Countdown
We've been
togerther for
ค้นหา
Latest topics
Most active topics
[Fic] สิ่งเล็กๆที่เชื่อมโลก [เมินโหยวผิง+อู่เสีย+เสี่ยอ้วน]+OC
4 posters
หน้า 1 จาก 1
[Fic] สิ่งเล็กๆที่เชื่อมโลก [เมินโหยวผิง+อู่เสีย+เสี่ยอ้วน]+OC
Title : สิ่งเล็กๆที่เชื่อมโลก
Fandom : 盗墓笔记 [บันทึกจอมโจรแห่งสุสาน]
Pairing : เมินโหยวผิง x อู๋เสีย [ผิงเสีย] (เมนคู่นี้ แต่เสี่ยวเกอนี่โผล่มาแค่ชื่อจริงๆ)
Rate : PG
Timeline : หลังเล่มสิบ และภาคธิเบต (นายน้อยไปตามหาอดีตเสี่ยวเกอมาแล้วค่ะ)
**Spoiler Warning**
[1]
ผมยังจำเหตุการณ์ที่กำลังจะเขียนต่อไปนี้ได้ดี ราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ วันที่ผมได้พบกับ ‘เด็กคนนั้น’ คนที่เปลี่ยนชีวิตของผมและทุกคนไปพร้อมๆกัน
หลังจากที่ผมกับนายอ้วนกลับมาจากธิเบต ก็พักอยู่ที่หังโจว ตอนแรกผมทักว่าทำไมเขาไม่กลับปักกิ่งบ้านเขาไป ใครจะไปนึกล่ะว่านายนั่นงอนตุ๊บป่องเป็นผู้หญิงซะจนผมต้องง้อ ให้ตาย! ขนลุกเป็นบ้า นายไม่ใช่สาวน้อยแรกแย้มนะเฟ้ย มางอนหาพระบิดาอะไร เขาบ่นว่าผมใจร้ายกับเพื่อน อุตส่าห์ไปร่วมเป็นร่วมตายทั้งทีพอถึงบ้านก็ไล่หยั่งกับหมูกับหมา เออ หมูน่ะใกล้เคียงอยู่ แต่ถ้าเอาไปเทียบกับหมา สงสัยถ้าซันซุ่นติงได้ยินเข้ามันคงกระโดดงับผมแหง สุดท้ายนายอ้วนก็เลยนอนค้างบ้านผม แล้วก็ยาวเลยมาเกือบอาทิตย์ยังไม่ยอมกลับ
ตั้งแต่เขามาอยู่ร้านผมก็ดูคึกคักขึ้นมาก นายอ้วนเป็นคนอัธยาศัยดี พูดคุยเก่ง ผมอยากจะจ้างเขาแทนเจ้าหวังเหมิงจอมขี้เกียจนั่นจริงๆ พอลองขู่เรื่องนี้เข้าไป มันก็ดูตื่นตัวขึ้นมาบ้างแต่คลาดสายตาเมื่อไหร่ก็อู้เหมือนเดิม วันนี้ก็เช่นกัน เพราะมีเขาเฝ้าร้านคู่กับหวังเหมิง ผมเลยสามารถออกไปหาซื้อของใช้ในบ้านที่กำลังขาดได้ จริงๆนายอ้วนบอกอยากไปเลือกด้วยหรอกนะ แต่ดูเหมือนจะมีลูกค้ามาติดเขาอยู่หลายคนเหมือนกัน เพราะงั้นทางเลือกที่ดีกว่าคือการทิ้งเขาไว้ทำกำไรให้ที่ร้าน
นานพอสมควรแล้วเหมือนกันที่ผมไม่ได้เดินเรื่อยเปื่อยคนเดียว เพราะงานหลายๆอย่างจากฝั่งร้านอาสามที่ผมดูแลอยู่ตอนนั้นยังไม่เข้าที่เข้าทาง วิ่งรอกกันทั้งที่หังโจวและฉางซา ตอนนี้เบาบางลงไปมากแล้ว หน้าด่านหลายที่เริ่มอยู่ตัวและผมเองก็พิสูจน์จุดยืนของตัวเองแล้วว่าไม่ได้เป็นแค่ ‘นายน้อย’ ที่ทำอะไรไม่เป็นอีกต่อไป แต่จะว่าไปหน้าหนาวในหังโจวนี่ก็หนาวไม่เบาเหมือนกัน มิน่าล่ะนายอ้วนถึงไม่ยอมกลับปักกิ่ง เพราะที่นั่นหนาวกว่าที่นี่เยอะ
ผมคิดแล้วก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเบาๆ พลันสายตาเจ้ากรรมก็เหลือบไปเห็น...
