Countdown
We've been
togerther for

ค้นหา
 
 

Display results as :
 


Rechercher Advanced Search


[OS]7 Day [ฮัวเฮย][Nc17]

+5
Yuwadee Wana
meanato
Fenrir
sha
kuramajoy
9 posters

Go down

ฮัวเฮย - [OS]7 Day [ฮัวเฮย][Nc17] Empty [OS]7 Day [ฮัวเฮย][Nc17]

ตั้งหัวข้อ by kuramajoy Fri 21 Nov 2014, 01:52

เดี๋ยวพรุ่งนี้มาแก้คำผิดให้คะ พอดี พิมพ์หูหลับดับไหม้มาก
ว่าแต่ฟิคนี้จะมีคนอ่านเรอะ

7 Day
Fic จอมโจรแห่งสุสาน
คู่ เซี่ยอวี้ฮัวxเฮยเสียจื่อ
เรื่องนี้แต่งมาจากนิทานพื้นฐานเรื่องหนึ่ง
แต่งไปแล้วรุ้สึกว่าไม่ใช่อิแว่นสักนิด มันน่ารักไป ...
คือเฟลงานแล้วขอมาแต่งฟิคระบายอารมณ์หน่อย งานไม่เสร็จแต่แอบมาเวิ่น


กาลคัร้งหนึ่งนานแสนนานมาแล้วมีเจ้าหญิงที่แสนงดงามคนหนึ่งกลับต้องนินทราไปตลอดพันปีเพราะคำสาปของแม่มดร้าย เธอหลับตานอนมายาวนานเพื่อรอคอยยังเจ้าชายมอบรักแท้และปลุกเธอให้ตื่นจากการหลับใหล

รอมานานแสนนาน เจ้าหญิงนินทราที่ไม่มีวันลืม

ทำไมเธอถึงไม่ลืมตาขึ้นมา ไยเธอจึงยังหลับใหลอยู่ทั้งที่ดำรงเป็นเวลานานแล้ว

นั่นสิ อาจจะเพราะเธอกำลังร้ายอยู่ก็ได้...

หรือเพราะ นินทราเรื่องนี้ไม่มีเจ้าชายก็เป็นได้

โลกนี้เหมือนดั่งฝันร้าย คือคำที่เซี่ยอวี้ฮัวจำได้ขึ้นใจเพราะมันเป็นคำพูดของบิดาผู้ล่วงลับ หลังจากสูญสิ้นทุกอย่าง พวกเราถูกทรยศจากผุ้ร่วมเป็นร่วมตายในกรวยมาเป็นนักต่อนัก เหมือนอย่างที่ตระกูลอู๋เคยพูดเอาไว้

อย่าไว้ใจมนุษย์

รอยยิ้มทีไ่ด้เห็นยังวันนี้อาจเลือนหายเป็นความเกรี้ยวกราดที่ฆ่าพวกเรา ผมเรียนรู้ยังความโสมมของพวกนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า รู้สึกได้ถึงความมืดมิดที่ไม่อาจขึ้นไปได้ ผมสวมใส่หน้ากากอยู่หนึ่งใบ มันคือหน้ากากที่จะกันทุกคนไม่ให้เข้าใกล้ ทั้งที่รู้ว่าไม่ควรไปเข้าชิดใกล้กับใครมากนัก แต่โชคชะตากลับเล่นตลก

คืนหนึ่งในปักกิ่ง ถนนที่เต็มไปด้วยร้านเหล้าราวกับโชคชะตา ผมกลับได้พบกับเขา ชายที่ไร้ทั้งชื่อเสียงเรียงนามและหลักฐานในการคงอยู่ แม้แต่ดวงตาก็ยังซุกซ่อนเอาไว้ใต้แว่นตาสีดำ จะมีก็แต่รอยยิ้มขี้เล่นที่ขยับยิ้มซุกซน

ท่ามกลางถนนที่ลาคลั่งไปด้วยผู้คนเราชนกันก่อนที่ใบหน้านั้นจะหันมาหาผม รอยยิ้มนั้นคลี่ยิ้มกว้างราวกับพานพบกับสิ่งที่ตามหามานานแสนนาน
“ร้องเพลงให้ฟังหน่อยสิ”

มันเป็นคำทักที่แปลกประหลาดที่สุด ผมอึ้งอยู่นานแสนนานจนกระทั่งใบหน้าัน้นเอียงคอก่อนที่จะหัวเราะ

“เอ๋ งิ้วไง” มือนั้นเข้ามากอบกุมผมเอาไว้เพราะอารมณ์ตกใจผมจึงไม่ได้สะบัดมันออก เขาเป็นชายที่สูงกว่าผมเล็กน้อย ใบหน้าได้รุป จมุกโด่งสันดูแล้วเหมือนจะเป็นลุกครึ่ง ริมฝีปากเรียวขยับรอยยิ้มยียวน เสียดายที่นัยน์ตานั้นถูกซ่อนในแว่นตาดำหนาทึบ เขาสวมใส่เสื้อผ้ารัดรูปทะมัดทะแมง ทาบทับด้วยแจ็กเกตสีดำ ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็เจอแต่สีดำตั้งแต่หัวจนดเท้า ที่คอห้อยสร้อยคล้องกระดิ่งเล็กไว้หนึ่งเส้น ยามที่เดินไปมันจะส่งเสียงกรุ้งกริ้งไพเราะบางเบา

“งิ้ว..” ผมทวนคำ ใช่ สมัยยังเยาว์ปุ่ของผมนำผมไปฝากไว้กับผู้มีอิทธิพลเพื่อหวังให้ผมได้ใช้ร่มเงาของเขา คนผู้นั้นแสดงเป็นตัวนางเป็นชายงามหมดจดเขาชื่นชอบงิ้วมาก สมัยเยาว์ผมจึงถูกเขาจับเล่นบทสตรีสูงศัพดิ์อยู่บ่อยๆ จวบจนกระทั่งเขาสิ้นลมผมถึงได้กลับมาอยู่ในฝันร้ายของตระกูลเซี่ย

แต่เพราะเคยเป็นลูกศิษย์ของเขาผมถึงยังสามารถดำรงชีวิตได้อยู่จนถึงบัดนี้

“ฉันเลิกร้องแล้ว” ผมขมวดคิ้วสะบัดมือข้างัน้น เขาอาจจะเป็นลูกค้าที่เคยได้ดูการแสดงของผมเมื่อยังเยาวืก็ได้ ไม่น่าเชื่อว่าจะยังมีคนจำได้

“เลิกทำไมละ นี่ร้องให้ฟังหน่อยสิ แล้วฉันจะมอบความฝันให้” ชายผุ้นั้นเอ่ยขึ้นพาให้ผมเบิกกว้าง

ความฝัน?

