Countdown
We've been
togerther for

ค้นหา
 
 

Display results as :
 


Rechercher Advanced Search


[To my secret] carrotkun♥

3 posters

Go down

[To my secret] carrotkun♥ Empty [To my secret] carrotkun♥

ตั้งหัวข้อ by carrotkun Thu 01 Jan 2015, 14:48

จดหมายรักถึงคุณซานต้า...ได้โปรดประทานของขวัญแสนดราม่าให้แครอทด้วย แครอทเป็นเด็กดีมากๆ๕๕๕
(นอกเรื่องมาก)

เห็นว่าบอกรายละเอียดได้ แต่ไม่รู้ที่เราบอกไปจะเยอะไปมั้ย๕๕๕ ถ้ามันเยอะไปก็เอาแค่ตัวหนาก็พอนะคะ หงิงๆ

ขอรีเควสดังนี้ค่ะ

1.ฮัวเสีย(ที่จริงๆมันคือผิง<->เสีย<-ฮัวน่ะค่ะ)
อยากได้แบบไหนก็ได้ค่ะ จะดราม่าคุณชายรักเขาข้างเดียวหรือแอบมองสองคนนั้นมุ้งมิ้งกันก็ได้ค่ะ ขอคอนเซปต์สั้นๆคือ"พระรองเจ็บปวด"ค่ะ๕๕๕

2.จางเอ้อร์
อยากได้ฟีลประมาณเอ้อร์เย่ว์หงที่งดงาม มีความเป็นผู้ใหญ่เริ่มมีใจให้จางฉี่ซานเพราะเขาทำดีด้วย(หลังฮูหยินตาย)แต่ก็ไม่แสดงออก จางฉี่ซานเองก็ทำดีด้วยเพราะรู้สึกผิดที่มีส่วนทำให้ฮูหยินของเอ้อร์เย่วหงตายแต่เมื่อเวลาผ่านไปก็เริ่มไม่แน่ใจตัวเองอะไรประมาณนั้น
(ขอนี้แม่งอย่างกับจะแต่งฟิคเองแล้วOTLถ้ามากไปก็ขอย่อๆเป็น "เอ้อร์เย่วหงที่งดงามกับจางฉี่ซานผู้สุขุม"ก็พอค่ะ)

3.เซี่ยอวี่ฮวา
..........นึกไม่ออกว่าจะเควสอะไรแหะแค่มีน้องฮวาในรูปก็คลั่งตายได้แล้ค่ะ๕๕๕ เอ...แต่ว่าขอน้องฮวาที่ดูเสะๆหน่อยนะคะ ไม่เอาตุ้งติ้งหวานแหวว แต่เสะที่ว่านี่จะเสะแบบควีนๆก็ได้นะคะ<3

4.แก๊งสามเหลี่ยม
ขอแบบไหนก็ได้ค่ะ แค่สามคนนี้อยู่ด้วยกันให้มันเฮฮาก็พอค่ะ^^

5.ผิงเสีย
(ลังเลในข้อนี้เพราะมันจะคล้ายในข้อ1หรือเปล่านะ)
ขอนายน้อยสามที่แมนๆแต่ก็มีความง่อยในตัวกับเมินโหยวผิง ...ขอฟีลที่อยู่ในธรรมชาติค่ะ(สายลม ต้นหญ้า เศษดิน กลีบเกสรปลิวว่อน ฯลฯ)กับขอฟีลกลางๆ ไม่หวานกันไป ไม่มุ้งมิ้งไป ไม่ดราม่าไป ...ให้เหมือนความรู้สึกมัน"เรื่อยๆ"น่ะค่ะ

ขอได้ห้าข้อเราก็ขอใช้จดลิมิตเลยนะคะ๕๕๕ ขอบคุณสำหรับของขวัญล่วงหน้านะคะ/กราบป้าซานต้าล่วงหน้า

ถ้าเราขอเยอะไปยังไงก็ขอโทษนะคะ เวลาพิมพ์ละมันมันมือ๕๕๕๕
carrotkun
carrotkun
ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา

จำนวนข้อความ : 58
Points : 3533
Join date : 27/10/2014
Age : 32
ที่อยู่ : ใต้เตียงนายน้อย

http://exteen.com/carrotkung

ขึ้นไปข้างบน Go down

[To my secret] carrotkun♥ Empty Re: [To my secret] carrotkun♥

ตั้งหัวข้อ by MinMin Sun 25 Jan 2015, 23:09





สวัสดีค่ะ
เพราะได้รับจดหมายรักเลยมาส่งของขวัญ  
ขอโทษที่มาส่งช้าค่ะ หวังว่าเด็กดีอ่านจบแล้วจะนอนหลับอย่างมีความสุขนะคะ ^____^




ปลายสายของโทรศัพท์





ผมกดโทรศัพท์โทรหาเบอร์ที่โชว์ขึ้นมาเป็นเบอร์แรก รู้ว่ารอสัญญาณไม่นาน ปลายสายจะมีคนรับพร้อมกับเสียงที่คุ้นเคย

“ว่าไง นายน้อยสาม”

ได้ยินเสียงไอแทรกมากับเสียงพูด ผมจึงถามว่า  “นายต้องรักษาตัวอีกนานเท่าไหร่”

ปลายสายเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะหัวเราะ “ไม่นานหรอก ฉันยังมีธุระอีกมากมายที่ต้องจัดการ ต่อให้อยากนอนนิ่งๆในโรงพยาบาลอีกสักหนึ่งเดือนก็ทำไม่ได้”

ผมถอนหายใจ “ถ้านายบอก ฉันจะจัดการธุระแทนให้ นายก็รู้ว่าฉันไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ชื่อ “นายน้อยสามแห่งสกุลอู๋” ไม่ใช่แค่ในนามที่อาศัยบารมีของอาสาม ฉันเคยช่วยดูงานแทนนายตั้งหลายครั้ง”

“ไม่ใช่ฉันไม่ไว้ใจนาย แต่งานพวกนี้ฉันต้องจัดการเอง”

“เมื่อไหร่นายจะออกจากโรงพยาบาล”

ปลายสายหัวเราะ ผมนึกถึงรอยยิ้มงดงามของเขาที่ไม่ได้เห็นมานาน...ครั้งสุดท้ายก็คงเป็นตอนที่เราไปคว่ำกรวยด้วยกันเมื่อปีที่แล้ว เขาแสดงฝีมือการคว่ำกรวยที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวแม้แต่เมินโหยวผิงก็ลอกเลียนไม่ได้ หลังจากได้ของที่ต้องการ ตอนที่พวกเรากำลังจะเดินทางกลับ เขาก็ล้มลง...สุขภาพของเขาไม่ดีมาตั้งแต่กลับจากสุสานบ้านสกุลจางเมื่อสิบกว่าปีก่อน ร่องรอยไอพิษและบาดแผลยังคงกัดกร่อนเขาจนเป็นผลมาถึงปัจจุบัน เขาเข้าออกโรงพยาบาลถี่มากขึ้น แต่ไม่มีครั้งไหนนานเท่านี้...ผมไม่เจอเขาเกือบปีแล้ว

“อีกไม่นาน”

“ครั้งที่แล้วนายก็พูดแบบนี้” ผมว่า

“แล้วนายเป็นยังไงบ้าง” อีกฝั่งจงใจเปลี่ยนเรื่อง “จอมเทพหน้าดำคนนั้นยังสบายดีอยู่มั้ย”

จอมเทพหน้าดำ...เป็นคำที่เสี่ยวฮัวเรียกเมินโหยวผิงตั้งแต่แรก ผมเคยสงสัยอยากจะถาม แต่พอนึกได้ว่าตัวเองก็ตั้งฉายาให้คนอื่นเหมือนกัน แถมความหมายยังแย่กว่ามาก...ผมจึงพับคำถามนี้เก็บไปโดยปริยาย

