Countdown
We've been
togerther for

ค้นหา
 
 

Display results as :
 


Rechercher Advanced Search


[Fic] Soul [ฮัวเฮย หรือ เฮยฮัว][NC-17]

+8
bloodnine
tear
SilverCloud
fay_13
meanato
Feran.FS
kuramajoy
Mukkuk
12 posters

Go down

[Fic] Soul [ฮัวเฮย หรือ เฮยฮัว][NC-17] Empty [Fic] Soul [ฮัวเฮย หรือ เฮยฮัว][NC-17]

ตั้งหัวข้อ by Mukkuk Fri 31 Oct 2014, 23:46

ครั้งหนึ่งผมเคยคิดว่าการพบพากันของโชคชะตาเป็นได้แค่เรื่องตลก จนกระทั่งวันนั้นที่ผมได้พบกับคุณ และทำให้ผมตัดสินใจหยิบปากกาขึ้นมาบันทึกเรื่องราวทั้งหมด ทั้งที่ครั้งหนึ่งเป็นตัวผมเองนี่แหละที่เคยตั้งใจว่าจะให้ความลับนี้ตายไปกับตัว แต่เพราะคุณ..เพราะคุณที่ทำให้ผมเปลี่ยนใจ


ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นในวันนั้น วันที่ 31 ตุลา วันเดียวในรอบปีที่ผมจะได้มีอิสระ ทำไมพวกเขาถึงปล่อยให้ผมมีอิสระในวันนี้ของทุกปีน่ะเหรอ? นั่นน่ะก็คงเป็นเพราะนิสัยตลกร้ายของคนตระกูลนั้นล่ะมั้ง ถึงได้เห็นว่าเทศกาลวันปล่อยผี เป็นวันที่เหมาะสมที่สุดในการปล่อยให้ผมได้ลิ้มรสกับอิสรภาพ และได้ลิ้มรสกับความจริงที่ว่าตัวตนของผมก็เป็นได้แค่ ‘ผี’ ในโลกใบนี้เท่านั้น


เพราะเมื่อไม่ได้อยู่กับคนในตระกูลนั้น ตัวผมก็เหมือนกับวิญญาณที่ล่องลอย ไม่เคยมีใครสนใจจะมองตัวตนของผมมาก่อน...


มันไม่ใช่เพราะว่าตัวตนของผมมันจืดจางจนไม่มีใครสังเกตเห็นหรอกนะ แต่จะเพราะนิสัยขี้ระแวง หรือเพราะถูกฝึกมาดีเกินไปก็ไม่รู้ มันถึงทำให้ผมมักเลือกที่จะเว้นระยะห่างจากคนอื่นๆเสมอ ผมไม่เคยเปิดใจให้ใคร ไม่เคยยอมรับใครเข้ามาในใจ และคงเพราะแบบนั้นมันจึงทำให้ตัวตนของผมดูว่างเปล่าเหลือเกินในสายตาของใครอื่น


แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรสำหรับคนที่ไม่มีอิสระอย่างผม แน่นอนว่าผมไม่ได้ถูกกักขังอยู่ในกรง ตรงข้ามแล้วผมยังได้มีห้องเช่าเล็กๆเป็นของตัวเอง มีเงินทองพอให้ได้จับจ่ายใช้สอยบ้าง มีอาชีพ..ถ้าคุณจะเรียกนักคว่ำกรวยว่าเป็นอาชีพล่ะก็ มันก็เป็นอาชีพหนึ่งที่ทำรายได้ไม่เลวทีเดียว


แต่ผมไม่มีชื่อ ถ้าชื่อคือสิ่งที่ใช้ในการระบุตัวตน ตัวผมที่ไม่เคยถูกตั้งชื่อ ตัวผมที่ถูกเรียกหาด้วยนามปลอมที่ถูกหยิบยกมาเรียกง่ายๆเสมอ ก็คือสิ่งที่ใกล้เคียงกับความไร้ตัวตนที่สุด มีตัวตนแต่ก็ไม่มีตัวตน ถึงถ้าจะว่ากันตามหลักวิทยาศาสตร์แล้ว ตัวผมอาจจะเรียกได้ว่ายังมีชีวิตอยู่ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ตัวผมที่ไม่มีแม้แต่ชื่อจริงให้เรียกขานจะต่างอะไรกับภูติผีที่ไร้ตัวตนกันล่ะ?


เหนือยิ่งกว่านั้น เลวร้ายยิ่งกว่าการไม่มีชื่อ นั่นคือการที่ผมไม่มีสังคม แม้ว่าจะเคยพูดคุยกับคนมากมาย เคยไปคีบลามะกับใครต่อใครก็หลายหน แต่ผมก็ไม่เคยมีใจผูกพัน ไม่เคยมีความคิดถึงหรือหวนหา เคยแม้กระทั่งเอาเงินทั้งหมดที่ได้มาจากการลงกรวยหนึ่งครั้งไปกับการซื้อตัวโสเภณีชั้นสูงนับสิบให้มาปรนเปรอความต้องการ แต่มันก็เท่านั้น..ได้แค่ตอบสนองต่อความต้องการทางร่างกาย แต่ไม่ใช่ทางจิตใจ


ผมเคยอ่านหนังสือเจอว่ามนุษย์ถือเป็นสัตว์สังคมประเภทหนึ่ง ถ้างั้นคนที่ไม่มีสังคมอย่างผมควรจะถูกเรียกว่าเป็นกันอะไรล่ะ หรือว่าคำนิยามที่เหมาะสมที่สุดสำหรับตัวผม มันจะมีมาแต่แรกอยู่แล้ว ตัวผมที่ดำรงอยู่ในความมืด ตัวผมที่ถูกพวกเขาเรียกขานว่า เฮยเสียจื่อ และกับอีกฐานะหนึ่งที่ถูกปิดไว้เป็นความลับ นั่นคือ....สุนัขของตระกูลอู๋



“ไง เฮยเสียจื่อ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”


เสียงทักทายจากเถ้าแก่ร้านเหล้าดังขึ้นแทบจะทันทีที่ผมเดินเข้าไปในร้าน ผมฉีกยิ้มให้เขานิดหน่อย ก่อนจะนั่งลงหน้าเคาน์เตอร์ พร้อมกับสั่งเหล้าฤทธิ์แรงมาดื่ม ร้านนี้เป็นร้านประจำของผมร้านหนึ่ง เพราะผู้คนค่อนข้างบางตา แถมเหล้ายังอร่อยอีกด้วย ถึงถ้าว่ากันตามจริงแล้วผมจะไม่สนใจก็เถอะว่ามันจะเป็นเหล้ายี่ห้ออะไรหรือรสแบบไหน ขอแค่ได้ดื่มให้เมา เอาให้สะใจ ให้คุ้มกับหนึ่งวันของอิสระที่น่าหัวเราะนี่ก็พอ


แต่ว่า..ในวันนี้ดูเหมือนสิ่งที่ผมไม่ได้คาดหวังกำลังจะเกิดขึ้น


“...คุณชายเซี่ย?”


ผมเงยหน้าขึ้นมองคนที่อยู่ๆก็นั่งลงข้างกายผม ถึงจะมึนๆด้วยฤทธิ์เหล้าอยู่บ้าง แถมแว่นดำที่สวมอยู่ก็ไม่ได้เอื้อต่อทัศนวิสัยในร้านมืดๆนี่สักเท่าไหร่ แต่ผมก็รู้ว่าเป็นเขา ให้ตายเหอะถ้าผมจะไม่รู้ว่านี่คือเขา..คุณชายเก้า เซี่ยอวี่ฮัว ผู้โด่งดังแห่งเก้าตระกูลใหญ่!


