Countdown
We've been
togerther for

ค้นหา
 
 

Display results as :
 


Rechercher Advanced Search


[fic] สะใภ้ตระกูลอู๋ 3[ผิงเสีย/ฮัวเฮย] Nc18

2 posters

Go down

ฮัวเฮย - [fic] สะใภ้ตระกูลอู๋ 3[ผิงเสีย/ฮัวเฮย] Nc18 Empty [fic] สะใภ้ตระกูลอู๋ 3[ผิงเสีย/ฮัวเฮย] Nc18

ตั้งหัวข้อ by kuramajoy Fri 20 Feb 2015, 23:39

ตอนที่ 1

ตอนที่ 2

มันเป็นความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย ผมหันหน้าไปหาเสี่ยวฮัวเขาเองก็ต้องประสบชะตากรรมเดียวกัน เมื่อเราจบมื้อเช้าผมจึงดึงเขามาพูดคุยเป็นการส่วนตัว นายแว่นที่ติดตามเสี่ยวฮัวราวกับเป็นเงาไม่ได้ว่าอะไรเขาเพียงหัวเราะ หึ หึ พลางโอบไหล่จางฉี่หลิง

ราวกับจะบอกว่าถ้าผมมีธุระที่ต้องคุยกับเสี่ยวฮัว เขาเองก็มีธุนะกับเจ้าสาวของผมเหมือนกัน

“เสี่ยวฮัวนายถูกทำอะไรหรือเปล่า” เมื่อลากเสี่ยวฮัวเข้าห้องไห้ผมก็เอ่ยถามยังสิ่งที่ค้างคาใจที่สุด เสี่ยวฮัวถลึงตาใส่ผมราวกับเห็นคนบ้า

“อู๋เสีย สมองนายยังปกติอยู่หรือเปล่า” ถูกคนสวยจิกกันมันช่างเจ็บแสบดีแท้ ผมไม่มีสกิลหน้าด้านเท่ากับนายแว่นจึงได้แต่อ้อมแอ้ม

“เปล่าก็ท่านายนั่นจะมือไว” เสี่ยวฮัวเอียงคอจ้องมองผมแทบจะทุกสัดส่วน

“นายโดนไปแล้วหรือ แต่เท่าที่ดูจางฉี่หลิงอะไรนั่นยังไม่ได้แตะนายเลยนี่”

เดี๋ยว ดูกันตรงไหน….

“นายคิดอะไร ทำไมถามแบบนี้ อู๋เสียดูท่าฉันคงต้องกำจัดจิตนาการของนายออกไปบ้างดีไหม”

ชิบหาย....

ถึงแม้ผมอยากจะถามเสี่ยวฮัวว่าเอาตรงไหนมาดูถึงรู้ว่าผมยังโสด และซิงอยู่แต่เก็บไว้ถามตอนยังชีวิตท่าจะดีกว่า เสี่ยวฮัวผู้งดงามคนนนี้เวลาโกรธยิ่งหว่าท่านเปาหน้าดำเสียอีก เกิดเขาเบิกเครื่องประหารหัวสุนัขผมคงจะวิ่งไม่ทัน

“นิ่งไปแบบนี้คิดอะไรไร้สาระอีกแล้วสินะ” เสียวฮัวจิกดวงตาคู่สวยใส่ ผมถอยหลังห่างจากเขาโดยอัตโนมัติ

อูยแม่คุณ มีพลังจิตหรือไร อ่านใจออกด้วยพระเจ้า....

“ฮ่าๆ นายคิดไปเอ๊งงงง” ผมเบือนหน้าหนีคนงามนี่โชคดีเหลือเกินที่ไม่ได้อยู่กับเขา 24 ชั่วโมง ไม่งั้นยิ่งกว่าเมียหลวงที่จิกกัด

อืม คุณสมบัติเมียหลวงชัดน่าสงสารนายเฮย อะไรนั่น

“งั้นก็ดี ฉันจะบอกอะไรนายให้อย่างนะอู๋เสีย นายระวังจะโดนกินส่วนฉันแค่ระวังอย่าเผลอกินให้หมดก็พอ”

อะไรกิน อะไรไม่กิน ไม่เข้าใจสักนิด

“พูดไปคนอย่างนายคงไม่เข้าใจแต่นิสัยของฉันไม่มีวันยอมถูกใครชักนำ หรือตกเป็นเบี้ยงล่างใครมันขึ้นกับนิสัยด้วย แต่กับนายจางคนนั้นนายคงเป็นภรรยาเขาเสียมากกว่า”

อะไรคือภรรยา!

