Countdown
We've been
togerther for

ค้นหา
 
 

Display results as :
 


Rechercher Advanced Search


[OS] #‎dmbjdaily‬(Santa) The best gift from SANTA (ผิงเสีย)

+2
Narakas
SilverCloud
6 posters

Go down

[OS] #‎dmbjdaily‬(Santa) The best gift from SANTA (ผิงเสีย) Empty [OS] #‎dmbjdaily‬(Santa) The best gift from SANTA (ผิงเสีย)

ตั้งหัวข้อ by SilverCloud Thu 25 Dec 2014, 18:53

Title: The gift from Santa
Pairing: จางฉี่หลิง x อู๋เสีย  
Rate: PG
Warning: เป็น AU Fic นะคะ อาจจะมีผิดคาแรคเตอร์บ้าง
//เพิ่งเห็นว่าหัวข้อวันนี้คือซานต้า งั้นโมเมเอาฟิคนี้เป็นเดลี่ละกัน 555 //


~We wish you a merry Christmas



We wish you a merry Christmas



We wish you a merry Christmas



And a happy New Year ~



เสียงเพลงประจำเทศกาลหน้าหนาวที่ไม่ว่าจะเดินไปมุมไหนของเมืองก็ได้ยิน บนถนนคลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่ต่างก็ออกมาจับจ่ายใช้สอยในวันหยุดประจำปีเช่นนี้เพื่อหาซื้อข้าวของสำหรับจัดโต๊ะฉลองในคืนวันคริสต์มาส บ้านเรือนและร้านค้าต่างประดับประดาไปด้วยถุงเท้าสีแดงสด และไฟประดับหลากสีสัน ลานน้ำพุใจกลางเมืองมีต้นสนขนาดใหญ่ตกแต่งอย่างสวยงาม



วันนี้คือวันที่ชาวคริสต์ทุกคนจะเฉลิมฉลองให้กับพระเยซู



ใช่แล้ว วันนี้คือวันคริสต์มาส



ถึงที่ที่ผมอยู่จะเป็นซีกโลกตะวันออกที่คนกว่าครึ่งไม่ได้นับถือศาสนาคริสต์ แต่ผู้ปกครองของประเทศนี้ก็ประกาศให้วันนี้เป็นวันหยุดประจำปีอยู่ดี



แล้วไง?



ใครจะหยุด จะฉลองก็ช่างหัวมัน เพราะผมยังต้องทำงานงกๆ อยู่ดี ทั้งที่ตอนนี้ผมควรจะได้ไปเดินเที่ยวชมงานเทศกาลกับเสี่ยวฮัวคนงามอย่างสบายใจแท้ๆ อู๋ซันเสิ่งช่างโหดร้ายนัก!



คิดพลางระบายอารมณ์กับปล่องควันอย่างหงุดหงิดจนเกือบเหยียบพลาดลื่นไถลลงจากหลังคา ดีทีผมมือไวคว้าจับส่วนเหล็กที่ยื่นออกมาของรถเลื่อนได้ทัน ก้มลงมองดูหิมะสีขาวร่วงกราวแล้วกลืนน้ำลายเอื้อก นี่ถ้าผมขาหักส่งของขวัญต่อไม่ได้จะไปเบิกค่าทำขวัญจากอาสามได้มั้ยนะ แต่คิดดูอีกทีตาแก่นั่นคงจะตบกะโหลกผมซะมากกว่า ข้อหาทำงานไม่เสร็จ (ทั้งที่นี่งานของเฮียแกทั้งนั้น อย่าคิดว่าผมไม่รู้นะว่าอาสามเอางานมาโยนให้ผมเพราะจะหนีเที่ยวน่ะ แถมยังหนีบอาเซี่ยไปด้วยอีกคน คอยดูนะ กลับไปผมจะฟ้องอารอง)



ผมตะกายตัวขึ้นมายืนข้างรถลากเลื่อน บรรดาหมาน้อยหมาใหญ่ที่พ่วงรถอยู่ต่างหันมามองด้วยความเป็นห่วง ผมทำมือบอกไม่เป็นไร ปัดหิมะบางส่วนออกจากชุดสีแดงจัดหมวกให้เข้าที่เข้าทางแล้วเดินไปล้วงของขวัญหนึ่งชิ้นขึ้นมาจากถุงสีสดบนรถลาก กลับมายืนหน้าปล่องไฟปล่องเดิมอีกครั้ง ตรวจเช็ครายการสินค้ากับใบขอพรอีกครั้งให้แน่ใจ ก่อนจะค่อยๆ โปรยเชือกจากรถลากแล้วหย่อนตัวตามลงไป ตรงช่วงกลางทางรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย สงสัยผมจะกินเค้กขอนไม้ของบ้านหลังก่อนหน้านี้เยอะไปหน่อย แต่สุดท้ายก็หลุดออกมาจากช่องแคบๆ นั่นได้



ภายในตัวบ้านเงียบสงัด มีเพียงแสงไฟสลัวจากต้นคริสต์มาสประดับกลางบ้านเท่านั้น ผมสอดส่ายสายตามองหาเป้าหมาย ก่อนจะเจอกับถุงเท้าหลากสีที่แขวนเรียงกันอยู่ตรงริมหน้าต่าง ใกล้ๆ กันนั้นมีจากคุกกี้กับนมแก้วใหญ่วางอยู่ด้วย



