[OS] #dmbjdaily 140 days left (Spring) Heavenly Blue [AU] [ผิงเสีย]


---


"ที่นี่คือเมืองจักรกล.."

เสียงบอกเล่าด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ยิ่งสะเทือนอารมณ์ของผมอย่างรุนแรง ความจริงตรงหน้า พุ่งกระแทกความเข้าใจทั้งหมด ที่ผมเคยมีต่อโลกใบนี้จนแหลกละเอียด

จะให้ผมทำใจเชื่อง่ายๆได้ยังไง ในเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน ผมยังเป็นแค่เด็กม.ปลายธรรมดาๆอยู่เลย

.
.
.

ฤดูใบไม้ผลิปี 3703

ผมนั่งอยู่ในหอประชุมใหญ่ของโรงเรียน พยายามกลั้นหาวเอาไว้สุดฤทธิ์ ขณะฟังผู้อำนวยการหัวล้านเลี่ยนให้โอวาทแก่นักเรียนผู้จบการศึกษา ซึ่งหนึ่งในนั้นคือผมเอง

พล่ามเรื่องเกียรติคุณของผู้ก่อตั้งโรงเรียนไปครึ่งค่อนวันแล้วก็ยังไม่หยุดพูด ผมชักทนไม่ไหวหันซ้ายหันขวาจะหาคนคุย ก็เห็นนายอ้วนหวังเพื่อนร่วมชั้นนอนคอพับ ชิงเข้าเฝ้าเง็กเซียนไปก่อนแล้ว


จู่ๆโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงก็สั่น ไหนๆพรรคพวกละแวกใกล้เคียงกับผมก็กรนคร่อกเย้ยฟ้าท้าดินกันขนาดนี้แล้ว หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นเพิ่มอีกอย่าง ก็คงไม่น่าเกลียดเกินไปหรอก

'อาเฮีย เห็นนะว่าหาวจนน้ำลายยืด'

กดเปิดดูก็เจอข้อความชวนคิ้วกระตุก ที่ไม่ต้องดูชื่อผู้ส่งก็รู้ว่าเป็นใคร ผมเงยหน้า ตวัดสายตาขึ้นมองบนเวที


เบื้องหลังผู้อำนวยการโรงเรียนที่กำลังฝอยจนน้ำท่วมเขื่อน คือคณะกรรมการนักเรียนที่ยืนเรียงกันอยู่ ความโดดเด่นของอีกฝ่ายทำให้มองปราดเดียวก็เห็นว่าคนส่งข้อความกวนโอ๊ยมาอยู่ตรงไหน

ผมก้มลงจิ้มข้อความบ้าง

'รักษาระเบียบหน่อย ประธานนักเรียนเล่นโทรศัพท์มือถือขณะปฏิบัติหน้าที่ได้ยังไง'

กดส่งแล้วก็เงยหน้าขึ้นมอง หมอนั่นพอโทรศัพท์สั่นก็ล้วงออกมาดูทันที ไม่คิดรักษามาดสักนิด แถมพอเห็นว่าผมมองอยู่ก็ดันส่งยิ้มพร้อมโบกมือหยอยๆมาให้อีกต่างหาก

เสี่ยวฮัว นายแม่ง..


"กรี๊ดดดดดดดดดดด"

ผมไม่ทันยกมือขึ้นอุดหู เสียงหวีดสยองก็ดังเซอร์ราวน์ขึ้นรอบตัวซะก่อน ใครใช้ให้หมอนั่นเป็น 'ท่านประธานนักเรียนผู้งดงามราวกับดอกไม้' จนมีคนตั้ง 'สมาคมคนรักเซี่ยอวี่ฮัว' ให้กันเล่า ที่โบกมือให้ผมนี่อย่ามาแก้ตัวว่าไม่ทันรู้ ว่าจะทำให้สาวๆคลั่งไปหน่อยเลย


หมอนั่นคงเห็นผมเบื่อแหละ เลยจงใจสร้างความวุ่นวาย ให้ตาย นายแม่งประธานนักเรียนประสาอะไรฟระ

เสียงเป็นลมล้มตึงอย่างไม่ขาดสายของบรรดาเครือข่ายชมรมคนรักเซี่ยอวี่ฮัว เปลี่ยนบรรยากาศชวนง่วงในห้องประชุม ให้เข้าสู่ความโกลาหลทันที ผู้อำนวยการเห็นว่าเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เลยรีบกล่าวปิดพิธีจบการศึกษา จากนั้นก็เผ่นแน่บเข้าหลังเวที ปล่อยเป็นหน้าที่ของคณาจารย์และคณะกรรมการนักเรียนจัดการต่อ


ผมเดินเลี่ยงออกมาข้างนอกเพียงลำพัง ก้าวผ่านประตูมา กลีบดอกอิงฮวาก็ปลิวเข้ามากระทบใบหน้า

เงยหน้าขึ้นมอง ภายใต้แสงแดดแจ่มใสของฤดูใบไม้ผลิ ท้องฟ้าถูกปกคลุมด้วยสีขาวอมชมพูของกลีบดอกอิงฮวาจำนวนนับไม่ถ้วนจนละลานตา

ทั้งงดงาม และให้บรรยากาศของการจากลา

จบลงแล้วสินะ ฤดูใบไม้ผลิครั้งสุดท้ายของชีวิตมัธยมปลาย


"พี่อู๋เสียยยยยย"

ยืนเหม่ออยู่นาน ก็มีเสียงหวานใสดังขึ้น พร้อมเสียงฝีเท้าวิ่งทั่กๆมาจากด้านหลัง ผมคุ้ยเคยกับเจ้าของเสียงนั้นดี จึงไม่รีบร้อนหันไปนัก