“เฮ้ย แต่ฉันเป็นเจ้าบ่าวนะ” ผมรีบเรียกร้องสิทธิของการเป็นสามี ทั้งที่ตอนแรกไม่อยากได้ภรรยา

“อืม” เสี่ยวฮัวเหลือบตามองผมราวกับขุนนางกังฉินเหลือบตามองนักโทษ ...ดวงตาสวยคมราวกับเหยี่ยวของเขามันพาให้ผมรู้สึกตัวเองเป็นข้าทาส

“โธ่เสี่ยวฮัวนายจะกลัวอะไรได้ ไม่ใช่ผุ้หญิงกับผู้ชายสักหน่อย นี่มันชายกับชาย น่าขยะแขยงจะตาย”  ผมรู้สึกขนลุกเมื่อคิดถึงเรื่องของเสี่ยวฮัว

“แล้วเมื่อกี้ใครเป็นคนถามก่อน...” คนสวยกัดผมเบาทำเอาผมหุบปาก

“โอเค ฉันผิดไปแล้วแต่นั่นเพราะนายสวย แถมนายนั่นดูจะมือไว” เสี่ยวฮัวของผมมีดีกรีเป้นถึงอดีตนางเอกงิ้ว ความงดงามของเขาไม่ธรรมดาถึงขั้นมีผู้ชายส่งจดหมายและของมากมายให้แต่เสี่ยวฮัวก็ทำการเก็บกวาดพวกนั้นจนเหี้ยน ส่วนเก้บกวาดอย่างไรผมขอไม่รู้

“หึหึ” เสี่ยวฮัวหยียดยิ้มงาม “นั่นสินะหมอนั่นมือไวจริง แต่กรรมก็สนองไปแล้ว”

เห อะไรสนองผมม่รู้เสี่ยวฮัวไม่ยอมพุดต่อเราจึงเปลี่ยนไปเรื่องร้านของผม โดนเขาต่อว่าจนแทบจะเจ้ง ผมว่าถ้าผมจ้างเสี่ยวฮัวแทนหวังเหมิงได้ร้านผมคงจะรวยไปแล้ว ไม่สิ หรือสมควรให้ผมไปเป็นลูกจ้างของเสี่ยวฮัวมากกว่า

“ไม่รู้พ่อของฉันคิดอะไรอยู่” สุดท้ายผมก็ถอนหายใจ เตี่ยคิดอะไรของเตี่ย ตอนม๊ามาตายเอาสมองที่เหลือของเตี่ยไปใช่ไหม

“อาจจะให้มาคุ้มครองนายก็ได้ นายแว่นเก่งพอๆกับฉัน แต่ฉันว่าจางฉี่หลิงอะไรนั่นเก่งกว่านายแว่นกับฉันรวมกันเสียอีก เวลาเขาเดินแทบไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าเลย การวางตัวก็สงบเยือกเย็น แค่ค่าคีบตะเกียบก็รู้ได้แล้วว่าสุดยอดฝีมือ”

ได้ยินคำของเสี่ยวฮัวผมก็ถลึงตาใส่ ที่เสี่ยวฮัวยังอยู่เป็นชายแท้ได้ทุกวันนี้ไม่โดนแฟนคลับรุมทึ้งส่วนหนึ่งก้มาจากฝีมือของเขา เนื่องจากตระกูลเซี่ยนั้นร่ำรวยจึงมักมีคนอยบากจะลักพาตัวคุณหนูที่ดุภายนอกบอบบางสมัยเด็กเสี่ยวฮัวมักจะเกือบถูกลักพาบ่อยเตี่ยของเขาเลยจับเรียศิลปะการต่อสู้ทุกอย่าง แถมดูท่าเขาจะถนัดเสียด้วยตอนนี้น่าจะเป็นพวกไล่ฆ่าพวกลักพาตัวเสียมากกว่า

แต่...ไอ้ท่าคีบตะเกียบก็รู้นี่ดูตรงไหนฟะ .....วันหลังผมจะได้ไปส่องหายอดฝีมือแถวร้านบะหมี่

“ค้มครอง? ฉันไม่ได้มีเรื่องกับใครนี่” ผมขมวดคิ้วใส่เสี่ยวฮัวลูบคางทำท่าใช้ความคิด

“มั่ง้นก็อาจจะให้นายมาใช้ประดยชน์กระมั้ง เผื่อนายอยากจะของเพิ่มร้านไปขุดสุสานอะไรแบบนั้นดูท่าทางพวกนั้นเป็นพวกคว่ำกรวยชั้นยอดเลย “ เซี่ยอวี้ฮัวล้วงเอาโทรศัพท์รสนิยมพิลึกออกมา