ผมเล่าให้เขาฟังว่าพวกเราสบายดี ตั้งแต่พาตัวเขากลับมาจากฉางไป๋ซาน เรื่องราววุ่นวายทุกอย่างก็เหมือนสิ้นสุด สำหรับผม...ก็เหมือนนักวิ่งที่วิ่งทางไกลมาตลอดสิบปี ในที่สุดก็มาถึงเป้าหมาย ผมทุ่มทุกสิ่งทุกอย่างไปกับสิ่งนี้ จนเรียกได้ว่าเป็นทั้งหมดของชีวิตผม ดังนั้นพอได้มา ก็เหมือนสูญเสียเป้าหมายในการดำเนินชีวิตไป

ชีวิตของผมสงบสุขดี มีลงกรวยบ้าง แต่ก็ไม่มีกรวยใดอันตรายเมื่อมีเมินโหยวผิงไปด้วย ลูกน้องก็มี รายได้ก็ไม่ขาดมือ ทุกอย่างดูดีจนเหมือนกับฝันไป

ผมเผลอเล่าเรื่องของตัวเองนานเกินไป รู้สึกตัวอีกทีก็ใกล้เวลาปิดร้านแล้ว ผมจึงจบบทสนทนาลง บอกเขาว่าถ้ามีอะไรต้องการให้ผมช่วยก็ให้บอก เพราะที่ผ่านมาผมรบกวนเขาไว้เยอะมาก ผมควรทำอะไรตอบแทนเขาบ้าง

เสี่ยวฮัวหัวเราะสดใส และบอกว่าแค่ผมมีความสุขมากๆ ก็เป็นการตอบแทนแล้ว

...ถ้าเป็นผมสมัยก่อนอาจจะตอบอะไรไปเพื่อตัดบท แต่ตอนนี้ผมพบเจอเรื่องราวมาเยอะ ผมเปลี่ยนไปแล้ว...จึงรู้ว่ามีอะไรแปลกๆในคำพูดของเขา แต่ทุกครั้งที่ผมจะถาม เขาต้องตัดสายตลอดจนสุดท้ายผมเลือกทำเมินไม่สนใจ

หากเขาไม่ต้องการให้ผมรู้ ต่อให้ถามยังไงเขาก็ไม่ตอบ

ผมกำลังจะขับรถกลับบ้านเมื่อตอนที่ได้ยินเสียงเรียกชื่อ หันไปมองจึงเห็นนายแว่นดำยืนพิงเสาสูบบุหรี่อย่างสบายใจ เฮยเสียจื่อ...อาจารย์ของผม นานแล้วที่ไม่ได้เห็นเขา แต่ถ้าเห็นเขา ผมจะถอยหลังระวังตัวเองโดยอัตโนมัติ การฝึกกับเขาทำให้ร่างกายของผมจดจำว่าเขาคืออันตรายอย่างหนึ่งที่ต้องหนีให้ไวพอๆกับหนีบ๊ะจ่าง

“สบายดีมั้ย” เฮยเสียจื่อถาม โยนบุหรี่ลงพื้นแล้วใช้เท้าขยี้ดับไฟ ก่อนจะเดินตรงมาหาผมด้วยท่าทางคุกคาม

ผมจ้องเขาเขม็ง สมองคิดหาทางหนีทีไล่ ในมือเขาไม่มีอาวุธ แถวนี้ไม่มีก้อนหินหรือไม้ให้เขาหยิบมาปาใส่หัวผมได้ แม้ความเร็วของเขาจะมากแค่ไหน ผมมั่นใจว่าระยะห่างตอนนี้ผมสามารถหนีขึ้นรถได้ทันเวลา แต่ถ้าเขาจะวิ่งตามมาทุบรถของผมอีก ผมก็คงต้องยอมแล้วส่งใบเรียกเก็บเงินไปที่ร้านขายแว่นของเขาทีหลัง

ผมคิดหาวิธีรับมือกับเขาไว้หลายอย่าง ตอนนั้นเอง ผมรู้สึกได้ถึงมือหนึ่งที่วางบนไหล่ และบีบเบาๆเหมือนกับเป็นการนวดผ่อนคลาย...ผมไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าใคร

นายแว่นดำหยุดเดิน มองผมสลับกับเมินโหยวผิง ก่อนจะหัวเราะ

“ฉันแค่มา “ดู” อู๋เสีย” เขาบอก ตอนแรกผมยังไม่เข้าใจ เขาจึงทำการ  “ดู” หรือก็คือการมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วไล่จากเท้าจรดหัว มองแล้วมองอีก จนเมินโหยวผิงดึงตัวผมไปแอบหลังเขา นายแว่นดำถึงจะหยุด “ดู”

“ฉันไม่ทำอะไรหรอก” นายแว่นดำกล่าว “แต่มีคำถามที่อยากถาม...อู๋เสีย นายคุยกับเซี่ยอวี่เฉินทุกวันหรือเปล่า”

ผมชะโงกหน้าออกมาจากหลังของเมินโหยวผิง “อย่างน้อยก็สัปดาห์ละครั้ง...เมื่อกี้ก็เพิ่งวางสายไปเอง”

“นายแน่ใจเหรอว่าคนที่นายคุยด้วยคือเซี่ยอวี่เฉิน”

ผมขมวดคิ้วสงสัย “หมายความว่ายังไง”

“โทรศัพท์ได้ยินแค่เสียง...บางทีนายอาจจะไม่ได้กำลังคุยกับเซี่ยอวี่เฉินก็ได้” นายแว่นดำยิ้ม...เป็นรอยยิ้มที่ต่างจากทุกครั้ง...รอยยิ้มที่เหมือนจะเป็นการยิ้มเยาะ

“อู๋เสีย...ปลายสายที่นายคุยด้วยทุกครั้ง...เป็นใครกัน”


---------------------------------------------------------


คืนนั้นผมกลับมาค้นข้อมูล หาเบอร์โทรศัพท์ของโรงพยาบาลที่เสี่ยวฮัวเข้าพักรักษาตัว แต่เมื่อโทรไปถาม พยาบาลกลับตอบว่าไม่มีคนไข้ชื่อนี้พักอยู่ ผมลองถามชื่อเซี่ยอวี่ฮัว...ปรากฏว่าไม่มีเหมือนกัน

ผมเปิดข้อมูลเก่า รื้อค้นสมุดบันทึกที่เคยจดไว้ว่าเสี่ยวฮัวเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลไหนบ้าง ผมไล่โทรถามทีละโรงพยาบาล แต่ผลที่ได้ยังคงเหมือนเดิม...ไม่มีคนไข้ชื่อนี้พักรักษาตัวอยู่เลย

ผมหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา กดเรียกดูเบอร์โทรล่าสุด ตั้งใจจะโทรศัพท์ไปถามให้หายสงสัย แต่ก็ต้องชะงัก คำพูดของนายแว่นดำย้อนเข้ามาในหัว

“ปลายสายที่นายคุยด้วยทุกครั้ง...เป็นใครกัน”

...ถ้าไม่ใช่เสี่ยวฮัว แล้วคนที่ผมคุยด้วยเกือบทุกวันนี่มันผีหรือไง ถ้าอย่างนั้นผมต้องจุดธูปอัญเชิญมาถามหรือเปล่าว่าคุณเป็นวิญญาณจากสุสานไหน ผมจะได้พาคุณไปส่งคืนถูกที่ ได้โปรดอย่าปลอมเป็นเสี่ยวฮัวหลอกผมอีกเลย

ความคิดของผมยิ่งคิดยิ่งไม่เข้าท่า จะไปถามจากนายแว่นดำผมก็ไม่รู้ว่าจะติดต่อเขาได้ยังไง สุดท้ายผมจึงโทรหานายอ้วน เขากลับมาอยู่ปักกิ่งได้สักพัก น่าจะพอรู้เรื่องอะไรบ้าง แต่ปรากฏว่าเขาไม่รู้อะไรเลย

ผมตัดสินใจในเช้าวันต่อมา ด้วยความสงสัยจนทนไม่ได้ ผมจองตั๋วเครื่องบินไปปักกิ่ง มีเมินโหยวผิงติดตามมาด้วย ผมเล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟัง แต่เมินโหยวผิงก็ยังเป็นเมินโหยวผิง เขาฟังผมทุกคำ และตอบกลับด้วยความเงียบ