"พี่อู๋เสีย! ทำกันได้นะ นึกยังไงถึงวางแผนกับพี่ฮัว ป่วนพิธีจบการศึกษาซะงั้น" พอเข้าถึงตัวผมได้ฮั่วซิ่วซิ่วก็ระดมตีๆๆที่ไหล่ผมเป็นการใหญ่

ซิ่วซิ่วเป็นคณะกรรมการนักเรียนแผนกมัธยมต้น คาดว่าคงโดนรุ่นพี่ใช้ให้เก็บกวาดเหตุการณ์ในหอประชุมเป็นแน่ นี่ท่าทางจะโดนมาเยอะไม่น้อย จบเรื่องเจ้าตัวเลยวิ่งมาบ่นเอากับผม
ใช้แรงเท่านั้นตีให้ตายก็ได้แค่นวดคลายเส้นเท่านั้นแหละ ผมเลยปล่อยให้ญาติผู้น้องผู้น่ารักระบายอารมณ์จนพอใจ


ผมอู๋เสีย เซี่ยอวี่เฉิน และฮั่วซิ่วซิ่ว เป็นทายาทรุ่นล่าสุดของเก้าสกุลใหญ่แห่งฉางซา ด้วยความที่อายุไล่เลี่ยกัน พวกเราเลยเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก โตมาด้วยกัน เข้าโรงเรียนเดียวกัน

บัดนี้ถึงเวลาแยกทางกันเดินแล้ว


"พี่อู๋เสียจะกลับหังโจววันนี้เลยจริงๆเหรอ นี่ซิ่วซิ่วกับพี่ฮัวว่าจะพาอาเฮียไปฉลองหลังเรียนจบแท้ๆ" สาวน้อยเบะปาก ทำหน้ายับยู่ แต่สำหรับผมแล้วใบหน้าแบบนั้นก็ยังน่าเอ็นดู จนอดยื่นมือไปลูบทรงผมซาลาเปาบนหัวนั้นเล่นไม่ได้

"ฮื้ออออออ อาเฮียอย่าแกล้งกันซี่.." ซิ่วซิ่วโวยวาย แต่ไม่ยักปัดมือผมออก

"นี่ๆ ไหนๆก็วันสุดท้ายแล้ว ไม่รู้จะได้เจอกันอีกเมื่อไหร่ ซิ่วซิ่วขอกระดุมเม็ดที่สองของพี่อู๋เสียเก็บไว้เป็นที่ระลึกได้มั้ย?"


ผมสะอึก นิ่งไปครู่หนึ่งขณะทำความเข้าใจความหมายนั้น ตลอดระยะเวลาที่เรียนอยู่ที่นี่ เพราะชื่อเสียงของเก้าสกุลใหญ่ ทำให้ไม่ค่อยมีใครกล้าเข้าใกล้ผม ชีวิตมัธยมแห้งเหี่ยวไร้สาวเหลียวแล จึงแอบตื่นเต้นไม่ได้เมื่อมีคนเอ่ยขอกระดุมเม็ดที่แฝงความหมาย

แต่คนๆนั้นกลับเป็นซิ่วซิ่วซะได้..

"พูดยังกับของดูต่างหน้า" ปากบ่นไปอย่างนั้นแต่มือบรรจงแกะกระดุมเจ้าปัญหาให้


"ก็กลับไปคราวนี้ พี่ก็ต้องขึ้นรับตำแหน่ง 'เทียนเจิน' อย่างเป็นทางการแล้วนี่นา" สาวน้อยยิ้มแต้ แบมือรอ แต่ใจความในประโยคทำให้ผมยิ้มค้าง

ที่ผมหนักใจกับการอำลาชีวิตวัยเรียนนัก ก็เพราะไอ้ชื่อตำแหน่งบ้าบอนั่นแหละ!


ที่เก้าตระกูลใหญ่ยังกุมอิทธิพลในฉางซานี่ได้ เพราะพวกเราต่างมีไพ่ตายสำคัญในมือ ที่ทายาทสายตรงผู้ได้รับตำแหน่งเท่านั้นจึงมีสิทธิ์เข้าถึง

ด้านเสี่ยวฮัวด้วยปัญหาซับซ้อนหลายอย่างในตระกูล ทำให้เขาสืบทอดตำแหน่ง 'ฮวา' ของสกุลเซี่ย มาตั้งแต่เด็กแล้ว ตอนเจอกันครั้งแรก ผมยังนึกว่าเซี่ยอวี่ฮัวคือชื่อจริงของเขา จนเรียกเสี่ยวฮัวติดปากมาถึงทุกวันนี้

ส่วนสาวน้อยตรงหน้า ถึงตอนนี้ผู้นำสกุลฮั่วยังเป็นท่านย่าของเธอ แต่ซิ่วซิ่วเองหลังเรียนจบก็ต้องขึ้นรับตำแหน่ง 'เซียนกู' แห่งสกุลฮั่วเหมือนกัน


พวกเราเก้าสกุลล้วนตกในวังวนชะตาที่ยากหลีกหนี มีเพียงช่วงเวลานี้เท่านั้นที่จะได้ใช้ชีวิตวัยรุ่นให้เต็มที่

เบ่งบาน..ก่อนร่วงโรย เหมือนดอกอิงฮวา


เพราะมัวแต่เหม่อ ทำให้กระดุมเม็ดนั้นที่เพิ่งถูกแกะออกมา ร่วงหลุดออกจากมือ ผมร้องอ๊ะจะวิ่งตามไปเก็บ ก็ต้องสะดุดกับมือข้างหนึ่งที่ยื่นมาคว้าเม็ดกระดุมที่กำลังกลิ้งหลุนๆไว้ได้พอดี

มือที่มีสองนิ้วยาวเป็นพิเศษ...