“เฮะ นายเป็นพวกชักจูงเข้าลักธิหรือไง” ผมถอยห่างจากเขามองชายผุ้ไม่น่าไว้ใจนี่ตั้งแต่หัวจรดเท้า

“ลักธิคืออะไร ?” เขาดูสับสนสนงุงง “ฉันแค่อยากฟังนายร้องเพลงอีกครั้ง”

“นายบ้าหรือโง่กันเนี่ย” ผมต่อว่าเขารู้สึกว่าตกเป็นเป้าสายตาของคนเดินผ่านไปมา จึงหลีกหนีเดินมายังซอยมีดข้างเคียง เขาเดินตามผมมาราวกับไอ้โรคจิต
ลงมือก่อนย่อมได้เปรียบ

ผมหันหลังคว้าข้อมือนั้นจับกระชากก่อนที่จะล้วงเอาปืนในมือขึ้นมาจ่อขมับยังชายแปลกหน้า เขาตกใจสะดุ้งตัวโยน
“เสี่ยวฮัวทำอะไร”

ผมเลิกคิ้วขึ้นเขารู้จักผมเสียด้วย ออกแรงบีบยังข้อมือนั้นได้ยินเสียงกร็อบของกระดูกพร้อมกับเสียงร้องของอีกฝ่าย

“นายตามฉันมาทำไม รู้จักฉัน ต้องการอะไร” ชายแปลกหน้าขมวดิ้วก่อนที่ะจเอ่ยคำร้องขออันเรียบง่าย
“แค่อยากได้ยินเสียงนายร้องเพลงอีกครั้ง”

เพลง...ผมเม้มปากรู้สึกถึงวันวานที่ยังสงบสุข  แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ผมจำต้องสวมใส่หน้ากากไม่มีวันได้ยิ้มอย่างเป็นสุข

“บอกมาว่านายแกเป็นใคร สะกดฉันมาเพื่ออะไร” ผมกดปากกระบอกปืนแนบศีรษะได้รูปดูท่าเขาจะเจ็บมากจนงอแง ชายแปลกหน้าบิดข้มือจังหวะนั้นผมลั่นไกคิดว่ากระสุนคงจะทะลุสมองเขาแต่ไม่เลย ราวกับภาพมายา ภาพเบื้องหน้าของผมกลับว่างเปล่าทอดทิ้งไว้เพียงขนนกสีดำหนึ่งเส้น

“ทำไมถึงยิงละ อ้อรู้แล้วเสี่ยวฮัวชอบร้องขอของจากอาจารย์ ร้องเพลงคงไมไ่ด้มาฟรีๆ งั้นก็ได้ เรามาแลกกันเถอะ ฉันจะทำให้ความปรถนาของนายเป็นจริงแลกกับเสียงร้องเพลงของนาย” เสียงทุ้มดังขึ้นข้างหลังผมหันไปตามสัณชาติณานเห็นเขายืนพิงผนังอยู่ข้างหลัง ราวกับผีสางนางไม้ เมื่อครู่ทั้งที่จับอย฿่แท้ๆ เขาหลบไปได้อย่างไรแล้วมายืนตรงนี้ได้ยังไง

“นี่ต้องการอะไรละ” ชายแปลกหน้าเดินมาทางผมเขาตวัดทีเดียวก็คว้ามือที่ผมถืออยู่ได้อย่างง่ายดาย ใบหน้าได้รูปเข้ามาประชิดใกล้ “นี่นางฟ้า โอ้โหมองใกล้ๆยิ่งสวยนะ”

“หึหึ” ผมหัวเราะเมื่อไ้ดยินคำของเขา “นายเป็นภูติผีปีศาจหรือไง”

“ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็นตัวอะไร” เขาหัวเราะร่าเริงดูแล้วน่าหมั่นไส้ที่สุด ชายแปลกหน้าเดินเข้ามาหาผม “นี่ตั้งชื่อฉันหน่อยสิ”

“ตั้งชื่อนาย ?” ผมขมวดคิ้ว...หมอนี่จะประหลาดเกินไปแล้วนี่ถ้าตั้งชื่อให้ต้องเก็บไปเลี้ยงด้วยไหม ผมมองยังแว่นดำของเขาก่อนที่จะตั้งชื่อได้ส่งเดชสุดฤทธิ์ “งั้นนายชื่อเฮยเสียจื่อแล้วกัน”

“ได้ ดีจังมีชื่อซักที งั้นเสี่ยวฮัวอยากได้อะไรละ” เฮยเสียจื่อแลบลิ้นท่าทีซุกซนราวกับเด็กน้อย ผมคลี่ยิ้มก่อนที่จะเปิดมือถือเล่น

“งั้นนายทำให้หุ้นฉันขึ้นพุ่งตลาดได้ไหมละ” ผมคลี่ยิ้มงดงามให้กับเขา เฮยเสียจื่อเอียงคอก่อนที่จะปราดเข้ามา ผมยบันใบหน้าที่ทาบทับด้วยใบกันแดดของเขาไว้ได้ทันก่อนที่จะมาถึง หมอนี่เหมือนเด็กชะมัด

“ทำได้สิ จะทำให้ตอนนี้เลย ถ้าทำแล้วนางฟ้าจะร้องเพลงให้เหมือนก่อนไหม”

เมื่อก่อน คำที่พาให้ผมสะดุดก่อนที่มือถือจะส่งเสียงร้องดัง ผมหยิบมันขึ้นมาหน้าแสดงผลหุ้นที่เปิดค้างไว้เมื่อครู่ ขีดเส้นกำลังทะยานขึ้นราวกับไต่ขึ้นพาให้ผมเบิกตากว้าง จวบจนปิดตลาดมันขึ้นไปสูงสุดในตลาด ผมหันไปมองยังร่างสีดำสนิทอย่างเชื่องช้ามองยังรอยยิ้มขี้เล่นของเขา

“ทำให้แล้วนะ ต่อไปต้องการอะไรละ”  ขนนกสีดำขนหนึ่งร่วงหล่นเบื้องหน้า เฮยเสียจื่อยื่นมือมาให้กับผม ในตอนนั้นผมไม่ได้ปัดมือทิ้งอีกต่อไป กลับจับมันเอาไว้อย่างมั่งคง

ราวกับแสงสีดำที่มืดมิด ผมกำลังตกลงสู่ยังห้วงหุบเขาแห่งความแค้น ตัวตนที่โดดเดี่ยวท่ามกลางถนนอันหลากหลายในปักกิ่ง ปมยังจำได้ดีถึงนัยน์ตาคู่นั้น ผุ้สนิทชิดเชื้อทั้งหลายที่ทรยศพวกเรา

ทำให้ผมต้องไปอยู่กับตระกูล ทำให้พ่อและอาของผมต้องตาย สูญสิ้นยังทุกอย่าง ถึงตระกูลจะคงอยู่แต่กลับโดดเดี่ยว แม้จะร่ำรวยทว่ากลับหลงเหลือเพียงคนเดียว

น่าสมเพชเหลือเกิน

วินาทีนั้นเด็กน้อยผู้โดดเดี่ยวกลับหยิบเอาผลไม้สีแดงต้องห้ามของปีศาจ ...กระซิบยังความมืดมิด ย้อมมันให้เป็นสีดำอันมืดมิด