เด็กน้อยคนหนึ่งกำลังนั่งเหม่อมองฟ้าอยู่ที่ริมทะเลสาบซีหู รอบด้านไม่มีใครอยู่ด้วย ตอนแรกผมคิดจะยืนดูอยู่ซักพักถ้าเห็นว่ามีผู้ปกครองอยู่ด้วยก็จะกลับ แต่เพราะบรรยากาศบางอย่างรอบตัวเด็กคนนั้น ทำให้ผมล้มเลิกความตั้งใจในตอนแรกแล้วเดินเข้าไปหา
รู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด
พอได้เห็นหน้าแล้วถึงได้ตกใจ ไม่ให้คุ้นเคยได้อย่างไร ในเมื่อเค้าหน้าของเด็กคนนี้คล้ายคลึงกับผมราวกับถอดแบบออกมาเลยทีเดียว ติดที่ว่าเธอเป็นเด็กผู้หญิงก็เท่านั้น และเหมือนเธอจะรับรู้การมีตัวตนอยู่ของผม จึงได้เบือนหน้ามามองเล็กน้อย
“ใครน่ะ?” เสียงใสกล่าวสั้นๆ และเมื่อสบเข้ากับดวงตาสีดำสนิทที่เหมือนจะดึงดูดเข้าไปในนั้น ผมก็พลันนึกถึงใครคนหนึ่งที่มีดวงตาแบบเดียวกันนี้ขึ้นมาทันที
เมินโหยวผิง...
เด็กคนนี้มีดวงตาแบบเดียวกับหมอนั่น แต่รูปลักษณ์ภายนอกเหมือนผม มันหมายความว่ายังไงกัน?
เด็กคนนี้เป็นใครกันแน่?
“ทำไมมานั่งอยู่คนเดียวอย่างนี้ล่ะ? คุณพ่อคุณแม่ล่ะ?” ท่าทางจะยิงคำถามรัวเกินไปหน่อย เด็กน้อยถึงเอาแต่เอียงคอมองผม ไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว นิสัยแบบนี้ยิ่งเหมือนเสี่ยวเกอเข้าไปใหญ่
ผมเดินเข้าไปนั่งข้างๆเธอ วางข้าวของที่ซื้อมาไว้ข้างม้านั่ง เรานั่งจ้องตากันอย่างนั้นอยู่นานจนผมรู้สึกอึดอัด เลยชวนคุยขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้ ให้ตาย...ทำไมผมรู้สึกเหมือนนั่งอยู่กับหมอนั่นได้ไงก็ไม่รู้
“หนูชื่ออะไรหรอ?” เป็นคำถามที่ผมลืมไปเลยในตอนแรก อาจจะเพราะตกใจอยู่ในหลายๆอย่าง
“ฉีเหลียน” สั้น ง่าย ได้ใจความ แถมเสียงเบาซะ...
“แล้วมานั่งทำอะไรตรงนี้ล่ะ? มันหนาวนะ” เธอเอียงคอแล้วเงียบไปนานราวกับจมอยู่ในความคิดของตนเอง จนผมเกือบจะยอมแพ้แล้ว ดวงตาสีดำคู่นั้นจึงจ้องผมแล้วถามกลับบ้าง
“แล้วคุณน้าเป็นใคร?” กว่าจะหลุดแต่ละคำนี่ยากลำบากเหลือเกินนะ แต่ผมมีประสบการณ์กับเมินรุ่นใหญ่มาก่อนแล้ว รุ่นเล็กนี่จิ๊บจ๊อย
“ฉันชื่ออู๋เสีย เรียกน้าอู๋ก็ได้ ทำไมเสี่ยวเหลียนนั่งอยู่คนเดียวล่ะ? คุณพ่อคุณแม่ไปไหนหรอ?”