นายอ้วนรอพวกเราอยู่ที่สนามบิน ผมไม่เจอเขานานพอสมควร พุงของเขาลดไปเยอะ แต่เมื่อเทียบกับรูปถ่ายที่เขาส่งมาจากปาหน่ายเมื่อสามเดือนที่แล้ว...เขาอุดมสมบูรณ์ขึ้นนิดหน่อย อาหารที่ปักกิ่งคงเป็นตัวการสำคัญในเรื่องนี้

ระหว่างเดินทางไปที่บ้านของเสี่ยวฮัว ผมเล่าสถานการณ์ให้เขาฟังคร่าวๆ พอฟังจบนายอ้วนก็ถามว่า

“นายคุยกับหมอนั่นตั้งนานหลายปี ถ้าคนที่นายคุยด้วยไม่ใช่ตัวจริง นายก็น่าจะรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลง แต่นี่นายไม่รู้สึกตัวเลย บางทีนายแว่นดำนั่นอาจจะแกล้งนายเล่นก็ได้”

นายแว่นดำจะทำแบบนั้นไปทำไม...แต่เมื่อนึกถึงเรื่องราวต่างๆที่เขาเคยทำลงไป ผมก็คิดว่าคำพูดของนายอ้วนเป็นไปได้

พวกเรามาถึงถนนแถวบ้านซื่อเหอหยวนของเสี่ยวฮัว ตามปกติแล้วเวลานัดเจอกัน เขาจะให้ผมรอที่ร้านกาแฟที่เขาประมูลมาได้ มีแค่ครั้งเดียวที่เขาพาผมเข้าไปถึงลานจอดรถสุดอลังการ แต่ก็แค่นั้น...เขาไม่เคยพาผมเข้าไปถึงในตัวบ้าน โชคดีที่ความจำของผมยังไม่แย่นัก จึงพอคลำทางมาจนถึงประตูขนาดใหญ่ ผมลองขยับดูก็พบว่ามันล็อค...คนรอบคอบอย่างเสี่ยวฮัวคงไม่มีทางลืมล็อคประตูแน่นอน  และผมก็ไม่มีกุญแจเปิด...ข้างในประตูนี้เป็นลานจอดรถ และถ้าจำไม่ผิด เสี่ยวฮัวเคยบอกว่าทางเข้าบ้านของเขาอยู่ในลานจอดรถแห่งนี้

“ระเบิดเข้าไปได้มั้ย” นายอ้วนเสนอ

“บ้านนายสิ” ผมด่า เขานึกว่าเป็นประตูสำริดเมื่อหลายปีที่แล้วหรือไง นึกอยากจะระเบิดก็ระเบิด ถึงผมจะเป็นคนเสนอไอเดียนี้ในตอนนั้นก็ตาม

“หรือนายจะปีนรั้วเข้าไป กำแพงแบบนี้คงต้องใช้วิธีกายกรรมพิสดารเฉพาะตัวแบบเจ้าของบ้านเท่านั้นถึงจะปีนเข้าไปได้ แถมข้างในเป็นยังไงก็ไม่รู้ อาจมีกับดักจับผู้บุกรุกไปแต่งตัวเป็นกะเทยใส่เชิ้ตสีชมพูก็ได้”

ผมด่าบรรพบุรุษของเขาไปหนึ่งยก ตอนนั้นเอง เมินโหยวผิงที่เงียบมาตลอดทางก็เดินไปที่ประตู ใช้นิ้วยาวผิดปกติลูบไปตามตัวล็อค ทั้งผมและนายอ้วนมองเขาตรวจสอบประตูรั้วบ้านเสี่ยวฮัวเหมือนตรวจสอบกับดักกลไกในสุสาน

“ลืมไปว่าเรามีกุญแจผีสารพัดประโยชน์” นายอ้วนกระซิบ

“นายว่าถ้าตำรวจมาเห็น พวกเราจะโดนจับมั้ย” ผมถาม

นายอ้วนทำหน้าเหมือนผมเป็นไอ้โง่คนหนึ่ง “เทียนเจิน นายทั้งขุดสุสานคนอื่น ระเบิดของของคนอื่น ติดสินบน ยัดใต้โต๊ะ บุกรุกสถานที่โดยไม่ได้รับอนุญาต นายยังจะกลัวตำรวจจับอีกเหรอ”

ผมยังไม่ทันตอบอะไรก็ได้ยินสียง “แกร๊ก” ประตูที่ปิดสนิทถูกเปิดออก เมินโหยวผิงหันมามองพวกเราก่อนจะเดินนำเข้าไป ภาพนี้ทำให้ผมนึกถึงตอนที่พวกเราลงสุสานคว่ำกรวยด้วยกันสมัยก่อน เขาจะเป็นคนเดินนำในที่ที่คิดว่าน่าจะมีอันตราย ผมอยู่ตรงกลาง นายอ้วนเดินรั้งท้าย ความคิดถึงนี้ทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย

ภายในลานจอดรถเต็มไปด้วยรถยนต์หรูหราหลายสิบคัน นายอ้วนถึงกับตะลึงบอกว่าเสี่ยวฮัวอาจจะเตรียมที่นี่ไว้เป็นลานจัดแสดงรถ เขาลูบๆคลำๆรถหลายคัน ท่าทางอยากขึ้นไปลองนั่งขับดูสักครั้ง ผมเองมาเห็นกี่ครั้งก็อดแปลกใจไม่ได้ ถึงจะรู้อยู่แล้วว่าเสี่ยวฮัวรวย...แต่ก็ไม่คิดว่าจะรวยขนาดนี้ หรือบางทีที่จริงแล้วอาจจะมากกว่านี้หลายเท่า พอนึกถึงทรัพย์สินตระกูลอู๋ที่ผมถือครองอยู่ ก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นยาจกไปเลย ไม่แปลกใจที่เขาสามารถใช้เงินช่วยผมได้ทุกครั้งโดยไม่เคยดูบัญชีค่าใช้จ่าย

ผมเห็นบ้านแบบซื่อเหอหยวนตั้งตระหง่านอยู่ นี่คงเป็นบ้านของเสี่ยวฮัว แต่เมื่อลองสำรวจก็ต้องแปลกใจ เพราะรอบตัวบ้านนั้นไม่มีประตูทางเข้าเลยสักบาน

“หมอนี่กะสร้างบ้านตัวเองให้เป็นสุสานด้วยเลยหรือไง สมบัติฝังร่วมก็มีแล้ว ทางเข้าถูกซ่อน ข้างในอาจจะมีกลไกพร้อม เหลือแค่ตายอย่างเดียวก็ฝังได้เลย”

ผมด่านายอ้วนอีกครั้ง แม้เวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ เขายังสามารถเล่นมุกประชดประชันได้ทุกสถานการณ์ไม่เลือกสถานที่จริงๆ

พวกเราลองเดินวนรอบตัวบ้าน ช่วยกันสอดส่องอีกรอบ จากเดินวนก็กลายเป็นเดินคลำ ผมก้มๆเงยๆมองพื้นกับตัวบ้าน เสี่ยวฮัวใช้วิชาหดกระดูกได้ ไม่แน่ว่าทางเข้าบ้านอาจจะเป็นรูเล็กๆที่ต้องหดกระดูกถึงจะสามารถลอดเข้าไปได้ ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นจริง ผมกับนายอ้วนคงได้แต่ยืนรออยู่ตรงนี้ ปล่อยให้เมินโหยวผิงเข้าไปคนเดียว

เวลาผ่านไปประมาณบุหรี่หนึ่งมวน เมินโหยวผิงก็เจอทางลงไปยังใต้ดิน  เมื่อเข้าไปก็พบว่าข้างในเป็นอุโมงค์ ถึงตอนนี้ผมเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่านี่คือบ้านของเสี่ยวฮัวหรืออะไรกันแน่ รู้จักกันมาหลายสิบปี ไม่เคยรู้เลยว่าเขาอาศัยอยู่ในที่แบบนี้ เข้าบ้านแต่ละครั้งอย่างกับเข้าสุสาน นอกจากนี้ อุโมงค์แห่งนี้ไม่ได้มีดีแค่อยู่ใต้ดิน เพราะมันยังสลับซับซ้อน เดินไปได้ไม่นานก็รู้แล้วว่าหลงทาง

