Countdown
We've been
togerther for
ค้นหา
Latest topics
Most active topics
[Fic] คืนที่สี่ของเราสองคน [ผิงเสีย]
+2
Luckey.B
MinMin
6 posters
หน้า 1 จาก 1
[Fic] คืนที่สี่ของเราสองคน [ผิงเสีย]
คืนที่สี่ของเราสองคน
ไม่ว่าเดินทางไปที่ไหน...สถานที่ที่เราต้องกลับมา ก็คือบ้าน…
ผมวางกระเป๋าลงกับพื้น ทิ้งตัวนั่งบนโซฟาอย่างเกียจคร้านตามความเคยชิน ทุกครั้งไม่ว่าจะไปที่ไหน มีเพียงบ้านและร้านเก่าๆ ของผมเท่านั้นที่ทำให้ผมรู้สึกได้ว่าเป็นตัวของตัวเองจริงๆ ไม่ต้องสวมหน้ากากเพื่อทำหน้าที่หรือแสดงความรับผิดชอบใดๆ
ผมขยับบิดตัวไปมา คลายกล้ามเนื้อหลังจากนั่งรถหลายชั่วโมง แล้วก็เห็นเมินโหยวผิงยืนนิ่งตรงหน้า
เขาเดินตามผมมาตั้งแต่เข้าบ้านจนถึงตอนนี้ ไม่พูดอะไรสักคำ นอกจากจ้องและมอง การกระทำของเขาทำให้ผมนึกย้อนไปถึงเมื่อสิบปีก่อน เวลาเขาจ้องแบบนี้หมายถึงมีอะไรบางอย่างผิดปกติ บางทีอาจจะมีตัวอะไรอยู่ข้างหลังผม ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้ นี่คือบ้านของผม ผมจ้างคนมาทำความสะอาดทุกสัปดาห์ ถ้ามีตัวประหลาด มันต้องโดนจัดการก่อนที่ผมจะกลับมาแล้ว
...แต่สายตาที่เมินโหยวผิงจ้องมองทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ…
...
...หรือมีจริงๆ…
ผมเริ่มหวาดระแวงจนหันไปมองข้างหลัง เมื่อเห็นเพียงความว่างเปล่ากับข้าวของเครื่องใช้ปกติ ไม่มีตัวประหลาดอะไร ผมก็หันกลับ แล้วก็ต้องผงะ เพราะเมินโหยวผิงยื่นหน้าเข้ามาใกล้ สองแขนของเขากักผมเอาไว้กับโซฟา ไม่ให้หนีไปไหน
ผมลืมคำพูดไปชั่วขณะ เหมือนถูกสะกดด้วยสายตาของเขา...ดวงตาที่ไม่สะท้อนถึงสิ่งใด มีเพียงความนิ่งสงบราวกับไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาจะไม่มีวันหวั่นไหว...เพราะเขาไม่มีสิ่งใดที่เชื่อมโยงต่อโลกใบนี้
...เมื่อไม่มีสิ่งใดที่เชื่อมโยง ก็ไม่ต้องหวาดกลัวว่าจะสูญเสียสิ่งใด...
...เพราะเขาไม่มีอะไรให้สูญเสียอีกแล้ว…
...