เซี่ยอวี่ฮัวเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆเหมือนเพิ่งสังเกตเห็นว่าเป็นผม เขามองหน้าผมนิ่งอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนจะตัดสินใจนั่งลงต่ออย่างไม่สนใจอีก เส้นผมสีดำที่ปรกลงมาบนเสี้ยวหน้าด้านข้างของเขา มันทำให้ผมเพิ่งได้สังเกตเห็นว่าคนคนนี้งดงามมากแค่ไหน ทั้งคิ้วเรียวยาวรับกับเส้นผมสีดำอ่อนนุ่ม ดวงตากลมโตเป็นสีน้ำตาลของอัลมอนด์ หวานมาก..แล้วก็สวยมากอย่างที่สมแล้วกับที่รับบทนางเอกงิ้วได้


แต่ว่า..ถึงจะดูหวานมาก อย่างที่ทำให้ผมแทบอยากจะใช้ลิ้นเลียชิมดูสักคำก็เถอะ แต่ผมน่ะไม่ได้สวมแว่นนี้เอาไว้เพราะตาบอดอย่างที่ใครๆคิดหรอกนะ ตรงข้ามแล้วมันเป็นเพราะว่าผมตา ‘ดี’ เกินไปตะหาก ส่วนที่ว่าดีแค่ไหนน่ะเหรอ ถ้าใช้คำพูดของอู๋เหลาโก่วแล้วล่ะก็..ดูเหมือนว่าตาของผมน่ะสามารถมองทะลุเห็นถึงตัวตนที่แท้จริงของอีกฝ่ายได้


แน่นอนว่านี่ไม่ใช่พล็อตหนังไซไฟวิทยาศาสตร์ แบบที่ว่าแค่ผมมองก็จะเห็นทะลุถึงชั้นกระดูกและเส้นเลือดอะไรแบบนั้น (ถ้าเป็นแบบนั้นจริงป่านนี้ผมไปเป็นหมอก็คงจะรวยไปนานแล้ว) ก็แค่ว่าผมน่ะมองเห็นถึงตัวตนที่แท้จริงที่ถูกเก็บซ่อนเอาไว้ของอีกฝ่าย ดวงตาของผมสามารถแยกแยะความจริงกับความเท็จออกจากกันได้ แม้แต่เส้นทางกับดักก็ถูกผมมองออกในชั่วเสี้ยวนาทีเสมอ และก็เพราะความสามารถนี้เองที่ทำให้ท่านจ้าวคุณปู่แห่งสกุลอู๋ตัดสินใจเก็บผมมาเลี้ยงดู


แน่นอนว่าไม่ใช่ในฐานะลูกหลานเหลนโหลนอะไรแบบนั้น แต่เป็นในฐานะ “หมา” ตัวหนึ่ง


แต่เอาเถอะพักเรื่องนั้นไว้ก่อน ผมยังคงคลี่ยิ้ม จงใจแกล้งกราดตามองคนตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า จะมองกี่ครั้งก็สวย จะมองอีกกี่ครั้งก็ให้อารมณ์เหมือนดอกไม้แสนหวาน แต่ขอโทษเถอะนะคุณชายเก้า คุณจะดูเหมือนดอกไม้สวยๆสมชื่อคุณมากกว่านี้อีก ถ้าคุณจะไม่แผ่ออร่าทรงอำนาจของเก้าตระกูลใหญ่ออกมาขนาดนั้น และ..ถ้าใบหน้าของคุณจะไม่ได้ดูเหนื่อยหน่ายขนาดนั้น


“สวัสดี”


คำทักทายที่ฟังสุภาพจนแทบคลื่นไส้ แต่เพราะออกมาจากปากคนงาม มันเลยทำให้ผมลดอาการคลื่นไส้ลงเหลือแค่แอบเบ้ปากนิดหน่อย นายน้อยอู๋เสียก็ชอบใช้คำพูดสุภาพแบบนี้เหมือนกัน หรือมันเป็นกฏรึยังไงกันนะว่าพวกคุณชายทั้งหลายจะทักทายคนอื่นง่ายๆอย่าง “เฮ้” หรือ “ไงวะ” หรือ “โย่ว” อะไรแบบนี้ไม่ได้กันน่ะ?


คิดแล้วผมก็แทบจะหลุดหัวเราะก๊ากออกมากับภาพของคนงามในจินตนาการที่กำลังตะโกนทักทายผมว่า ‘โย่ว! เฮยเสียจื่อ’ เอาเถอะ ผมยอมรับแล้วก็ได้ว่าคุณชายเก้าน่ะเหมาะกับการใช้คำพูดสุภาพมากกว่าจริงๆด้วย


“ลมอะไรพัดมาถึงนี่กันล่ะเนี่ย คุณชายเซี่ย?”


ผมถามออกไปอย่างเป็นกันเอง มันเป็นท่าทางที่ผมชอบแสร้งทำเสมอ เหมือนว่าตัวผมสนิทกับอีกฝ่ายซะเต็มประดา ทั้งที่ใจจริงแล้วในช่วงชีวิตของผมยังไม่เคยมีใครที่ผมรู้สึกสนิทด้วยเลยสักคน กับคุณชายเก้ายิ่งแล้วใหญ่ ความสัมพันธ์ของผมกับเขา พอจะเรียกได้แค่ว่าคนที่คุ้นหน้าคุ้นตากันบ้าง อย่างน้อยถึงจะแทบไม่ได้พูดคุยกันแต่ก็ยังอยู่ในวงการเดียวกัน เพราะงั้นจะรู้จักหน้าตากันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ขนาดรุ่นปู่อย่างเฉินผีอาซื่อยังเคยทักทายผมมาแล้วด้วยซ้ำไป นับประสาอะไรกับคนที่อาจจะเป็นหัวหน้าตระกูลหนึ่งก็จริง แต่ยังอายุน้อยกว่าผมด้วยซ้ำอย่างเซี่ยอวี่ฮัวกันล่ะ


“วันนี้เป็นวันเทศกาลปล่อยผีของยุโรปไม่ใช่รึไง” ชายหนุ่มรูปงามเอ่ยพลางหยิบแก้วเหล้าขึ้นจิบด้วยท่าทางเบื่อๆ “ฉันก็แค่ถือโอกาสมาปล่อยผีบ้างเท่านั้นเอง”


ผมหัวเราะขำลั่น เข้าใจความหมายในคำพูดอีกฝ่ายแทบจะทันที และโดยไม่รู้ตัวความระมัดระวังตัวของผมก็ลดลงไปกว่าครึ่ง เมื่อรู้ว่าคนคนนี้มาที่นี่ก็ด้วยจุดประสงค์เดียวกันกับผม นั่นคือ มาดื่มเหล้าแก้เบื่อ


“งานบริหารตระกูลคงน่าเบื่อมากเลยสินะ คุณชาย” ผมตบไหล่เขาเบาๆ รู้สึกเหมือนได้เจอเพื่อนร่วมทุกข์ ถึงทุกข์ของผมกับเขาจะแตกต่างกันก็เถอะ “ในเมื่อวันนี้พวกเราโชคดีบังเอิญได้มาเจอกันที่นี่ ถ้าอย่างนั้นไม่สนใจมาดื่มแก้เบื่อกับผมซะหน่อยเหรอ?”