“ฉันต้องการให้นายทำลายคนคนหนึ่ง”

หากจะต้องขายวิญญานกับปีศาจผมก็ยินดีเพื่อที่จะได้ล้างแค้นให้กับวงศ์ตระกูล..ผมเอื้อมมือไปจับยังปีศาจสีดำ รอยยิ้มของชายแปลกหน้านั้นร่าเริงราวกับเด็กน้อย

หากจะต้องทำลายยังทุกสิ่งทุกอย่าง

คืนวันนั้นผมได้เก็บเอาปีศาจตนหนึ่งกลับไปยังบ้านของตนเอง ทว่าผมกลับไม่รู้เลยว่านั่นจะเป็นจุดเริ่มต้นแห่งความฝันร้ายที่ไม่มีจุดสิ้นสุด

******************
ท่ามกลางแมกไม้ที่ปกคลุมมีเสียงหวานใสก้องกังวาล เสียงเพลงคลอมาตามลมเรียกให้เฮยเสียจื่อคอยแอบดูยังเด็กมนุษย์กับอาจารย์ของเขา พวกเขาช่างมีความงดงาม ฝึกฝนร่ายรำร้องเพลงดูเพลินเพลินเลือเกิน

ความเบื่อหน่ายพาให้เขามาแอบเฝ้ามองยังเด็กคนนั้นทุกวันวาน เด็กผู้ชายที่แต่งตัวเหมือนเด็กผู้นั้นผู้นั้นน่ารักจับใจ เขาหมุนตัวร้องเพลงเสียงใสกังวาล ร่ายรำได้งดงามจับใสราวกับนางฟ้าตัวน้อย ท่ามกลางความสงบเงียบของผืนป่าที่แปลกวิเวกนั่นคือความสำราญเดียว นั่ยน์ตากลมโตของเด็กน้อยสะท้อนไปดว้ยความใสซื่อ มันงดงามแม้แต่คนที่ตาไม่สู้แสงเช่นเขายังพยายามาเพื่อพบกับความงดงามนี้

ทั้งที่เป็นแบบัน้น ....ทำไม...ในตอนนี้เฮยเสียจื่อกลับไม่รู้เช่นนั้นอีกแล้ว

ความน่ากลัวคือสิ่งแรกที่ได้รับรู้ เด็กน้อยแสนร่าเริงร้องเพลงได้งดงามไพเราะจับใจผู้นั้นไม่มีอีกแล้ว แม้เสียงเพลงนั้นจะไพเราะแต่มันกลับขุ่นมัวไปด้วยความมืดมิด

แม้แต่ดวงตาที่ไม่อาจสู้แสงนี้ยังรับรู้ได้

แต่ก็เพราะจังเลยน๊า...

ผมเท้าคางนั่งบนโต๊ะอาหารของคุณชายฮัว ผมเพิ่งจะรู้ว่าชื่อจริงของเด็กน้อยคนนั้นคือเซี่ยอวี้ฮัว คุณชายเพียงคนเดียวผู้นำของตระกูลฮัว คนส่วนมาจะเรียกเขาว่าคุณชายฮัว หรือคุณชายเก้า เขาพาผมเอามาทอดทิ้งไว้ที่นี่ ร้องเพลงให้ฟังแล้วก็รีบออกไปทุกวัน ..

วันนี้คือวันที่สองที่ได้พบพานกับเขา...ผมยังมีเวลาเหลือ

แต่มันเหงาอ๊ะ...

ถึงจะอยู่ตัวคนเดียวเหมือนเคยแต่ที่มีแต่ตุกล้อมรอบแถมมีเสียงครึกโครมดังไปทั่วแบบนี้มัน...
ไม่ชอบสุดๆเลย..

เซี่ยอวี้ฮัวขอให้ผมทำอะไรร้ายกาจหลายครั้ง....ผมชื่นชอบการแกล้งคนเป็นทุนเดิมจึงรับคำเขาอย่างง่ายดายแต่พักหลังๆเริ่มแปลกไปกว่าเดิม

ผมหลับตารู้แต่แรกว่าการเดินทางลงมาคือการมาไม่มีวันกลับ...

ผมลงจากหุบเขาที่เต็มไปด้วยป่าเขาเพราะเสียงเครื่องจักร เข้าเมืองมาเพียงเพื่อจะได้ฟังเสียงนั้นอีกนั้นกลับถูกขังอยู่ในที่มีเครื่องจักรยิ่งกว่า

“วันนี้จะทานอะไรดีคะ” เด็กผู้หญิงที่สวมใส่ชุดแปลกจะเดินเข้ามาถามผมทุกวัน วันละสามเวลา หลังจากนั้นผมก็ได้เรียนรู้ว่ามนุษย์กินอาหารสามเวลา ผมคลี่ยิ้มให้กับเธอชวนเธอเล่นด้วยแต่เธอกลับพลักผมลงบนโวฟาตัวใหญ่ก่อนที่จะส่งสิ่งที่เรียกว่ารีโมทมาให้

“ถ้าไม่รู้จะทำอะไรดูทีวีไหมคะ “ หญิงสาวโค้งกายให้อย่างสง่างาม เฮยเสียจื่อเงยหน้าขึ้นมองข้างเคียงมีคุณลุงตัวบึ๊กเรียงราย เหมือนเสี่ยวฮัวจะเรียกว่าบอดี้การด์..
ผมลองกดหน้าจอสี่เหลี่ยมเบื้องหน้ามันฉายภาพแปลกตามากมายที่ไหลผ่าน สังคมของมนุษยืเป็นเช่นนี้ ?

“ความรักคืออะไร ทำไมพอมีความรักต้องร้องไห้” ผมเอนตัวพิงโซฟากระดิ่งที่คอส่งเสียงกรุ้งกริ้ง ...ผมอดไมไ่ด้ที่จะแตะมัน ..คนที่ให้ผมเขาจดจำไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
ในทีวีบอกว่าคนที่จำได้ฝ่ายเดียว...ช่างเจ็บปวด

ตอนนี้ผมเจ็บปวดหรือเปล่านะ

“ความรักก็เหมือนกับสายสัมพันธุ์หนึ่ง “ เสียงของสาวใช้เอ่ยตอบ ผมเอียงคอมองเธอที่สางสเต็กปลาไว้เบื้องหน้า ควันร้อนฉุยพาให้ผมหดตัวลงกับโซฟา
กินไมไ่ด้ต้องรอให้เย็นก่อน

“สายสัมพันธุ์คือสิ่งที่อะไร” สังคมมนุษย์ล้วนแต่มีความเกี่ยวโยงกันไม่เหมือนกับเราที่สามารถอยู่อย่างอิสระได้ เสี่ยวฮัวเองก็อยู่กับอาจารย์ของเขา

“คือสิ่งที่เรียงร้อยผู้คนเอาไว้ ท่านเองก็อยู่กับคุณชายด้วยความสัมพันธุ์ไม่ใช่หรือคะ” ผมหลับตานึกถึงคำพูดของเธอ