พอเงยหน้าขึ้น ก็เจอกับนัยน์ตาสีดำสนิทที่คุ้นเคย

"ฉันมารับ..ไม่มีเวลาแล้ว"



ตลอดเวลาบนรถไฟความเร็วสูงจากฉางซาไปหังโจว ไม่มีใครพูดอะไรสักคำเดียว

ผมเหลือบมองคนตรงหน้า จางฉี่หลิงยังคงเงียบเป็นปกติ เพียงแต่ครั้งนี้มีบรรยากาศเคร่งเครียดปกคลุมอยู่รอบตัว ทำให้ผมไม่กล้าเอ่ยปาก

หนุ่มหน้านิ่งตรงหน้าผมคนนี้คือใครน่ะเหรอ..

ย้อนกลับไปเรื่องที่ผมเป็นทายาทของหนึ่งในเก้าสกุลใหญ่ ทำให้วันๆมีคนปองร้ายไม่น้อย อาสามที่ค่อนข้างกว้างขวางในวงการจึงหาบอดี้การ์ดมาให้ผมคนนึง ซึ่งก็คือจางฉี่หลิงคนนี้

ลำพังเรื่องหน้าตาที่ดูดีเกินกว่าจะมาทำงานใต้ดินยังไม่เท่าไหร่ แต่ที่ทำให้ผมข้องใจสุดๆคือ หมอนี่ดูไม่เปลี่ยนไปเลยตั้งแต่วันที่เจอกันครั้งแรกเมื่อสิบปีที่แล้ว ไหนจะไอ้พฤติกรรมชอบหายตัวนั่นอีก ถึงจะโผล่ออกมาทันทีที่ผมเจออันตราย แถมจัดการเก็บกวาดหมดจดในเวลาอันรวดเร็วด้วยก็เถอะ


นั่งคิดเรื่องเขาไปมา ไม่นึกว่าแป่บๆรถไฟกลับจอดเทียบสถานีหังโจวซะแล้ว ข้าวของสัมภาระผมแพ็คส่งมาตั้งแต่ก่อนวันจบการศึกษา วันนี้จึงเดินตัวเปล่าออกจากขบวนรถไฟ สัมภาระชิ้นเดียวคือกระเป๋านักเรียนก็ถูกจางฉี่หลิงแย่งไปถือแทนแล้ว

“เสี่ยวเกอ” ผมเรียกเขาด้วยสรรพนามที่อาสามเรียก พออยู่ท่ามกลางคลื่นคนจอแจ บรรยากาศกดดันรอบตัวเขาเหมือนจะคลายลง ทำให้ผมกล้าส่งเสียงทัก

“จะตรงเข้าบ้านใหญ่เลยรึเปล่า ฉันมีที่ๆอยากแวะไปน่ะ” จางฉี่หลิงเงยหน้าดูท้องฟ้าครู่หนึ่ง คล้ายจะคะเนเวลา ก่อนจะเอ่ยซ้ำด้วยประโยคเดิมก่อนหน้านี้


“ไม่มีเวลาแล้ว”

“ไม่มีเวลาอะไร ก่อนหน้านี้นายก็--”


ตึงงงง!!


เสียงกระแทกอย่างแรง คล้ายวัตถุขนาดใหญ่ร่วงหล่น ตามด้วยแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ทำเอาผมแทบทรงตัวไม่อยู่ถ้าไม่มีแขนแข็งแรงคว้าเอาไว้  

เกิดเชี่ยไรขึ้น? แผ่นดินไหว?


จางฉี่หลิงคว้าแขนผมได้ก็ลากพาวิ่งทันทีอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง ผู้คนแน่นขนัดเบียดเสียดกันกว่าเดิมจากเสียงประหลาดเมื่อครู่ พาเอาผมสงสัยหนักขึ้นว่าเสียงที่เกิดขึ้นคือเสียงอะไร จากที่วิ่งๆอยู่เลยกะจะเอี้ยวตัวมองสักนิด ไม่คิดว่าคนที่วิ่งนำอยู่ข้างหน้าคล้ายจะรู้ทันเลยส่งเสียงห้าม

“วิ่ง อย่ามอง”

ช้าไปแล้วครับ เงาดำสยองขวัญที่บดบังท้องฟ้า ถ้าได้เห็นแล้วจะให้ผมดึงสายตากลับออกไปง่ายๆก็ทำไม่ได้แล้ว


หังโจว..เมืองที่เคยสงบสุข งดงามด้วยทิวทัศน์ธรรมชาติที่ประสานกันลงตัวกับสิ่งก่อสร้างน้ำมือมนุษย์ บัดนี้สมดุลอันเหมาะเจาะเหล่านั้นถูกทำลายด้วยน้ำมือของสัตว์ประหลาดร่างยักษ์ มีหัวเป็นสิงโต แต่กลางลำตัวเป็นแพะ ทั้งหางยังเป็นงูยักษ์ ออกมาเป็นส่วนผสมแปลกประหลาด น่าสยองเหลือจะกล่าว

หัวทั้งสามเคลื่อนไหวไปมา พ่นลมหายใจอันร้อนแรง แผดเผาให้สิ่งก่อสร้างกลายสภาพเป็นซากปรักหักพัง