ผมตัดสินใจหยุดเดิน แล้วหันไปปรึกษาเพื่อนร่วมทาง ตอนนั้นเอง เมินโหยวผิงชักมีดสั้นขึ้นมา เดินไปที่กำแพง ก่อนจะเริ่มสลักตัวอักษรภาษาอังกฤษลงไป

“สมเป็นน้องเสี่ยวเกอ ในเมื่อหลงทางก็ต้องทำสัญลักษณ์”

ได้ยินนายอ้วนพูด ผมถึงเข้าใจการกระทำของเมินโหยวผิง แล้วก็นึกย้อนถึงสุสานเก่าๆที่เคยคว่ำ...ตัวอักษรพวกนี้คงเป็นแลนด์มาร์กของเมินโหยวผิง เขามือบอนจริงๆ เหมือนพวกนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวตามสถานที่สำคัญแล้วสลักชื่อตัวเองลงไปเป็นที่ระลึก สุสานไม่มียามเดินเฝ้าตรวจตรา ไม่อย่างนั้นเขาคงโดนยามเฝ้าสุสานด่าจนบรรพบุรุษนอนในหลุมไม่ได้แน่

เมินโหยวผิงเดินนำไปพร้อมกับทำสัญลักษณ์ไป หลายครั้งพวกเราเดินกลับมาที่เดิม เขาก็เปลี่ยนเป็นไปอีกทาง บางทีก็เจอทางตันแต่เมินโหยวผิงกลับใช้นิ้วลูบๆคลำๆจนเจอกลไกเปิดทางถึงรู้ว่ามันคือประตู ผมอดคิดไม่ได้ว่าถ้าเดินทางมาคนเดียว ป่านนี้ผมคงหลงทางเตรียมตัวเตรียมใจเป็นผีเฝ้าบ้านให้เสี่ยวฮัว

ในที่สุดพวกเราก็เดินมาถึงสุดทาง ข้างหน้าเป็นลิฟต์ทันสมัยดูขัดแย้งกับอุโมงค์ใต้ดินจนน่าสงสัย แต่ผมคิดว่านี่คงเป็นทางเข้าบ้านของเสี่ยวฮัวอย่างแน่นอน พวกเรากดลิฟต์ ทว่า ก่อนที่ประตูลิฟต์จะปิด เมินโหยวผิงเอามือยันเอาไว้ และชะโงกออกไปมอง ท่าทางประหลาดของเขาแบบนี้บ่งบอกว่ามีบางอย่างไม่ปกติ

“น้องเสี่ยวเกอก็รู้สึกใช่มั้ย ว่ามีคนตามพวกเรามา” นายอ้วนพูดขึ้น เมินโหยวผิงพยักหน้า...ส่วนผมทำหน้างง...ผมคงเป็นคนเดียวที่ไม่รู้สึกอะไรเลย

เมินโหยวผิงมองซ้ายขวาอีกครั้งก่อนจะปล่อยให้ประตูลิฟต์ปิดลง ลิฟต์พาพวกเราขึ้นไปยังห้องหนึ่ง ภายในห้องนี้มีโต๊ะวางอยู่สองฝั่ง ฝั่งหนึ่งเต็มไปด้วยโทรศัพท์มือถือสามสิบกว่าเครื่อง ส่วนอีกฝั่งมีแว่นกันแดดเรียงไว้หนึ่งแถว ผมเข้าไปดูก็จำได้ว่าแว่นพวกนี้เสี่ยวฮัวเคยใส่ทั้งนั้น

ระหว่างที่ผมกำลังสนใจแว่นกันแดด ได้ยินเสียงทำงานของอะไรบางอย่าง เมินโหยวผิงเดินมายืนข้างผม ดวงตาสีดำจับจ้องไปที่ประตูลิฟต์ที่ตอนนี้ปิดสนิท แต่เสียงทำงานของมันบ่งบอกได้ว่าบางอย่างกำลังจะขึ้นมา ผมคิดว่าบางทีอาจจะเป็นเสี่ยวฮัว แต่ถ้าเขากลับมาพบว่าบ้านถูกบุกรุก แม้จะเป็นเพื่อนสมัยเด็ก เขาก็คงไม่ปล่อยผมไปเฉยๆแน่

ช่วงเวลาที่รอประตูลิฟต์เปิดยาวนานและลุ้นระทึกจนผมรู้สึกถึงเหงื่อซึมที่ฝ่ามือ เมินโหยวผิงบีบไหล่ของผมเบาๆ ส่วนนายอ้วนหยิบปืนขึ้นมาเตรียมพร้อม

เสียงประตูลิฟต์เปิดออก นายอ้วนจ่อปืนไปทางลิฟต์ และเมื่อเห็นว่าคนที่เดินเข้ามาในห้องนี้คือใคร เขาก็พูดทันที

“เชี่ยแม่ง! นายใช่มั้ยที่ตามพวกเรามาตลอดทาง”

ผู้บุกรุกคนที่สี่หัวเราะ “พวกนายที่บุกรุกบ้านคนอื่น ไม่มีสิทธิ์ว่าฉันหรอกนะ”

“นายแว่นดำ นายมาที่นี่ทำไม” ผมถาม

“ฉันเคยบอกแล้วไง ฉันมา “ดู” นาย”

ผมไม่เข้าใจความหมายของเขา แต่ไม่ได้สนใจอะไร เพราะมีเรื่องอื่นที่ผมสนใจมากกว่า ในเมื่อคนที่ทำให้ผมต้องตั้งคำถามสงสัยจนบุกรุกบ้านคนอื่นมาอยู่ตรงหน้าแล้ว ผมก็คิดว่าควรถามให้รู้เรื่อง

“ที่นายพูดเมื่อวาน หมายความว่ายังไง”

นายแว่นดำผิวปากเป็นทำนองเพลงอะไรสักอย่าง แล้วถามผมว่า “ตอนนี้นายมีความสุขหรือเปล่า”

แม่งโคตรเบี่ยงประเด็น ผมด่าเขาในใจ จริงๆตอนนี้ถึงผมจะด่าเขาไป เขาก็ทำอะไรผมไม่ได้ ผมมีทั้งเมินโหยวผิงและนายอ้วน แม้แต่จะปาของใส่หัวผม เขาก็คงต้องคิดหนัก

“มันเกี่ยวอะไรกับเรื่องที่นายถามเมื่อวานด้วยเหรอ”

“ตอบมาสิ” นายแว่นดำยิ้ม

ผมหันไปมองเมินโหยวผิงกับนายอ้วน ก่อนนะพยักหน้า “ฉันตอบคำถามของนายแล้ว ทีนี้นายต้องตอบคำถามของฉันบ้าง”

“วันนี้นายโทรหาเซี่ยอวี่เฉินหรือยัง”

ผมขี้เกียจเล่นยี่สิบคำถามกับเขาแล้ว จึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา กดโทรออกเบอร์ที่โทรบ่อยที่สุด ระหว่างฟังเสียงสัญญาณ นายแว่นก็พูดขึ้นว่า

“นายโทรหาเขาบ่อยที่สุด แต่กลับคิดถึงเขาเป็นคนสุดท้าย”

“จะพูดอะไรก็พูดมา” ผมเริ่มหมดความอดทน ตอนนั้นเอง เมินโหยวผิงเดินไปหานายแว่นดำ และโดยไม่มีใครคาดคิด เขากระชากแว่นตาของนายแว่นดำออก ผมได้ยินเสียงหัวเราะของนายแว่นดำผสมกับกับเสียงพูด...เสียงหัวเราะนั้นไม่ใช่เสียงหัวเราะกวนประสาท แต่เป็นเสียงหัวเราะฝืดฝืนไร้ชีวิต...