“ไม่มีพ่อ... แม่บอกว่าถ้าเป็นเด็กดีจะมารับ” คำตอบของเธอทำให้หนังหัวผมชาวาบ คงไม่ใช่ว่าเด็กนี่ถูกทิ้งหรอกนะ กลางฤดูหนาวอย่างนี้ ใครกันที่ใจร้ายเอาเด็กมาทิ้งได้ลงคอ ยังเด็กอยู่เลยแท้ๆ
“หนูนั่งอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่?” ผมถามด้วยความร้อนใจ เอื้อมือไปสัมผัสผิวกายที่โผล่พ้นเสื้อผ้าแล้วก็เป็นไปอย่างที่คิด มันเย็นเฉียบจนแทบจะเป็นน้ำแข็ง ฉีเหลียนกลอกตาไปมาราวกับกำลังนับวันก่อนจะชูสามนิ้วให้ผม
“สามชั่วโมง?”
“สามวัน” หา!! สามวัน! แบบนี้มันชัวร์เรียบร้อยแล้วว่าเด็กนี่ถูกทิ้งแน่ๆ ทำไมถึงยังนั่งอยู่ได้ล่ะเนี่ย แค่เห็นก็หนาวแทนแล้ว ผมรีบถอดเสื้อนอกตัวเองไปคลุมร่างของเธอไว้ทันทีก่อนจะออกแรงฉุดให้ร่างเล็กๆลุกขึ้น
“ไปกันเถอะ”
“ไปไหน?” เด็กน้อยสวนกลับมาทันทีแทบไม่เว้นช่องว่างให้ผมหายใจ ขืนตัวเอาไว้ไม่ยอมไปด้วย ไอ้คร้านจะอุ้มไปเลยเดี๋ยวเขาจะหาว่าผมลักพาตัวเด็กอีก เลยต้องนั่งลงอธิบายดีๆ
“ก่อนอื่นก็ไปหาเสื้อผ้าอุ่นๆใส่ กินอาหารอุ่นๆและก็นอนที่ดีๆ อยู่แบบนี้มาได้ยังไงตั้งสามวันน่ะ”
“...” เข้าโหมดเงียบไปตามระเบียบ นี่ถ้าตระกูลจางไม่เหลือหมอนั่นคนเดียว ผมฟันธงล้านเปอร์เซ็นต์แน่ๆว่าเด็กนี่เป็นญาติฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งของมันชัวร์!
“เอาเป็นว่าไปที่บ้านฉันก่อน พอทำตัวให้อุ่นขึ้นแล้วค่อยออกมารอคุณแม่ ดีมั้ย? นั่งอยู่อย่างนี้เดี๋ยวก็ไม่สบายกันพอดี” ผมพยายามเกลี้ยกล่อมอยู่นาน สุดท้ายยัยเด็กน้อยก็พยักหน้าหงึกเดียวเป็นอาการตอบรับ ผมเลยคว้าข้าวของทุกอย่างขึ้นมาหอบไว้ด้วยแขนขวา ส่วนแขนซ้ายยื่นออกไปหมายจะให้จับมือ แต่เหมือนยัยตัวเล็กจะเข้าใจผิด เลยกำแค่ปลายแขนเสื้อผมไว้เท่านั้น
“กลับมาแล้ว” ผมกลับมาที่บ้านเลยเพราะโทรไปบอกให้หวังเหมิงปิดร้านก่อนแล้ว นายอ้วนเองก็กลับมาบ้านผมแล้ว เขาได้ยินเสียงผมเลยเดินออกมาจากครัวทั้งๆที่ยังสวมผ้ากันเปื้อนอยู่
“กลับมาแล้วเรอะเทียนเจิ-...” สัญญาณขาดหายเมื่อเขามองเห็นเด็กน้อยที่อยู่ข้างตัวผม เอาน่ะ ตอนผมเห็นครั้งแรกก็ตกใจเหมือนกันแหละ เรื่องปกติ
“นายแอบไปมีลูกกับน้องเสี่ยวเกอตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ลูกพ่องงง!!” ความคิดสร้างสรรค์มากไอ้ห่านี่ ผมวางข้าวของในมือลงบนโต๊ะ แล้วอุ้มเสี่ยวเหลียนขึ้นไปนั่งบนโซฟา ก่อนจะหันมาคุยกับเขา
“เด็กนี่นั่งอยู่ที่ทะเลสาบซีหู สามวันแล้ว ฉันเลยพากลับมาที่บ้านก่อน”
“เดี๋ยว!? สามวัน? เด็กถูกทิ้ง?”