พอเห็นผมตกตะลึงจนก้าวขาไม่ออก จางฉี่หลิงก็หยุดวิ่ง ถอดเสื้อฮู้ดของตัวเองออกคลุมตัวผม ป้องกันสะเก็ดไฟปลิวว่อนในอากาศ ก่อนจะตวัดแขนโอบรอบตัวผม อุ้มผมขึ้นในท่าอุ้มเจ้าหญิง

แม่งงงงง

ผมอ้าปากจะด่าก็ด่าไม่ออก มองสภาพวินาศสันตะโรตรงหน้าแล้ว ลำพังง่อยๆอย่างผมเอาตัวรอดไม่ได้แน่ เสียงคำรามก้องของสัตว์ยักษ์ยังไล่หลังมาพาให้ตัวสั่น เสี่ยวเกอกระชับตัวผมแน่นขึ้น เหมือนจะบอกว่ามีเขาอยู่ ผมจะปลอดภัย


วิ่งไปมาก็มาถึงย่านที่คุ้นเคย ท่ามกลางสิ่งก่อสร้างที่พังพินาศ บ้านเดี่ยวของอาสามยังคงสภาพดีไร้ร่องรอยขีดข่วนอย่างน่าประหลาด จางฉี่หลิงไม่พูดพร่ำทำเพลง มาถึงก็ยกเท้าถีบประตู กระโจนเข้าไปข้างใน

“ได้ตัวแล้ว!”

ชายหนุ่มตะโกนก้อง ก่อนประคองผมลงยืนบนพื้น ทันใดนั้นเองคล้ายประโยคนั้นเป็นสัญญาณบางอย่าง แรงสั่นสะเทือนค่อยๆแผ่ขยายจากใต้ฝ่าเท้า จากนั้นเสียงสะเทือนเลื่อนลั่นเหมือนฟ้าแยกธรณีไหวจะดังตามมาจนเสียดแก้วหู

ผมหันกลับไปมองทางช่องประตูที่ถูกถีบออก และเห็นภาพที่ทำให้ตาเบิกค้างอีกครั้ง

บ้านเรือนรอบข้างที่เคยเห็นจนชินตาอันตรธานหายไปหมด ถูกแทนที่ด้วยแผงคอนกรีตขนาดใหญ่ที่ทยอยกันดันตัวขึ้นจากใต้พื้นดิน เสียงแสบแก้วหูที่ผมได้ยินเมื่อครู่คงเกิดจากเสียงนี้


“ไม่มีเวลาแล้ว”

จางฉี่หลิงย้ำคำเดิมเป็นครั้งที่สาม คราวนี้ผมเริ่มเข้าใจความเร่งด่วนในประโยคนั้น จึงเร่งฝีเท้าตามหลังเขาไปโดยไม่ถามเซ้าซี้อีก


ยิ่งเดินลึกเข้าไปผมยิ่งเวียนหัว ที่แท้บ้านหลังเล็กๆของอาสามเป็นเพียงสิ่งก่อสร้างที่ตั้งไว้พรางตา ลึกลงไปข้างใต้ กลายเป็นอุโมงค์ขนาดใหญ่ที่วกวนซับซ้อน ถ้าไม่มีคนตรงหน้าวิ่งนำอยู่ ถึงผมหลงทะเล่อทะล่าเข้ามาก็ไม่พ้นหลงทางอยู่ในนี้    

วิ่งมาจนสุดทางก็มองเห็นโถงลิฟต์ขนาดใหญ่ บานประตูโลหะคือตัวเลขที่กำลังเคลื่อนที่ไม่หยุด จางฉี่หลิงพาผมมาหยุดหน้าลิฟต์ที่มีแถบสีแดงคาดด้านบน แนบฝ่ามือลงไปประตูลิฟต์ก็เปิดออก หมอนั่นผลักผมเข้าไปก่อนตัวเองจะตามเข้ามา แล้วกดปิดประตูลิฟต์


“เสี่ยวเกอ นี่มัน..เกิดอะไรขึ้น ทั้งสัตว์ประหลาด ทั้งเมือง มัน..”

"ที่นี่คือเมืองจักรกล.."

เสียงบอกเล่าด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ยิ่งสะเทือนอารมณ์ของผมอย่างรุนแรง แม้ไม่มีคำอธิบายเพิ่มเติม แต่ภาพที่เห็นตรงหน้า ก็พุ่งกระแทกความเข้าใจทั้งหมดที่ผมเคยมีต่อโลกใบนี้จนแหลกละเอียด


จะให้ผมทำใจเชื่อง่ายๆได้ยังไง ว่าเมืองทั้งเมืองที่ผมอาศัยอยู่มาตั้งแต่เด็กเป็นแค่ภาพลวงตาน่ะ


“นายเองก็ด้วยรึเปล่า..” ถ้าเป็นแบบนี้ก็ตอบข้อสงสัยข้อหนึ่งได้ เรื่องที่ว่าทำไมรูปร่างภายนอกของจางฉี่หลิงถึงไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยตั้งแต่สิบปีก่อน ที่แท้เขาเองก็เป็นแค่จักรกลตัวหนึ่งเหมือนกันใช่มั้ย

หมอนั่นไม่ตอบคำ เพียงสายหน้าเบาๆด้วยกิริยาเหมือนผมเป็นเด็กน้อยที่ไม่เข้าใจอะไรเลย พาลให้ผมโมโหขึ้นมา


“ใช่ไม่ใช่อะไรยังไง ทำไมนายไม่พูด” ผมพลันคว้าคอเสื้อเขา รู้ดีว่าด้วยฝีมือระดับเขาจะจัดการผมแค่นิ้วเดียวก็เหลือแหล่ แต่เขาก็ไม่ทำ นั่นยิ่งจุดไฟโทสะของผมขึ้น

“นายแม่งก็เป็นอย่างนี้ตลอด ไม่เคยพูด ไม่เคยบอก ไม่เคยอธิบายอะไรเลย นายไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยหรือไง สิบปีที่ผ่านมา นายคิดเหรอว่าแค่อยู่เฉยๆไม่สนใจไม่ใส่ใจ แล้วจะทำให้อีกฝ่ายไม่ใส่ใจนายได้จริงๆ ถ้าฉันไม่ใส่ใจ..ฉันจะบ้าบอเรื่องที่นายใช่คนหรือไม่ใช่แบบนี้เหรอ!”