ทว่า...ตอนนี้ในดวงตาของเขา มีภาพสะท้อนของผมอยู่…
ความจริงก็แค่เพราะผมนั่งอยู่ตรงหน้าเขา ภาพในดวงตาที่เขาเห็นก็ควรจะเป็นผม แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกได้ว่าเขามองผมจริงๆ...เขามองผมที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขา ไม่ใช่มองเลยผ่านผมไปยังที่ไหนสักแห่งที่ไกลจนไม่อาจไล่ตาม
ผมจ้องมองดวงตาของเขาเนิ่นนาน จนกระทั่งรู้สึกถึงมือที่แตะบนใบหน้า สองนิ้วที่ยาวเป็นพิเศษของเขาไล้ตามร่องรอยจางๆ ของบาดแผลที่ผมได้จากการไปฉางไป๋ซาน เรื่อยลงมาหยุดที่ริมฝีปาก ก่อนจะเลยผ่านไปยังปลายคาง และลำคอ
…
ผมเริ่มรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี จึงจับมือของเขาไว้
“เสี่ยวเกอ”
“นายแก่ขึ้น” เขาพูด “แผลเยอะขึ้น”
ผมเห็นเขายกมือซ้าย จึงรีบจับไว้ สภาพตอนนี้จึงกลายเป็นเมินโหยวผิงยืนก้มตัวลงมาหาผมซึ่งนั่งจับมือของเขาทั้งสองข้าง
“ฉันดีใจที่นายไม่ลืมฉัน” ผมบอก “แต่ไม่ต้องจ้องใกล้ขนาดนี้ก็ได้ ปกตินายจะอยู่ห่างจากฉัน แยกไปอยู่คนเดียว ครั้งนี้ทำไม…”
ผมพูดไม่ทันจบก็สะดุ้ง กลืนคำพูดที่เหลือลงคอ เมื่อเมินโหยวผิงก้มลงมาจนผมรู้สึกถึงลมหายใจของเขาที่เป่ารดต้นคอ เขาสอดนิ้วมือเข้ามาระหว่างนิ้วของผม และเป็นฝ่ายจับมือของผมไว้แทน ผมกำลังจะถามว่าเขาทำบ้าอะไร แต่ทันทีที่รู้สึกถึงสัมผัสตรงคอ ผมก็โวยวายพยายามกระเถิบตัวหนีและดึงมือตัวเองออกมา แต่แรงของเขายังคงมากกว่า แม้ว่าจะตัวผอมบางขนาดนี้
“เสี่ยวเกอ”
เมินโหยวผิงไม่สนใจ เขากัดคอของผม แล้ววินาทีต่อมา...ผมก็รู้ว่าเขาต้องการอะไร
...ผ้าพันแผลที่เสี่ยวฮัวพันให้ผม คลายหลวมจนรู้สึกได้…
เชี่ยแม่ง!
ผมไม่สนอะไรทั้งนั้น ยกขาขึ้นตั้งใจจะถีบเขาให้กระเด็น แต่เมินโหยวผิงไวกว่า เขาออกแรงดึงผมลงไปนอนบนโซฟา ก่อนจะขึ้นมานั่งคร่อมทั้งที่ยังจับมือของผมไว้แน่น เชี่ย! ถ้ามีใครโผล่มาเห็นผมในสภาพนี้ เขาต้องฟันธงว่าผมกำลังถูกข่มขืนอย่างไม่ต้องสงสัย
“เสี่ยวเกอ ลุกออกไป” ผมพยายามสงบสติบอกเขาอย่างใจเย็น แต่สิ่งที่เมินโหยวผิงทำคือกระชากเสื้อตัวนอกของผมออก เขาใช้มือข้างหนึ่งกดตัวผมไว้ไม่ให้ลุกขึ้น ส่วนมืออีกข้างจับแขนของผมยกขึ้น จากนั้นก็กัดผ้าพันแผลทั้งที่สายตายังจ้องมองผม ชิบหาย! นี่มันยิ่งกว่าชิบหาย! ผมออกแรงขัดขืน ดิ้นรนสุดกำลัง แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากมองผ้าพันแผลที่ค่อยๆ เลื่อนหลุดลงมา
ในหัวของผมมีแต่คำว่าชิบหาย สติแตกกระเจิง พยายามคิดหาทางรอดในสถานการณ์วิกฤตยิ่งกว่าถูกนกหน้าคนรุมทึ้ง ตอนนั้นเอง ไม่รู้ว่าสมองของผมพังไปถึงขั้นไหน ผมพูดออกไปโดยไม่ได้คิดเลยว่า
“ฉันอยากเข้าห้องน้ำ!”