ที่บอกว่ารสนิยมพิลึกเพราะเคสมือถือของเขาเป้นสีชมพูอ่อน ห้อยสายห้อยดอกไม้หวานราวกับสาวน้อยม.ปลายทั้งที่เป็นผู้ชายตัวโตๆ

“นายดูนี่” เขาสไลด์ไอโฟน 6 รุ่นล่าสุดหยุดที่หน้าที่มีใบหน้าของจางฉี่หลิงและนายแว่น มันคือรายละเอียดการจ้างงานในบอดของนำคว่ำกรวย

“หือ” ผมชะโงกไปดูหน้าจอแล้วก็เกือบจะกัดลิ้นตายเมื่อมองเจ้าสาวหมาดๆของผม ข้างใต้รูปของเขาเป็นค่าจ้างที่มี 0 ตั้ง 5-6 ตัว แม่จ้าววววววววว เจ้าสาวของผมหารายได้มากกว่าสามีเสียอีก “แบบนี้เขาก็หารายได้เลี้ยงฉัน ไม่ใช่เลี้ยงเขานะสิ”

“ที่ให้ดูไม่ใช่ตรงนั้น....สมองของนายนี่ฉันไม่รู้จะพูดอย่างไรเลย” เสี่ยวฮัวจิกผมไปดอกหนึ่งก่อนที่จะชี้จุดที่เขาอยากให้ดูมันอยู่ข้างล่างค่าจ้าง ผมก้มลงไปอ่านตามนิ้วเรียวสวยนั้น

“อดีตนักคว่ำกรวยอันดับหนึ่ง โอ้โหเสี่ยวฮัวเมียฉันเป็นอันดับหนึ่งละ” ผมเลื่อนสายตาลงอ่านต่อนายแว่นอยู่อันดับสี่ ....

“นายคิดว่าไง”

“หือ ก็ดีนี่ ท่าจะรวย” พูดจบเสี่ยวฮัวก็เอื้อมมือมาตบศีรษะผมไปทีหนึ่งเผื่อจะกระตุ้นเซลล์สมองได้ ผมจึงต้องรีเร้นสมองที่เหลืออยู่เล็กน้อยตอบเขาอีกครั้ง “ก็ดีแล้วมียอดฝีมือใกล้ตัว”

“ฉันไม่น่าถามควาเมห็นจากนายเลย เสียเวลาจริง...ว่างๆนายช่วยไปเชคสมบัติที่บ้านด้วยละกันว่ามีอันไหนเป็นของจากในสุสานหรือเปล่า” คุณชายเก้าแห่งตระกูลเซี่ยดึงมือถือรุ่นล่าสุดคืนกลับใส่กระเป๋าหันหลังโบกมือให้กับ ผมตั้งสติตั้งนานกว่าจะโบกมือให้เขา พอดีกับที่นายแว่นพรวดพราดเข้ามาหาคนงาม

“คุณชายจะกลับแล้วหรือครับ เอ๋ ...ไม่อยู่เล่นกันหน่อยหรือ ผมยังไม่ได้เล่นกับนายน้อยสามเลย” น้ำเสียงร่าเริงดังไปทั่วเสี่ยวฮัวใช้มือดันใบหน้าหล่อเหลานั้นได้ทันก่อนที่จะเข้าใกล้ตัวเอง มือเรียวเขกศีรษะสีดำขลับของคนร่าเริงไปสองที ขาเรียวของอดีตนางเอกงิ้วขัดขาคนตัวโตให้ล้มคะมำมือเรียวคว้าคอเสื้อหิ้วเสือดาวสีดำตัวโตลากออกนอกบ้าน

“เดี๋ยว คุณชาย ผมเจ็บ!” นายแว่นกรีดร้องผมได้ยินเสียงครืดคราดราวกับคนลากของหนักไปจวบจนเสียงแก้งประตูบ้านปิดลง

เสี่ยวฮัวเบาๆหน่อยนั่นเจ้าสาวนายนะ ถึงจะไม่ชอบก็อย่าทำเหมือนคนอื่นเป็นสัตว์แบบนั้น...