ผมเดินเข้าไป ยัดเจ้ากล่องใบน้อยลงในถุงเท้าสีส้มแสดข้างหนึ่ง นึกสงสัยในรสนิยมของเจ้าของบ้านหน่อยๆ เหลือบมองขนมในจานแล้วแอบปาดน้ำลาย ไม่ได้! ขืนกินมากกว่านี้บ้านหลังต่อไปผมต้องลงทางปล่องไฟไม่ได้แน่ๆ หรือแย่กว่านั้น เกิดติดคาอยู่ตรงกลางปล่อง พอเจ้าของบ้านตื่นขึ้นมา จุดไฟเตาผิง คราวนี้ผมได้กลายเป็นไก่อบหอมๆ แถมพอเสี่ยวฮัวได้ยินข่าว คงล้อผมไปยันรุ่นเหลนแน่ น่าขายหน้าตายชัก คงไม่มีซานตาคลอสประเทศไหนติดคาปล่องไฟเพราะเห็นแก่กินแบบผมแน่



ใช่แล้ว ฟังไม่ผิดหรอก ผมคือซานต้าส่งของขวัญนั่นเอง



ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ก็เถอะว่าประเทศฝั่งนี้มันมีซานต้าได้ด้วยเหรอ แถมชื่อก็โคตรจะฝรั่งจ๋า ชื่อของผมคือ'อู๋เสีย' เป็นไง โคตรเข้ากับชุดที่ใส่มั้ยล่ะ



ผมไม่ค่อยจะรู้ความเป็นมาซักเท่าไหร่ รู้แค่ว่าตระกูลของเราทำหน้าที่เป็นซานตาคลอสส่งของขวัญร่วมกับตระกูลเซี่ยที่เป็นญาติดองกันมาตั้งแต่รุ่นปู่ทวดแล้ว ทั้งสองตระกูลต่างช่วยกันทำงาน สกุลอู๋รับคำขอพรและแจกจ่ายของขวัญในประเทศซีกโลกเหนือเส้นศูนย์สูตร สกุลเซี่ยดูแลจัดการซีกโลกใต้ ส่วนที่พวกเรารับผิดชอบดูแลคือซีกโลกตะวันออกทั้งหมด ส่วนซีกโลกตะวันตกได้ยินมาว่ามีองค์กรใหญ่คอยดูแลแต่ละภูมิภาคอยู่แล้ว



ปกติคนที่ต้องมาทำหน้าที่แจกจ่ายของขวัญจะเป็นอาสามของผมกับอาเซี่ยเหลียนหวนไม่ก็เสี่ยวฮัว ผมแทบไม่เคยจะต้องออกมาตากลมหนาวปีนหลังคาชาวบ้านแบบนี้เอง นอกจากว่าอาสามจะติดธุระสำคัญที่คุณปู่ไหว้วานเท่านั้น ผมถึงจะออกมา แต่ปีนี้ตาแก่นั่นเก็บกดความขี้เกียจไม่ไหวอีกต่อไป โยนโครมถุงของขวัญถุงใหญ่พร้อมใบรายชื่อลงบนตัวผมที่ยังไม่ตื่นดี พูดจาสั่งสองสามคำ หลอกล่อให้ผมตอบตกลงทั้งที่ยังมึนเบลอ กว่าผมจะได้สติเฒ่าทารกนั่นก็เผ่นไปไกลแล้ว แถมยังพาอาเซี่ยไปด้วยอีก ภาระจึงตกมาที่ผมกับเสี่ยวฮัวที่ต้องยกเลิกทัวร์ฉางไป๋ซาน มาขึ้นบ้านส่งของแทน



หลังจากยืนเหม่อมองคุกกี้สีน้ำตาลอ่อนอยู่พักใหญ่ ผมก็ดึงสติกลับมา ปีนกลับออกไปทางเดิม ข้างนอกหิมะเริ่มตกแล้ว แต่ความหนาวไม่ใช่ปัญหาสำหรับผมและสุนัขลากเลื่อนพวกนี้ ผมกลัวว่าถ้าชักช้าไปเกิดมันตกหนักขึ้นมาจะพาให้งานไม่เสร็จกันพอดี จึงก้าวขึ้นไปนั่งประจำที่ กระตุกบังเหียนควบคุมให้เจ้าพวกสี่เท้าขนปุยพาไปยังจุดหมายถัดไป ซึ่งจากที่อ่านดูที่ต่อไปเป็นที่สุดท้ายแล้ว



"เอ ถัดไปก็... หืม!?"



เชี่ย... ผมแทบทำกระดาษหลุดมือ ใครมันขออะไรสุดโต่งแบบนี้เนี่ย หันไปลองก้มๆ ล้วงๆ ในถุงดูปรากฏว่าไม่มีของสำหรับคำขอนี้ แต่กลับมีสร้อยข้อมือที่มีจี้รูปโบว์สีทองติดมาแทน มีโน้ตห้อยเอาไว้ด้วย ผมแกะโน้ตออกมาอ่าน ในนั้นเป็นลายมือของอาสามไม่ผิดแน่ ไก่เขี่ยจนอ่านแทบไม่ออก แต่พอจับใจความได้ว่าของชิ้นนี้เป็นของผม



เดี๋ยวนะ ผมจำไม่เห็นได้ว่าตัวเองขออะไรแบบนี้ไป แล้วอีกอย่าง มีซานตาคลอสที่ไหนให้ของขวัญตัวเองกันด้วยเนี่ย แต่คิดอีกที ของนี่น่าจะเป็นของที่อาสามตั้งใจให้ผมเป็นค่าปิดปากมากกว่า ถึงจะยังโกรธอยู่หน่อยๆ แต่สร้อยนี่ก็สวยดีผมจะถือว่าเป็นค่าปลอบขวัญละกัน ส่วนเรื่องจะถึงหูอารองมั้ยนั้น สวรรค์เท่านั้นที่จะรู้ได้



ขณะที่ผมกำลังง่วนกับการหาวิธีปลดตะขอสร้อยเพื่อใส่อยู่นั้น รถลากพลันเอียงวูบจนน่ากลัว สุนัขของปู่พากันเห่าระงม



เวรแล้ว! พายุหิมะมา!!