พูดเรื่องที่อัดอั้นออกมารวดเดียว ทำให้ผมเหนื่อยจนหอบ จางฉี่หลิงยังคงไม่ตอบโต้ แต่กลับถอนหายใจน้อยๆเหมือนยอมจำนน


“นายเคยคิดรึเปล่า ว่าทำไมฉันต้องปกปิดตัวตนจากนาย”

ใช้เรี่ยวแรงไม่มาก เขาก็ปลดมือของผมออกได้ “นายเคยคิดรึเปล่า ว่าทำไมอาสามของนายต้องปกปิดเรื่องโฉมหน้าที่แท้จริงของเมืองนี้”

“ฉันไม่เคยคิด” ผมยังไม่ลดท่าทีแข็งกร้าวลง “บางทีคนบางคนก็ไม่ได้อยากให้ใครปกป้อง เขาอาจแค่อยากตายให้จบๆ นายเข้าใจความเจ็บปวดของการไม่รู้อะไรเลยหรือเปล่า”


จางฉี่หลิงเงียบไป เราต่างเงียบกันไปครู่หนึ่งจนได้ยินเสียงเคลื่อนที่ของลิฟต์ จากนั้นเขาจึงพูดกับผม “ฉันเข้าใจ..และเข้าใจมากกว่านายด้วย”

“ฉันเป็นคนที่ไม่มีอดีตและอนาคต ทุกเรื่องที่ฉันทำก็คือตามหาความเกี่ยวโยงของฉันกับโลกใบนี้ ฉันมาจากไหน ฉันอยู่ที่นี่ได้ยังไง” เขาก้มลงมองมือตัวเอง พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“นายนึกภาพดูได้ คนอย่างฉัน หากหายตัวไปจากโลกก็ไม่มีใครรู้ เหมือนกับว่าฉันไม่เคยมีตัวตนบนโลกใบนี้มาก่อนเลย บางครั้งฉันส่องกระจกยังสงสัยเลยว่าตัวเองมีตัวตนอยู่จริงรึเปล่า หรือเป็นแค่ภาพลวงตาของใครสักคน”

ผมมองท่าทีนิ่งเฉยของเขา พลันรู้สึกแปลบในอกขึ้นมา ทบทวนคำพูดของเขา แล้วจึงตอบกลับไป


“ไม่ได้ถึงขั้นที่นายพูด ถ้านายหายตัวไป อย่างน้อยฉันจะรู้”


ผมสบตาเขานิ่ง “แต่นายห้ามหายไปไหน นายเป็นคนของฉัน มีหน้าที่ปกป้องฉันก็ต้องปกป้องฉันให้ถึงที่สุด จะมาจากไหนอะไรยังไง เรื่องอื่นไม่ต้องคิด!”

เขาส่ายหน้า ไม่รู้หมายความว่าอะไร แต่ดูคล้ายความนิ่งเฉยบนใบหน้านั้นคลายลง

“ต้องเป็นนายเท่านั้นจริงๆ เทียนเจิน..”


กึง!


ผมงุนงง จะถามเขาต่อ ลิฟต์ก็พลันเคลื่อนมาถึงจุดหมายพอดี เขายิ้มจางๆให้ผม โบกมือบอกว่าอย่าถาม ก่อนเดินนำออกไปยังสถานที่แห่งใหม่

ก้าวออกมาจากลิฟต์ ภาพความล้ำสมัยที่ผ่านมารายทาง พลันเปลี่ยนไปเป็นบรรยากาศลี้ลับ ห้องโถงตรงหน้าไม่ใช่โพรงท่อโลหะอันซับซ้อนเหมือนทางที่ผ่านมา แต่เป็นถ้ำหินปูนขนาดใหญ่ ผมหรี่ตามองในความมืดมิด จางฉี่หลิงก้าวออกไป ครู่หนึ่งแสงไฟก็ค่อยๆสว่างขึ้นด้วยระบบจับสัมผัส

ให้ตาย มีอะไรแบบนี้อยู่ใต้ดินมาตั้งนานโดยที่คนทั้งเมืองไม่รู้เลยงั้นเหรอ


นิ้วมือที่ยาวเป็นพิเศษ โบกวาดไปในอากาศ ทันใดนั้นแผ่นผ้าใบขนาดใหญ่ที่ขึงไว้บนผนังก็ร่วงลง เผยให้เห็นสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่มหึมา คะเนด้วยสายตาแล้วความสูงน่าจะเทียบเท่ากับตึกสามชั้น พอๆกับไอ้ตัวที่กำลังอาละวาดข้างนอกนั่นแหละ

เพียงแต่รูปร่างนี้มัน..หมา?