เมินโหยวผิงชะงัก ผมสบโอกาส รีบพูดต่อ
“ฉันทนมาตั้งแต่ในรถแล้ว ปล่อยฉันไปห้องน้ำเถอะ”
ผมพยายามปั้นหน้าให้เหมือนคนอยากเข้าห้องน้ำ ปวดจนทนไม่ได้ ผมไม่รู้ว่าหน้าตาตัวเองออกมาอุบาทว์ขนาดไหน แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้เมินโหยวผิงยอมปล่อมมือ ทันทีที่เขาลุกขึ้น ผมกระโจนวิ่งเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็ว ปิดประตูล็อค แล้วนั่งลงพิงประตูห้องน้ำ สบถในใจยาวเหยียดไล่ตั้งแต่โคตรพ่อโคตรแม่ตระกูลจางจนถึงลูกหลานคนปัจจุบัน
ผมมองผ้าพันแผลที่แขน...โชคดีที่มันยังปิดบังรอยแผลได้อยู่ ถ้าผมหาข้ออ้างได้ช้ากว่านี้อีกไม่กี่วินาที คาดว่าเมินโหยวผิงคงใช้ปากแกะผ้าพันแผลออกมาจนเห็นสิ่งที่ผมพยายามซ่อนเอาไว้แน่ๆ
ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ก่อนไปรับเขาที่ฉางไป๋ซาน ผมคิดเพียงว่าจะหาเขาให้เจอ หากเขาอยากทำอะไรต่อจากนี้ก็จะปล่อยให้เขาทำ ถ้าเขาอยากมาอยู่กับผม ผมก็จะให้เขาอยู่ด้วย หรือถ้าเขาจะไป ผมก็จะไม่รั้งไว้
...แต่ไม่คิดว่า ผมจะเป็นฝ่ายหนีเขา…แถมหนีเข้ามาขังตัวเองในห้องน้ำ ถ้านายอ้วนรู้เรื่อง เขาต้องเอามาล้อยันผมแก่ลงโลงแน่ๆ
ผมหายใจเข้าออก คิดทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วก็ต้องถามว่าความเชื่อมโยงทุกอย่างมันอยู่ตรงไหนกัน
...พวกเราแค่ไม่เจอกันนาน…
ระยะเวลาสิบปีที่ไม่เจอกัน ผมไม่อยากให้เขารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง โดยเฉพาะกับรอยแผลที่แขน จึงพยายามซ่อนเอาไว้ แต่เมินโหยวผิงที่ปกติทำตัวเมินเฉย มองเมินผมตลอด เกิดเป็นบ้าอะไรไม่รู้ มาสนใจแผลของผม
หรือว่าระยะเวลาสิบปีในประตูสำริด เขาจะกินแต่เห็ด จนเมาเห็ด นิสัยเปลี่ยน บางทีหลังประตูอาจจะมีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์เหมือนนิทานเรื่องหนึ่งที่คนตัดไม้ทำขวานตกลงไปในบ่อน้ำ แล้วมีเทพพิทักษ์โผล่ขึ้นมาถามว่าขวานที่เจ้าทำตกลงไปเป็นขวานเก่าหรือขวานใหม่ แต่ในกรณีของผม เทพพิทักษ์คงถามว่าคนที่เจ้าทำหายไปหลังประตูสำริดเป็นเมินโหยวผิงเมาเห็ดหรือเมินโหยวผิงไม่เมาเห็ด แต่เพราะผมหลับอยู่หน้าประตู จึงไม่ได้ยินเสียงถาม ท่านก็เลยจัดเมินโหยวผิงเมาเห็ดมาให้
ผมรู้สึกว่าความคิดของตัวเองเริ่มเตลิดไปไกล จึงลุกขึ้นเปิดน้ำล้างหน้า แล้วกลับลงมานั่งที่เดิม คิดหาทางออกจากสถานการณ์นี้ รู้สึกเสียดายที่ไม่ได้หยิบโทรศัพท์มือถือมาด้วย ไม่อย่างนั้นผมอาจจะโทรขอคำปรึกษาจากเสี่ยวฮัว