มันเป็นอีกครั้งที่คุณชายเก้าเลิกคิ้วน้อยๆ ดวงตาคู่นั้นมองผมแวบหนึ่ง บางทีเขาคงคิดไม่ถึงว่าคนชั้นต่ำอย่างผมจะกล้าเผยอตัวขึ้นมาชวนเขาดื่มเหล้า


แล้วริมฝีปากสีชมพูอ่อนจางก็ขยับยกน้อยๆ


“ได้สิ”


คำตอบรับที่ทำเอาผมถึงกับเป็นฝ่ายเลิกคิ้วบ้าง ก็ใครจะนึกว่าคนผู้สูงศักดิ์อย่างคุณชายเก้าจะยอมตอบรับคำชวนดื่มเหล้าของผม แต่ก็นั่นแหละ บางทีคนเราก็คงมีสักวันแหละนะที่อยากทำอะไรบ้าๆบอๆกับเขาบ้าง และการดื่มเหล้ากับคนอย่างผมก็อาจจะเป็นอะไรที่เขานึกอยากทำแก้เบื่อขึ้นมาก็ได้


ผมมองเซี่ยอวี่ฮัวที่หันไปพยักหน้ากับเถ้าแก่ แล้วตาลุงที่ชอบเอาเหล้าเถื่อนมาเสิร์ฟให้ผมดื่ม ก็รีบเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มแย้มก่อนจะหยิบเหล้ารสเลิศขึ้นมาวางบนโต๊ะทันควัน


ผมอ้าปากค้างมองเหล้าขวดนั้นที่ไม่รู้ราคาแต่แน่ใจได้ว่ามันต้องแพงหูดับตับไหม้แน่ๆ ผมเองก็เคยเห็นอู๋เอ่อร์ไป้มีเหล้าแบบนี้อยู่ขวดหนึ่ง แต่เขาจะหยิบมาดื่มในเวลาพิเศษเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น เวลาที่คุณน้องชายสุดที่รักกลับมาบ้านเป็นต้น


“คุณชายเก้า..” ปกติผมไม่ใช่คนเกรงใจใครหรอกนะ แต่ไอ้การได้มาเห็นอีกฝ่ายเปิดเหล้าราคาแพงระยับขนาดนี้ ต่อให้ผมหน้าหนากว่านี้อีกสักร้อยเท่า มันก็ยังอดทักท้วงไม่ได้ “จะเปิดขวดนี้จริงน่ะ?”


“แน่นอนสิ” คุณชายรูปงามหยักยิ้มที่ริมฝีปาก ก่อนจะแกล้งถามอย่างจงใจยั่วกันชัดๆ “ทำไม? อย่าบอกนะว่านายคอไม่แข็งพอ”


“แหมๆ ผมน่ะคอแข็งพออยู่แล้วครับ เอาเป็นว่าถ้าคุณชายเก้าตัดสินใจเปิดขวดนี้แล้ว ผมก็จะถือซะว่าเป็นลาภปาก ขอร่วมวงดื่มด้วยคนแล้วกัน”


ผมหัวเราะลั่น เป็นไปได้ว่าวันนี้คุณชายเก้าจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ และอันว่าตัวผมก็ไม่คิดจะปฏิเสธลาภปากที่ลอยมาหาถึงที่อยู่แล้วด้วย ผมรีบส่งแก้วให้เถ้าแก่รินเหล้าให้ กลิ่นหอมหวานของเหล้าชั้นสูงลอยมาแตะจมูก แค่กลิ่นก็มากพอให้เมามาย และยิ่งเมื่อสัมผัสด้วยปลายลิ้น ความหอมหวานเข้มแรงแต่ก็ร้อนผ่าวก็กำซาบซ่านไปทั่วร่างกาย หอมหวานแต่ก็เร่าร้อน แค่จิบเดียวก็แทบจะคุ้มค่ากับราคา ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนมากมายถึงได้ยอมจ่ายเงินมากขนาดนี้เพื่อซื้อเหล้าขวดเดียว


เซี่ยอวี่ฮัวมองหน้าผมยิ้มๆ ก่อนจะกระดกแก้วเหล้าขึ้นดื่มบ้าง พวกเราต่างก็นั่งดื่มกันเงียบๆโดยไม่พูดอะไร อย่างกับว่าเขากับผมจะมีเรื่องให้คุยกันมากนักนี่


ไม่นานเหล้าก็พร่องไปกว่าครึ่งขวด เหล้านี่ฤทธิ์แรงสมราคาจริงๆ แม้แต่ผมเองก็ยังเริ่มมึนๆขึ้นมานิดหน่อย เหลียวไปดูนาฬิกาก็เกือบเที่ยงคืนเข้าไปแล้ว บางทีคงถึงเวลาที่ผมจะต้องกลับซะที


“ขอบคุณที่เลี้ยงนะ คุณชายเซี่ย”


ผมยิ้มพลางลุกขึ้นยืนด้วยอาการเซหน่อยๆ น่าแปลกปกติผมไม่เคยคออ่อนขนาดนี้นี่นา จะว่าเหล้าขวดนี้แรงเกิน แต่คุณชายเก้าก็ดูไม่เห็นจะเป็นอะไร..รึเปล่า?


สงสัยจนอดไม่ได้ที่จะหันไปมองให้เต็มตา ไม่รู้เป็นตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ดวงตาคู่สวยนั่นกำลังมองมาที่ผมอยู่เช่นกัน นี่ถ้าไม่ใช่ว่าผมกำลังเวียนหัวมากล่ะก็ การถูกคนงามที่กำลังนั่งไขว่ห้างจับจ้องนั้นมันก็ให้ความรู้สึกที่ไม่เลวทีเดียว


ยกเว้นก็แต่ว่า เมื่อคนงามคนนั้นเอ่ยปากออกมา มันก็เป็นคำพูดที่ทำให้ผมถึงกับหลุดหัวเราะขำ


“ใครบอกว่าฉันเลี้ยง?”


“พูดแบบนี้ผมก็แย่สิ คุณชายเซี่ย” ผมหัวเราะอย่างอดไม่ได้ ถึงจะไม่รู้ราคาเหล้าขวดนั้นก็เถอะ แต่ผมก็แน่ใจได้อย่างว่าเงินผมไม่มีทางจ่ายไหวแน่ “ผมไม่มีเงินพอหรอกนะ”


ผมพูดขำๆ เข้าใจว่าอีกฝ่ายก็คงแค่หยอกเล่นเท่านั้น แต่ถึงยังไงคำพูดนั้นมันก็ยังทำให้ผมรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมานิดหน่อย คนอย่างเซี่ยอวี่ฮัวไม่เหมือนคนที่ชอบล้อเล่น หรือต่อให้เหมือน..คนที่มีศักดิ์ฐานะอย่างเขาก็คงไม่ลดตัวลงมาพูดล้อเล่นกับผมอยู่ดี


แต่ว่าต่อให้มันเป็นคำพูดจริงๆก็แล้วยังไงล่ะ? ยังไงผมก็ไม่มีเงินจ่ายอยู่ดีนั่นล่ะ


ผมหัวเราะขำก่อนจะหมุนตัวเดินออกไป ทว่ายังไม่ทันที่จะเดินไปถึงประตูร้าน ใครคนหนึ่งก็พลันกระชากคอเสื้อผม ผลักให้เซถลากลับเข้าไปด้านใน แล้วมือที่มีกลิ่นหอมบางๆของดอกไม้ก็จับหัวของผมกระแทกลงกับบาร์อย่างแรง!


พูดจริงๆแล้วคือผมรู้สึกมึนมากกว่าเจ็บ หรือไม่ก็คงเจ็บมากจนมึน นี่เป็นครั้งแรกที่ผมหมดท่าขนาดนี้ ไม่รู้ควรจะโทษอะไรดี ระหว่างเรื่องที่ว่าคุณชายเซี่ยฝีเท้าเบาเกินไปจนย่องเข้ามาข้างหลังผมได้โดยไม่ทันรู้ตัว หรือจะเป็นเพราะตัวผมเองที่ประมาทเกินไปกันแน่

แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนมันก็เกิดขึ้นแล้ว จะมานั่งนึกเสียใจก็ใช่ที่ ผมเลยตัดสินใจหัวเราะเบาๆ หวังว่าจะทำให้สถานการณ์ตึงเครียดนี่ผ่อนคลายลงบ้าง...ถึงจะไม่ค่อยมีหวังก็เถอะ


“ใจเย็นๆน่า คุณชายเซี่ย” ผมพูดพลางหัวเราะขำ “ผมไม่กินแล้วชักดาบแล้วก็ได้ ค่าเหล้าเท่าไหร่ล่ะ ขอผมผ่อนจ่ายสักปีได้มั้ย?”