“นี่คือจักรกลผู้พิทักษ์” จางฉี่หลิงเหมือนจะขุดเอาคำพูดทั้งหมดที่เคยสงวนไว้มาใช้ในวันนี้ “ภารกิจที่แท้จริงของเก้าสกุลใหญ่ คือปกป้องความลับของสิ่งนี้..ที่ขับเคลื่อนได้ด้วยพลังเทียนเจินเท่านั้น”

“ห๊ะ?” ผมฟังแล้วอดจะแย้งไม่ได้ เรื่องที่หมอนี่พูดฟังเหมือนจะจริงจังอยู่หรอกนะ แต่พอมีไอ้คำๆนั้นโผล่มาแล้วมันเลยฟังดูเหมือนไม่ใช่


“การขับเคลื่อนจักรกลต้องอาศัยสองอย่าง คือกุญแจ และฟันเฟือง” ที่ไหนได้ หมอนั่นดันเลคเชอร์ต่อโดยไม่สนใจผม “พลังเทียนเจินของนายคือกุญแจ ตัวฉันที่เป็นฟันเฟืองมีหน้าที่รับพลังจากนาย เพื่อใช้เคลื่อนจักรกลผู้พิทักษ์ ปกป้องเมืองนี้จากการถูกรุกราน..”

“เดี๋ยวๆๆๆๆๆ เดี๋ยวนะ ขออีกรอบ ช้าๆ ชัดๆ แบบให้เข้าใจรอบเดียวได้มั้ย ฉันงงไปหมด--”


ริมฝีปากอุ่นเคลื่อนมาประกบแทนคำตอบ สติผมลอยคว้างทันที

“วิธีรับพลัง..” คำอธิบายแม่งไม่ได้ช่วยอะไรเลย ผมอ้าปากจะโวย หมอนั่นก็พูดต่อ “ผู้รับหน้าที่ฟันเฟือง ต้องสัมผัสโดยตรงกับกุญแจเพื่อรับพลัง..”


จุมพิตคราวนี้กินเวลายาวนาน จวบจนผมแทบจะขาดใจเอาให้ได้ หมอนั่นถึงยอมผละออก

"ฉันตามหาความเชื่อมโยงของฉันบนโลกใบนี้ ดูเหมือนว่า..สิ่งเดียวที่เจอคือการปกป้องนาย”

ดวงตาสีดำเหมือนห้วงเหวลึก จับจ้องผมด้วยประกายที่ยากจะถอดความหมาย ก่อนมือหนาจะกุมมือผมไปวางไว้บนแผ่นอกเปลือยเปล่า


ผมไล่สายตามองตาม ใต้เสื้อกล้าม แผ่นอกที่เคยขาวกระจ่าง บัดนี้กลับเต็มไปด้วยรอยสักสีดำลวดลายประหลาด ดูคล้ายภาพวาดโบราณที่ผมเคยเห็นจากในหนังสือ


กิเลน...


“นี่คือตัวตนของฉัน..นายเป็นคนปลุกมันขึ้นมา" ผมเงยหน้าขึ้นมองคนพูด เขาจับมือของผมให้ลากไล่ไปตามรอยสัก จังหวะชีพจรเต้นตุบอยู่ใต้ฝ่ามือ คล้ายกิเลนตัวนี้มีชีวิต

"ความรู้สึกของฉัน......"

คำพูดถัดมาพาให้ผมหน้าแดงก่ำ มือที่วางประสานร้อนผ่าวขึ้น คล้ายจะตอบรับอัตราสูบฉีดของอวัยวะสำคัญในอกข้างซ้าย


จางฉี่หลิง..นายแม่ง จะมาพูดอะไรตอนนี้!


ไม่ทันจะตอบรับ หมอนั่นก็พลิ้วตัววูบ กระโดดขึ้นไปบนรูปสลักโบราณนั่นแล้ว

"เชื่อมระบบเทียนเจินเน็ตเวิร์ค.."

เสียงทุ้มเอ่ยชัดเจน ขณะทาบมือซึ่งมือสองนิ้วยาวเป็นพิเศษลงไป ดวงตาหินของรูปสลักคล้ายมีประกายแสงสั่นไหว ก่อนแผงคอที่ถูกแกะเป็นลวดลายซับซ้อนจะดีดตัวเปิดออกเป็นช่องขนาดคนลอดผ่าน


จางฉี่หลิงหันมามองผมเป็นครั้งสุดท้าย ยิ้มให้ ก่อนจะหย่อนตัวลงไปในช่องนั้น


"คิรินไดร์ฟ สวิตช์ออน" เสียงของหมอนั่น ดังก้องออกมาจากภายในรูปสลัก ฟังคล้ายกังวานจากที่ไกลๆ

ผมเบิ่งตามอง เป็นประจักต์พยานในช่วงเวลาที่สิ่งก่อสร้างขนาดยักษ์ถูกปลุกให้ตื่นจากการหลับไหล คราบหินปูนสีซีดที่เกาะภายนอก ถูกแรงสั่นสะเทือนกระเทาะออก เผยให้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของรูปสลักที่เคยนอนสงบนิ่ง

เป็นกิเลน..