++++++++++++++++++++++++++++


กลิ่นไหม้ฉุนจมูก เขม่าควันร้อนผ่าวจนแสบผิว ท่ามกลางหิมะโปรยปรายเปลวไฟแดงฉานกลับโหมแรง เสียงตะโกนขอความช่วยเหลือเซ็งแซ่ปะปนกับเสียงกรีดร้องอย่างน่าเวทนา ตัวเขาในตอนนั้นได้แต่ยืนมองอย่างนิ่งงัน ร่างกายมันชาไปหมด หัวสมองว่างเปล่าแม้ในยามที่ร่างของผู้เป็นมารดาสิ้นลมลงในอ้อมแขน เขาสัมผัสไม่ได้แม้แต่อารมณ์เศร้า ราวกับความรู้สึกที่ควรจะมีถูกดูดกลืนไปกับเปลวร้อนของพายุไฟในคืนนั้นเอง



วันนั้นเป็นวันคริสต์มาส



ตัวเขาในวัยห้าขวบตื่นเต้นกับเทศกาลของต่างชาตินี้เป็นพิเศษ เพราะปีนี้เป็นปีแรกที่ท่านพ่ออนุญาตให้เขาออกจากเขตรั้วบ้านได้ ตระกูลของเขาเป็นตระกูลเก่าแก่ มีชื่อเสียงยิ่งใหญ่ที่สุดในทางเหนือ ว่ากันว่าสืบเชื้อสายมาจากเทพกิเลนดำ คนในตระกูลเมื่อเกิดมาจึงมีเอกลักษณ์เฉพาะคือสองนิ้วที่ยาวกว่าคนปกติและรอยสักรูปกิเลนย่ำไฟ เลือดของพวกเขาเล่าลือว่าเป็นยาวิเศษ มอบความเป็นอมตะให้แก่ผู้ดื่มกิน จึงมักมีคนตามล่าอยู่เสมอ ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่เคยได้ก้าวออกไปจากประตูบานใหญ่นั้นเลย



แต่ปีนี้ต่างออกไป ประเทศนี้เริ่มเปิดรับวัฒนธรรมจากภายนอกมากขึ้น ความเจริญก้าวเข้ามา ความเชื่องมงายเริ่มจางหาย ประจวบกับในเมืองจัดงานฉลองวันคริสต์มาสขึ้นเป็นครั้งแรก ใหญ่โตเป็นพิเศษ ท่านพ่อผู้สุดแสนเคร่งขรึมจึงอนุญาตให้เขากับพี่เลี้ยงสามารถออกมาเที่ยวเล่นในงานได้



เทศกาลรื่นเริง รอยยิ้มของผู้คน ของกินเลิศรส ต้นสนประดับสวยงาม



ทุกอย่างล้วนมีชีวิตชีวาและแปลกใหม่สำหรับเด็กน้อยที่ตลอดมามองเห็นเพียงสวนอันเงียบเหงาของบ้านเท่านั้น ทุกวันต่อจากนี้ไปคงจะมีความสุขล้น โลกภายนอกที่เฝ้าปรารถนามานาน เขาจะได้สัมผัสถึงมันแล้ว



ทว่า...



ความจริงนั้นโหดร้าย



"กรี๊ดดดด"



"ช่วยด้วย! ไฟไหม้!!!"



"ลามไปปีกซ้ายแล้ว! ไปตามคนมาช่วยเร็ว!"



"มีคนติดอยู่ข้างใน รีบเข้าไปช่วยเร็ว!!!"



สารพัดเสียงตะโกนดังปนเปจนแยกไม่ออก กลิ้นเนื้อไหม้ลอยคลุ้งจนแสบจมูก ภาพที่ปรากฏตรงหน้าหลังจากที่เขากลับมาคือทะเลเพลิง



มัจจุราชสีแดงฉานลามเลียอย่างรวดเร็ว กลืนกินตั้งแต่โถงทางเดินหน้าจนบัดนี้ลุกท่วมสองฝั่งปีกซ้ายขวาจนสิ้น ชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงต่างระดมพลมาช่วยกันดับไฟและบุกเข้าไปช่วยคนออกมา ที่หน้าประตูไม่ห่างจากบ้านซึ่งกำลังลุกไหม้มากนัก เขาก็เจอกับร่างของท่านแม่



ลมหายใจแผ่วเบา เนื้อตัวมีแต่แผลไฟไหม้ นอนกุมมือกับคนใช้คนสนิทซึ่งเมื่อเห็นผมก็ปล่อยมือแล้วถอยออกมา ให้ผมได้เข้าไปนั่งลงข้างๆ ท่านแม่



ใบหน้าที่งดงามไม่เคยเปลี่ยนคลี่ยิ้มบางเบาเมื่อเห็นหน้าเขา มืออันสั่นเทาค่อยๆ ยกขึ้นแตะยังข้างแก้มของเขาอย่างรักใคร่ น้ำตาหยดหนึ่งกลิ้งผ่านแก้มนวลหยดลงซึมลงในพื้นหิมะ หายไปพร้อมกับลมหายใจสุดท้ายของผู้เป็นมารดา



อย่างเงียบงัน ในวินาทีนั้นราวกับทุกสิ่งหยุดนิ่ง ราวกับเวลาได้หยุดเดินลง ตัวเขาสัมผัมไม่ได้ถึงความรู้สึกใดๆ ไม่มีความเศร้า ไม่มีความโศก ไม่มีทั้งยินดีหรือโกรธแค้น ไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ เหมือนทุกสิ่งอย่างพังทลายลงในพริบตา เหลือทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่าและเงียบงัน



...คืนวันที่ยี่สับห้า สิ้นสุดประวัติศาสตร์ตระกูลจาง...