“คิดว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น” นายอ้วนส่ายหัวเหมือนปลงตก ทำหน้าเหมือนแม่ที่ลูกชายไปเก็บแมวถูกทิ้งมาเลี้ยงไม่มีผิด มันผิดรึไง? ที่ผมจะรู้สึกสงสารและอยากช่วยน่ะ อีกอย่างเพราะบรรยากาศรอบตัวเด็กนี่เหมือนหมอนั่นมาก ผมเลยรู้สึกคาใจอะไรบางอย่าง
“ยังไงก็เถอะ ฉันจะไปหาเสื้อผ้าสมัยเด็กๆของตัวเองมาให้เสี่ยวเหลียนใช้ไปก่อน นายก็ทำอาหารเด็กเผื่อด้วยล่ะ” เด็กๆไม่กินรสจัด ผมคิดว่าเขาเองก็น่าจะรู้ เลยแบ่งหน้าที่กันแล้วหันไปมองเจ้าตัวน้อยที่ตอนนี้นั่งเหม่ออีกแล้ว
“เหมือนจริงๆนะ...ว่ามั้ย?” เขาหันมากระซิบกับผมที่พยักหน้าให้ ใช่...นี่มันเมินโหยวผิงรุ่นเล็กเวอร์ชั่นผู้หญิงชัดๆ
“ฉันติดใจเรื่องนั้นถึงได้พากลับมานี่แหละ”
“ว่าแต่...ยัยหนูชื่ออะไรนะ?”
“บอกว่าชื่อฉีเหลียน แต่แซ่อะไรฉันก็ไม่ได้ถาม”
“วะ! ไอ้นี่ ทำไมไม่ถามเล่า? เกิดเป็นลูกหลานน้องเสี่ยวเกอจริงๆจะได้เตรียมเลี้ยงดูปูเสื่อ” ห่านี่ เมื่อกี้ยังทำท่าน่าเบื่อเอือมระอาใส่ผมอยู่เลย เปลี่ยนอารมณ์ไวจริงนะ
เราแยกย้ายกันไปทำตามหน้าที่ นายอ้วนเข้าครัวไปส่วนผม ก่อนขึ้นไปบนห้องผมกำชับเสี่ยวเหลียนให้นั่งเฉยๆบนโซฟาอย่าไปไหน เจ้าตัวก็พยักหน้าหงึกหนึ่งเป็นคำตอบเหมือนเดิม
ประเมินจากสายตาคร่าวๆแล้วคิดว่าหนูน้อยฉีเหลียนน่าจะอายุประมาณห้าถึงหกขวบ เด็กวัยนี้โดยปกติจะช่างพูดจา ช่างซักถามแต่เด็กที่ผมเก็บมาคนนี้เงียบเป็นเป่าสาก แถมชอบเหม่ออีกต่างหาก พอผมเดินลงมาข้างล่างก็เห็นนายอ้วนกำลังชวนเด็กน้อยคุยอย่างสนุกสนาน อ่อ ที่สนุกน่ะมันคนเดียวนะ ส่วนเสี่ยวเหลียนทำแค่พยักหน้ากับส่ายหน้าเท่านั้นเอง
“เสี่ยวเหลียน... ไปอาบน้ำก่อนนะ น้าเปิดน้ำอุ่นใส่อ่างไว้ให้แล้ว เสร็จแล้วใส่ชุดนี้แล้วออกมากินข้าวนะ” ผมส่งชุดให้เธอ เด็กน้อยรับมาแล้วผงกหัวตอบเช่นเดิม ท่าทีเช่นนั้นทำให้นายอ้วนแหกปากหัวเราะลั่นจนผมต้องปราม
“ฮ่าๆๆ เทียนเจินอย่างกับแม่เลยว่ะ!!”
“หุบปากเลยเอ็ง! จะเสียงดังไปไหนห๊ะ?”