“ไม่จำเป็น” เสียงนุ่มดังขึ้นที่ข้างหู เสียงนั้นไพเราะหวานใสซะจนผมใจเต้นแรง ถ้าไม่ใช่เพราะประโยคที่ตามมา “นายจ่ายเป็นอย่างอื่นแทนก็ได้นี่”


“หวาๆ พูดอะไรน่าหวาดเสียวจัง ผมไม่จ่ายด้วยร่างกายหรอกนะ คุณชาย”


ผมจงใจพูดแบบไร้สาระออกไป ถึงจะไม่รู้ก็เถอะว่าเขาต้องการอะไรจากผม แต่ก็นั่นแหละคนอย่างหัวหน้าตระกูลเซี่ยจะต้องการอะไรจากคนอย่างผมกันล่ะ คิดยังไงก็คิดไม่ออกเลยสักนิด หรือว่าเซี่ยอวี่ฮัวจะเป็นคนประเภทดื่มจนเมาแล้วชอบอาละวาดกันนะ?


บางทีผมคงจะเมามากแล้วจริงๆ ความคิดของผมถึงได้เริ่มไปทางเหลวไหลมากขึ้น ทว่ายังไม่ทันที่ผมจะได้คิดอะไรมากไปกว่านั้น เสียงนุ่มทุ้มของมารร้ายในคราบหนุ่มรูปงามก็ดังขึ้นอีกครั้ง


“นายจ่ายด้วยข้อมูลที่นายรู้ก็ได้นี่ ใช่มั้ยล่ะ เฮยเสียจื่อ สุนัขรับใช้ของตระกูลอู๋


(มีต่อ)

Mukkuk
ด้วงฝึกหัด
ด้วงฝึกหัด

จำนวนข้อความ : 2
Points : 3479
Join date : 31/10/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

[Fic] Soul [ฮัวเฮย หรือ เฮยฮัว][NC-17] Empty Re: [Fic] Soul [ฮัวเฮย หรือ เฮยฮัว][NC-17]

ตั้งหัวข้อ by Mukkuk Fri 31 Oct 2014, 23:47

บางทีมันคงเป็นสัญชาตญาณ หรือบางทีมันคงเป็นสิ่งที่ถูกฝึกสอนมาดีเกินไป ผมพลันสะบัดตัวออกจากมือของเซี่ยอวี่ฮัวด้วยแรงทั้งหมด ความคิดแรกของผมนั่นคือ ต้องฆ่าปิดปากคนคนนี้ซะ จะให้ใครรู้ความลับที่ว่าผมมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับตระกูลอู๋ไม่ได้เด็ดขาด นั่นคือคำสั่งที่มีความสำคัญระดับต้นๆที่อู๋เหลาโก่วเคยสั่งผมเอาไว้


ทว่าผมเพิ่งจะล้วงมือลงไปหยิบมีดขึ้นมา ภาพตรงหน้าก็กลับกลายเป็นพร่าเลือนมากขึ้น ภายในห้องหมุนคว้าง เท้าซวนเซอย่างคนที่เมาหนัก แต่ผมรู้ว่าผมไม่ได้เมาขนาดนั้น หรือว่า...


เหล้านั่นจะมีปัญหา!!


ผมหันไปมองเถ้าแก่ที่เวลานี้หลบไปอยู่หลังเคาน์เตอร์อย่างกับนกรู้ ถ้าจะมีใครสักคนที่วางยาได้ มันก็ต้องเป็นตาลุงตัวแสบนี่ที่เป็นคนรินเหล้าเท่านั้น ให้ตายเถอะ ผมก็รู้จักกับเขามาก็นานหลายปีแล้ว แต่ใครจะคิดว่าแค่คุณชายเซี่ยอวี่ฮัวเอาเงินฟาดหัวเขาแค่ทีสองที เขาก็จะขายผมได้ลงซะงั้น!


ผมเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ในใจ ข้างหน้าผมคือคุณชายเซี่ยอวี่ฮัวที่กำลังยืนยิ้มเยาะ ท่าทางเขาไม่ได้ป้องกันตัวหรือไม่ได้คิดจะเข้ามาจู่โจมแต่อย่างใด แต่ผมรู้ว่ายิ่งท่าทางดูสงบนิ่งมากแค่ไหน นั่นหมายความว่าเขาเป็นศัตรูที่ร้ายกาจมากเท่านั้น แต่ว่าผมจะคาดหวังอะไรน้อยไปกว่านี้ได้ล่ะ ในเมื่อคนตรงหน้าผมคือ เซี่ยอวี่ฮัว หลานชายของเซี่ยจิ่วเย๋ ลูกศิษย์คนโปรดของเอ้อร์เย่ว์หง


ยิ่งเมื่อบวกกับเรื่องที่ผมโดนวางยาด้วยล่ะก็ วิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้คงไม่ใช่การต่อสู้ แต่เป็นการหลบหนีซะมากกว่า


ไวเท่าความคิด ผมพลันซัดมีดในมือออกไป เซี่ยอวี่ฮัวมีสีหน้าแปลกใจนิดหน่อย เมื่อมีดเล่มนั้นไม่ได้เล็งมาที่เขา แต่กลับเป็น..


เสียงแผดร้องของเถ้าแก่ร้านเหล้าดังลั่นท่ามกลางสีหน้าตกตะลึงพรึงเพริดของคุณชายเซี่ย ดวงตาสีหวานเบิกกว้างมองร่างอ้วนตุ๊ต๊ะของเถ้าแก่ร้านที่ล้มลงไปจมกองเลือดบนพื้น ที่คออ้วนๆนั่นคือมีดที่ฝังลงไปจนมิดด้าม มันแน่อยู่แล้วว่าผมอาจจะยอมปล่อยให้คนทรยศหนีรอดไปได้ แต่ไม่มีทางยอมปล่อยให้คนที่รู้สถานะที่แท้จริงของผมมีชีวิตรอดต่อไปได้แน่


ผมฉวยโอกาสที่คุณชายคนงามกำลังตกตะลึง รีบวิ่งหนีไปอีกด้าน เจตนาของผมไม่ใช่การปะทะ ดังนั้นแทนที่จะวิ่งไปทางประตู ผมกลับเลือกวิ่งไปทางหน้าต่างแทน


น่าเสียดายที่ถึงจะไวแค่ไหนแต่ผมก็ยังช้าไปอีกก้าว ฤทธิ์ยาที่ถูกวางในเหล้ามันทำให้หนึ่งก้าวที่ควรจะทำให้ผมหนีรอดจากสถานที่นี้ กลับกลายเป็นขาดอีกหนึ่งก้าว อีกแค่ก้าวเดียวเท่านั้น..เมื่อของแข็งบางอย่างพลันฟาดลงมาบนศีรษะของผม แล้วโลกทั้งใบก็กลับกลายเป็นมืดมิดลง



++++++++



...เรื่องหนึ่งที่เป็นที่รู้กันทั่วเกี่ยวกับอู๋เหลาโก่ว ก็คือการที่ผู้เฒ่าคนนี้ชอบเลี้ยงสุนัข ในตอนแรกอู๋เหลาโก่วเลี้ยงสุนัขก็เพื่อใช้ให้มันช่วยดมกลิ่นตามหาสมบัติในสุสาน ต่อมาแม้แต่เมื่อแก่เฒ่าลงแล้ว แต่ประมุขสกุลอู๋ก็ยังชอบเลี้ยงหมาอยู่ตลอดเวลา จนในที่สุดเมื่ออู๋เหลาโก่วตายไป เหลือก็แต่สุนัขตัวสุดท้ายที่ยังมีชีวิตอยู่ สุนัขตัวนั้นก็ได้บุตรชายคนรองอย่างอู๋เอ่อร์ไป้เอาไปเลี้ยงดูแทน


นั่นน่ะคือเรื่องที่คนทั่วไปรู้ คือเรื่องเดียวกับที่นายน้อยอู๋เสียรับรู้ หากสิ่งที่พวกเขาไม่รู้นั่นก็คือ สุนัขตัวสุดท้ายของอู๋เหลาโก่วไม่ใช่สุนัข แต่กลับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่ง