“จางฉี่หลิงฉันมีเรื่องต้องคุยนาย” ผมหันไปมองคนที่หน้าอ่อนกว่า ทั้งที่เขาดูเด็กกว่าผมและเสี่ยวฮัวแต่ทำไมกันนะเมื่อมองใบหน้าหล่อเหลาสมบูรณ์นั้นมันทำให้ผมคิดว่าเขาเป็นลูกพี่

“เหมือนเสี่ยวเกอเลย พี่ชายที่ยังเด็ก” ผมหัวเราะกับคำเรียกนั้นเอาเถอะ เจ้าสาวผมยังละอ่อน ผมจับมือหยาบกร้านนั้นมันทั้งแข็งและอบอุ่น “เอาละมาแนะนำตัวดีๆกันเถอะเรายังต้องอยู่กันถึงสามเดือน ฉันชื่ออู๋เสีย อาชีพคือเปิดร้านขายของเก่า ห้ามถามน้ำหนักกับส่วนสูง ตอนนี้แค่อาบไม่ได้อ้วน”

ผมรีบเอ่ยดักคอก่อนที่เขาจะทำเหมือนสาวทั่วไป ...เธอมักถามส่วนสูงกับน้ำหนักผม ฮึ่ม

“จางฉี่หลิง” เด็กหนุ่มรูปงามเอ่ยตอบผมเพียงสั้น เพราะมันัส้นเกินจนผมต้องขมวดคิ้วเอียงคอใส่เขา

“แค่นี้หรือ ..” จางฉี่หลิงพยักหน้าแทนคำพูด ให้ตายเถอะช่างเป็นคนพูดน้อยจนน่าใจหาย

“เอาเถอะ แค่นี้ก็ได้”

สักวันเขาคงจะพูดมาเอง

“งั้นตอนนี้เราอยู่ร่วมกันสามเดือนไปก่อนนะ แล้วนายจะนอนที่ไหน” ครั้นถามไปผมก็แทบกัดลิ้นตัวเองเพราะเขาชี้ไปยังห้องนอนของผม

“นายจะนอนที่นั่นแต่นั่นมันห้องฉัน แล้วของฉันเตียงเดี่ยว” ผมทักท้วงแต่เสี่ยวเกอกลับส่ายหน้าพร้อมพูดประโยคที่พาให้ผมอยากวิ่งไปถีบเตี่ยบังเกิดเกล้า

“นอนกอดกันก็ได้”

ชิบหาย นั่นไม่ใช่วิธีแก้ที่ถูกต้องนะ เสี่ยวฮัวช่วยเจอ ฉันเจอคนเซลล์สมองพิการยิ่งกว่าฉันแล้ว!

“งั้นฉันจะไปเอง” ผมเปิดห้องตัวเองคิดว่าจะขนย้ายข้าวของตนเองย้ายไปขออาศัยกับอาสาม ไม่ก็เตี่ยแต่พลันร่างกายถูกกระชายด้วยความแข็งแกร่งแผ่นหลังของผมประทะเข้ากับแผงอกแน่นตึง ก่อนที่อ้อมกอดร้อนจะเข้ามาโอบรัดตวัดร่างของผมพาดบ่า

“เดี๋ยว..” พูดไปได้ครึ่งประโยคหลังก็สัมผัสได้ถึงฟูกนุ่มนิ่มของที่นอนก่อนที่เรือนร่างของเจ้าสาวคนใหม่จะล้มตัวนอนข้างกอดรัดผมเอาไว้

ร้อน..ร้อนชะมัด ร้อนจนจะไหม้แล้ว

“เดี๋ยวก่อนนี่มันอะไร” ผมกรีดร้องในใจรู้สึกเหมือนหัวใจเต้นราวกับจะออกมาเต้นบัเล่ข้างนอก โอย หัวใจเจ้าเอ๋ยเต้นเบาๆหน่อยสิลูกพ่อแกยังไม่ได้เป็นเกย์นะเว้ย ผมลูบหน้าอกตนเองไปสองสามครั้งมันถึงจะยอมสงบ

เพื่อปกป้องความเป็นชายของตนเองผมจึงได้ดิ้นหมายจะให้เงื้อมือเหล็กปลดปล่อยผมเป็นอิสระแต่น่าเสียดายฝีมือของนักคว่ำกรยอันดับหนึ่งกับคนธรรมดาเช่นผมมันห่างชั้นเกินไป

“นอนด้วยกัน..” เสี่ยวเกอแนบใบหน้าของเขาลงมาที่ซอกคอของผมกระซิบด้วยน้ำเสียงทุ้ม ....

ฮึ้ยอย่าทำแบบนี้นะ หัวใจของผมมันเต้นอีกแล้ว ...