“เอาน่าๆ อย่างน้อยเสี่ยอ้วนก็ได้ข้อมูลเพิ่มนิดนึงนะ” ก็เห็นนั่งคุยอยู่นานสองนาน อีกอย่างเขาชวนคุยเก่งกว่าผม คิดว่าคงถามอะไรหลายๆเรื่องได้ แต่เด็กคนนี้ก็มีความระมัดระวังตัวสูงพอสมควรเหมือนกัน
“เด็กนั่นแซ่ซือ ชื่อฉีเหลียน (牵连) ตัวที่แปลว่าผูกพันน่ะ นี่ถ้าไม่รู้อะไรนะเสี่ยนึกว่าเป็นลูกเทียนเจินกับน้องเสี่ยวเกอไปแล้ว หน้ากับนิสัยถอดแบบพวกนายมาซะขนาดนี้” เขาพูดติดตลกแล้วส่ายหน้า มันไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว ต่อให้มันจะดูเหมือนปาฏิหาริย์มากขนาดไหนก็เถอะ ยังไงเด็กคนนี้ก็มีพ่อแม่
“แล้วได้เรื่องพ่อแม่บ้างมั้ย?” เป็นเรื่องที่ถามยาก ตั้งแต่เขาหลุดไปตอนที่พบกันแล้วเจอคำตอบชวนช็อค
“แม่ชื่อ ซือเซียงอิน พ่อเป็นใครไม่รู้ เมื่อสามวันก่อนแม่พามานั่งตรงนั้นแล้วบอกว่าถ้าเป็นเด็กดีจะมารับ แม่ไปธุระไม่นาน เสี่ยอ้วนว่านะ อันที่จริงยัยหนูคงพอจะรู้อยู่แล้วล่ะมั้งว่าตัวเองจะโดนทิ้งน่ะ ไม่งั้นคงไม่เดินตามเทียนเจินกลับมาง่ายๆอย่างนั้นหรอก มีอย่างที่ไหนเดินตามคนที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกกลับบ้านเฉย” เขาใส่ความเห็นส่วนตัวลงไปด้วยซึ่งผมก็คิดว่ามันเป็นไปได้มากทีเดียว มือเลยคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดหาคนๆหนึ่ง
“เสี่ยวฮัว...นายช่วยอะไรฉันหน่อยได้มั้ย?” ปลายสายตอบกลับมาสองสามคำเมื่อผมอธิบายเรื่องราวให้ฟังแล้ววางสายไป บอกแค่ว่าพรุ่งนี้เจอกัน ผมเลยหันมายักไหล่ให้นายอ้วนทำนองว่าเรียบร้อย ก่อนที่เราทั้งคู่จะพร้อมใจกันสะดุ้งโหยง เพราะเด็กหญิงที่เป็นหัวข้อสนทนามายืนอยู่ด้านหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
“ส...เสี่ยวเหลียน มาแล้วก็ส่งเสียงหน่อยสิ น้าตกใจหมดเลย” ยัยหนูผงกหัวลงนิดหน่อยคล้ายจะบอกว่าขอโทษ นายอ้วนรีบคว้าผ้าขนหนูไปคลุมศีรษะเล็กๆนั่นแล้วเช็ดเบาๆเมื่อเห็นว่าเส้นผมสีน้ำตาอ่อนนั้นยังเปียกชื้นอยู่
“เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอกเหลียนเอ๋อร์ ผมน่ะต้องเช็ดให้แห้งก่อนนะ อืม ตัวอุ่นขึ้นมาบ้างแล้วนี่? มาๆ มากินซี่โครงตุ๋นเยื่อไผ่ของลุงอ้วนดีกว่า” ว่าแต่ฉัน นายก็ทำตัวอย่างกับพ่อเด็ก ผมอยากจะกัดเขาแต่ก็ทำไม่ได้เพราะการทะเลาะกันต่อหน้าเด็กไม่ใช่สิ่งที่ดีเท่าไหร่นัก ผมเลยเลือกที่จะเงียบเก็บไว้แล้วนั่งลงทานข้าวเงียบๆ
มื้อนั้นเราสามคนทานข้าวแล้วคุยกันอย่างสนุกสนาน แค่ผมกับนายอ้วน ส่วนยัยหนูน้อยจะทำตาเป็นประกายก็ต่อเมื่อเราเล่าเรื่องการลงกรวยหรือวัตถุโบราณที่ได้เจอมาหลายๆอย่าง แต่ก็ยังพูดน้อยเหมือนเดิม นานๆทีถึงจะพูดซักครั้งและประหยัดคำจนแทบจะนับได้ สุดท้ายก่อนพาเธอเข้านอนผมกับนายอ้วนเลยถามคำถามหนึ่งไป
“เชื่อพวกน้ามั้ย? พวกน้าจะพาเสี่ยวเหลียนไปหาแม่จริงๆนะ” ผมแอบสัญญากับตัวเองในใจไปแล้ว ไม่ว่าจะยังไงก็ต้องหาแม่ของเด็กให้เจอให้ได้ อย่างน้อยที่สุดก็อยากถามว่าทำไมถึงทำแบบนี้ และถ้าคนเป็นแม่ยืนยันว่าจะไม่รับฉีเหลียนกลับไปอยู่ด้วยแล้วล่ะก็...