“สมเป็นคนใบ้จาง” นายแว่นดำหลับตาอยู่ ท่าทางเขาคงไม่ชินกับกรมองโลกที่มีแสงสว่างโดยปราศจากแว่นดำ

“นาย...ตั้งแต่เมื่อไหร่” เมินโหยวผิงถาม

“ครึ่งปีแล้ว”

ผมไม่เข้าใจบททนานั้น นายอ้วนก็ทำหน้างงไม่แพ้ผม จนกระทั่งนายแว่นดำลืมตา...นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นดวงตาที่ซ่อนอยู่ใต้แว่นดำมาโดยตลอด แต่...ทั้งที่เห็นเป็นครั้งแรก ผมกลับคุ้นเคยกับดวงตาคู่นั้นมาก

...ไม่สิ ไม่ใช่แค่คุ้นเคย...

ผมรู้จักดวงตาคู่นี้ดี

ตอนนั้นเอง เสียงสัญญาณโทรศัพท์ก็สิ้นสุดลง ผมเพิ่งนึกได้ว่าตัวเองต่อสายค้างไว้อยู่ เสียงที่ลอดผ่านอุปกรณ์สื่อสารนั้นยังคงเป็นเสียงเดิมที่คุ้นเคยเช่นทุกครั้ง...และผมเพิ่งเข้าใจ...ว่ามันเป็นประโยคเดิมแทบทุกครั้ง

“ว่าไง นายน้อยสาม”

ผมสูดลมหายใจเข้า มองดวงตาของนายแว่นดำ ส่งเสียงถามกลับว่า

“เสี่ยวฮัว...เมื่อไหร่นายจะออกจากโรงพยาบาล”

ได้ยินเสียงหัวเราะจากปลายสาย แต่ยิ่งฟังผมยิ่งรู้สึกแย่ลง...ราวกับพื้นดินมั่นคงที่เคยยืนอยู่กำลังจะพังทลาย

“อีกไม่นาน”

“...ครั้งที่แล้ว...นายก็พูดแบบนี้...” ผมหยุดพูด ตั้งใจฟังเสียงจากปลายสาย อาจเป็นเพราะที่ที่ผมอยู่ตอนนี้เงียบสงบมาก เสียงแก๊กๆของอุปกรณ์บางอย่างที่ไม่เคยได้ยินก็สามารถได้ยิน

วินาทีต่อมา ผมพูดขึ้นมาแทบจะพร้อมกับปลายสาย

“แล้วนายเป็นยังไงบ้าง”
“แล้วนายเป็นยังไงบ้าง”

...

......

..........

ผมปล่อยโทรศัพท์มือถือทิ้ง หันไปหานายแว่นดำ

“เสี่ยวฮัวอยู่ที่ไหน”




--------------------------------------






ข้อความแรกที่เขาส่งไปหาอู๋เสียคืออะไรนะ...

“ได้ยินว่านายอยู่ฉางซา รู้เรื่องลำบากใจของนายแล้ว ถ้านายตัดสินใจแน่วแน่ ยอมทำทุกอย่างเพื่อช่วยพวกเขา ให้ไปยังที่อยู่ตามนี้ ฉันเตรียมของชิ้นหนึ่งไว้ให้ ขอโทษจริงๆ ฉันช่วยได้แค่นี้”

ทั้งที่เป็นคนบอกเองแท้ๆ ว่า “เวลาอยู่กับฉัน นายต้องดูแลตัวเอง”

ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้...เขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน

จากตอนนั้น มาจนถึงตอนนี้ผ่านมาหลายปีแล้ว...เหตุการณ์ต่างๆมากมายตั้งแต่งานประมูลที่ทำให้พวกเขาสองคนได้มาเจอกันอีกครั้ง ไปจนถึงการลงสุสานบ้านสกุลจาง และการเดินทางอันยาวนานของอู๋เสีย...เพื่อตามหาคนคนหนึ่งกลับมา

และตอนนี้ที่คนคนนั้นกลับมาแล้ว...เขาก็คิดว่าตัวเขาคงไม่มีความจำเป็นอะไรอีกแล้ว

ในใจของเขาไม่ได้เศร้าตรมเท่าไร...สิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้เหลืออยู่ไม่มากแล้ว ควรเป็นอย่างไรก็ต้องเป็นอย่างนั้น

มีของหลายอย่างที่เขายืมมาแล้วต้องส่งคืน แต่บางที...เขาอาจจะไปส่งคืนด้วยตัวเองไม่ได้ คงต้องฝากคนอื่นไปแทน

เซี่ยอวี่เฉินวางโทรศัพท์มือถือลง ใช้มือคลำหาถาดใส่ยามากมายหลายขนาน ความคิดย้อนไปเมื่อหลายปีก่อน ตอนที่อู๋เสียโทรศัพท์มาหาเขา บอกว่าเพื่อนคนสำคัญได้จากไปแล้ว และอู๋เสียต้องรออีกสิบปีตามคำสัญญาที่เพื่อนคนนั้นให้ไว้...

...สิบปี...

ถ้านายจะมีชีวิตอยู่อีกสิบปี...ฉันก็จะพยายามมีชีวิตต่อไปอีกสิบปี

มีชีวิตอยู่ให้กับนาย...

เซี่ยอวี่เฉินเองก็ไม่เข้าใจ...เขามั่นใจว่าตัวเองขบคิดเรื่องความสัมพัธ์กับคนรอบข้างได้แล้ว เขาจะมีเพื่อนไม่ได้...เพราะเขาไม่สามารถกลับไปช่วยใครได้ เพื่อจะไม่ต้องเสียใจ เพื่อจะไม่ต้องรู้สึกผิด...เขาจะไม่มีเพื่อน...

แต่...เขาสามารถช่วยอู๋เสียได้...

ทุกสิ่งอาจจะเริ่มขึ้นตั้งแต่ในถ้ำนั้น...

เขามีชีวิตเพื่อเป้าหมายของตระกูลเซี่ย เพื่อทำหน้าที่ของตัวเองในฐานะเจ้าบ้านตั้งแต่อายุแปดปีที่ได้รับตำแหน่ง ตัวตนของเขาถูกคำว่า “หน้าที่” ตอกย้ำสลักลงไปจนไม่หลงเหลือพื้นที่ให้ตัวเอง จนลืมไปว่าตัวเองต้องการอะไร...ก็แค่ทำหน้าที่ให้สำเร็จโดยไม่ต้องรู้สึกผิดอะไรก็พอ

จนกระทั่งมาเจออู๋เสีย...

แต่มาถึงตอนนี้ เขาก็ตอบไม่ได้ว่าอู๋เสียสำคัญตรงไหนสำหรับเขา รู้แค่ว่าถ้าหมอนั่นโทรมาขอความช่วยเหลือ เขาก็จะช่วย ถ้าโทรมาบ่นโวยวาย เขาก็จะฟัง...ฟัง และฟัง จนสิ่งที่ฟังนั้นซึมเข้ามาในจิตใจ...เข้ามาในตัวตน

...เมื่อไหร่กัน มีสิ่งอื่นนอกเหนือจาก “หน้าที่” อยู่ในจิตใจของเขา

เขาลืมเลือนสิ่งนั้นไปแล้ว แต่อู๋เสียยังมีอยู่ เขาอิจฉาและอยากมีบ้าง...จึงทุ่มเทลงไป

...ความฝันของอู๋เสีย ก็คือความฝันของเขา...

...ความปรารถนาก็เช่นกัน...ความสุขก็เช่นกัน...

เพราะฉะนั้น เขาจะมีชีวิตอยู่เพื่อช่วยให้สิ่งที่อู๋เสียปรารถนา เป็นจริงขึ้นมา

...

ทว่า...ความฝันของเขาก็ต้องพังทลาย เมื่อพบว่าชีวิตของเขาอาจจะไม่ยืนยาวอย่างที่คิด หลังจากกลับจากสุสานบ้านสกุลจาง เขาก็รู้สึกได้เวลาร่างกายของตัวเองแย่ลงเรื่อยๆ ในร่างกายของเขาเหมือนมีระเบิดเวลานับถอยหลัง หากหมดเวลาเมื่อไหร่ ต่อให้เขาดิ้นรนสักเพียงใด ก็ไม่อาจทำอะไรได้แล้ว

หมอที่ฝีมือดีที่สุดบอกว่าเขาอยู่ได้อีกไม่นาน

“ถึงสิบปีไหม”

หมอคนนั้นไม่แน่ใจ เขาจึงให้ลูกน้องไปหาหมอคนใหม่ วิทยาการใหม่ วิธีการรักษาแบบใดก็ได้ที่จะสามารถยืดชีวิตของเขาออกไปได้...อย่างน้อยก็ขอแค่สิบปี...จนกว่าคนสำคัญของอู๋เสียจะกลับมา

...เขายังทิ้งอู๋เสียไปตอนนี้ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นหมอนนั่นจะโทรหาใคร...