ผมเงยหน้ามองเพดานห้องน้ำ นึกถึงช่วงเวลาก่อนที่จะเจอเมินโหยวผิง...น่าแปลก ไม่กี่วันที่แล้ว ผมยังเป็นคนไปนั่งรอเขาอยู่หน้าประตูสำริด พูดคุยกับนายอ้วนว่าหลังจากเขาออกมาแล้วจะทำยังไงต่อ ผมยังเป็นคนพูดเองว่าจะกลายเป็นคนไม่มีอดีตและไม่มีอนาคต ไม่มีความเชื่อมโยงอะไรแม้แต่นิดเดียวกับโลกใบนี้
...แล้วสิ่งที่ผมทำอยู่ตอนนี้คืออะไร…
ผมนั่งคิดทบทวนหลายสิ่งหลายอย่างที่ผ่านมา สิบปีจะว่านานก็นาน แต่เมื่อได้เจอเขา ผมกลับคิดว่าเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมด กลายเป็นแค่ความฝันหนึ่งตื่น
บางทีผมอาจจะแค่หลับไป...ตัวตนของเมินโหยวผิงที่เป็นสิ่งมหัศจรรย์ คนที่ทำให้ผมเป็นผมในตอนนี้ ผมยังจดจำความรู้สึกตอนที่เขามาบอกลาได้ราวกับมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน เหตุการณ์ทั้งหมดตลอดสิบปี ก็เป็นแค่ความฝันข้ามคืน บางทีตอนนี้ผมก็อาจจะอยู่ในความฝัน หากลืมตาตื่นก็จะพบว่าตัวเองยังคงนั่งอยู่หน้าประตูสำริดที่ปิดสนิท
...ไม่มีใครก้าวออกมาจากหลังประตูบานนั้น…
...ไม่มีเมินโหยวผิง…
…
……
……...
“นายเป็นอะไรหรือเปล่า”
เสียงจากอีกฝั่งของประตูทำให้ความคิดงี่เง่าของผมหยุดลง
“ฉันไม่เป็นอะไร” ผมตอบกลับ จากนั้นก็ไม่มีใครพูดอะไรอีก ผมลังเลว่าควรเปิดประตูออกไปหาเขาแล้วคุยให้จบๆ ไปเลยดีมั้ย แต่ผมก็ไม่อยากให้เขารู้...ว่าสิบปีที่เขาเข้าไปอยู่หลังบานประตูแทนผม...ผมทำอะไรลงไปบ้าง
...ผมไม่เหมือนเดิมแล้ว…
ไม่ใช่อู๋เสียคนเดิมที่เขาจดจำได้…
…
“อู๋เสีย”
ผมได้ยินเสียงเขาเรียกชื่อ จากนั้นก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างใกล้ๆ ประตู มันเป็นเสียงที่เบามาก แต่เพราะผมนั่งชิดพิงกับประตู จึงได้ยิน และรับรู้ได้ว่าอีกฝั่งของประตูมีการเปลี่ยนแปลง หากผมเดาไม่ผิด...เมินโหยวผิงอาจจะนั่งลงพิงประตูอีกฝั่ง
แล้วทุกอย่างกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง หากไม่ได้ยินเเสียงน้ำที่หยดลงมาจากก๊อก ผมคงคิดว่าโลกทั้งใบถูกหยุดเวลาเอาไว้...จนกระทั่งได้ยินเสียงจากอีกฝั่งของประตู
“อู๋เสีย”
ผมส่งเสียงขานตอบ เขาจึงพูดต่อ
“ขอบคุณ ที่นายยังจำฉันได้”
…
...นายมาบอกลาฉันซะขนาดนั้น คิดว่าฉันจะลืมได้หรือไง…
...
“ขอโทษ ที่ทำให้นายลำบาก”
...
...นายเพิ่งรู้ตัวเหรอ...แต่ทั้งหมดก็ไม่ใช่เพราะนาย...เป็นเพราะฉันอยากรู้เรื่องของนาย ฉันพาตัวเองเข้ามาสู่วังวนนี้เอง…
...