บางครั้งเมื่อมองย้อนกลับไปในอดีต ผมก็นึกสงสัยว่าถ้าเลือกได้ผมจะยังคงยอมจับมือของตาแก่คนนั้นเอาไว้อีกรึเปล่า อู๋เหลาโก่วที่เก็บเด็กข้างถนนอย่างผมมาเลี้ยงดู เพราะเห็นถึงความสามารถและดวงตาที่มีประโยชน์คู่นี้ แน่นอนว่าผมอาจจะดมกลิ่นได้ไม่ดีเท่าสุนัขจริงๆตัวหนึ่ง แต่ถ้าเป็นในแง่ของการมอง ในแง่ของการใช้สมองแล้วล่ะก็ ดูเหมือนผู้เฒ่าอู๋จะคิดว่าการเลี้ยงผมเอาไว้นั้นก็ดูจะมีประโยชน์ไม่เลว


และก็เพราะอย่างนั้นในวัยที่เด็กๆทุกคนเอาแต่วิ่งเล่น แต่สิ่งที่ผมทำกลับเป็นการเรียนทักษะในการคว่ำกรวย ขณะที่เด็กๆทุกคนต่างก็มีของเล่นเป็นของตัวเอง แต่ของเล่นชิ้นเดียวที่ผมรู้จักนั่นคือ มีดพกที่เอาไว้ต่อสู้กับศพโลหิต


เมื่อผมอายุได้สิบกว่าขวบ อู๋เหลาโก่วก็เริ่มคิดหาทางอื่นที่จะใช้ประโยชน์จากผมนอกจากเอาไว้ใช้สำหรับคว่ำกรวย มันก็จริงว่าเทคนิคการคว่ำกรวยของผมเป็นหนึ่งไม่มีสอง แต่ก็ใช่ว่าประเทศจีนจะมีสุสานใหญ่ๆคุ้มทุนให้ขุดบ่อยนัก ดังนั้น เพื่อไม่ให้หมาที่อุตส่าห์เลี้ยงดูขึ้นมาได้ใช้ชีวิตสุขสบายแบบนั่งกินนอนกินบ่อยเกินไปนัก อู๋เหลาโก่วจึงได้ตัดสินใจฝึกให้ผมเป็นสายของตระกูลอู๋


ในยุคนั้นที่เก้าตระกูลต่างก็แก่งแย่งชิงดีกัน การมีสายข่าวข้อมูลที่เชื่อถือได้ถือเป็นประโยชน์อย่างมหาศาล และตัวผมที่ไม่มีประวัติความเป็นมาเกี่ยวข้องกับตระกูลไหน แต่กลับมีทักษะการลงกรวยชั้นเลิศ ก็ทำให้ใครต่อใครต่างก็ชอบชวนผมไปคีบลามะอยู่เรื่อย พวกเขาไม่ได้รู้เลยว่าทุกครั้งที่ลงคว่ำกรวยด้วยกัน ผมก็จะได้รับรู้ข่าวสารหลายอย่างๆผ่านทางคำพูดที่หลุดปากออกมาของพวกเขา และคำพูดเหล่านั้นก็จะถูกถ่ายทอดบอกต่อแก่ตระกูลอู๋


และเพราะความลับที่ได้มา หลายครั้งที่พัวพันกับหลายฝ่าย ดังนั้น ตัวตนที่มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลอู๋ของผมจึงถือเป็นความลับอย่างยิ่งยวด แต่ชีวิตแบบนี้มันน่าเบื่อเกินไป มีหลายครั้งที่ผมนึกอยากแยกตัวออกมาเป็นอิสระ ผมเชื่อมั่นว่าตัวเองไม่มีอะไรติดค้างพวกเขา แต่ทุกครั้งที่ผมเกิดความคิดเช่นนั้นขึ้น อู๋เหลาโก่วก็จะรั้งตัวผมไว้ด้วยคำพูดเดิมๆเสมอ


‘ออกจากที่นี่ไปแล้ว คิดว่ามีที่จะไปรึไง? โลกใบนี้แม้จะกว้างใหญ่ แต่มีที่ไหนที่แกอยากไปด้วยเหรอ ยอมรับเถอะ เฮยเสียจื่อ ตัวแกน่ะจะมีคุณค่า มีตัวตนจริงๆก็ต่อเมื่ออยู่ที่นี่เท่านั้นแหละ’


แล้วสุดท้ายมันก็เป็นคำพูดนี้ที่รั้งตัวผมเอาไว้อีกครั้ง ถึงผมจะต้องการอิสรภาพมากแค่ไหน แต่มันก็เป็นอย่างที่ตาแก่นี่พูด ถ้าออกจากที่นี่ไป ตัวผมจะไปที่ไหนล่ะ? ถ้าไม่อยู่ที่นี่ แล้วจะมีใครที่รู้จักผมด้วยงั้นเหรอ? หลายปีของการเป็นสายข่าว ทำให้ผมไม่เคยเปิดใจให้กับใคร ถึงผมจะมีตัวตนแต่ก็ไม่เคยมีตัวตนจริงๆในสายตาของใครอื่น...นอกจากคนสกุลอู๋


...แม้ว่าจะเป็นได้แค่หมาตัวหนึ่งก็ตาม...


เพราะอย่างนั้นผมจึงได้ตัดสินใจอยู่ที่นี่ต่อ แม้แต่เมื่ออู๋เหลาโก่วตายไป ตัวผมที่เป็นแค่หมาตัวหนึ่ง ก็ถูกส่งต่อไปอยู่ในความดูแลของอู๋เอ่อร์ไป้ เป็นโชคดีอยู่บ้างที่นายท่านรองไม่ชอบลงกรวยเท่าไหร่นัก ดังนั้น งานส่วนใหญ่ของผมจึงเป็นงานของสายข่าวเป็นส่วนมาก แต่ก็มีบางครั้งหรือหลายๆครั้งที่นายท่านสามคิดจะลงกรวยแต่กลับขาดผู้ช่วยฝีมือดี ในเวลานั้นผมก็จะถูกยืมตัวไปคว่ำกรวยกับพวกเขา ก่อนจะถูกส่งตัวกลับคืนหลังจากที่สุสานถูกชำแหละออกเป็นชิ้นๆแล้ว


ชีวิตแบบนี้ก็ไม่ได้สุขไม่ได้ทุกข์อะไร แค่น่าเบื่อบ้างก็เท่านั้น จะมีสนุกขึ้นมานิดหน่อยก็ตอนที่อู๋ซันเสิ่งเปลี่ยนตัวกับเซี่ยเหลียนหวน ผมไม่แน่ใจนักหรอกว่าพวกเขาคิดอะไรกันอยู่ ถึงได้คิดว่าจะสามารถหลอกสายตาของผม หรือยิ่งกว่านั้นสายตาของอู๋เอ่อร์ไป้ได้ แต่ยิ่งกว่านั้นดูเหมือนว่านายท่านรองจะถูกใจ ‘นายท่านสามคนใหม่’ นี่มากพอดู ถึงได้อยู่ร่วมบ้านกันได้เป็นครั้งคราวอย่างสงบสุข


ผมเองถ้าจะว่ากันตามจริงก็ชอบนิสัยของเซี่ยเหลียนหวนมากกว่าอู๋ซันเสิ่งอยู่แล้ว ดังนั้น ผมจึงยิ่งไม่มีปัญหาอะไรกับการเปลี่ยนตัวของทั้งสอง จนกระทั่งวันนี้...วันที่ลูกชายของเซี่ยเหลียนหวนจับตัวผมมาเพื่อเค้นถามถึงความจริง


“ว่าไง จะตอบได้รึยัง”


เสียงนุ่มหวานหากก็เยียบเย็นนัก ผมพยายามเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะเหล็กที่ถูกมัดตรึงเอาไว้ ร่างกายของผมมันเต็มไปด้วยบาดแผลอย่างที่แค่สูดหายใจก็ยังทำได้ลำบาก ใครจะนึกว่าหน้าสวยๆดวงตาหวานๆแบบนี้แต่กลับเลือดเย็นเอาเรื่อง


“พ่อของฉัน..เซี่ยเหลียนหวนอยู่ที่ไหน?”