ผมจะเลี้ยงเด็กคนนี้เอง
“ลุงอ้วนกับเหลียนเอ๋อร์เพิ่งเจอกัน แต่เราเชื่อใจกันได้น้า เหลียนเอ๋อร์เชื่อลุงอ้วนรึเปล่า?” เด็กหญิงมองหน้าผม มองหน้านายอ้วนแล้วก็หันมามองหน้าผม ทำอย่างนั้นอยู่สองถึงสามนาทีก็พูดประโยคหนึ่งออกมา
“เชื่อค่ะ... เพราะเขาบอกว่าจะมีคนมารับแน่นอน” ผมไม่เข้าใจประโยคหลังที่เธอพึมพำกับตัวเอง แต่เดาเอาว่าแม่เธอคงบอกอะไรซักอย่างไว้ บางทีคนไปรับที่ว่าอาจจะหมายถึงพวกค้ามนุษย์ก็ได้ ดีที่ผมไปเจอเข้าซะก่อน
“แล้วก็...เราเคยเจอกันหลายครั้งแล้วค่ะ” เด็กน้อยเอ่ยประโยคที่สองที่ทำให้ผู้ใหญ่สองคนติดสตั๊น เคยหรอ? ทำไมผมจำไม่ได้ ดูเหมือนงานนี้เสี่ยอ้วนจะเข้าใจอะไรได้เร็วกว่าผม เข้าเอื้อมมือไปลูบหัวเธอเบาๆแล้วถาม
“เหลียนเอ๋อร์ไปเห็นพวกลุงที่ไหนหรอ?”
“ถนน... เสี่ยวเหลียนนั่งอยู่ตรงนั้นทุกวันอยู่แล้ว” เอาแล้วไง ผมเดินผ่านเธอมาหลายวันแล้วหรือเนี่ย? ไม่ทันสังเกตจริงๆ ถ้าวันนี้ไม่ได้เดินเรื่อยเปื่อยแล้วมองทางทะเลสาบ ผมก็คงไม่เห็นเธออีกใช่มั้ย?
กรรมของเวรจริงๆ
ดีค่ะ... เปิดเรื่องใหม่แย้ววว คราวนี้จะป่วนขนาดไหนน่อ = ="
(ติดเป็นFICไว้ก่อน... เดี๋ยวมาต่อตอน2ให้ทีหลัง พิมพ์ไปปวดหลังไป เจียดเวลาทำทีสิทมาเขียนฟิค เจริญและ)
ขออธิบายเกี่ยวกับเสี่ยวเหลียนนิดหน่อย น้องนางเป็น OC ออริของเราเองค่ะ หน้าจะเหมือนอู๋เสีย แต่นิสัยเหมือน จางฉีหลิงค่ะ (เพราะงั้นเสี่ยเลยแอบเเซวว่าสองคนนี้กิ๊กกันแล้วมีลูกหรอ? 555)
ปริศนาการกำเนิดของเสี่ยวเหลียนจะเฉลยในบทถัดๆไปค่ะ
ตอนถัดไปค่ะ จิ้มได้เลย
[Fic] สิ่งเล็กๆที่เชื่อมโลก2
แก้ไขล่าสุดโดย natsume เมื่อ Sun 25 Jan 2015, 00:56, ทั้งหมด 3 ครั้ง
natsume- ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
- จำนวนข้อความ : 97
Points : 3531
Join date : 08/01/2015
ที่อยู่ : บนหลังกิเลน
Re: [Fic] สิ่งเล็กๆที่เชื่อมโลก [เมินโหยวผิง+อู่เสีย+เสี่ยอ้วน]+OC
เสี่ยวเหลียน
คุณแม่พูดถูกแล้วนะว่าจะมารับ
ดูสิ คุณแม่อู๋เสียมารับหนูไปแล้วนี่ไง
//อะฮิ
พ่อเด็กคงไม่ใช่เสี่ยวเกอหรอกมึ้ง //แอบหวั่น
คุณแม่พูดถูกแล้วนะว่าจะมารับ
ดูสิ คุณแม่อู๋เสียมารับหนูไปแล้วนี่ไง
//อะฮิ
พ่อเด็กคงไม่ใช่เสี่ยวเกอหรอกมึ้ง //แอบหวั่น
mimky- ด้วง
- จำนวนข้อความ : 28
Points : 3501
Join date : 04/11/2014
Re: [Fic] สิ่งเล็กๆที่เชื่อมโลก [เมินโหยวผิง+อู่เสีย+เสี่ยอ้วน]+OC
เดี๋ยวนะ? นายน้อยเป็นโจรลักเด็กกกกกกกกกกก //โดนถีบตกทะเลสาบ