ตอนนั้นเฮยเสียจื่อเดินเข้ามาหาเขา แนะนำให้ไปรักษาตัวที่เยอรมัน มีหมอเก่งฝีมือดีอยู่ที่นั่น เฮยเสียจื่อเสนอตัวว่าจะแนะนำหมอที่เก่งที่สุดให้ แลกกับการที่เขาต้องยกสิ่งที่สำคัญอย่างหนึ่งให้

คนจมน้ำย่อมไม่ถามราคาห่วงยาง...เซี่ยอวี่เฉินเดินทางไปเยอรมัน

เขากลับมาจีนอีกครั้ง พร้อมระเบิดเวลาที่รู้เวลาแน่นอน

...เขาจะอยู่ถึงสิบปี...จนกว่าอู๋เสียจะได้คนคนนั้นกลับมา...จนกว่าอู๋เสียจะมีความสุข

แต่เขาก็อดกังวลไม่ได้...อู๋เสียโทรหาเขาบ่อยเหลือเกิน ตั้งแต่ปัญหาเล็กๆแค่ของหายจนถึงปัญหาใหญ่ๆระดับยืมเงินหลายล้าน...ถ้าเขาไม่อยู่ อู๋เสียจะโทรหาใคร

...

คนตระกูลเซี่ยขึ้นชื่อด้านความรอบคอบ เขาต้องแน่ใจว่าอู๋เสียจะไม่มีปัญหาอะไรแม้เขาจะไม่อยู่แล้ว...

เซี่ยอวี่เฉินเริ่มจดบันทึกเวลาอู๋เสียโทรมา...จะพูดคำไหน พูดเรื่องอะไร ต้องการอะไร ทุกสิ่งทุกอย่างที่พูดคุยกัน เขาจดบันทึกและจัดเรียงไว้ ทำเป็นแบบแผนการโต้ตอบทุกประโยคกับอู๋เสีย

เขาอัดเสียงตัวเอง ทักษะการแสดงของเขาคือพรสวรรค์...แค่ทำเหมือนมีคนพูดคุยโต้ตอบด้วยไม่ใช่เรื่องยากเลย

เซี่ยอวี่เฉินวางแผนทุกอย่าง...จนสุดท้าย เขาต้องการแน่ใจว่าตัวเองจะสามารถเห็นอู๋เสียมีความสุขได้

...ในเมื่อเขาจะตาย...ไปเห็นด้วยตัวเองไม่ได้...เขาก็จะฝากคนอื่นมองแทน

เขารู้ดีว่าจะฝากดวงตาคู่นี้ไว้กับใคร...

....

.......

............

...ถ้านายโทรมา ฉันจะรับสาย...

...ถ้านายต้องการ ฉันจะมีตัวตนอยู่หลังโทรศัพท์เครื่องนี้...

นายคือความฝัน...ความปรารถนา...ความสุข...

...และคือชีวิตของฉัน


แค่นายมีความคิดที่จะโทรหาฉัน...ฉันก็จะอยู่กับนาย

จะไม่ปล่อยให้นายเดียวดาย...จะไม่ปล่อยให้นายต้องรอคอย...

...ปลายสายของโทรศัพท์...จะมีฉันอยู่เสมอ...

...

ถึงแม้ฉันจะไม่มีตัวตนอยู่ในชีวิตของนายก็ตาม..


-----------------------------------------------------




อ่านจบแล้วอย่าลืมแปรงฟันก่อนเข้านอนนะคะ

...หืม? ยังไม่อยากนอน? ยังนอนไม่หลับเหรอคะ งั้นจะให้ของอีกอย่างหนึ่ง แล้วรีบๆนอนนะ เด็กดี


[To my secret] carrotkun♥ DSC_06181_zps73736f13




รูปอาจจะไม่ชัด ขอโทษนะคะ





MinMin
MinMin
ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
ด้วงต้นไม้เทพเจ้า

จำนวนข้อความ : 222
Points : 3844
Join date : 28/10/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

[To my secret] carrotkun♥ Empty Re: [To my secret] carrotkun♥

ตั้งหัวข้อ by carrotkun Mon 26 Jan 2015, 01:16

คุณมินมินทำร้ายแครอทมากเลยนะคะ................................
/น้ำตาแตก/

ฟหกฟหกฟดหกด โอียยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
คุณมินมินคะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะ คุณมินมินเคียดแค้นอะไรแครอทหรือเปล่าคะถึงได้แต่งฟิคออกมาทำร้ายกันขนาดนี้ *โหยหวน* #หล่อนรีเควสเองนะ

ที่บอกว่าได้รับจดหมายรักเลยเขียนฟิคมาส่งคืนให้คือ...ฮืออออออออออออ ที่เป็นการตอบรับจดหมายรักในรูปแบบของคุรมินมินสินะคะ /โดนทำร้าย #หล่อนรีเควสเองนะ

แงงงงงงงงงงงงงงสงสารน้องฮวาเหลือเกิน นี่มันเป็นฟิคที่เลอค่ามากจริงๆ ขอสาบานเลยว่าเวลาใครหาฟิคด้วงอ่านแครอทจะแปะลิ้งค์อันนี้ให้เลยค่ะ บ้าจริง
จะพยายามเม้นท์ดีๆไม่ให้มีแต่ตัวอักษร ฟหกด นะคะ...จะพยายาม...จะพยายามค่ะ...แงงงงงงงงงงงงงงงงฟหกดฟหกด

โอ๊ยตาย รักคุณมินมินจังเลย เขินมากแต่อยากจะบอกว่าคุณมินมินเป็น1ใน3นักแต่งฟิคของเหล่าด้วงที่แครอทชอบที่สุดเลยนะคะ(จริงๆคือที่หนึ่งเลย แต่พูดไปอาจจะไม่เชื่อ) ฮือ ///-\\\ (ถือโอกาสสารภาพรัก)
ได้คุณมินมินเป็นซานต้าคือเราช็อคจริงค่ะ รู้สึกแบบ ห๊ะ ชั้นเหรอ!?! เค้าเป็นซานต้าชั้นเหรอออออออ!?!?! *ผมนี่ยืนเลยครับ*
แถมเลือกข้อแรกให้เราด้วยแงงงงงงง เป็นข้อที่เราอยกาได้ที่สุดเลยค่ะ โฮว เลิฟฟฟฟ
(น้อยนักที่เล่นซีเคร้ตแล้วซานต้าเราจะเลือกข้อแรกค่ะ ...คุณมินมินเป็นคนแรก (แถมเป็นคนแรกที่ดาเมจแครอทรุนแรงมากๆเลย))

นอกเรื่องมากๆ เราอยากจะตั้งใจเม้นท์ฟิคบ้าง(เพราะปกติเอาแต่อ่านแต่ไม่ได้เม้นท์เลย แง อิแครอทแย่มากๆๆๆ)
เนื่องจากคุณมินมินตั้งใจเขียนมาให้แครอทขนาดนี้ แครอทก็จะตั้งใจเม้นท์นะคะ!!!!(ฟหกดมาเต็มแน่ๆ)


ก่อนจะพูดถึงเรื่องหลักๆเราขอพูดเรื่องอื่นก่อนนะคะ เดี๋ยวไฟติดแล้วมันจะลืมเรื่องอื่น
ส่วนตัวชอบวันช็อตอยู่แล้วแต่หาอ่านที่ถูกใจยากมาก ครั้งนี้ดันได้วันช็อตที่เลอค่า ความยาวกำลังปวดใจพอดี ชอบคำพูดที่คุณมินมินใช้มากนะคะ ปกติคุณมินมินภาษาฟิคดีอยู่แล้ว(อันนี้จำไม่ได้ว่าเคยบอกไปหรือยัง)