ทำไมผมถึงตามเขามากันนะ..ตามหาทั้งที่รู้ว่าไม่เหลือเวลาอีกแล้ว

บางครั้งคงเพราะ... ผมอ้างว้างมานานเกินกระมั้ง

ผมลุกขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเข้ามาใกล้ กลิ่นแป้งหอมกรุ่นพร้อมกับใบหน้างดงามยิ่งกว่าใครที่เคยพบพานลอยเข้ามาในรัศมีการมองเห็น คุณชายฮัวขมวดคิ้วมองผมสลับกับอาหารที่วสางตรงหน้าเขาใส่สูทเต็มตัวท่าทางจะออกไปพบกับลูกค้า เจ้าตัวคลายปมเนคไท้ถอดพาดกับโต๊ะนั่งลงโซฟ้าตัวเดียวกับผม

ความอบอุ่น อุณหภูมิของมนุษย์พาให้ผมขยับเข้าใกล้เขา รู้สึกว่าความหนาวเหน็บเริ่มเลือนหาย กระดิ่งที่คอส่งเสียงตามการเคลื่อนไหว

“เป็นอะไร กินไม่ได้ นายกินอะไรได้บ้าง ของสุกหรือของดิบ” คุณชายขมวดคิ้วมองผมพลางหยิบเสต็กปลาร้อนขึ้นมา ผมมองมันก่อนที่จะส่ายหน้า

“ร้อนไป” พอได้ยินคำตอบของผมเขาก็ส่ายหัวพลางเหยีดยยิ้ม ผมรู้สึกเหมือนว่ารอยยิ้มนี้แตกต่างจากในตอนแรก

“มานี่” มืออุ่นกวัดเรียกผมให้เข้าใกล้ คุณชายหั่นปลาก่อนที่จะเป่าแล้วยื่นมาให้ ผมเหยีดยยิ้มกว้างหัวเราะคลานเข้าไปงับ

ถึงมันจะยังร้อนอยู่บ้างแต่ก็อุ่นขึ้นแล้ว อุ่นเหมือนหัวใจของผมในตอนนี้

“ระหว่างสุกกับดิบนายกินอะไร” เซี่ยอวี้ฮัวคีบข้าวยัดใส่ปากผมตาม ดูเหมือนมนุษย์จะกินข้าวกับกับ ผมนอนคว่ำเงยหน้าขึ้นรับอาหารจากเขา เงยหน้ามองใบหน้างดงาม

“นายกินของเป็นหรือตาย” คิ้วเรียวสวยนั้นขมวดผมคลานเอาใบหน้าหนุนตักนุ่มนิ่มของเขาคุณชายไม่ว่ากระไร กลับใช้มือลูบไล้ศีรษะของผม สัมผัสนั้นพาให้รู้สึกเคลิบเคลิ้มจนแทบจะกลับ

“คงต้องออกไปซื้อเสื้อผ้าให้นายก่อน”

เขาไม่เคยถามยังความหลังของผมแม้แต่น้อย ผมหลับตาออดอ้อนยังเรือนร่างเบื้องหน้า...เหลือเวลาอีกไม่นานแล้ว บางทีคงจะไม่ถึงปี

“คุณต้องการอะไรอีกไหม” ผมเอ่ยถามยังเขา คุณชายฮัวขมวดคิ้วก่อนคลี่ยิ้มมันเป็นรอยยิ้มที่น่าขนลุกเหลือเกิน.. รู้สึกสยกสยอง

“ตอนนี้ยัง ต้องค่อยไทำลายสิ”

ทำลาย? คำที่ผมไม่ค่อยชอบนัก คุณชายฮัวพลักผมออกจากตักของเขาลุกขึ้นจูงมือผมออกไปดานนอกสวน

มือที่กอบกุมผมอยู่ช่างอ่อนโยน แต่กลับน่ากลัวในเวลาเดียวกัน

“ทำไมต้องใส่แว่นกันแดด” คุรชายเงยหน้าชะโงกหน้าเข้ามา ใบหน้างดงามหมดจดพาให้ผมคลี่ยิ้ม ผมเอื้อมมือไปแตะต้องยังความงดงามอันน่าใจหายนี้ เหลี่ยยังพวงแก้มของเขาบางเบา

“ตาของผมแพ้แสง” คุณชายฮัวพยักหน้าก่อนที่จะเดินไปปิดไฟนีออนที่สวนทอดทิ้งแต่โคมไฟที่เรือนรอง ผมเข้าใจความหมายจึงคลี่ยิ้มวิ่งเข้าหาเขา ยินยอมให้มือเรียวนั้นเอื้อมมาแตะต้องยังพวงแก้ม แตะยังแว่นกันแดดของผมดึงมันออกอย่างเชี่ยงช้า วินาทีที่เราทั้งคู่ประสานสายตากัน ผมพลันรู้สึกว่ามีบางสิ่งกำลังประสานกันและกันอย่างเชื่องช้า

ผมมองเขา คุณชายเองก็มองผม เรานิ่งค้างอยู่ในวินาทีที่เวลาราวกับหยุดหมุน ผมได้ยินเสียงหัวใจของตนเองและเขากำลังเต้นขึ้นหนึ่งจังหวะ

ความเงียบงันอันหวานหอมที่โรยตัวรอบล้อมพวกเรา ท่ามกลางแสงจันทร์ประปรายกับแสงโคมไฟเรือนรอง .. วันที่สองที่ได้พานพบ คือวันแรกที่ผมได้รับรู้ว่าหัวใจเต้นเป็นเยี่ยงไร

มืออบอุ่นั้นเอื้อมมาจับ ผมกอบกุมมันเอาไว้ รู้สึกได้ถึงเสียงหัวใจที่อ้างว้างพลันเต้น .... ทั้งที่เสียงครึกโครมของเครื่องจักรยังคงดังอย่างต่อเนื่อง แต่ผมกลับไม่รู้สึกถึงมันอีกแล้ว

*****************

วันนี้เป็รวันที่สามที่ได้พบกับเข้านั้น ...เซี่ยอวี้ฮัวขมวดคิ้วกับเจ้าคนตรงหน้า หมอนั่นมีนิสัยเหมือนเด็กชอบเข้ามาใกล้ชิดสัมผัสเกินความจำเป็น ไม่ใช่ว่าจะลวนลามแต่เขาเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว นี่หากไม่สั่งให้สาวรับใช้คอยออกห่างหมอนั่นไว้ป่านนี้คงจะโดนนัวเนียไปแล้ว

“คุณชายฮัว” เสียงร่าเริงดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงที่โดดเข้ามาจนเกือบจะกอดหากไม่ยันไว้ทัน เฮยเสียจื่อทำปากยื่นเหมือนโดนขัดใจก่อนที่จะทำแก้มป่อง พาให้เขารุ้สึกคันเท้าอยากแตะเหลือเกิน