รูปร่างงามสง่าของสัตว์เทพ พลันปรากฏตรงหน้า เกล็ดหินสีดำส่องประกายเลื่อมระยับ ปลายเท้าทั้งสี่แลแผงคอที่สลักเป็นเปลวไฟ คล้ายจะลุกโชนได้ในความมืด

กิเลนยักษ์กระทืบกีบเท้าเป็นสัญญาณ ช่องเพดานด้านบนก็เปิดกว้างออก แสงอาทิตย์เจิดจ้าส่องลงมา แต่ท้องฟ้าที่ผมมองเห็นใต้แสงนั้น ไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป


จักรกลผู้พิทักษ์เหินทะยานออกไปแล้ว.. ทิ้งไว้เพียงคำสัญญาหนักแน่นที่ให้ไว้ก่อนแยกจาก

'ความรู้สึกของฉัน จะปกป้องนายเอง'


---


สตงสติคืออัลไลไม่เหลือแล้วฟฟฟฟ

อารมณ์ค้างจากตอนจบ A/Z ค่ะ เลยนั่งดูตั้งแต่ตอนแรกใหม่อีกรอบ แถมเจอใครบางคนจุดประกายอีก จากนั้นก็งอกเลย //_\\

ฮืออออ มีแนวโน้มถูกมอมเมาง่ายมาก อย่าโยนเชื้อกาวมาทางนี้นะคะ เพราะถ้าถูกจริตเราจะโดดงั--แค่กๆ

ถ้าเจอประโยคไหนคุ้นๆ ท่านไม่ได้คิดไปเองถถถถถ

ว่าแต่ควรนับสิ่งนี้เป็นฟิคกิเลนด้วยมั้ย(...)
feyralin
feyralin
ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา

จำนวนข้อความ : 118
Points : 3629
Join date : 21/12/2014
ที่อยู่ : เนเวอร์แลนด์แดนแห่งกาว

ขึ้นไปข้างบน Go down

[OS] #dmbjdaily (Spring) Heavenly Blue [AU] [ผิงเสีย] Empty Re: [OS] #dmbjdaily (Spring) Heavenly Blue [AU] [ผิงเสีย]

ตั้งหัวข้อ by Cathareen Tue 31 Mar 2015, 09:28

เชื่อมระบบเทียนเจินเน็ตเวิร์ค พิมพ์ว่า:
ว่าจะไม่ขำแล้วค่ะ แงงงงง 5555555555555555555555555555
เป็น โฮะฉี่หลิง อู๋เสียฮิเมะ แล้วจะเป็น สเลนฮัวด้วยรึเปล่าคะ 55555
คุณชายเซี่ยประธานนักเรียนคนหล่อ แอร็ย <3
ขอบคุณสำหรับฟิคค่ะ
Cathareen
Cathareen
ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา

จำนวนข้อความ : 149
Points : 3595
Join date : 24/12/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

[OS] #dmbjdaily (Spring) Heavenly Blue [AU] [ผิงเสีย] Empty Re: [OS] #dmbjdaily (Spring) Heavenly Blue [AU] [ผิงเสีย]

ตั้งหัวข้อ by Malangporyim Tue 31 Mar 2015, 09:33

ตำแหน่งเทียนเจิน *หัวเราะออกมาดังมาก* แงงงงงงงงงงงงงง อยู่ๆ ก็ยิงมุกหน้าตาย โอ๊ย ตั้งรับไม่ทัน

เขิงท่านประธานนักเรียนฮัวจังเลยค่า แงงงงง คุณหลินเขียนเสี่ยวฮัวเท่จัง ///7/// ชอบๆๆๆๆ

อ่านถึงพลังเทียนเจินแล้วขำพรวดออกมา พี่คะะะะ พี่จะพลิกล็อกหลายตลบเยอะไปแล้ว เริ่มเรื่องมายังเป็นชีวิตจบการศึกษาไฮตะคูลอยู่ดีๆ สอดแทรกโมเม้นต์ซิ่วเสีย แล้วก็กลายเป็นแนวจักรกล แล้วก็มีพลังเทียนเจิน แงงงงง ขัมมมมม ไม่รู้จะหยุดหัวเราะตรงไหนดี อ่านต่อไปก็พลิกอีก โอ๊ย แงงงงง 5555


ไปค่ะคุณหลิน ไปเขียนแนวตลกหน้าตาย เวิร์กมาก ทุกความจริงจังของสตอรี่ ป่นปี้ด้วยคำว่าเทียนเจิน พลังเทียนเจิน ระบบเทียนเจินเน็ตเวิร์ก *ร้องไห้หนักมาก*

โอ๊ย แงงงง มันจริงจังนะ แต่เราขำ 5555 ชอบมากค่ะ เขียนต่อด้วยนะคะ 5555 ปูเรื่องไว้ยังมีฮวา กับเซียนกูนะคะ เขียนต่อนะคะ 5555555

ปล. อ่านจบแล้วอยากบอกว่า พวก พวก พวก นาย เรียนจบพร้อมกัน แล้ว แล้ว แล้ว...ฉันล่ะ เหล่าอู๋...
Malangporyim
Malangporyim
ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
ด้วงต้นไม้เทพเจ้า

จำนวนข้อความ : 290
Points : 3780
Join date : 27/10/2014
ที่อยู่ : ทุ่งด้วงโฮโม

ขึ้นไปข้างบน Go down

[OS] #dmbjdaily (Spring) Heavenly Blue [AU] [ผิงเสีย] Empty Re: [OS] #dmbjdaily (Spring) Heavenly Blue [AU] [ผิงเสีย]

ตั้งหัวข้อ by Koume Tue 31 Mar 2015, 11:12

ไม่ไหวแร่ะ รู้สึกว่าต้องวิ่งเข้ามาแซะ

ระบบเทียนเจินนี่คือ...พอเสี่ยวเกอพูดแล้วไม่รู้ทำไม ดันนึกถึงเครือข่ายพลังงานหนุ่มซิงชอบกล
/ส่งผลให้สตอรี่ที่เหลือกลายเป็นเมืองจักรกลชายบริสุทธิ์ทันที ........Orz
ฮืออออออ หนูไม่รู้จะขำหรือซีเรียสไปกับสตอรี่ดี แย่จริง
ได้แต่มองส่งท้ายพ่อกิเลนหุ่นยนต์พุ่งทะยานไปสู่แสงอาทิตย์อัศดงสินะ(?)