ชอบที่นายอ้วนเล่นมุกได้สมเป็นเสี่ยอ้วนด้วยค่ะ มันสั้นๆแต่ใช่เลย มุกอะไรประหลาดๆนี่มันเสี่ยอ้วนมาก คุณมินมินนี่นอกจากคิดดราม่าเก่งยังคิดมุกเก่งด้วยนะคะ ชื่นชมเลย

ที่ขอไปว่ามันผิงเสียฮัวคุณมินมินเองก็ใส่บทให้เสี่ยวเกอไปไม่มากไม่น้อยไป กำลังพอดีให้รู้สึกว่านายน้อยและเสี่ยวเกอชอบกัน แต่บทไม่เด่นไป ในส่วนที่เสี่ยวเกอปกป้องนายน้อยก็ทำได้ดี ส่วนที่คิดได้ไวกว่าคนอื่นว่ามีคนตามนะ คิดได้ว่าหลังแว่นดำนั่นมีอะไรแปลกไปก็เขียนได้ดีมากเลยค่ะ

ฮัวเสียที่มันผิงเสียฮัวเราเองคิดได้อะไรเดิมๆมาก จากที่มองของหลายคนก็จะพล็อตคล้ายๆกัน แต่ในฟิคนี้คุณมินมินกล้าเล่นมากที่ให้น้องฮวาตาย(โอ๊ยแง พูดแล้วเจ็บค่ะ /เอื้อ /ทรุด)
แถมยังมีช็อตให้เราตื้นเต้นไปกับฟิคได้เป็นระยะด้วย ทั้งตอนที่แว่นดำโผล่มาแล้วถามว่าคนที่คุยใช่เสี่ยวฮวาแน่เหรอ คือแครอทแบบ ขออนุญาตนะคะ.........เชี่ย!!!จริงดิ!!!ฟหกด*ยืน*

อ๊ะ ดำเนินเรื่องไปเร็วกำลังดีด้วยค่ะ ไม่อืดไปไม่เร็วไป มันพอดีมากๆ
ฉากที่ไปกระชากแว่นด้วย...ตอนแรกก็แอบสงสัยว่าหะ หรือน้องฮวาปลอมเป็นแว่นดำ(แต่เมินโหยวผิงก็น่าจะจับได้แต่แรก) พอพูดถึงดวงตานั้นที่นายน้อยคุ้นเคยเราก็เฮ่ย...เฮ่ย แต่ยังคิดตามไม่ทันเลยค่ะ
เราอ่านแล้วนายแว่นดำทีหัวเราะฝืด ตอนที่ถอดแว่นออกมา สายตาต้องเศร้ามากแน่ๆ;;7;;
ไม่ว่าจะคิดในกรณีเพราะเป็นดวงตาของเสี่ยวฮวาที่มองนายน้อยอย่างเศร้าสร้อย หรือจะเพราะแว่นดำชอบเสี่ยวฮวาแล้วนึกสงสารหรืออะไรก็แล้ว ไม่ว่าจะจิ้นแบบไหนก็เศร้าทั้งนั้นเลยค่ะOTL

ประเด็นหลักๆที่คุณมินมินเอามาเล่นคือ เสี่ยวฮวาตาย นายน้อยยังกากไม่รู้ว่าที่คุยคือสัญญาณตอบรับ เสี่ยวฮวาฝากดวงตาไว้กับแว่นดำ
คือแบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ แครอทไม่รู้จะพูดยังไงเลยค่ะ มันลงตัวมากๆT T
จะบอกว่าฟิคนี้มันเลอค่าสุดๆก็ยังน้อยไป แต่นึกไม่ออกแล้วว่าจะพูดว่าอะไรให้มันเหมาะกับฟิคมากกว่านี้

ประเด็นที่ฝากดวงตาไว้กับแว่นดำก็แหล่มมากๆๆๆเลยค่ะ คุณมินมินเลือกเอาประเด็นที่แว่นดำตาบอดมาเล่นได้เจ๋งมาก คือมันชวนจิ้นเฮยฮัวหน่อยๆ แต่ถ้าจิ้นก็อาจจะเป็นเฮย>>ฮัว>>เสีย ที่สุดท้ายแล้วแว่นดำก็เจ็บปวดเช่นกัน
(ดูสิ!!นี่ทำไมฟิคนี้ถึงได้ทำร้ายคนหลายคนนัก นี่มันซับซ้อนเกินไปแล้ว เราขอแค่เสี่ยวฮวาเจ็บปวดนี่นา!!! #แต่ชอบมาก #เอ็ม)

เราอ่านไปเราคิดภาพตามตลอด เรื่องที่ดำเนินไปอย่างเนิบนิดๆ(คือไม่เร็วไป)แต่ทุกอย่างดูชัดเจน ทุกคำทุกบรรทัดที่คุณมินมินเขียนมีความหมายทั้งสิ้น
ชอบตรงนี้มากเลยค่ะ /มันไม่เวิ่นเว้อ

อ่านแล้วเหมือนขึ้นเขาสามลูกเลยล่ะค่ะ ลูกแรกคือไต่ไปถึงยอดของ"ที่นายคุยด้วยใช่เซี่ยอวี่เฉินจริงเหรอ" ถ้าคนอื่นบอกว่านี่คือพีคแรกของเรื่อง สำหรับแครอทอาจจะเหมือนขึ้นถึงยอดแล้ววูบตกเขา(เพราะนี่ไปถึงพีคเรื่องแล้วนะ แต่ทำไมแค่นี้มันถึงเจ็บได้แบบนี้)
กับเขาลูกที่สองคือฉากที่ถามว่า"เสี่ยวฮวาอยู่ไหน" และลูกสุดท้ายคือตอนจบที่เฉลยทุกสิ่ง TT-TT ให้ตายเถอะนายน้อยสามทำไมคุณถึงทำร้ายน้องฮวาได้ขนาดนี้นะ (ตกเขาสามลูกนี่มันเจ็บจริงๆค่ะ สองลูกแรกยังเขาเตี้ยๆไม่อะไรมาก แต่ลูกสุดท้ายที่เหมือนตกลงมาตายเลย เจ็บจริงๆ)

ตอนที่อ่านช่วงที่เล่าย้อนของเสี่ยวฮวาถึงช่วงที่ยังมีชีวิต ช่วงที่เตรียมตัวทุกอย่างคือเราอ่านแล้วสงสารและรักเสี่ยวฮวาขึ้นมากๆเลยค่ะ คุณชายทำเผื่อนายน้อยขนาดนี้ ใส่ใจนายน้อยขนาดนี้ ความใส่ใจที่แฝงอยู่ที่สำคัญในเรื่องเลยคือโทรหาบ่อยๆ บ่อยจนตัวเองต้องมานั่งคิดว่าถ้าตัวเองไม่อยู่จะทำยังไง จะอัดเสียงแบบไหนให้นายน้อยคุย คือไรร คือไรคะพ่อพระรองแงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงฟหกด รักเขาขนาดนี้ เจ็บเพราะเขาขนาดนี้
แต่ก็ยังทำเผื่อเขา ถึงตัวจะไม่อยู่แล้วแต่ก็ยังคิดฝากดวงตาไปให้คนอื่นดูแทน คือออออ คือออออออออออออ
/คือไรไม่รู้เราทรุดร้องไห้แล้วค่ะฮืออออออออออ/

อ๊ะ ช่วงที่เน้นย้ำว่าสิบปีนี้ฉันต้องอยู่ให้ได้ไม่ว่าจะยังไงก็ตามเผื่อรอคนของนายกลับมานั่นก็ปวดใจเหลือเกิน ทั้งคิดภาพตามคิดถึงความรู้สึกและความเจ็บปวดทั้งกายและใจของเสี่ยวฮวานี่มันช่างเจ็บเหลือเกิน ตัวก็ป่วยจะแย่อยู่แล้วแต่ก็ยังคิดห่วงนายน้อย ดิ้นรนหาหมอเพื่อยิดเวลาตัวเอง โอ๊ย พ่อพระรองแงงงง