“เดี๋ยวๆ !” ผมมึนงงไปหมดยิ่งความร้อนผ่าวด้านหลังเข้ามาแนบชิดเท่าไรก็รู้สึกระทวยเท่านั้น

“อู๋เสียไม่ชอบ ?” เสี่ยวเกอพึมพำอยู่ด้านหลังท่าทางราวกับกำลังงง “หมอนั่นบอกว่าสามีภรรยาต้องอยู่ด้วยกันตลอดเวลาและขึ้นเตียงด้วยกันถึงจะทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์ นี่เป้นครั้งแรกของฉัน”

หมอนั่น?...ผมย้อนนึกถึงความจำแล้วใบหน้าทะเล้นพร้อมกับแว่นตากันแดดก็โผล่มาในความคิด...ไอ้แว่น! นายมาสอนอะไรเมียฉันกัน

“ผู้ชายสองคนมานอนกอดกัน เนื้อแข็งๆประทะกันแบบนี้มันดีตรงไหน” ผมทำแก้มป่องก่อนที่จะได้ยินเสียงคนเบื้องหลังถอนหายใจพร้อมกับน้ำเสียงอ่อนลง
“ขอโทษ”

โอยอย่าพูดแบบนั้น...หัวใจของผมดังโครมครามอีกครั้งก่อนที่ความอบอุ่นจะหายไปจางฉี่หลิงยอมปล่อยผมแล้ว ผมไม่รอช้าลุกขึ้นคิดว่าจะรีบไปให้พ้นแต่ครั้นหันไปมองใบหน้าสวยงามของเขาแล้วก็เปลี่ยนใจ

อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ...มันทำให้ฉันใจอ่อน

“เนื้อแข็งๆชนกันไม่เห็นจะสนุกเหมือนเนื้อนุ่มนิ่มของผู้หญิง แต่ว่า ...นานทีก็แก้หนาวได้” ผมล้มลงตัวนอนที่เดิม

“นายเป็นคนดีนะ” เขาเอ่ยชมผมพร้อมกับท่อนแขนแข็งแรงที่ตวัดรัดรอบตัว ...ดูเหมือนวันนี้ผมจะได้นอนกลางวันที่ร้อนไปเสียหน่อย

……………………………………….

เซี่ยอวี้ฮัวเป็นคนสุขุมมาตลอด ผมเคยคิดว่าตนเองเป็นแบบอย่างที่คุณปู่ต้องการให้เป็นแต่ครั้นได้พบพานกับอู๋เสียคำว่า “ไร้ใจ” ของผมก็สูญเสียไปอย่างสิ้นเชิง ...ดูเหมือนสวรรค์ยังมอบบททดสอบให้กับไม่เพียงพอถึงได้ส่งตัวปัญหาเข้ามาปั่นป่วนผมอีกคน

หมอนั่นชื่อว่าเฮยเสียจื่อ...ชื่อที่ดูเหมือนชื่อปลอมมากกว่าจะเป็นจริง มีใครบ้างตั้งชื่อลูกว่า ‘นายบอดดำ’ ถ้ามีจริงผมจะวิ่งไปเหวี่ยงพวงมาลัยให้เลย

ผมถอนหายใจหยิบเอกสารของวันนี้ขึ้นมาแม้ว่าบิดาจะยังไม่ได้สละตระกูลให้กับผมแต่ผมก็ต้องเรียนรู้อะไรอีกมากเพ่อขึ้นเป็นผู้นำคนต่อไป การเป็นผู้นำของตระกูลเวี่ยนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย

พวกเราล้วนแต่แสดงตัวในที่แจ้งและแฝงตัวในที่มืดมิด มีเรื่งหลายเรื่องที่หากพลาดพลั้งไปแม้นิดเดียวนั้นคือจุดจบของตระกูล แต่ก่อนตระกูลอู๋ก็เคยอยู่ในด้านมืดเช่นกันแต่ปู่ของอู๋เสียได้ชำระล้างตนเองจนหมดจด ไม่เหลือความืดมิดติดกายทำให้ตระกูลของเขาออกมาในที่สว่างอย่างเปิดเผย

ทุกครั้งที่ผมได้เจออู๋เสียผมก็คิดว่าการกระทำของปู๋อู๋นั้นไม่ได้โง่แม้แต่น้อย...บางครั้งหากถึงรุ่นของผมก็คงทำเช่นเดียวกัน

“คุณชายกินของว่างหน่อยไหม ?” คนที่เพิ่งถูกนินทาสดๆร้อนในใจยกถาดของว่างเข้ามา ผมเหลือบมองมือคล่องแคล่วนั้นหยิบกาชาร้อนรินใส่ถ้วยวางไว้ข้างถือผม ก่อนตามด้วยเค้กสตอเบอรี่ลูกโต