นึกภาพเด็กน้อยหน้าเหมือนเทียนเจิน ตาเหมือนเสี่ยวเกอแล้วมันโมเอะมากอะโตมาเป็นราชินีสินะลูก ว่าแต่เด็กน้อยเป็นมายังไงหนอ เสี่ยวเกอจะเป็นพ่อเด็กจริงหรือไม่ รอตอนต่อไปนะคะ XD
นึกภาพเด็กน้อยหน้าเหมือนเทียนเจิน ตาเหมือนเสี่ยวเกอแล้วมันโมเอะมากอะ
feyralin- ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
- จำนวนข้อความ : 118
Points : 3640
Join date : 21/12/2014
ที่อยู่ : เนเวอร์แลนด์แดนแห่งกาว
Re: [Fic] สิ่งเล็กๆที่เชื่อมโลก [เมินโหยวผิง+อู่เสีย+เสี่ยอ้วน]+OC
แอบจินตนาการเสี่ยวเหลียนท่าทางจะเป็นสาวน้อยน่ารักก
yakusoku- ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
- จำนวนข้อความ : 369
Points : 3841
Join date : 05/11/2014
ที่อยู่ : โลงในสุสานโบราณ
Similar topics
» [Fic] สิ่งเล็กๆที่เชื่อมโลก2 [เมินโหยวผิง+อู่เสีย+เสี่ยอ้วน]+OC
» [Fic] สิ่งเล็กๆที่เชื่อมโลก3 [เมินโหยวผิง+อู่เสีย+เสี่ยอ้วน]+OC
» [Fic] สิ่งเล็กๆที่เชื่อมโลก4 [เมินโหยวผิง+อู่เสีย+เสี่ยอ้วน]+OC
» [Fic] สิ่งเล็กๆที่เชื่อมโลก5 [เมินโหยวผิง+อู่เสีย+เสี่ยอ้วน]+OC
» [SF] เมินโหยวผิง [ผิงเสีย]
» [Fic] สิ่งเล็กๆที่เชื่อมโลก3 [เมินโหยวผิง+อู่เสีย+เสี่ยอ้วน]+OC
» [Fic] สิ่งเล็กๆที่เชื่อมโลก4 [เมินโหยวผิง+อู่เสีย+เสี่ยอ้วน]+OC
» [Fic] สิ่งเล็กๆที่เชื่อมโลก5 [เมินโหยวผิง+อู่เสีย+เสี่ยอ้วน]+OC
» [SF] เมินโหยวผิง [ผิงเสีย]
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|
Fri 24 Jul 2020, 01:39 by gustoon
» [คู่มือด้วง] Keyword จีนสำหรับการขุด(แฟนดอม)สุสาน
Thu 21 Jun 2018, 00:29 by miskizfullmoon
» มังฮวาและภาคทิเบต
Thu 21 Jun 2018, 00:23 by miskizfullmoon
» [OS] Father is the best (ผิงเสีย)
Thu 03 Aug 2017, 16:12 by schneewittchen
» [Fic] สิ่งเล็กๆที่เชื่อมโลก5 [เมินโหยวผิง+อู่เสีย+เสี่ยอ้วน]+OC
Tue 01 Aug 2017, 12:30 by natsume
» [OS] #dmbjdaily (จูปาจุ๊บ) Bittersweet [ผิงเสีย AU]
Thu 06 Apr 2017, 15:58 by Zeth
» [OS] #dmbjdaily "โทรศัพท์มือถือ" - no Pairing [All]
Tue 04 Apr 2017, 22:27 by Zeth
» [OS] #DMBJDaily (แว่น): ระยะที่มองไม่เห็น [ฮัวเสีย]
Sat 01 Apr 2017, 16:55 by Zeth
» [OS] #DMBJdaily (5.20) ท่านยอดฝีมือ [หวังเหมิง (+เหมิงเสีย)(+ผิงเสีย)]
Thu 30 Mar 2017, 17:24 by Zeth