เรื่องราวหลังจากนั้นเลือนราง เมื่อผ่านมาหลายปีพี่เลี้ยงคนนั้นเป็นคนเล่าให้ฟังว่าในตอนนั้นเขาเพียงแค่นั่งนิ่งอยู่ข้างๆ ร่างของท่านแม่ที่เริ่มเย็นชืด ไม่แม้แต่จะปริปากถามถึงชะตากรรมของท่านพ่อ หลังจากคืนนั้นพี่เลี้ยงเป็นคนรับเอาเขาไปเลี้ยง โดยฝากไว้กับนักพยากรณ์คนหนึ่งซึ่งเป็นญาติห่างๆ ตระกูลจางถูกลอบวางเพลิง สายเลือดทุกคนยกเว้นเขาล้วนตายในกองเพลิง มันไม่ใช่อุบัติเหตุ ถึงแม้บ้านจะเป็นเรือนไม้ทั้งหลัง แต่หน้าหนาวความชื้นสูง ไม่มีทางที่จะจุดไฟติดนอกเสียจากน้ำมัน ซึ่งภายหลังจากการตรวจสอบแล้วกลับไม่พบร่องรอยดังสันนิฐานเลยแม้แต่นอน



...นี่คือชะตากรรม...



นักพยากรณ์คนนั้นได้กล่าวไว้ สายเลือดของเขาคือสิ่งที่ไม่ควรมีอยู่บนโลกใบนี้ เรื่องราวของเลือดพิเศษคือความจริง สายเลือดตระกูลจางเข้มข้นมีอายุยืนยาวมากกว่าร้อยปีทุกคน และมันสามารถส่งต่อให้แก่คนนอกได้ เพราะฉะนั้นนี่จึงเป็นสิ่งที่อันตรายหากตกไปอยู่ในมือคนผิด ตระกูลจางอยู่มานานเกินไปถึงเวลาที่จะต้องกลับสู่ธุลีดินเสียที แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังมีชีวิตอยู่ ทายาทผู้มีสายเลือดเข้มข้นที่สุดเช่นเขา ยังคงมีชีวิตอยู่



เขาได้นักพยากรณ์เลี้ยงดูสั่งสอนจนเติบใหญ่ ทั้งวิชาความรู้ ศิลปะการต่อสู้ คนๆ นั้นเป็นผู้สอนทั้งหมด นับเป็นอาจารย์เพียงคนเดียวของเขา พี่เลี้ยงของเขายังคงแวะเวียนมาหาตลอดที่เขาอยู่ที่นั่น จนวันหนึ่งในคืนคริสต์มาสที่ 12 นับจากคืนสีเพลิงวันนั้น พี่เลี้ยงคนนั้นก็ไม่เคยโผล่หน้ามาอีกเลย



เขาคิดว่าคงเพราะติดธุระสำคัญ พี่เลี้ยงจึงมาหาไม่ได้ สามวันผ่านไปแล้ว หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปแล้ว จวบจนสามเดือนพี่เลี้ยงก็ยังไม่มา เขาน้อยเนื้อต่ำใจตัดพ้อให้แก่อาจารย์ฟัง เห็นเขาร่ำไห้จนน่าสงสาร อาจารย์จึงยอมบอกความจริงในที่สุด แท้จริงแล้วที่นางไม่มาหาไม่ใช่เพราะเกลียดชัง แต่เป็นเพราะไม่สามารถมาหาได้อีกต่อไปแล้วต่างหาก ในคืนวันคริสต์มาสวันนั้น นางถูกผู้ที่ต้องการสายเลือดตระกูลจางฆ่าทิ้งไปเสียแล้ว เพราะไม่ยอมเปิดเผยที่อยู่ของเขาให้แก่พวกมัน



...ความทรงจำสีเลือดในคืนคริสต์มาสถูกเขียนลงในใจของเขาอีกครั้ง...



2 ปีหลังจากนั้น ในคืนวันคริสต์มาสปีที่เขาอายุครบ 19 ปี อาจารย์ซึ่งเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวสิ่งสุดท้ายของเขาก็ได้จากไป ท่ามกลางหิมะที่โหมกระหน่ำ ภายในห้องนอนของนักพยากรณ์ จากไปอย่างเงียบสงบ สิ้นลมทั้งที่เขายังกุมมืออยู่อย่างนั้น



เขาเริ่มที่จะคิด ว่าสายเลือดนี้เป็นสิ่งวิเศษหรือของอัปมงคลกันแน่ ทำไมผู้คนรอบกายของเขาถึงได้ตายจากไปจนไม่เหลือ หรือนี่จะเป็นการชดใช้บาปที่เขาบังอาจมีชีวิตรอด ทั้งที่ตระกูลจางคนอื่นล้วนจากไปจนหมดสิ้น



หลังจากสิ้นอาจารย์ เขายังคงอยู่ที่นั่นต่อ เพราะไร้ที่ไป ใช้วิชาที่เรียนมาหางานทำ แต่เพราะเอกลัษณ์ของตระกูลมองออกง่ายเกินไป งานเบื้องหน้าจึงไม่เหมาะ เขาเริ่มจากงานคุ้มกันง่ายๆ สั่งสมประสบการณ์จนเก่งกาจ ในไม่ช้าก็เริ่มมีชื่อเสียง ค่าตัวสำหรับเรียกใช้เขาสูงจนน่าตกใจ แต่มั่นใจได้ว่าชีวิตนายจ้างในมือเขาจะปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็น เมื่อเกี่ยวพันกับโลกเบื้องหลังครั้งนึงแล้วก็ไม่สามารถถอนตัวได้อีก เขาทิ้งที่เดิมที่เคยอยู่ ซื้อบ้านหลังเล็กในชนบทห่างไกล รับงานจากการติดต่อผ่านคนกลางเพียงเท่านั้น