“ยังดีนะ นายไม่ได้เป็นอะไรไป”
…
“ฉันอาจจะเป็นอะไรไปแล้วก็ได้” ผมตัดสินใจพูดออกไปในที่สุด “สิบปีที่ผ่านมา ฉันพยายามไล่ตามเรื่องราวของนาย นายไม่รู้หรอกว่าฉันเจออะไรบ้าง นายไม่รู้...ว่าฉันเปลี่ยนไปมากขนาดไหน”
“ฉันอยากฟัง” เสียงของเขาดังชัดเจนแม้จะมาจากอีกฝั่งของประตู “เรื่องราวของนาย”
ผมหัวเราะฝืดฝืน...ถ้านายรู้ นายอาจจะเปลี่ยนใจ…
ทว่า แม้จะคิดแบบนั้น ผมกลับค่อยๆ เล่าเรื่องของตัวเองออกมา..บางที อาจเป็นเพราะนี่คือไม่กี่ครั้งที่ผมได้ยินความปรารถนาของเมินโหยวผิง...
ผมค่อยๆ เล่าตั้งแต่ตอนที่ลงจางฉางไป๋ซาน...หลังจากเขาทิ้งผมไว้ในถ้ำแห่งนั้น ผมเดินทางกลับมายังไง ด้วยความรู้สึกแบบไหน ในตอนแรก ผมไม่รู้จะเรียบเรียงทั้งเหตุการณ์และความรู้สึกออกมายังไง การพูดแต่ละคำจำเป็นต้องใช้ความพยายามอย่างมาก แต่เมื่อพูดออกมาแล้ว ผมก็พบว่าทุกอย่างไหลลื่นไปได้ด้วยตัวของมันเอง สิ่งที่ผมตั้งใจจะปิดบัง สิ่งที่ผมหลงลืมไป ถ้อยคำมากมายถูกเปล่งออกมาเป็นเรื่องราว ผมได้ยินเสียงของตัวเองตัวสะท้อนไปมา ได้ยินเสียงของเมินโหยวผิงตอบรับกลับมาในจังหวะที่ผมหยุดพัก ราวกับต้องการบอกว่าเขายังคงอยู่...เขายังคงรับฟัง และไม่หายไปไหน
ผมไม่รู้ว่าพวกเรานั่งอยู่ตรงนี้นานเท่าไหร่ แต่ผมรู้สึกได้ว่าความหนักอึ้งในใจที่แบกมาตลอดสิบปีค่อยๆ จางหายราวกับมันถูกส่งผ่านไปกับการถ้อยคำ สื่อไปถึงคนที่ทำให้การเดินทางสิบปีของผมเริ่มขึ้น...และเป็นคนเดียวกับที่ทำให้การเดินทางสิบปีของผมสิ้นสุดลง
เมื่อเล่าทุกอย่างมาจนถึงจุดจบ ผมก็ตัดสินใจลุกขึ้นยืน พูดว่า
“ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว ฉันคิดทบทวนดูว่ามีอะไรเหลืออยู่บ้าง แล้วก็พบว่าไม่มีอะไรเหลือเลย การเดินทางของฉันเริ่มจากศูนย์ และตอนนี้ก็จบลงที่ศูนย์” ผมคิดถึงจุดหมายสุดท้ายของตัวเอง กล่าวต่อ “จากนี้ไป ฉันควรจะทิ้งทุกอย่าง เพื่อให้เรื่องราวทั้งหมดจบสิ้นจริงๆ แล้วฉันจะกลายเป็นคนที่ไม่มีอดีตและไม่มีอนาคต ไม่มีความเชื่อมโยงอะไรเลยแม้แต่นิดเดียวกับโลกใบนี้”
“ทุกสิ่งเหล่านี้สิ้นสุดลงแล้ว” เมินโหยวผิงพูดตอบมาจากอีกฝั่งของประตู “ฉันทบทวนดูความเกี่ยวโยงของฉันกับโลกใบนี้ ดูเหมือนเท่าที่เจอ ก็มีแต่นาย ทั้งเมื่อสิบปีก่อน และตอนนี้ ถ้านายบอกว่านายไม่มีความเชื่อมโยงอะไรกับโลกใบนี้...ทั้งหมดที่ฉันหลงเหลือ ก็มีเพียงแค่ความเชื่อมโยงกับนาย”
เมื่อเขาพูดจบประโยคนี้ ผมเปิดประตูออกไป พบว่าเขายืนรออยู่ ผมมองเขาเนิ่นนาน จึงค่อยๆ แกะผ้าพันแผลที่คอ แล้วดึงผ้าพันแผลที่แขน ปล่อยร่วงหล่นลงพื้น
ผมไม่กล้ามองสบตาเขา จึงเบือนหน้าหนี ขณะยื่นแขนที่เต็มไปด้วยรอยแผลให้เขาดู เมินโหยวผิงจับแขนของผมอย่างแผ่วเบา แล้ววินาทีต่อมา เขาก็ดึงตัวผมเข้าไปกอด สองมือของเขาโอบกอดผมไว้แนบแน่นแต่อ่อนโยน ผมไม่เห็นสีหน้าของเขา เพราะเขาก้มหน้าซบไหล่ของผม มีเพียงเสียงกระซิบแผ่วเบาท่ามกลางโลกที่เหมือนจะหยุดนิ่ง
“ฉันกลับมาแล้ว”
ผมใช้มือสองข้างโอบกอดเขาไว้ กล่าวว่า
“ยินดีต้อนรับกลับบ้าน”
...พวกเราแค่ไม่เจอกันนาน…
และคืนที่สี่...ในที่สุด พวกเราก็กลับมาถึง...