“นายทำเองหรือ” ผมเหลือบตามองเขา เฮยเสียจื่อเก่งงานบ้านงานเรือนผิดกับท่าทางเถื่อนดิบของหมอนี่ไปไกลล้านปีแสง ความจริงเขาเป็นคนหน้าตาดีถ้าเปลี่ยนวิธีการแต่งตัวและลดความสถุลในนิสัยได้สักนิดจะกลายเป็นผู้ดีได้อย่างไม่ยาก ไม่สิขอให้แก้นิสัยอย่างเดียวก็ดูดีขึ้น 80 เปอร์เซ็นต์แล้ว

เสียแต่มันท่าทางจะลึกลงไปในสันดานนี่สิ

“หึหึ ใช่แล้วละครับจะทานหน่อยไหมคุณหนูคนสวย” ร่างสูงโค้งกายให้ราวกับพ่อบ้านมืออาชีพรอยยิ้มซุกซนผุดพรายบนใบหน้าผมหยิบเอาถ้วยชาขอบคอขึ้นมาดมกลิ่นชาผลไม้ดูเหมือนจะเป้นชาสตอเบอรี่รสหวานอมเปรี้ยวของชาร้อนพาให้ผมผ่อนคลายจากการตรวจเอกสาร

“นายยังอยู่อีกหรือ” ผมเหลือบมองเจ้าคนร่าเริงที่ส่งรอยยิ้มซุกซนอยู่เคียงข้าง

“แหมเป็นสามีภรรยากันก็ต้องอยู่ด้วยกันสิครับ หึหึ”

“ฉันจำไม่ได้ว่าแต่งกับนายไปเมื่อไร”

“แหมคุณชายนี่ละก็ ขี้อายจังเลยนะครับ เป็นประเภทซึนหรือครับ” นิ้วเรียวเอื้อมมือมาจิ้มแขนของผม ครั้นหันไปมองก็ต้องชักใบหน้ากลับไม่ทัน...แน่ละใครจะไม่สยองมั่งเมื่อได้เห็นชายตัวโตหาความน่ารักไม่เจอบิดตัวทำท่าสาวน้อยม.ปลายมีรักแรก

สยองที่สุด เสียสายตาจริงๆ

ผมเลิกสนใจเขาหยิบส้อมขึ้นมาตัดเค้กสตอเบอรี่เนื้อนุ่มท่าทางจะเลิสรส อ้าปากหยิบมันใส่ลงไปเหลือบใบหน้าของคนข้างเคียงที่ยังคงประดับรอยยิ้ม

“อร่อยใช่ไหมครับผมทำเองหมดเลย” เฮยเสียจื่อถือถาดกับกาน้ำชาไปวางไว้ตรงโต๊ะที่มุมห้อง ผมลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานที่อยู่กลางห้องเดินตามเขาไปมือเรียวฉวยเอาข้อมือของคนตัวโตกว่ากระชากให้เข้ามาใกล้ประคองใบหน้าที่ยังเหรอหราประกบริมฝีปากเร่าร้อนลิ้นสากยัดเยียดเค้กนุ่มลิ้น ดันหัวเข่าเข้าไปตรงกลางหว่างขากระตุ้นแก่นกายของเขาพาให้ริมฝีปากนั้นอ้าออกพลักเนื้อเค้กรสหวานเข้าไปจนสำเร็จ

“นายควรรู้ว่าฉันเหลียดการวางยา” ผมตะปบลำคอใหฐ่บีบบังคับให้ร่างสูงกลืนเข้าไปเฮยเสียจื่อยกมือทำเชิงยอมแพ้ก่อนที่จะปัดมือผมออกในเสี้ยววินาทีผมถอยหลังแต่เขากลับขัดขาจนล้ม ร่างสูงคร่อทาบทับผมมองยังใบหน้าที่ประดับด้วยแว่นกันแดดคลี่ยิ้มบางเบา

“มีข่าวดีและข่าวร้ายครับ ...คุณจะฟังอันไหนก่อนดีละ” มือเนียนแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตสีชมพู ผมหัวเราะยื่นมือไปแตะยังพวงแก้มที่ขึ้นสีของเขา

“ถ้าให้ทาย ข่าวดีของนายคือในที่สุดก็จับฉันกดลงกับพื้นสำเร็จ ส่วนข่าวร้ายก็คือนายเผลอกินเข้าไปแล้วสินะ”

นับตั้งแต่วันแต่งงานเขาเอาแต่จู่โจม ฝีมือของเราสูสีกันดังนั้นเมื่อวานในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยจึงตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ วันนี้กลับวางยาแต่ถูกผมรู้ทัน ...