ปล. นายยังจะนับมันเข้ากิเลนเรอะ...
ปล2. เสี่ยวฮัวหล่อมาก สารภาพว่าตอนแรกเป๋ไปฮัวเสีย แค่ก /กิเลนผู้ใช้พลังงานหนุ่มซิงงาบหัวขาด
Koume
Koume
ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา

จำนวนข้อความ : 77
Points : 3611
Join date : 27/10/2014
ที่อยู่ : สุสานวิกผมสกุลจาง

ขึ้นไปข้างบน Go down

[OS] #dmbjdaily (Spring) Heavenly Blue [AU] [ผิงเสีย] Empty Re: [OS] #dmbjdaily (Spring) Heavenly Blue [AU] [ผิงเสีย]

ตั้งหัวข้อ by yakusoku Tue 31 Mar 2015, 13:50

ทำไมเราอ่านแล้วขรรมคะ แบบว่าฮามากๆ โดยเฉพาะตำแหน่งเทียนเจินเนี่ย
yakusoku
yakusoku
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ

จำนวนข้อความ : 369
Points : 3830
Join date : 05/11/2014
ที่อยู่ : โลงในสุสานโบราณ

ขึ้นไปข้างบน Go down

[OS] #dmbjdaily (Spring) Heavenly Blue [AU] [ผิงเสีย] Empty Re: [OS] #dmbjdaily (Spring) Heavenly Blue [AU] [ผิงเสีย]

ตั้งหัวข้อ by mariqtan Tue 31 Mar 2015, 23:18

ขอลงชื่อเข้าสมาคมของเสี่ยวฮัวด้วยอีกคนค่ะ /) _ (\
ตอนเเรกก็เคร่งเครียดค่ะ 5555555555555555555555555 อ่านไปอ่านมาเเล้วหลุดก๊ากออกมาเลย ฮือ จะบอกว่าน่ารักหรือตลกหรือดราม่าดีกัน
mariqtan
mariqtan
ด้วงฝึกหัด
ด้วงฝึกหัด

จำนวนข้อความ : 18
Points : 3389
Join date : 17/02/2015
Age : 26
ที่อยู่ : ใจคุณชายเก้า

ขึ้นไปข้างบน Go down

[OS] #dmbjdaily (Spring) Heavenly Blue [AU] [ผิงเสีย] Empty Re: [OS] #dmbjdaily (Spring) Heavenly Blue [AU] [ผิงเสีย]

ตั้งหัวข้อ by DarkAki Thu 02 Apr 2015, 00:23

อ่านตอนแรกเหมือนจะดราม่า

แต่พอเจอตำแหน่ง เทียนเทิน เข้าไปดราม่าเริ่มหดกลับ

ระบบเทียนเจินเน็ตเวิร์ค .... ลั่นมากค่ะ กร๊ากกกกก

วิธีรับพลังงานมันช่างโฮกกกกกกกเสียจริง

'ฉันตามหาความเชื่อมโยงของฉันบนโลกใบนี้ ดูเหมือนว่า..สิ่งเดียวที่เจอคือ นาย' ........ 'ถ้านายหายไป อย่างน้อยฉันจะรู้' เป็นการสารภาพรักที่กาวมว้ากกกก

ปล. งานอดิเรกของนายน้อยคือ การปลุกกิเลนสินะ
DarkAki
DarkAki
ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา

จำนวนข้อความ : 93
Points : 3471
Join date : 27/01/2015

ขึ้นไปข้างบน Go down

[OS] #dmbjdaily (Spring) Heavenly Blue [AU] [ผิงเสีย] Empty Re: [OS] #dmbjdaily (Spring) Heavenly Blue [AU] [ผิงเสีย]

ตั้งหัวข้อ by kame_kazuha Tue 07 Apr 2015, 00:22

อะไรเนี่ยย

จะฮาไปไหนน

เทียนเจินนนน

สรุปกืเลนโดนปลุกก็หายตัวเลยสิยะ
kame_kazuha
kame_kazuha
ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
ด้วงต้นไม้เทพเจ้า

จำนวนข้อความ : 274
Points : 3745
Join date : 27/10/2014
ที่อยู่ : สุสานสักที่

ขึ้นไปข้างบน Go down

[OS] #dmbjdaily (Spring) Heavenly Blue [AU] [ผิงเสีย] Empty Re: [OS] #dmbjdaily (Spring) Heavenly Blue [AU] [ผิงเสีย]

ตั้งหัวข้อ by Rozenkreuz Thu 02 Jul 2015, 21:13

ฮื้ออออออออ???? //เลิกคิ้วสูงจนหายเข้าไปในแนวผม
อะไรคือคิรินไดรฟ์ เทียนเจินเน็ตเวิร์ค ถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถ
โอ้ย เกือบสำเร็จละ เกือบหลอกให้เครียดได้ละ "ที่นี่คือเมื่องจักรกล" 55555555555555555555555555555555555 //กล้ามท้องกระตุก
Rozenkreuz
Rozenkreuz
ด้วงอาณาจักรเจ้าแม่ซีหวังหมู่
ด้วงอาณาจักรเจ้าแม่ซีหวังหมู่

จำนวนข้อความ : 625
Points : 3848
Join date : 01/07/2015
Age : 31
ที่อยู่ : กองทัพผีเก็บเห็ดแห่งประตูสำริด

ขึ้นไปข้างบน Go down

ขึ้นไปข้างบน

- Similar topics

 
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