“บ้าน”
(End)
MinMin- ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
- จำนวนข้อความ : 222
Points : 3855
Join date : 28/10/2014
Re: [Fic] คืนที่สี่ของเราสองคน [ผิงเสีย]
งื้ออออ ตอนนี้เค้าซึ้งใจอะ
ปลดปล่อยทุกอย่างที่แบกไว้ลง ไม่ว่าจะเป็นหน้าที่ ความรู้สึก
พวกเค้ากลับ "บ้าน" กันจริงๆแล้ว
พอนายน้อยบอกตัวเองจะกลายเป็นคนไม่มีอดีตไม่มีอนาคต ไม่มีความเชื่อมโยงอะไรกับโลกนี้ พาให้เอาหน่วงไป
แต่พอเสี่ยวเกอกลับบอกว่า ทั้งหมดที่ฉันหลงเหลือ ก็มีเพียงแค่ความเชื่อมโยงกับนาย
เอาใจเราไปเลยคะ เอาอู๋เสียไปเลยคะ กรี๊ดมากนะจุดนี้
ขอบคุณนะคะคุณมิน เราชอบที่คุณมิ้นเขียนนะ ^^
ปล.ฉากโซฟา เราก๊าวมากคะ ถ้านายน้อยลุกช้าอีกนิดเราอาจเมากาวไปก่อนแน่คะ ฮาๆๆ
ปลดปล่อยทุกอย่างที่แบกไว้ลง ไม่ว่าจะเป็นหน้าที่ ความรู้สึก
พวกเค้ากลับ "บ้าน" กันจริงๆแล้ว
พอนายน้อยบอกตัวเองจะกลายเป็นคนไม่มีอดีตไม่มีอนาคต ไม่มีความเชื่อมโยงอะไรกับโลกนี้ พาให้เอาหน่วงไป
แต่พอเสี่ยวเกอกลับบอกว่า ทั้งหมดที่ฉันหลงเหลือ ก็มีเพียงแค่ความเชื่อมโยงกับนาย
เอาใจเราไปเลยคะ เอาอู๋เสียไปเลยคะ กรี๊ดมากนะจุดนี้
ขอบคุณนะคะคุณมิน เราชอบที่คุณมิ้นเขียนนะ ^^
ปล.ฉากโซฟา เราก๊าวมากคะ ถ้านายน้อยลุกช้าอีกนิดเราอาจเมากาวไปก่อนแน่คะ ฮาๆๆ
Luckey.B- ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
- จำนวนข้อความ : 102
Points : 3318
Join date : 20/07/2015
ที่อยู่ : ใต้ถุนบ้านสกุลจาง ใต้ดินบ้านอาสาม
Re: [Fic] คืนที่สี่ของเราสองคน [ผิงเสีย]
น้ำตาจะไหลคะ T T
yakusoku- ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
- จำนวนข้อความ : 369
Points : 3842
Join date : 05/11/2014
ที่อยู่ : โลงในสุสานโบราณ
Re: [Fic] คืนที่สี่ของเราสองคน [ผิงเสีย]
งืออออออ เสี่ยวเกอ นายน้อย
บ้าานหลังนี้อบอุ่นมาก
ว่าแต่เสี่ยอ้วน ยังมีประโยชน์อยู่ไหม
บ้าานหลังนี้อบอุ่นมาก
ว่าแต่เสี่ยอ้วน ยังมีประโยชน์อยู่ไหม
falenda- ด้วง
- จำนวนข้อความ : 30
Points : 3239
Join date : 27/07/2015
Age : 29
Re: [Fic] คืนที่สี่ของเราสองคน [ผิงเสีย]