ผมไม่ชอบเป็นฝ่ายรับพอกับเขาที่ชอบเป็นฝ่ายรุก เราจึงต้องฟาดฟันกันเช่นนี้ ...เจ้าสาวคนนี้ช่างวุ่นวายเสียจริง นอกจากจะร้อนแรงจนแทบถูกเผาไหม้แล้วยังน่าเหนื่อยใจ..ทว่า

“ถ้าอยากให้ช่วยก็ลองทำตัวน่ารักหน่อยเป็นไง” ผมหยอกเย้าเขาที่เลียริมฝีปาก ริมฝีปากนุ่มประทับลงมาลิ้นของเราพัวพันกันไม่มีใครยอมใครท่ามกลางความหอมหวานที่แทบสิ้นสติ

“หึหึ” เฮยเสียจื่อในยามที่ละริมฝีปากออกลิ้นนุ่มเลียรอบปากกลืนกินน้ำลายของผมอย่างตระกละ “ผู้ชายตัวโตๆมันจะน่ารักได้ยังไงครับคุณชาย”

“รู้ตัวก็ดี” ผมกระชากข้อแขนนั้นพลักอีกฝ่ายให้เป็นฝ่ายถูกทาบทับจูบยังซอกคอลากไล้สู่ผิวหายที่โผล่พ้นเสื้อกล้ามสีดำ

“หึหึ ช่วยเบาหน่อยนะครับเมื่อวานผมเกือบเดินไม่ได้นะ” คนที่ตกอยู่ในรสจูบต่อรองทำเอาผมแสยะยิ้ม

“นึกว่าชอบให้ทำแรงๆเสียอีก ...ก็เห็นนายถึงตลอด”

ดูท่าวันนี้ผมคงต้องออกกำลังอีกเสียแล้ว

“คุณชายชักช้าเป็นบ้า ช้าแบบนี้ผู้หญิงไม่ชอบนะ” ริมฝีปากคนอวดถือหยอกเย้าพาให้ผมต้องจูบปิดปาก เฮยเสียจื่อหัวเราะในลำคอรั้งตัวผมแนบชิด มืออีกข้างปลดอาภรณ์ ผมลากไล้ร่างเบื้องใต้สัมผัสผิวกายใช้เวลาไม่ถึง 3 นาทีพวกเขาก็เปลียกายโรมรันกันอยู่บนพื้นห้อง

“อื้อ..หึหึ” เขาหลุดเสียงครางระเส่ามาในยามที่ผมดูดดึงเนินอกสีชมพู สะกิดยังต่อมไตที่เร้นลับ ลูบต้นขาอ่อนนุ่มสอดแทรกร่างกายเข้าไปตรงกลางกาย ปลุกความบ้าคลั่งที่แก่นกายให้ร่างภายใต้บิดตัวเร้าอารมณ์

“อ๊ะ...อือ” เสียงหวานครางผมเอื้อมมือไปหยิบแว่นตากันแดดอันโตออกจากใบหน้าดูดี สบเข้ายังนัยน์ตาสีสวยแปลกตา บ่งบอกให้รู้ว่าเขาเป็นลูกครึ่ง ผมเคล้นคลึงหน้าอกแน้นกระตุกทุกสัดส่วนของร่างกาย ร่างกายของเขาไม่ได้อ่อนนุ่มเหมือนดั่งอิสตรีหากแต่กลับแน่นจับเต็มไม้เต็มมือจนหมั่นเขี้ยวฝากร่องรอยกัดไว้ตามผิวขาว

“เป้นสัตว์หรือไงครับ” คำหยอกเย้าที่กลืนหายไปในลำคอเมื่อผมปรนเรปอยังแก่นกลางที่อ่อนไหว มืออีกข้างแทรกสอดไปยังช่องทางคับแคบ หูรูดสีชมพูอ่อนยังคงแน่นตึงรัดจนนิ้วผมแทบขาดแม้จะเคยสำรวจภายในไปหนึ่งรอบแต่มันกลับไม่ยินยอมให้บุกรุก

“อ่อนโยนกว่านี้หน่อยสิครับ ผมเป็นฝ่ายรุกมาตลอดกับคุณเพิ่งเคยบรับครั้งแรก” มือแกร่งดึงศีรษะของผมเข้าไปจูบสะโพกกลมกลึงเป็นฝ่ายขยับเข้ามาแทรกสอดนิ้วเข้ายังช่องทางอ่อนนุ่ม เฮยเสียจื่อครางเร่าร้อนในลำคอความร้อนชักนำให้พวกเราทั้งสองคนไร้สติได้แต่จูบกันอย่างบ้าคลั่ง