ผมยกยิ้มน้อยๆ ดูเหมือนว่าคุณชายเก้าจะสืบรู้มาจนได้ว่าเรื่องที่เซี่ยเหลียนหวนหายสาบสูญไปเมื่อเกือบยี่สิบปีก่อนนั่น มันเกี่ยวข้องกับตระกูลอู๋ แถมยังสืบรู้อีกว่าผมเป็นหมารับใช้ของตระกูลนั้น แต่ว่านะคุณชายเก้า..ถ้าคุณคิดว่าผมจะทนการทรมานแค่นิดหน่อยก็ไม่ได้ล่ะก็ คุณก็คิดผิดแล้ว


“ถามแปลกนะ คุณชาย..พ่อของคุณเองแท้ๆ คุณยังไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน แล้วผมจะไปรู้ได้ยังไงกันล่ะ”


แกล้งเอ่ยยียวนไม่ทันจบคำ มือเรียวได้รูปสวยคู่นั้นก็พลันกระชากหัวผมกระแทกกับโต๊ะเข้าโครมใหญ่ กลิ่นเลือดจางๆลอยอวลออกมาจากบาดแผลข้างศีรษะที่กำลังมีเลือดไหลริน ทั้งกลิ่นเลือด ทั้งฤทธิ์ยา ทั้งความเจ็บปวด มันทำให้ผมตกอยู่ในความมึนเมา


เมื่อตอนนั้นเองที่เซี่ยอวี่ฮัวกลับแย้มยิ้มน้อยๆแทนสีหน้าขัดใจเมื่อครู่ เขาเรียกบอดี้การ์ด สั่งให้เอาชองอย่างหนึ่งเข้ามาให้ จากมุมที่มองอยู่มันทำให้ผมเห็นไม่ถนัดนักว่าของในถาดเงินนั่นคืออะไร รู้ก็แต่ว่าคุณชายเซี่ยกำลังเริ่มสวมถุงมือช้าๆ ก่อนที่เขาจะมาหยุดยืนอยู่ข้างผม


“หมารับใช้ของสกุลอู๋ปากแข็งกว่าที่ฉันคิดเอาไว้เยอะ”


ผมมองปลายนิ้วเรียวที่ลากไล้ลงมาบริเวณหน้าท้องของผมอย่างไม่วางใจนัก ต่อไปเป็นอะไรล่ะ คราวนี้จะชำแหละควักไส้ผมออกมารึไงกัน


ทว่าดูเหมือนว่าครั้งนี้คุณชายเซี่ยจะเรียนรู้แล้วว่าการทรมานด้วยความเจ็บปวดไม่อาจใช้ได้กับผม ก่อนที่ผมจะทันได้สงสัยอะไรมากไปกว่านั้น กางเกงของผมก็พลันถูกกระชากลง ขาทั้งสองข้างถูกจับแยกออกกว้างด้วยแรงมือที่ไม่ได้เข้ากันเลยกับมือเรียวได้รูปสวยนั่น มันเป็นตอนนั้นเองที่ผมมองเห็นของในถาดเงินนั่นชัดเต็มตา มันเป็นวัตถุสีขาวรูปทรงเรียวยาวคล้ายๆไข่ไก่ใบเล็ก ที่ปลายข้างหนึ่งของมันมีสายยาวต่อออกไปยังรีโมท ของสิ่งนี้ถึงผมจะไม่เคยซื้อและยิ่งไม่เคยคิดจะใช้เองก็เถอะ แต่ผมก็รู้ว่ามันคืออะไร


“เริ่มกลัวแล้วสินะ” เสียงนั่นเยาะหยันอย่างพึงใจที่เห็นท่าทางตื่นกลัวของผม “ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่านายจะอดทนต่อไปได้สักกี่น้ำ”


มันเป็นครั้งแรกที่ผมเริ่มดิ้นรนขัดขืนจริงจัง แต่น่าเสียดายที่มือของคุณชายเก้ากลับมีกำลังแรงมากกว่า เขาบีบขาของผมแน่นจนกลายเป็นรอยช้ำ ขณะที่อีกมือที่ใส่ถุงมือคู่หนาก็หยิบอุปกรณ์ชิ้นนั้นขึ้นมา ก่อนจะสอดใส่เข้ามาในกายผมอย่างไม่รีรอ


“ออกไป!! เอามันออกไป!!”


นั่นเป็นครั้งแรกกับการมีสิ่งแปลกปลอมล่วงล้ำเข้ามาในกาย จริงอยู่ว่าของเล่นชิ้นนั้นไม่ได้ใหญ่โตจนทำให้ผมเจ็บ แต่การที่มีเจ้าของชิ้นนี้อยู่ในตัวมันก็ทำให้ผมรู้สึกเหมือนกำลังถูกบุกรุก ถูกล่วงล้ำความเป็นส่วนตัว..ในส่วนที่ผมไม่เคยเปิดเผยให้แก่ใครมาก่อน


เซี่ยอวี่ฮัวมองท่าทางที่ดิ้นรนของผมด้วยรอยยิ้มขัน รอยยิ้มที่เป็นเหมือนปีศาจร้าย ก่อนที่รีโมทในมือขาวเนียนจะถูกเลื่อนไปที่ความแรงสูงสุด


ตัวผมพลันสั่นระริกตามจังหวะรัวแรงของสิ่งที่ล่วงล้ำ ทั้งที่ไม่เต็มใจแต่ร่างกายกลับมีปฏิกิริยาตอบสนอง เซี่ยอวี่ฮัวมองผมที่ถูกปลุกเร้าความต้องการจนตื่นตัวด้วยรอยยิ้มเหยียดหยาม ตอนนั้นเองที่ผมถึงได้เข้าใจถึงความหมายของความรู้สึกในดวงตาของเขา


นั่นไม่ใช่สายตาที่ไว้ใช้มองมนุษย์ ไม่ใช่แม้แต่สายตาที่ใช้มองสุนัขตัวหนึ่ง แต่เป็นสายตาที่มีไว้มองโสเภณี ต่ำค่ายิ่งกว่าหมา ไร้ค่าจนไม่สมควรเป็นคน ในสายตาของเขา..ตัวตนของผมเป็นอะไรที่ต่ำชั้นถึงเพียงนั้น


“ตอบมา”


ผมยังคงส่ายหน้า ฟันกัดริมฝีปากจนเลือดซึมทั้งที่ร่างกายตื่นตัวจนปวดร้าว ท่าทางดื้อรั้นของผมมันคงทำให้เขาเริ่มหมดความอดทนขึ้นมาไม่มากก็น้อย เมื่ออยู่ๆเขาก็ดึงของเล่นในตัวผมออก ผมทันได้หอบหายใจไม่ถึงเสี้ยวนาที แล้วน้ำหนักของร่างที่คร่อมทับลงมาก็ทำเอาผมแทบผวา ชั่วขณะนั้นที่ดวงตาของผมอยู่ใกล้กับดวงตาของเขาจนแทบเอื้อมมือถึง ชั่วขณะที่ราวกับต้องมนต์สะกดภายใต้ดวงตาที่งดงามกับวงหน้าที่งดงามยิ่งกว่า


แล้วความแข็งขึงที่สอดแทรกเข้ามาก็ทำให้ภาพฝันกลับกลายเป็นแตกสลาย


...จริงอยู่ว่าผมเคยมีประสบการณ์ทางเพศมาบ้าง ทั้งกับชายและหญิง แต่ก็ไม่เคยมีครั้งไหนที่ผมจะยอมให้ใครล่วงล้ำเข้ามาในกาย แค่คิดว่าจะมีอะไรของใครสอดแทรกลึกเข้ามา มันก็ทำให้ผมรู้สึกคลื่นไส้..กับความคิดที่จะถูกล่วงล้ำเข้ามาเช่นนั้น