ปีนี้เขาอายุเลย 50 ปีแล้ว แต่ใบหน้ายังคงหล่อเหลานิ่งขรึมดุจเดียวกับท่านพ่อ ผิวขาวราวหิมะเช่นเดียวกับท่านแม่ ถือเป็นหนุ่มรูปงามที่ใครก็ต้องเหลียวมอง ดูภายนอกราวกับวัยขบเผาะ จริงดังที่ว่าคนตระกูลจางทุกคนล้วนอายุยืน แต่ทว่าบนใบหน้าราวรูปสลักนั้นกลับทำบางอย่างหายไป นิ่งเงียบ เย็นชา ไร้ความรู้สึก ความสูญเสียที่ผ่านมาได้ทำให้อารมณ์ที่ควรมีของเขาหายไปจนหมดแล้ว



ในตอนนี้เขาเหนื่อยจนเกินไป สองมือเปื้อนกลิ่นคาวจนล้างไม่มีวัน หลายปีมานี้เขามักจะฝันเห็นท่านแม่อยู่เสมอ ราวกับจะบอกเป็นนัยน์ว่าถึงเวลาของเขาแล้ว ตัวเขาควรจะสิ้นสุดลงได้แล้ว



วันนี้เป็นวันคริสต์มาส



เมืองเล็กๆที่เขาอาศัยอยู่มีการจัดงานเลี้ยงฉลอง ที่นี่มีโบสถ์ฝรั่งอยู่แห่งหนึ่ง เขามักจะไปอยู่บ่อยๆ หลังเสร็จงาน เพียงแค่ยืนมองเงียบๆ อยู่ข้างนอก คนบาปเช่นเขาไม่สมควรจะย่างก้าวเข้าไปในที่ศักดิ์สิทธ์เช่นนี้



จนเมื่อเช้านี้ เขาที่นอนไม่หลับมาทั้งคืน ลุกขึ้นแต่งตัวสวมเสื้อคลุมตัวยาวเดินทอดน่องไปตามทางเดินขาวโพลน ก่อนจะมาหยุดยืนเหม่อลอยอยู่หน้าโบสถ์เช่นทุกวัน แต่วันนี้ต่างออกไป ที่หน้าประตูปรากฏร่างของบาทหลวงประจำโบสถ์ ส่งยิ้มอ่อนโยนให้เขา



"พ่อเห็นลูกมาที่นี่บ่อย แต่ไม่เคยเลยซักครั้งที่จะก้าวเข้าไปข้างใน เหตุอันใดจึงเอาแต่เหม่อมองเช่นนั้นเล่า"



"แค่ข้างนอกก็พอแล้ว.."



บาทหลวงเพียงแค่ยิ้มให้กับคำตอบสั้นห้วนนั้น ก่อนจะหันหลังจากไป ได้เอ่ยประโยคหนึ่งกับเขา



"บางครั้งแม้เราหมดศรัทธา แต่คำอธิษฐานจากใจย่อมส่งไปถึงแน่นอน"



++++++++++++++++++++++++++++++++



เขาจำไม่ได้ว่าเดินกลับบ้านมาตอนไหน คำพูดนั้นของบาทหลวงกระทบบางสิ่งในใจของเขา เหมือนจะเป็นความหวังแต่ก็เหมือนไม่ใช่ เขาซึ่งแปดเปื้อนบาป ตัวเขาซึ่งราวกับสิ่งอัปมงคล จะมีสิทธิ์งั้นเหรอ? จะสามารถอธิษฐานเอ่ยความปรารถนาต่อพระเจ้าได้งั้นเหรอ? ถึงมันจะดูน่าขัน แต่เขาก็ขอลอง



ลองไขว่คว้าความหวังสุดท้ายในปลายทางของชีวิต



"หากซานต้ามีจริง ผมขอ..."



โครมมม



ตึง!!



โอ๊ยยย



ยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยขอจนจบ ส่วนหนึ่งในตัวบ้านอันเงียบสงบของเขาพลันเกิดเสียงดังราวกับมีบางสิ่งตกทะลุลงมาจากฟ้า ตามด้วยเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของใครบางคน



เขาลุกจากเตียงที่เมื่อครู่ใช้นั่งฟุบขอพรกับซานตาคลอส ตามความเชื่อในคืนคริสต์มาส แอบขำตัวเองอยู่ในใจหน่อยๆ ซานต้ามีจริงที่ไหน แต่เมื่อเปิดประตูห้องออกไปเจอคนที่กำลังนอนกุมก้นอย่างเจ็บปวดก็นิ่งอึ้งทันที



ร่างที่อยู่ตรงหน้าสวมชุดสีแดงบุเฟอร์สีขาวฟูนุ่ม ผมสีน้ำตาลละเอียดกระเซอะกระเซิงมีหิมะเกาะ มือเรียวกอบกุมสะโพกทั้งสองข้างที่คาดว่าคงจะระบมไม่น้อย และเหมือนจะรู้ตัวว่าเขาจะมองอยู่ ใบหน้าน่ารักที่แดงระเรื่อน้อยๆ นั่นปรากฏสีหน้าตื่นตะลึงขึ้นแวบหนึ่ง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเซ่อๆ รีบลุกขึ้นยืนตบๆ หิมะตามตัว จัดเสื้อผ้าแล้วส่งยิ้มให้เขาราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น