เสียงเปียกชื้นดังขึ้นท่ามกลางห้องทำงานที่เย็นเฉียบเรือนร่างสูงถูกกดไว้ใต้ร่าง เสียงครางระเคล้าไปกับเสียงของสายลม ผมชักรูดแก่นกายเปียกชื้นเพิ่มจำนวนนิ้วควานแตะยังผผนังอ่อนกระตุ้นจุกเสียอีกฝ่ายแอ่นหลังหงายหน้ากรีดร้อง

“ตรงนี้เองสินะ” ผมกระซิบด้วยถ้อยคำหยาบโลน “นายชอบให้กระแทกแรงๆแล้วก็ลึกสินะ ถึงได้ตอดรัดขนาดนี้”

“หึหึ..อ๊ะ” เขาหัวเราะในลำคอก่อนที่จะแปรเปลี่ยนเป้นกัดริมฝีปากในยามที่ผมดึงนิ้วออกเปลี่ยนเป็นความร้อนระอุของแก่นกาย กระแทกเข้าไปในช่องทางอ่อนนุ่มเสียจนมิดด้าม

“ว่าไงละ ให้คะแนนบริการหน่อยดีไหม หรือว่าตอบไมได้แล้ว” ผมยกเรียวขาคู่นั้นขึ้นพาดบ้าแทรกตัวเข้าไปจุดที่ลึกที่สุดกระแทกตามแรงอารมณ์ สะโพกแนบชิดพาให้รู้สึกร้อนได้กลิ่นเลือดช่องทางอ่อนนุ่มเจิ่งไปด้วยน้ำ ดุเหมือนผมจะทำตรงัน้นฉีดขาดอีกรอบ

ก็ดีจะได้สงบเสงี่ยมเสียบ้าง

“หึหึ อ๊า...คุณ.นี่มัน..อึ่ก!” แม้จะอยู่ในสภาพเสียเปรียบแต่มันรก้ยังหัวเราะออกมา เฮยเสียจื่อแลบลิ้นให้กับผมใบหน้าดูดีบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดคละเคล้ากับอารมณ์
“ห่วยครับ...”

“หือ พูดแบบนี้อยากคลานกับพื้นสินะ” ผมเหยีดยยิ้มกระแทกแรงปรารถนาใส่ร่างกายเขาไม่ยั้ง เรือนร่างภายใต้เคลื่อนที่ตามแรงกายของผมแผ่นหลังเสียดสีกับพื้นกระเบื้องผมได้ยินเสียงกรีดร้องคละเคล้ากับเสียงหอบหายใจ

ไม่รู้ทำไมผมถึงยิ้ม...ในยามที่เพลิดเพลินไปกับการกระทำเยี่ยงสัตว์ป่า

ราวกับว่าได้ปลดปล่อยสิ่งที่เก็บกดเอาไว้จนหมด...

บางครั้งการแต่งงานครั้งแรกอาจจะช่วยให้ผมหายเบื่อลงได้บ้างกระมั้ง

TBC
kuramajoy
kuramajoy
ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
ด้วงต้นไม้เทพเจ้า

จำนวนข้อความ : 206
Points : 3782
Join date : 27/10/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

ฮัวเฮย - [fic] สะใภ้ตระกูลอู๋ 3[ผิงเสีย/ฮัวเฮย] Nc18 Empty Re: [fic] สะใภ้ตระกูลอู๋ 3[ผิงเสีย/ฮัวเฮย] Nc18

ตั้งหัวข้อ by SilverCloud Sun 22 Feb 2015, 00:28

นายน้อยควรจะดีใจนะคะที่ได้ภรรยาดี จนถึงตอนนี้ก็แค่นอนกอด ยังไม่โดนกด ว่าแต่นี่ยังคิดว่าตัวเองจะทำหน้าที่เจ้าบ่าวได้อีกรึคะเนี่ย ฟฟฟฟฟ
นายแว่นดาบนั้นคืนสนอง ริคิดจะกดคุณชายเป็นไงล่ะแก แต่ดูท่าจะมีความสุขกับตำแหน่งภรรเมียคุณชายดีนะคะ ถถถถถ
SilverCloud
SilverCloud
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ

จำนวนข้อความ : 433
Points : 3951
Join date : 27/10/2014
ที่อยู่ : ตู้เสื้อผ้าของอารอง

ขึ้นไปข้างบน Go down

ขึ้นไปข้างบน


 
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