ท่ามกลางสติที่เลือนลาง ผมคล้ายจะได้ยินเสียงครางด้วยความเจ็บปวดดังมาจากที่ห่างไกล แต่ว่าเสียงนั่นมันคุ้นเคยมาก เพราะเสียงนั้นคือเสียงของผม เป็นผมเองที่กำลังร้องครางด้วยความเจ็บปวด ของเล่นชิ้นเล็กที่เคยสอดเข้ามาในกาย ไม่อาจเทียบได้กับขนาดอันใหญ่โตที่กระแทกลึกเข้ามาจนสุด ผมรู้สึกได้ถึงบางอย่างในกายที่ฉีกขาด รู้สึกได้ถึงเลือดอุ่นๆที่หลั่งรินลงมาตามเรียวขา แก่นกายใหญ่โตบดเบียดกระแทกซ้ำเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่า ความเจ็บปวดคละเคล้าไปด้วยความอดสู ผมได้ยินเขาถามซ้ำอีกครั้ง และในครั้งนี้ผม..ก็ยอมตอบเขาออกไป


ท่ามกลางสติที่เลือนลางด้วยความเจ็บปวดผสมกับฤทธิ์ยา ผมพูดทุกอย่างออกไปเท่าที่รู้ ทั้งเรื่องที่อู๋ซันเสิ่งร่วมมือกับเซี่ยเหลียนหวนในการสลับตัวกัน ทั้งเรื่องที่เซี่ยเหลียนหวนใช้ชีวิตอย่างมีความสุขดีในตระกูลอู๋ ตลอดเวลาที่ผมพูดออกไปนั้น เซี่ยอวี่ฮัวก็ไม่ได้ผ่อนปรนจังหวะลงสักนิด ตรงข้ามแล้วเขากลับดูรุนแรงมากขึ้น ผมกรีดร้องแล้วก็กรีดร้องครั้งแล้วครั้งเล่า ร่างกายเหมือนจะแยกออกเป็นสองส่วน เมื่อเป็นตอนนั้นเองที่ใบหน้างดงามกลับกลายเป็นมีสีหน้าลำบากใจ ผมเหม่อมองวงหน้าที่ดูกังวลใจของเขาอย่างงุนงง แล้วเขาก็พลันเอ่ยถามผมด้วยท่าทางของคนที่ตัดใจไม่ได้


“...อู๋เสียล่ะ เขาสบายดีรึเปล่า?”


ผมนิ่งไปชั่วอึดใจกับคำถามนั้น แล้วผมก็พลันระเบิดหัวเราะออกมา ผมจำไม่ได้แล้วว่าตอบอะไรเขาออกไป รู้แต่ว่ามันทำให้เขาโมโหมาก เขากระแทกย้ำลึกเข้ามาในกายผมอีกครั้งแล้วก็อีกครั้ง ผมกัดปากแน่น สติที่เลือนลางอยู่แล้วยิ่งคล้ายจะหลุดลอยไป แล้วตอนที่ของเหลวอุ่นจัดพลันหลั่งรินเข้ามาในกายนั้นเอง ผมก็หมดสติไปในที่สุด



...มาได้สติอีกครั้งก็เป็นตอนรุ่งสาง ตัวผมที่ถูกทารุณจนแม้แต่ยืนด้วยตัวเองก็ยังไม่ไหวก็ถูกพาขึ้นรถ คุณชายเก้าเอาตัวผมมาโยนทิ้งไว้ที่ตรอกใกล้ๆกับร้านเหล้า ดวงตาคู่สวยนั่นไม่แม้แต่จะเหลือบมองร่างที่แทบไม่ได้สติของผมเมื่อรถแล่นห่างออกไป


ใช่สิ เขาได้ข้อมูลที่ต้องการไปจากผมแล้ว ก็ไม่มีสาเหตุอะไรให้เขาจำเป็นต้องสนใจหมาอย่างผมอีก...


ผมหัวเราะเบาๆ เสียงหัวเราะที่กลับกลายเป็นดังขึ้นเรื่อยๆ หัวเราะทั้งที่มันทำให้บาดแผลทั่วร่างยิ่งเจ็บปวด หัวเราะทั้งที่ยังรู้สึกถึงคราบของเหลวที่ไหลรินลงมาตามเรียวขา


ทำไมตอนนั้นผมถึงได้ยอมผ่อนคลายความระวังตัวลงกันนะ หรือมันจะเป็นเพราะท่าทางที่ดูเบื่อหน่ายของเซี่ยอวี่ฮัว ท่าทางที่ไม่ทำให้ผมรู้สึกว่าอีกฝ่ายเป็นพิษเป็นภัยแต่อย่างใด แต่กลับกลายเป็นว่าผมถูกเขาหลอก การที่สามารถเสแสร้งแสดงละครได้ในระดับนั้น หลอกได้กระทั่งสายตาของผม คงพูดได้แค่ประโยคเดียวว่า สมแล้วที่เขาเป็นถึงนักแสดงงิ้วอันดับหนึ่งของปักกิ่ง


...แม้จะไม่ได้สวมหน้ากาก แต่บนใบหน้าของเขาก็มีหน้ากากสวมไว้อยู่แล้ว...


เสียงนกร้องดังมาไกลๆ แสงของรุ่งอรุณแตะขอบฟ้า ในที่สุดวันฮัลโลวีนงี่เง่านั่นก็จบลง สุดท้ายผมก็ไม่ได้เจอผีสักตัวในเทศกาลนี้ แต่กลับเจออะไรบางอย่างที่เลวร้ายยิ่งกว่า..เลวร้ายยิ่งกว่ามาก


บางทีคำพูดที่อู๋เหลาโก่วเคยพูดกับผมไว้คงเป็นความจริง สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าภูติผีคือใจคน...


...นั่นคือคุณ เซี่ยอวี่ฮัว...



END (หรืออาจจะมีต่อ)

Mukkuk
ด้วงฝึกหัด
ด้วงฝึกหัด

จำนวนข้อความ : 2
Points : 3479
Join date : 31/10/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

[Fic] Soul [ฮัวเฮย หรือ เฮยฮัว][NC-17] Empty Re: [Fic] Soul [ฮัวเฮย หรือ เฮยฮัว][NC-17]

ตั้งหัวข้อ by kuramajoy Sat 01 Nov 2014, 08:07

ก่อนอื่นขอสตรีมก่อนคะ กริ้ดดดดดดด ไม่คิดไม่ใันว่าจะมีคนแต่งคุ่นี้ ปลาดปลื้มดีใจน้ำตาไหลราวกับเจอขุมทรัพย์นับแสนล้าน. กราบขอบคุณมากคะที่ทำให้ใันเราเป็นจริงคือมันเป็นคุ่แปลกมากกก ฮือ จอนนี้ตายตายังไม่หลับ. อยากอ่านอีกคะ

เปิดมานานแว่นน่าสงสาร แงงงเจ้าหมาน้อย เห็นแล้วอยากเลี้ยงมั่ง. พอมาถึงคุณชาย คุณชายแม่งร้ายกาจ ตั้งใจมานั่ง ตั้งใจแสดงอารม ตั้งใจจับนี่นา ฮือ. เป็นไงเฮย. ดอกไม้งามย่อมมีหนามแหลม หลงความงามเขา เจอหนามตำเข้าไปถึงส่วนลึกร่างกาย
คุณชายใจร้ายมากคะ โยนทิ้งเมื่อใช้เสร็จ คืออยากอ่านต่อจังคะ เราคิดว่ามันไม่จบแค่นี้ ฮือออ
สุดท้ายนี้ แต่งดีมากจนน่าอิจฉาตะ สำนวนสละสลวย อ่านลื่น. อยากจะขอเศษผมไปต้มกินเผื่อจะทำได้มั่งเลยคะ
kuramajoy
kuramajoy
ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
ด้วงต้นไม้เทพเจ้า

จำนวนข้อความ : 206
Points : 3780
Join date : 27/10/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

[Fic] Soul [ฮัวเฮย หรือ เฮยฮัว][NC-17] Empty Re: [Fic] Soul [ฮัวเฮย หรือ เฮยฮัว][NC-17]

ตั้งหัวข้อ by Feran.FS Sat 01 Nov 2014, 09:09

//วิ่งเข้ามาาครีมตามเมนท์บน
อะเฮื้อออออออออ กรี๊ซซซซซซซซซซซ คุณชายเอสได้ใจด้วงมากข่าาาาาาาาา //ด้วงละลาย
นายแว่นเอ๋ย หมาที่ดีย่อม ่ตามเจ้านายไปสุดขอบโลก อย่ายอมแพ้ล่ะ! #โคตรสงสารเลย...
Feran.FS
Feran.FS
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ

จำนวนข้อความ : 457
Points : 3951
Join date : 27/10/2014
Age : 28
ที่อยู่ : ใต้เตียงนอนเซี่ยจื่อหยาง...