“เฮยเสียจื่อเมื่อไรนายจะเลิกนิสัยแบบนี้” ผมเอ่ยเตือยแตา่เขากลับไม่เข้าใจ ร่างนั้นเอียงคอก่อนที่จะเข้ามาอีกครั้ง ผมจับมือนั้นเอาไว้พาไปยังดต๊ะอาหารตอนเช้า ท่าทางได้เวลาซื้อชุกให้หมอนี่เสียแล้ว ผมเหลือบมองเห็นรอยยิ้มแห้งของเขาเมื่อเห็นอาหารเช้า

“อาหารเช้าเป็นซุปนี่นะ” ผมเกือบจะหลุดหัวเราะมองอีกฝ่ายที่ทำสีหน้าลำบากใจมองชามตรงหน้า ...ช่างน่าแกล้งเสียจริง ผมปล่อยให้มันนั่งมองซุปอยู่ห้านาที หกนาที พลางใช้ช้อนคนเป่าซุปของตัวเอง

“คุณชายแกล้งหรือเปล่า ไม่ชอบของร้อน” เฮยเสียจื่อแลบลิ้นผมสงสัยเหลือเกินว่าเขาเป็นตัวอะไรกันแน่ ดูแล้วท่าทางจะไม่ใช่แมว

“คิดไปเองน่า “ผมฮัมเพลงเบาๆรู้สึกเหมือนตัวเองอารมณ์ดีขึ้นทั้งที่มันช่างหนวกหู สองสามวันมานี่หูของผมแทบไม่ได้ฟังฟังเขาจ้อเรื่องไร้สาระ ไม่ว่าจะเป็นดินฟ้า อากาศ บอกว่าฝนจะตก ได้กลิ่นฝน ได้ยินเสียงเครื่องจักร เรื่องทีวี แล้วลากผมมาดูละครหลังข่าวน้ำเน่า เอาแต่ถามโน่นนี่นั่นไม่หยุดยั้งจนหูของผมจะชำรุด แถมยังต้องพูดมากขึ้นกว่าเดิมถึงสิบเท่า

ให้ตายเถอะชีวิตอันแสนสงบสุขของผมไปไหน ผมอยากจะแตะมันไล่ออกไปให้พ้นหากไม่ใช่ว่ามันจะเป็นไพ่ตายที่ผมจะใช้แก้แค้นคนหนึ่งได้ ผมคงจะถีบมันให้ไวสุดอย่างไม่ตจ้องสงสัย

หนวกหูจะตาย เมื่อยปากด้วย แล้วทำไมผมถึงได้รู้สึกว่าตัวเองอารมณ์ดีขึ้น แปลกเหลือเกิน เพียงแค่มองรอยยิ้มนั้นผมก็กลับพบว่าหัวใจตนเองกำลังเต้นอย่างเชื่องช้า มันเป็นจังหวะของการเริ่มต้น

“เอ๊านี่” ผมยื่นชามของตัวเองที่เย็นแล้วให้กับเขา ก่อนที่จะแย่งชามของเขามากินเอง ...ให้ตายเถอะทำไมกันเมื่อมองนัยน์ตานั้นผมถึงได้ใจอ่อนอยู่เรื่อยนะ
ผมพลันนึกถึงเรื่องราวเมื่อคืนเป็นครั้งแรกทีไ่ด้พบเห็นสีสันที่แปลกประหลาดเช่นนั้น เฮยเสียจื่อไม่ได้มีใบหน้างดงามราวหญิงสาว ตรงข้ามเขากลับหล่อเหลารูปงาม เพียงแต่ดวงตาคู่นั้นกลับช่วงชิงความสนใจไปจากใบหน้าจนหมดสิ้น มันงดงามยิ่งกว่าอัญมณีเสียอีก น่าเสียดายที่ตาของเจาแพ้แสงจึงต้องสวมใส่แว่นกันแดดปกปิดความงดงามนั้นไว้

แต่คิดอีกที บางทีมันก็จะดีก็ได้จะได้ไม่มีใครเห็นนอกจากผม

“คุณชายฮัว คุณชายฮัว” ได้ยินเสียงเรียกน่ารำคาญผมก็เงยขึ้น เจ้านี่มีปัญหาอะไรอีกแล้วละ

“มีอะไรนายกินไม่อิ่ม หรือร้อนไปอีกหรอ “ ผมคิดว่าอาจจะต้องสั่งปลาให้มันกินอีก เพราะเท่าที่มองของที่มันกินมากที่สุดเขาชอบเลือกปลาก่อนเป็นอันดับแรก
“ความรักคืออะไร แล้วจูบคือะไร กอดคืออะไร”

มันเป็นคำถามที่พาให้ผมชะงักความรักคำนั้นเหมือนจะห่างไกลแสนไกล ผมเคยสัมผัสมันครั้งสุกท้ายเมื่อไรกันนะ เมื่อไรกันนะที่ผมปกปิดจิตใจตัวเองไม่ยินยอมรับใครให้เข้ามาใกล้

จะว่าไปแล้วตั้งแต่ไร้ยังผู้ชิดใกล้ผมไม่เคยปล่อยให้ใครเข้ามาใกล้ถึงตัวได้ขนาดนี้ เฮยเสียจื่อคือคนแรกนับตั้งแต่สูญสิ้นยังอาจารย์และบิดา

“นายไปจำมาจากไหน” ผมบิขนมปังยื่นให้กับเขาแต่อีกฝ่ายกลับถอย ...อืมเจ้านี่ชอบกินเนื้อสินะ

“ทีวี” ผมกรอกตาขึ้นฟ้าท่าทางจะควบคุมการดูทีวีเขาแล้ว ...เมื่อคืนมี AV รอบดึกเกือบปิดไม่ทัน ที่แท้ผมลืมไปรอบกลางวันแค่ละครก็เกือบได้เสียกันแล้ว

โอยทีวีสมัยนี้สอนอะไรเยาวชนฟระ

ถึงหมอนี่จะไม่เด็กก็เถอะ

“นายไม่จำเป็นต้องรู้หรอก” ผมตัดบทมันก่อนที่รอให้มันกินจนอิ่มจึงพาเขาออกมาข้างนอก ตัดชุดให้หลายชุดไม่รู้ว่าเขาต้องอยู่กับผมอีกนานเท่าไร เอาเถอะเลี้ยงหมอนี่ก็ไม่ได้เปลืองแรงมาก แค่หนวกหูโครตๆเท่านั้นเอง

“คุณชายๆ “เขาสะกิดผมหลังจากที่เราออกมาจากร้านขายเสื้อแล้ว นิ้วเรียวดึงแขนเสื้อผมทำท่าทีเหมือนเด็กทั้งที่ตัวโตเป็นควาย หาความน่ารักไม่ได้สักนิด ที่ผมยอมหันไปดูที่มันชี้ก็ไม่ใช่เพราะมันน่ารัก แต่รำคาญ..