ฮืออออออ ยินดีต้อนรับกลับบ้านนนนนน
แต่ชอบฉากโซฟา ไม่เขียนต่ออีกสักนิดหรือครับ ถถถถ
แต่ชอบฉากโซฟา ไม่เขียนต่ออีกสักนิดหรือครับ ถถถถ
Rozenkreuz- ด้วงอาณาจักรเจ้าแม่ซีหวังหมู่
- จำนวนข้อความ : 625
Points : 3860
Join date : 01/07/2015
Age : 31
ที่อยู่ : กองทัพผีเก็บเห็ดแห่งประตูสำริด
Re: [Fic] คืนที่สี่ของเราสองคน [ผิงเสีย]
นึกถาพตามตอนเสี่ยวเกอใช้ปากแกะผ้าพันแผล นั่นมันเซ็กซี่สุดๆเลย >////<
ตอนจบก็ดีงามมมม ขอบคุณที่แต่งมาให้อ่านนะคะ
ตอนจบก็ดีงามมมม ขอบคุณที่แต่งมาให้อ่านนะคะ
nuu_baitoey- ด้วง
- จำนวนข้อความ : 31
Points : 3513
Join date : 27/10/2014
Similar topics
» [OS] #dmbjdaily '520' (ผิงเสีย :: เหม่งจาง,ผิงเสีย)
» [fic]บันทึกรักนายน้อยแสนซื่อ กับนายเมินแสนมึน [ผิงเสีย]
» [fic]บันทึกรักนายน้อยแสนซื่อ กับนายเมินแสนมึน 1 [ผิงเสีย]
» [os] แผนการฉุดรั้งของอู๋เสีย (ผิงเสีย)
» [Fic] 003 [ผิงเสีย]
» [fic]บันทึกรักนายน้อยแสนซื่อ กับนายเมินแสนมึน [ผิงเสีย]
» [fic]บันทึกรักนายน้อยแสนซื่อ กับนายเมินแสนมึน 1 [ผิงเสีย]
» [os] แผนการฉุดรั้งของอู๋เสีย (ผิงเสีย)
» [Fic] 003 [ผิงเสีย]
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|
Fri 24 Jul 2020, 01:39 by gustoon
» [คู่มือด้วง] Keyword จีนสำหรับการขุด(แฟนดอม)สุสาน
Thu 21 Jun 2018, 00:29 by miskizfullmoon
» มังฮวาและภาคทิเบต
Thu 21 Jun 2018, 00:23 by miskizfullmoon
» [OS] Father is the best (ผิงเสีย)
Thu 03 Aug 2017, 16:12 by schneewittchen
» [Fic] สิ่งเล็กๆที่เชื่อมโลก5 [เมินโหยวผิง+อู่เสีย+เสี่ยอ้วน]+OC
Tue 01 Aug 2017, 12:30 by natsume
» [OS] #dmbjdaily (จูปาจุ๊บ) Bittersweet [ผิงเสีย AU]
Thu 06 Apr 2017, 15:58 by Zeth
» [OS] #dmbjdaily "โทรศัพท์มือถือ" - no Pairing [All]
Tue 04 Apr 2017, 22:27 by Zeth
» [OS] #DMBJDaily (แว่น): ระยะที่มองไม่เห็น [ฮัวเสีย]
Sat 01 Apr 2017, 16:55 by Zeth
» [OS] #DMBJdaily (5.20) ท่านยอดฝีมือ [หวังเหมิง (+เหมิงเสีย)(+ผิงเสีย)]
Thu 30 Mar 2017, 17:24 by Zeth