"เอ่อ คือว่า นี่มัน.. ใช่แล้ว! คือว่าฉันกำลังตามหาบ้านหลังนึง แต่พอดีเจอพายุหิมะเลยถูกพัดปลิว ไม่ใช่สิ! คือหลังคาบ้านนายมันบางเกิน เอ๊ย เชี่ยแม่- ถ้าความแตกทำยังไงดีวะ"



เห็นเขาจ้องนิ่งๆ อีกฝ่ายก็ยิ่งร้อนรน พูดแก้ตัวเรื่องรูบนหลังคาตะกุกตะกัก ท้ายประโยคปรับให้เบาลงแต่คนหูดีอย่างเขาก็ได้ยินทุกถ้อยคำ ใบหน้าใสซื่อฉายแววกังวลสลับกับโกรธเคือง เปลี่ยนจากพูดอธิบายเขาเป็นบ่นกับตัวเองแทน แต่ดูเหมือนความคิดจะตีกันไปหน่อยตอนนี้จึงเริ่มทึ้งผมตัวเองแล้ว



เสียงกรุ๊งกริ๊งเบาๆ เรียกความสนใจจากคนแปลกให้เบนสายตาไปมองยังข้อมือขาว ก่อนจะชะงักจับจ้องมองสร้อยสีทองนั่นอย่างไม่วางตา



อู๋เสียรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของเจ้าบ้าน จึงเลิกกำผมตัวเอง แล้วเงยหน้ามองใครอีกคนแทน



ผมมองใบหน้าหล่อเหลาจนน่าหมั่นไส้นั่นจ้องตรงมาทางนี้ ถึงจะเป็นผู้ชายเหมือนกัน แต่ถูกจ้องนานๆ ผมก็เขินเป็นนะ หรือว่าจะไม่เคยเห็นซานตาคลอสมาก่อน? ไม่น่าใช่ อาการแบบนี้เหมือนจ้องเพราะตกใจมากกว่า หรือผมจะหล่อเกินไป เขาที่คิดว่าใบหน้าตัวเองดูดีที่สุดมาตลอดเลยเกิดอาการตกตะลึง อืมๆ เป็นไปได้ๆ



กำลังจะอ้าปากปลอบใจหนุ่มน้อยตรงหน้า แต่ผมไม่ทันได้เปล่งเสียง เจ้าหนุ่มนั่นก็ก้าวฉับๆ เข้ามา คว้าข้อมือข้างซ้ายของผมกระชากเข้าหาตัว เห็นตัวบางๆ แต่แรงไม่ใช่เล่น ผมเจ็บจนน้ำตาเล็ดพยายามบิดแขนออกมา แต่มือนั่นราวกับคีมเหล็กผมกระดิกไม่ได้ซักนิด



"สร้อยนี่ ของนาย?"



"หา? อะไรของนาย.. โอ๊ย! เจ็บๆ อย่าบิดสิวะ พอแล้วๆ บอกแล้ว ยอมบอกแล้ว" ฮือๆ เตี่ยครับ อารองอาสามช่วยผมด้วย ผมโดนข่มเหงทางร่างกาย



"สร้อยเส้นนี้ อาฉันให้มา ถ้านายอยากได้ก็ต้องขอโทษด้วยนะ ถ้าอาสามรู้เข้าว่าฉันถอดให้ใครคงดีฉันก้นลายแน่ๆ"



"...จาง"



"หา?"



"สร้อยแบบนี้  สืบทอดเฉพาะในตระกูลจาง"



ฉิบหาย อย่าบอกนะว่าอาสามไปโจรกรรมสร้อยชาวบ้านมาระหว่างที่ไปแจกของขวัญน่ะ แต่เดี๋ยวก่อนนะ ตระกูลจาง...



"อ๊าา อย่าบอกนะว่านายคือจางฉี่หลิง!!"



เห็นเจ้าตัวพยักหน้าน้อยๆ ผมยิ่งมั่นใจ ไอ้หมอนี่นี่เองที่เป็นคนขอพรนั่น หน้าตาก็ดูปกติดี แต่ไหงถึงขออะไรแปลกๆ แบบนั้นไปนะ ยังไม่ทันที่ผมจะได้ด่าหรือถามถึงเหตุผลที่เขาขอพรแบบนั้น ขนทุกส่วนบนร่างกายพลันตั้งชัน รู้สึกได้ถึงลางร้ายมาเยือน เงยหน้าขึ้นมองก็ช็อกค้าง ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่มุมปากบางนั้นยกเป็นรอยยิ้ม งดงามเสียจนผมตาพร่า ยิ่งสบเข้ากับลูกแก้วสีดำที่ส่องแววเข้าใจอะไรบางอย่างก่อนจะเปลี่ยนเป็นเชื่อมหวานยิ่งราวกับต้องมนตร์



และกว่าจะรู้ตัว ก็เป็นรุ่งเช้าของอีกวัน บนเตียงนอนหลังเล็ก ใต้ผ้าห่มผืนหนา ในอ้อมกอดอุ่นร้อน และร่างกายเปลือยเปล่าที่แนบชิดกัน...



เตี่ยครับ... ผมเป็นเจ้าบ่าวให้เสี่ยวฮัวไม่ได้ซะแล้ว...




Fin.


++++++++++++++++++++++++++++++++
แถมท้าย


หนึ่งปีต่อมา..