“อะไร” ผมเหลือบมองตามนิ้วที่ชี้ไปทางสวนสนุก เจ้าตัวชี้ไปยังรถไฟเหาะ ...ผมหน้าซีดเมื่อได้ยินคำพูดของมันต่อมา

ขึ้นไอ้นั่นได้ไหม”  นิ้วเขาชี้ไปยังรถไฟเหาะตีลังกาในสวนสนุกใกล้ๆ ...ผมส่ายหน้า ผมจะไม่ขึ้นอะไรไร้สาระพรรณนั้นมันเปลืองเวลาโดยใช่เหตุ ผมจับมือเขาดึงให้ออกมาแต่เจ้าตัวกลับเหลียวหลังมองแล้วมองอีก

เห็นใบหน้านั้นแม้ว่าแว่นกันแดดมันจะทึบจนมองไม่เห็นแต่ผมคิดว่าเจ้านั่นจะต้องบีบน้ำตาอยู่แน่..

ให้ตายเถอะ ยุ่งยาก น่ารำคาญ งี่เง่า

“เอ๊า รีบๆขึ้นรีบกลับ” ผมเดินนำหน้ามันไปทางสวนสนุกพอเห็นใบหน้าเหรอหราของคนที่อยากขึ้นก็เขกหัวไปทีหนึ่ง “เอ๊าเร็วเข้าอยากขึ้นไม่ใช่หรือ”

“เอ๋ ได้หรอ” เฮยเสียจื่อเหยีดยยิ้มกว้าง จูงมือเร่งเร้าให้ผมไปเร็วๆ ผมโบกมือให้พวกบอกี้การด์กลับกันไปก่อนก่อนที่จะลากเขาขึ้นรถไฟเหาะตีลังกา ตอนแรกเขาก็ร่าเริงอยู่หรอกครั้งได้ขึ้นขึ้นมาจริงเจ้านั่นเดินโซเซเอาแต่บ่นว่า ตัวเองบินดีกว่าสิบเท่า อะไรก็ไม่รู้ สุดท้ายเห็นสภาพเมาเครื่องผมจึงจับมันไปนั่งร้านเครปใกล้

“ไม่เอา” เจ้าคนเรื่องมากพลักจานเครปมาให้ผม พาให้ผมขมวดคิ้วยิเนเย็นตัดชิ้นเครปก่อนที่จะเอื้อมมือไปกระชากคอเสื้อให้เข้ามาิดใกล้ จับปาดช่างพูดยัดของหวานลงไป ได้ยินเสียงประท้วงเบาๆ

“ใจร้าย ใจร้าย ใจร้าย” มันบ่นซ้ำไปไม่หยุด สุดท้ายผมก็ยัดเยียดของหวานให้มันจนเกือบจะร้องไห้ ...เปล่านะผมไม่ได้แกล้งมัเพราะมันน่าแกล้งแต่มันกวนตีนเองต่างหาก

“พอใจยัง” ครั้นถามไปเฮยเสียจื่อก็เงยหน้าขึ้นมองฟ้าด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย มองยังรถไฟฟ้าตีกังลา ก่อนที่จะเหยีดยยิ้มขมขื่น ใบหน้ามันเศร้าเสียจนผมถอนหายใจ
ราวกับจะกลับไปบนฟากฟ้าแต่กลับไปไมไ่ด้

“ลุกขึ้น จะพาไปอีกอัน” ผมไม่รับคำทัดทานของมันจูงมือไปขึ้นชิงช้าสวรรค์ ผมพลักมันไปนั่งฝั่งตรงข้ามก่อนที่จะปิดประตู ในยามที่ชิงช้าค่อยๆโหนตัวขึ้นสู่อากาศมันก็ทำตาวาว คลานไปเกาะข้างกระจก

“ชอบท้องฟ้าหรือ” ผมเอ่ยถามเมื่อเห็นใบหน้าด้านข้าง มองเห็นยังความเศร้าเจือจางปผสานไปกับความโหยหา

“อื้อ แต่ขึ้นไปไม่ได้อีกแล้ว” มือของเขาลูบยังกระจก แผ่นิ้วมือทั้งสิบลูบไล้ ..

“ทำไมละ” ผมนั่งไขว่ห้างพลางรู้สึกถึงความเจ็บปวดในอก ..ทำไมกันนะ

“เลือกได้เพียงอย่างเดียว เพราะเลือกที่จะเดินแล้วจึงไม่อาจบินได้อีกแล้ว เฮยเสียจื่อเลือกว่าจะอยู่กับเสี่ยวฮัว เสี่ยวฮัวเดินใช่ไหมละ” เฮยเสียจื่อเหยีดยยิ้มกว้าง..

ให้ตายเถอะ ไอ้บ้า ไอ้งี่เง่า ไอ้โ.่เอ้ย

ผมก้มหน้ารู้สึกได้ถึงเสียงหัวใจ อดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปแตะต้อยังพวงแก้มนั้น

เป็นครั้งแรกที่มีใครสักคนบอกว่ายอมทิ้งชีวิตที่เคยเป็นอยู่เพื่อผม เป็นครั้งแรกที่ผมถูกเลือกด้วยใจขนาดนี้

“ทำไม” ผมรู้สึกว่าพวงแก้มนั้นร้อนเหลือเกิน เฮยเสียจื่อจับมือของผมเอาไว้ลุกเข้ามาใกล้ กระดิ่งที่คอส่งเสียงกังวาล

“ไม่บอกหรอก” เจ้านั่นแลบลิ้นได้อย่างกวนตีนที่สุด ผมเขกหัวมันไปสองทีก่อนที่จะบีบแก้มจนมันโอดโอย

“เสี่ยวฮัวอย่าแกล้งสิ “ เจ้านั่นโอดโอยจนน่าแตะ มันขยับเข้ามาใกล้มากขึ้นก่อนที่จะได้รู้ตัวริมฝีปากนุ่มก็ประทับลงบนกลีบปากของผม ท่ามกลางกระเช้าสวรรค์ที่ล้อมรอบไปด้วยเมฆฆสีฟ้า มันคือจูบที่รู้สึกนุ่มนวลเท่าที่เคยสัมผัส

เซี่ยอวี้ฮัวไม่เคยจูบกับผู้ชายมาก่อน และก็คิดว่า เฮยเสียจื่อคงไม่รู้จักจูบมาก่อนมันจึงได้งับเบาๆราวกับเด็กหยอกเย้า

“น่ารำคาญ” วินาทีที่มันผละริมฝีปากไปผมจึงจับศีรษะได้รุปนั้นเข้ามาแนบชิด ริมฝีปากของเราประกบกันอีกคราหากแต่ครานี้เต็มไปด้วยความเร่าร้อน แทรกลิ้นเข้าไปพัวพันสอดประสาน เกี่ยวกระหวัดลากไล้หาความหอมหวาน ผมควานยังโพรงปากร้อนผ่าวดูดื่มยังรสชาติที่ไม่เคยได้สัมผัส