ขึ้นไปข้างบน Go down

[Fic] Soul [ฮัวเฮย หรือ เฮยฮัว][NC-17] Empty Re: [Fic] Soul [ฮัวเฮย หรือ เฮยฮัว][NC-17]

ตั้งหัวข้อ by meanato Sat 01 Nov 2014, 12:49

...แม้จะไม่ได้สวมหน้ากาก แต่บนใบหน้าของเขาก็มีหน้ากากสวมไว้อยู่แล้ว...
ชอบประโยคนี้จังเลย อย่ายอมแพ้นะนายแว่น เรายอมวางป้ายAllเสีย เป็นฮัยเฮยเลยอ่ะะ
meanato
meanato
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ

จำนวนข้อความ : 487
Points : 3970
Join date : 27/10/2014
Age : 26
ที่อยู่ : หลังประตูสัมฤทธิ์

ขึ้นไปข้างบน Go down

[Fic] Soul [ฮัวเฮย หรือ เฮยฮัว][NC-17] Empty Re: [Fic] Soul [ฮัวเฮย หรือ เฮยฮัว][NC-17]

ตั้งหัวข้อ by fay_13 Sat 01 Nov 2014, 17:24

โฮกกกกกกกกก เสี่ยวฮัวใจร้ายมากค่ะ!! อ่านแล้วปกติจะหมั่นไส้แว่นยุยงให้เสี่ยวฮัวไล่ตบตี แต่เรื่องนี้อ่านแล้วกรีดร้องด้วยความสงสารแว่น กี๊ซซซซซซซซซ
fay_13
fay_13
ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา

จำนวนข้อความ : 100
Points : 3590
Join date : 01/11/2014
ที่อยู่ : แพฮัวเฮย

http://akiraalittlebird.wordpress.com/

ขึ้นไปข้างบน Go down

[Fic] Soul [ฮัวเฮย หรือ เฮยฮัว][NC-17] Empty Re: [Fic] Soul [ฮัวเฮย หรือ เฮยฮัว][NC-17]

ตั้งหัวข้อ by SilverCloud Sat 01 Nov 2014, 17:54

กรีดร้อง คุณชายฮัวช่างเอสได้ใจด้วงมากเลยฮร้า นายแว่นเวอร์ชั่นไม่แรดนี่ก็ดูน่ารักน่าแกล้งไปอีกแบบนะคะ ส่วนเรื่องคุณพ่อของคุณชายไม่ต้องห่วงไปหรอกค่ะ อารองดูแล?อย่างดีอยู่แล้วค่ะ
SilverCloud
SilverCloud
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ

จำนวนข้อความ : 433
Points : 3949
Join date : 27/10/2014
ที่อยู่ : ตู้เสื้อผ้าของอารอง

ขึ้นไปข้างบน Go down

[Fic] Soul [ฮัวเฮย หรือ เฮยฮัว][NC-17] Empty Re: [Fic] Soul [ฮัวเฮย หรือ เฮยฮัว][NC-17]

ตั้งหัวข้อ by tear Sun 02 Nov 2014, 23:31

ต่อเถอะค่ะะะะะะะะ คุณชายใจร้ายยยยยยย ฟันแล้วทิ้งงงง นายแว่นน่าสงสารรรรร คุณชายแกล้งนายแว่นอีกสิคะะะะ (เอ๊ะ?)
tear
tear
ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา

จำนวนข้อความ : 168
Points : 3668
Join date : 02/11/2014
ที่อยู่ : ใต้เตียงคุณชายฮัว

ขึ้นไปข้างบน Go down

[Fic] Soul [ฮัวเฮย หรือ เฮยฮัว][NC-17] Empty Re: [Fic] Soul [ฮัวเฮย หรือ เฮยฮัว][NC-17]

ตั้งหัวข้อ by bloodnine Sun 02 Nov 2014, 23:48

อ่าาา สงสารน้องหมาTvT คุณชายก็รุนแรงป๊ายยย ช้ำแล้วมั้งงงToT
ที่หัวเราะตอนจบทำไมฟังแล้วจุกมากกว่าแฮะ
bloodnine
bloodnine
ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา

จำนวนข้อความ : 77
Points : 3576
Join date : 27/10/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

[Fic] Soul [ฮัวเฮย หรือ เฮยฮัว][NC-17] Empty Re: [Fic] Soul [ฮัวเฮย หรือ เฮยฮัว][NC-17]

ตั้งหัวข้อ by SayWindy Sat 08 Nov 2014, 19:34

เป็นฟิคที่ต้องมีต่อค่ะ โฮกกกกกกกกกกกกกก //คุณชายยยยย
SayWindy
SayWindy
ด้วง
ด้วง

จำนวนข้อความ : 29
Points : 3510
Join date : 27/10/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

[Fic] Soul [ฮัวเฮย หรือ เฮยฮัว][NC-17] Empty Re: [Fic] Soul [ฮัวเฮย หรือ เฮยฮัว][NC-17]

ตั้งหัวข้อ by sagacity191 Tue 11 Nov 2014, 14:54

สงสารเฮยจังเลย
ฮัวคะ นี่ครั้งแรกนะคะ
ช่วยเบามือกว่านี้นิดดดนึง
sagacity191
sagacity191
ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา

จำนวนข้อความ : 53
Points : 3522
Join date : 06/11/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

[Fic] Soul [ฮัวเฮย หรือ เฮยฮัว][NC-17] Empty Re: [Fic] Soul [ฮัวเฮย หรือ เฮยฮัว][NC-17]

ตั้งหัวข้อ by Starsong Fri 16 Jan 2015, 23:14

อ่านจนจบแล้วรู้สึกภาษามันคุ้นๆจังน้าาา มองชื่อคนแต่งอีกทีก้อปรากฏว่า.. สวัสดีค่ามุกคุกซังงง คิดถึงนะคะะะ แฮ่~~~ >___<
ครั้งแรกที่ได้อ่านฟิคคุนมุกในบอร์ดนี้เลยนะคะเนี่ยยยย XD
สารภาพว่าจริงๆแล้วเป็นสายเฮยฮัว แต่ฮัวเฮยแบบนี้ก็แจ๋วค่าาาา >3<
นายแว่นน่าสงสารเหลือเกิน ชะตากรรมของหมาตัวสุดท้ายของปู่อู่ ที่ทำยังไงยังไงก็หนีไม่พ้น //ซับน้ำตา ;;A;;
แบบนี้มันยังไม่จบนะคะคุนมุก มันเพิ่งเริ่มเองงง โหยหวนนน
อยากรู้มากๆเลยว่าต่อจากนี้นายแว่นจะเป็นไง เสี่ยวฮัวจะมีแผนการอะไรต่อ
แอบลุ้นคู่อารองอาเซี่ย กับฮัวเสียด้วยค่าาา//นั่งรอตอนต่ออย่างมีความหวัง Wink
Starsong
Starsong
ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา

จำนวนข้อความ : 86
Points : 3489
Join date : 13/01/2015
ที่อยู่ : ในถ้วยชาอารอง

ขึ้นไปข้างบน Go down

[Fic] Soul [ฮัวเฮย หรือ เฮยฮัว][NC-17] Empty Re: [Fic] Soul [ฮัวเฮย หรือ เฮยฮัว][NC-17]

ตั้งหัวข้อ by The_Dark_Lady Wed 01 Jul 2015, 23:46

SM แรง สงสารเฮยเฮยแรง
ต้องการตอนต่อแรง...
The_Dark_Lady
The_Dark_Lady
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ

จำนวนข้อความ : 301
Points : 3643
Join date : 21/06/2015
Age : 29
ที่อยู่ : On the Land, Below the sky

ขึ้นไปข้างบน Go down

ขึ้นไปข้างบน

- Similar topics

 
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