ตอนนี้ผมลาออกจากงานซานต้าแจกของขวัญแล้วย้ายมาอยู่กับเสี่ยวเกอแล้วละครับ กว่าจะได้อยู่ด้วยกันแบบนี้นี่ผมแทบรากเลือด



หลังจากคริสต์มาสคืนนั้น อารองที่มีสายข่าวเป็นหูตาสัปปะรดรู่เรื่องเข้าแทบวิ่งมาแหกอกนายจางฉี่หลิงข้อหาพรากความบริสุทธิ์ผม แต่อาสามกับอาเซี่ยที่ไม่รู้โผล่มาจากไหนเข้ามาห้ามเสียก่อน ไกล่เกลี่ยกันอีท่าไหนไม่รู้อารองถึงได้ยอมเลิกราไป แต่ก็ยื่นคำขาดว่าเสี่ยวเกอต้องรับผิดชอบผม แล้วหลังจากนั้นสองอาทิตย์ ผมก็ถูกปู่ถีบออกจากตระกูลอู๋ปลดออกจากตำแหน่งซานต้า ส่งตรงลงมาให้พ่อหนุ่มหน้านิ่งสกุลจางคนนี้ทันที



เสี่ยวเกอใช้เงินเก็บที่มีซื้อบ้านหลังหนึ่งในตัวเมืองเดิม เลิกทำอาชีพคนคุ้มกัน แล้วหันมาช่วยผมเปิดร้านทำขนมแทน ไม่อยากจะโม้ เห็นผมเป็นอย่างนี้แต่ฝีมือเข้าครัวไม่เป็นรองใครนา ในหมู่ซานต้าเรื่องทำขนมผมได้รับคำชมว่าทำได้อร่อยกว่าสาวๆ แซนตี้ซะอีก ก็หม่าม๊าสอนมาเองกับมือเลยนี่



ส่วนเรื่องสร้อยนี่ ผมเค้นคอถามอาสามจนในที่สุดก็ยอมคายออกมาว่า แท้จริงแล้วมันคือสร้อยประจำตระกูลจาง มีไว้สวมใส่ให้ผู้ที่จะมาเป็นคู่ชีวิตของผู้นำตระกูลคนต่อไปเท่านั้น อ้าว แล้วอาสามไปได้มันมายังไงล่ะ? ตำตอบคือ เมื่อห้าสิบกว่าปีก่อน ในคืนคริสต์มาส ตอนนั้นอาสามรับหน้าที่แจกของขวัญเป็นปีแรก เบื่อหน่ายเต็าประดา ปรากฏว่าขณะที่กำลังจะไปส่งบ้านหลังสุดท้ายก็เกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้น บ้านหลังที่ว่านั่นก็คือบ้านใหญ่ตระกูลจาง ซานตาคลอสมีกฏของตัวเอง พวกเราจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับชะตากรรมของใคร พวกเรามีหน้าที่แค่ส่งต่อคำขอของมนุษย์เท่านั้น ส่วนสร้อยเส้นนั้นมาได้อย่างไร อาสามเองก็จนปัญญา รู้แค่ว่าในตอนที่ผมเกิดซึ่งถัดจากเหตุกาณ์ล่มสลายของตระกูลจางสองปี ก็มีสร้อยเส้นนี้ใส่อยู่ในกล่องของขวัญที่พระเจ้าประทานให้ซานตาคลอสเมื่อแรกคลอดทุกคนแล้ว



อาสามรู้ทันทีว่า ซักวันผมจะต้องไปเป็นของตระกูลจาง ประจวบเหมาะกับคำขอปีนี้มีรายชื่อที่น่าสนใจ เขาจึงวางแผนถีบหัวส่งผมให้มาทำหน้าที่ส่งของขวัญแทน จนได้เจอกับจางฉี่หลิงในที่สุด



ผมยังจำได้ดี ในวันนั้นที่ผมไม่สามารถเข้าใจคำขอของเสี่ยวเกอเลยซักนิด แต่ตอนนี้ผมเข้าใจมันอย่างถ่องแท้c]h;



...เพราะผมคนนี้ได้เป็นทั้งปัจจุบัน และอนาคตที่จะร่วมก้าวเดินต่อไปพร้อมๆ กับผู้ชายแสนมึนอ่อนโยนคนนี้ตลอดไป...




"หากซานต้ามีจริง ผมขอให้มอบอนาคตให้แก่ผมด้วยเถิด"

.

.

.

.

.

.

235 Days to go before Chang Bai Shan



------------------------------------------------------------------
จบแล้วคร้าบบบ รู้สึกหลังๆ ชักมึนขึ้นเรื่อยๆ ปั่นไฟลุกเลยค่ะ เพราะเป็นพล็อตที่จู่ๆ ก็ผุดขึ้นมาเลย ถถถ
SilverCloud
SilverCloud
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ

จำนวนข้อความ : 433
Points : 3952
Join date : 27/10/2014
ที่อยู่ : ตู้เสื้อผ้าของอารอง

ขึ้นไปข้างบน Go down

[OS] #‎dmbjdaily‬(Santa) The best gift from SANTA (ผิงเสีย) Empty Re: [OS] #‎dmbjdaily‬(Santa) The best gift from SANTA (ผิงเสีย)

ตั้งหัวข้อ by Narakas Fri 26 Dec 2014, 01:33

อร๊ายยยยยย ซานต้าอู๋เสียยยยย

เดี๋ยวค่ะเดี๋ยว เสี่ยวเกอ นายจะไม่พูดไม่จากันก่อนเรอะะะ

เกือบจะงง แต่พอมี 1 ปีให้หลังมาด้วยก็พอเข้าใจเนื้อเรื่องค่ะ

ขอบคุณสำหรับฟิค(นายน้อย)น่ารักๆ นะคะ ถถถถถถ
Narakas
Narakas
ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
ด้วงต้นไม้เทพเจ้า