หวานปนขมคือรสชาติของเขา ผมลากไล้ไปตามโพรงปากไรฟันก่อนที่จะดึงลิ้นของเขาเข้าพัวพัน ดูดดื่มยังรสชาติของกันและกันก่อนที่จะละริมฝีปากออกมาทอดทิ้งสายใใสระหว่างปาก

ผมเอื้อมมือประคองยังใบหน้านั้น ใช้นิ้วโป้งปาดเช้ดยังคราบน้ำลายที่เคลือบบนริมฝีปากแวววาวดูราวกับยั่วเย้า เฮยเสียจื่อหัวเราะก่อนที่จะแนบริมฝีปากลงมาอีกครั้ง ผมจึงได้ลิ้มรสยังรสหวานนั้นอีกสามครั้งก่อนที่กระเช้าจะพาพวกเราลงมา

วันนั้นเป็นวันที่ผมแทบไม่ได้ทำงาน รู้สึกหนวกหู งี่เง่าและไร้สาระมากที่สุด ทว่ามันก็เป็น ที่ผมได้รับรู้ว่า ....การนั่งชิงช้าสวรรค์ก็ไม่เลวนัก

***************


แก้ไขล่าสุดโดย kuramajoy เมื่อ Fri 21 Nov 2014, 02:01, ทั้งหมด 1 ครั้ง
kuramajoy
kuramajoy
ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
ด้วงต้นไม้เทพเจ้า

จำนวนข้อความ : 206
Points : 3782
Join date : 27/10/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

ฮัวเฮย - [OS]7 Day [ฮัวเฮย][Nc17] Empty Re: [OS]7 Day [ฮัวเฮย][Nc17]

ตั้งหัวข้อ by kuramajoy Fri 21 Nov 2014, 01:52

เช้าของวันที่สี่เริ่มต้นขึ้นด้วยความรู้สึกที่ไม่เคยพานพบ ผมรู้สึกว่าหัวใจของตนเองเต้นแรงราวกับจะทะลุออกมาจากอก รสชาติหวานล้ำที่ได้สัมผัสราวกับยาเสพติพาให้ผมออดอ้อนเขา แล้วคุรชายก็จับผมไปจูบอีกครั้ง

มันคือจูบ จูบที่พาให้เรียนรู้ยังสิ่งต่างๆ ผมจึงจูบเขาเองแต่โดนเขกหัวจนเจ็บ เขาบอกว่าห้ามนำนอกบ้าน

ทำนอกบ้านไม่ได้แต่ในทีวียังทำกับกลางถนน พอพูดออกไปเครื่องแก้เหงาอย่างเดียวของผมก็หายไปจากห้อง

ฮือ คุณชายฮัวโหดร้ายที่สุดในโลก พอผมทำปากยื่นออดอ้อน คุณชายก็จูบผมอีกครั้งมันเป็นรสจูบที่อ่อนโยนเสียจนเคลิบเคลิ้ม ผมเลยจูบเขากลับ ก่อนที่จะเริ่มพัวพันกอดเขาแน่น คุณชายตัวเล้กกว่าดังนั้นจึงหนีไม่พ้นอ้อมกอดของผม ไม่ก็ เขาไม่ได้ตั้งใจจะหนี

ผมหัวเราะรู้สึกเหมือนตัวเองมีความสุข ฎชฤดูกาลที่หนาวเหน็บและอ้างว้างได้ผ่านพ้นไปแล้ว เพียงแค่ผมจับมือคุณชายฮัวก็รู้สึกเหมือนกับอบอุ่นเสียจนร้อน
อาทำไมกันนะ...มันช่างเป็นความรู้าสึกที่เข้าใจยากเสียจริง

อา ...ผมกำลังมีความรักสินะ...และคนที่รักก็คือคุณชายฮัว

“นี่ๆคุณชายฮัวผมทำมากกว่านี้ได้ไหม” ผมแลบลิ้นยียวนรู้สึกว่าทุกการสัมผัสกับคุณชายจะพาให้เร่าร้อนมันเป็นความรูู้สึกที่อัดแน่นในอก รู้สึกราวกับจะทะยานบินไปได้
ผมไม่อาจโบยบินได้อีกแล้วเพราะแลกกับขาที่เดินได้เช่นมนุษย์ เพื่อที่จะได้เดินเคียงคู่กับเขา

ไม่อาจขึ้นไปบนฟากฟ้าที่แสนรักยิ่งได้อีกแล้วแต่ไม่เป็นไร ...เพียงแค่เดินเคียงข้างกับคุณชายฮัวผู้งดงามผมกลับรู้สึกเหมือนตัวเองอยู่บนสวรรค์

ในอกกำลังร่ำร้อง...ยังความรู้สึกที่ไม่เคยพานพบ

บ้านที่ผมอยู่ถูกรื้อถอนด้วยเครื่องจักรของมนุษย์พวกสัตว์ต่างทยอยเลือนหายไปหมด ผมได้แต่เกาะต้นไม้ที่หลงเหลืออยู่น้อยนิด ผมควรไปหาที่ใหม่ แต่ถ้าผมละทิ้งผืนป่าจะหมดพลัง ต้นไม้จะพากันล้มตาย ผมลังเลอยู่นานก่อนที่จะเหลือบมองยังกระดิ่งที่พัวพันบนคอตนเอง นึกย้อนถึงคนเพียงคนเดียวที่คลุกคลีด้วย

เขาเป็นเด็กชาวมนุษย์ที่มาพักอยู่ชั่วคราวกับอาจารย์ วันหนึ่งในฤดูร้อนที่เริ่มต้นผมได้พบมนุษย์ที่ขึ้นเขามาพักอาศัยไม่ใช่ล่าสัตว์หรือตัดไม้ มีผู้ใหญ่หนึ่งคน เด็กหนึ่งคน พวกเขาพักยังกระท่อมชั่วคราว

ร่ายรำร้องเพลงสร้างสีสันให้ป่าอันเงียบสงบทุกวันวาน ผมอดไมไ่ด้ที่จะมาเกาะต้นไม้คอยฟังเสียงเพลงอันไพเราะเพราะพริ้งนั้น

ผมชอบมันเพราะมันทำให้ที่นี่ไม่เหงียบเหงา ผมอยู่อย่างอ้างว้างคนเดียวมานาน ผมเกิดขึ้นเมื่อใด ดำรงอยู่มานานแค่ไหนก็ไม่รู้ รู้เพียงแค่ว่ายังมีชีวิตอยู่เท่านั้น

วันหนึ่งผมเกาะต้นไม้ต้นเดิมรอคอยเขาร้องเพลงก็โดนก้อนดินเป็นชุดปาใส่ ตกใจจนบินร่อนลงยังใต้ต้นไม้ เสี่ยวฮัวเดินออกมาจากบ้านเห็นผมก็หัวเราะ

“ขอโทษที ฉันไม่ได้จะไล่นาย จะไล่เจ้าลิงที่มาขโมยของว่างต่างหาก “ เขาคลี่ยิ้มงดงามจับใจ “นายเป็นคนดูทุกวันจะปาไล่ได้ยังไงกันละ”