ตรงที่เล่าถึงเรื่องราวว่าทำไมเสี่ยฮวาถึงดูแลนายน้อยขนาดนี้ ความฝันของนายน้อยคือความฝันของเขา
เราชอบมากเลยนะคะ ประเด็นส่วนมากที่คนจะเล่นกันคือ"เพราะรัก" แต่ในส่วนนี้คุณมินมินปูเรื่องมาจากที่ว่าเพราะเสี่ยวฮวามีคำว่าหน้าที่อยู่จนไม่มีพื้นที่ให้ตัวเอง เมื่อเห็นนายน้อยที่ยังมีความฝันจึงอยากจะช่วย คือเป็นการปูที่ดีมากๆแงๆๆๆ
ในฟิคไม่มีบอกว่าเสี่ยวฮัว"รัก"นายน้อย แต่การกระทำทุกอย่าง ที่ทั้งดูแลและห่วงใยมันชัดเจนมาก
คุณมินมินเขียนออกมาในแบบรูปธรรมมากกว่าเป็นนามธรรม ทุกสิ่งที่ทำไม่ได้มากไปสำหรับเสี่ยวฮวาแค่อยากจะทำให้... คือมันใช่ค่ะ ใช่มาก แง แครอทต้องการฟิคแบบเนนนนนนนนน้

ตอนที่อ่านเราคิดภาพตาม ช่วงที่ปวดใจที่สุดคือช่วงที่เสี่ยวฮวาเตรียมตัวนี่แหละค่ะ
ฟิคตอบโจทย์มากๆเลยว่าทำร้ายพระรอง(ถึงทำร้ายแครอทด้วยก็นับให้ค่ะ๕๕๕)
อ่านแล้วHPหมดหลอดจริงๆ ชอบจริงๆ ไม่รู้จะขอบคุณยังไง
ที่สำคัญยังวาดรูปน้องฮวาของบ่าวให้ด้วย โอียยยยยยยยยยยย ทำไมคุณมินมินถึงได้น่ารักแบบนี้ค่ะแงงงงงงงงงงงงงง
มาเจอแครอทสกทีสิคะ มาเจอกั๊นน เจอกันนนนน แครอทจะรัดให้หนำใจเลยฮือออออออออออ

ไม่แน่ใจว่าพูดที่อยากพูดหมดหรือยัง รู้สึกเหมือนโดนคุณมินมินเอาฟิคตีหัวจนมึนเลยค่ะ ตื้อไปหมด ถ้าเม้นท์ขาดอะไรตรงไหนแครอทจะแวะมาเม้นท์เพิ่มนะคะ ฮุ่มๆๆๆ

กลับมาเรื่องรูป(เหมือนจะเม้นท์ไปแล้วแต่ไม่ครบ คือแครอทไปย้อนๆแล้วหาไม่เจอว่าเขียนไว้ตรงไหนขอเม้นท์ขอบคุณอีกครั้ง) แง
ขอบคุณ....สำหรับฟิคและรูปน้องฮวางามๆนะคะ TT//////////TTไม่รู้จะขอบคุณยังไงจริงๆ
แต่งฟิคเก่งแล้วยังวาดรูปสวยอีก /แครอทขูดขอกับรูปน้องฮัวของคุณมินมิน/
น้องฮวาสวยและน่ารักมากๆเลยค่ะแงงงงง น้องสวยแต่สายตาน้องก็แมนมากๆ ปลายสายในรูปคือนายน้อยแน่นอน โอ๊ยฮืออออออออฟฟฟหกดเ
อา่นฟิคจบแล้วนอกจากจะไปกรีดร้องในทวิตเราต้องมานั่งจ้องรูปน้องฮวาที่คุณมินมินวาดให้ด้วย คืออออออออ รักกกกกกก แงงงงงงงงงง
รักคุณมินมินนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนฟหกดฟก
/น้องน่ารักมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ(พูดกี่รอบแล้วเนี่ย) ทั้งแต่งฟิคที่ดีงามแฟบูลัสเลอค่าโซพรีเซียสอะไรก็แล้วแต่ที่มันดีๆ ทั้งเลือกเอาข้อแรกมาเขียน แถมยังวาดรูปน้องฮวา(คนสวยของบ่าว)ให้อีก โอียยยยยยยยยยยยย

#แครอทใช้ทั้งชีวิตเพื่อเป็นทาสคุณมินมิน

สุดท้ายนี้ก็...นึกไม่ออกแล้วว่าเหลืออะไรอยากพูดบ้าง นี่เป็นการเล่นซีเคร็ตที่คุ้มค่าที่สุดตลอดอายุ24ปีของแครอทเลยค่ะ
ขอบคุณนะคะคุณซานต้า ขอบคุณจริงๆ TT///////////TT
คำว่า"ชอบ"จนไม่รู้จะพูดยังไงนี่เราขอมอบให้ฟิคนี้เลยค่ะ ฮือ บ้าจริง (อ๊ะรูปชัดมากเลยนะคะ)

อาจจะมีบางส่วนที่เราคิดว่ายังสะดุดอยู่คือเรื่องไปหอบ้านสกุลจาง เพราะเหมือนในนิยายน้องฮวาน่าจะไปไม่ถึงหรือเปล่า แต่ในส่วนนี้ไม่มีข้อมูลชัดเจน หรืออาจจะไปเจอไอพิษจากส่วนอื่นบลาๆๆ มันเป็นส่วนี่แครอทมาสะดุดใจตอนเช้าวันถัดไปหลังจากอ่านค่ะ
(นี่เม้นท์เยอะไปมั้ย๕๕๕แต่งให้แครอทก็ดีแค่ไหนแล้วฮือ) /แต่อยากพูดน่ะค่ะ

ปล. นอนไม่หลับค่ะแงงง นี่คิดว่าแปะรูปน้องฮวาชดเชยให้แครอทแล้วแครทอจะหลับเหรอคะ!!!โดนทำร้ายขนาดนี้แครอทได้แต่นอนร้องไห้ค่ะ โฮ(แต่ชอบมากจริงๆ ประทับใจ)
ปล. ในทวิตที่คุณมินมินบอกว่าไม่ดราม่านะคะยังได้มากกว่านี้นี่แครอทรอนะคะ!!!หนักกว่านี้ก็มาเลยค่ะ!!แครอทพร้อมเสมอ /ตับมันพังไปแล้วแต่นี้จิ๊บๆ*พูดไปฟูมฟายไป*
ปล. ช่วงนี้เรายอมรับว่าเราติดดาบมากๆจนมันพีคนำหน้าเต้ามู่ไปหน่อย ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาที่เพิ่งเริ่มเล่นเกมไม่ว่าจะเดลี่ไหนๆก็ดึงเรากลับไม่ได้เลย แต่พอเจอฟิคนี้ไปนี่แครอทโดนกระชากกลับเลยค่ะ แถมอ่านแล้วนี่ชักมั่นใจว่าตัวเองอย่บนเรือฮัวเสียมากกว่าาผิงเสียเลยค่ะ๕๕๕
carrotkun
carrotkun
ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา

จำนวนข้อความ : 58
Points : 3533
Join date : 27/10/2014
Age : 32
ที่อยู่ : ใต้เตียงนายน้อย

http://exteen.com/carrotkung

ขึ้นไปข้างบน Go down

[To my secret] carrotkun♥ Empty Re: [To my secret] carrotkun♥

ตั้งหัวข้อ by ด้วงผิงเสีย Mon 13 Feb 2017, 21:24

น้ำตาไหลเลยค่ะ แง้ๆๆๆๆ ชอบเหมือนกันค่ะ ผิงเสีย>>ฮัว แต่ไม่อยากให้ฮัวเจ็บขนาดนี้ แฮ่ๆๆ อยากให้เฮยดูแลใจมากกว่า แต่ฟิคนี้เจ็บปวดมากค่ะ ชอบๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ด้วงผิงเสีย
ด้วงผิงเสีย
ด้วง
ด้วง

จำนวนข้อความ : 29
Points : 2686
Join date : 18/01/2017
Age : 36

ขึ้นไปข้างบน Go down

ขึ้นไปข้างบน

- Similar topics

 
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