จำนวนข้อความ : 263
Points : 3853
Join date : 27/10/2014
ที่อยู่ : ทิเบต

ขึ้นไปข้างบน Go down

[OS] #‎dmbjdaily‬(Santa) The best gift from SANTA (ผิงเสีย) Empty Re: [OS] #‎dmbjdaily‬(Santa) The best gift from SANTA (ผิงเสีย)

ตั้งหัวข้อ by Duke_of_Florence Fri 26 Dec 2014, 12:12

ซานตาคลอสนายน้อยน่ารักดีค่ะ กินขนมเยอะจนตัวอ้วน เดี๋ยวเข้าปล่องไฟไม่ได้

สรุปคืออู๋เสียเป็นเนื้อคู่ของจางฉี่หลิง ผู้นำตระกูลคนปัจจุบัน ตอนเกิดมาถึงมีสร้อยที่สืบทอดกันมาเฉพาะในตระกูลจาง อาสามไม่ได้ขโมยสร้อยมาใช่มั้ย ตอนแรกนึกว่าขโมยมาเหมือนกัน

สงสารในชะตากรรมของคนตระกูลจาง คนรอบตัวเสี่ยวเกอตายกันหมดเลย

แต่ว่านะเสี่ยวเกอทำไมนายไวแบบเน้ พอเนื้อคู่ปรากฏตัวปุ๊บก็จัดการทันทีเนี่ยนะ

ชอบตอนจบแฮปปี้เอนดิ้ง ในที่สุดนายก็ไม่ได้เหลือตัวคนเดียวแล้วนะจางฉี่หลิง มีนายน้อยแสนดีมาเป็นคู่ชีวิต เป็นอนาคต ขอบคุณสำหรับฟิคสนุกๆค่ะ  Smile
Duke_of_Florence
Duke_of_Florence
ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา

จำนวนข้อความ : 113
Points : 3591
Join date : 31/10/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

[OS] #‎dmbjdaily‬(Santa) The best gift from SANTA (ผิงเสีย) Empty Re: [OS] #‎dmbjdaily‬(Santa) The best gift from SANTA (ผิงเสีย)

ตั้งหัวข้อ by faliona01 Sun 28 Dec 2014, 13:35

กร๊๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ฟามมุ้งมิ้งค์นี้คืออาร๊าย!!!!
อ๊าย!!!!!! ขอพรเเล้วได้ซานต้าอู๋ตกจากฟ้าหลังคาลงมา สุดยอดไปเลย จางอากงคะ จางอากงอธิฐานรูปไหนคะ ถึงได้สอยซานต้าร่วงลงมาได้

ว่าไป พระเจ้าคะ นี้ท่านมัดมือชกขนาดนี้เลยหรือคะ อุเเมะๆๆๆๆๆ ยกหนุ่มน่ารักให้จางคนสุดท้าย
ที่ไม่ให้สาวไปเพราะไม่อยากให้มีผลผลิตเลยมอบเสี่ยวอู๋ไปแทนสินะคะ ท่านพระเจ้า (หัวเราะ)
อ๊าย!!! น่ารักอะ เสี่ยวอู๋ผู้น่ารัก ตกเป็นของเสี่ยวเกอเเย้ว

ว่าแต่อารองคะ บางทีก็อยากให้อารองเอาปืนยิงเสี่ยวเกอทิ้งเหมือนกันนะคะ
อะไรกันคะ!! เจอกันครั้งเเรกจับเขากดเฉยเลย (ถึงเราจะชอบก็เถอะ -.,-)
รู้สึกได้ถึงความรักรายล้อมเลย แหม๋.... ขนาดซานต้ายังสู้ไม่ได้ เสี่ยวเกอช่างสุดยอด
เมพขริงๆ!!!!
faliona01
faliona01
ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
ด้วงต้นไม้เทพเจ้า

จำนวนข้อความ : 261
Points : 3759
Join date : 02/11/2014
ที่อยู่ : เตียงหยกเย็นในถ้ำสุสานโบราณ

ขึ้นไปข้างบน Go down

[OS] #‎dmbjdaily‬(Santa) The best gift from SANTA (ผิงเสีย) Empty Re: [OS] #‎dmbjdaily‬(Santa) The best gift from SANTA (ผิงเสีย)

ตั้งหัวข้อ by kame_kazuha Mon 29 Dec 2014, 13:44

พึ่งเจอหน้า อาเฮียก็พรากบริสุทธ์เลยนะ ให้เวลาซานต้าทำใจกับน้าง ถถถถถ
kame_kazuha
kame_kazuha
ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
ด้วงต้นไม้เทพเจ้า

จำนวนข้อความ : 274
Points : 3757
Join date : 27/10/2014
ที่อยู่ : สุสานสักที่

ขึ้นไปข้างบน Go down

[OS] #‎dmbjdaily‬(Santa) The best gift from SANTA (ผิงเสีย) Empty Re: [OS] #‎dmbjdaily‬(Santa) The best gift from SANTA (ผิงเสีย)

ตั้งหัวข้อ by Rozenkreuz Mon 06 Jul 2015, 21:40

ซานต้าอู๋เสียยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย //อิมเมจกระแทกปอดดดดด
ท่านจางก็ไม่ถามไม่ไถ่ จับฉุดขึ้นเตียงเลยเร้อออออออ ถถถถถถ
Rozenkreuz
Rozenkreuz
ด้วงอาณาจักรเจ้าแม่ซีหวังหมู่
ด้วงอาณาจักรเจ้าแม่ซีหวังหมู่

จำนวนข้อความ : 625
Points : 3860
Join date : 01/07/2015
Age : 31
ที่อยู่ : กองทัพผีเก็บเห็ดแห่งประตูสำริด

ขึ้นไปข้างบน Go down

ขึ้นไปข้างบน

- Similar topics

 
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