มือที่ยื่นมานั้นดูไม่อันตรายผมจึงไม่บินหนี หรือผมจะหลงใหลความงดงามเบื้องหน้าจนขาดความระวังตัวกันนะ มือผอมบางขาวนวลลูบไล้ขนปีด เกาคางก่อนที่จะใช้นิ้วลูบหัว เขาหัวเราะบ่นว่าผมไม่กลัวคนเลย

“เพื่อเป็นการขอโทษเอานี่ไปไหม” เขาล้วงสร้อยที่มีกระดิ่งผูกปลายออกมา ซ้อนทับใส่ลงในคอของผม ครั้นขยับตัวเสียงของมันก็จะดังกังวาล

“มันเป็นเครื่องประดับบนชุดงิ้วนะแต่ไม่ได้ใช้แล้วนายเอาไปเถอะ เวลานายมาจะได้รู้ได้ไง”

นี่เป็นของชิ้นแรกและชิ้นสุดท้ายทีได้รับจากเด็กน้อยผู้นั้น ยามที่ผมบินมาเกาะกิ่งไม้เพื่อรอคอยฟังเพลงจากเขาเสียงของกระดิ่งก็จะทำให้เขารู้ตัว เขาจะหันมายิ้มหวงานจับใจให้กับผมแล้วร้องเพลงที่ผมชอบ

ผมเคยฝันว่าอยากให้ช่วงเวลานี้ดำเนินไปตราบนานเท่านานแต่ชีวิตมนุษย์ล้วนผันแปร พวกเขาทั้งคู่จากไปในคืนที่หิมะตก ...มันเป็นช่วงเวลาที่ผมคิดว่าช่างหนาวเย็นเหลือเกิน ผมบินไปรอบป่าส่งเสียงกรุ้งกริ้ง...แต่พวกเขาก็ไม่กลับมาอีกแล้ว

ในวินาทีที่คิอว่าจะเลือกไปยังที่ใดดี ผมไม่อาจอยู่ในผืนป่าที่กำลังถูกเครื่องจักรมนุษยืทำลายได้ ผมหลับตานึกถึงเสียงร้องเพลงของเด็กคนนั้น

ความรู้สึกแรกที่ตามหาเขาคงเป็นเพราะ...แค่อยากได้ยินเสียงนั้นอีกครั้งกระมั้ง

ผมยอมละทิ้งปีกของตนเอง หากต้องการขาของมนุษยืและเรือนร่างของมนุษย์จำเป้นต้องทอดทิ้งยังร่างเก่า ผมไม่อาจโบยบินได้อีกแล้ว... ผมตามหาเขาท่ามกลางเมืองที่เต็มไปด้วยแสงเล่นเอาแสบตาจนแทบร้องไห้ โชคดีที่ใช้เวลาไม่นานนักก็พานพบ

แต่เสี่ยวฮัวเปลี่ยนไป เขาไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว

ผมหลับตาไม่มีโทรทัศน์ให้ดูจึงได้เอาแต่นอน รู้สึกเวลาช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน ผมมีเวลาอีกไม่มาก น่าจะเพียงแค่ปี หรือ สองปี

ผมกลิ้งว่างอยู่ราวหลายนาทีก่อนที่คุณชายจะกลับมาและบอกความปรถนา มันคือคำขอที่ยังติดขอ ..

“ฆ่าคนคนหนึ่งให้ฉันที”

มันเป็นคำสั่งที่ดหดร้าย ผมกระพริบตารู้สึกแน่นในอก

“ใครหรือ” ทั้งที่รู้ว่าไม่ควรทำการใช้พลังทำเรื่องเช่นนี้มีแต่จะทำให้ตัวเองอ่อนแอลงยิ่งขึ้น ..

“เป็นคนที่ฆ่าอาจารย์ พ่อ และอาของฉัน” น้ำเสียงของคุณชายฮัวเย็นชามันเป็นน้ำเสียงที่ผมไม่รู้จัก รอยยิ้มเลือดเย้นนั้นผุดพราย ...ผมสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดของเขาท่ามกลางนัยน์ตาที่สั่นไหว

“ถ้าไม่มีเขาแล้วคุณชายจะมีความสุขหรือเปล่า”

ผมเอ่ยถามยังคำถามโง่ๆ ความเจ็บปวดในหัวใจของเขาจะเลือนหายหรือไม่นะ ...คุณชายเอ่ยคำขอพรเสียแล้วดังนั้นผมจึงทำให้กับเขา
ใช้ขนปีกกับเรื่องที่ไม่สมควร ...

หากขนปีกของผมหมดผมคงไม่มีชีวิตอยู่ เพราะมันเป็นคำที่ค่อนข้างหนักผมจึงจำเป็นต้องใช้หลายอัน.... ท่ามกลางความมืดมิดผมได้ยินเสียงกรีดร้องของคนตาย ผมทำให้เขาตายผมย่อมต้องรับผลกรรมนั้นด้วย การพรากชีวิตคนคือสิ่งที่หนักหนาที่สุด

ผมคงอยู่ได้เพียงแค่ หนึ่งเดือน...

เสียงกระพรวนที่คอส่งเสียงดังลั่นห้อง แต่ในใจผมกำลังรู้สึกหดหู่...ทั้งที่ผมควรมีความสุข ไม่ใช่สิ มันเป็นเพราะ ถึงผมจะทำให้เขาทรมานก่อนตายคุณชายฮัวก็ยังเจ็บปวด

ในอกของเขายังไม่ได้รับการเยียวยาสักนิด

ผมจะมีชีวิตอยู่จนเสี่ยวฮัวคลี่ยิ้มได้แบบเก่าหรือนะ ผมชอบเสียงร้องเพลงกับการร่ายรำของเขาในยามก่อนมากกว่า ไม่ใช่ในยามนี้ คุณชายฮัวร้องเพลงแต่มันเป็นเพลงที่ฟังแล้วขนลุกมาก

ราวกับว่าเขาเสียเองที่เป็นปีศาจ ไม่ใช่ผม

วันที่สี่ของผมเริ่มต้นด้วยความปวดร้าว และหดหู่ ผมรู้สึกไม่อยากอาหารจนไปนอนกลิ้งอยู่บนเตียง คุณชายฮัวท่าทางดีใจแต่กลับหัวเราะได้แปลกมาก
สิ่งนี้มันช่างขมขื่น และน่ากลัวเหลือเกิน ...สิ่งที่เรียกว่าความแค้น

ถึงจะแก้แค้นไปก็ไม่ได้ช่วยเยีวยาหัวใจนั้นเลยสักนิด กลับกันมันทำให้เจ็บปวดเพิ่มขึ้น และหลงเหลือไว้เพียง โพรงขนาดใหญ่ในจิตใจ
ผมคิดว่าตัวเองเป็นคนบ้า แต่ตอนนี้เหมือนคุณชายจะเป้นคนบ้ามากกว่า

วันที่สี่เริ่มต้นด้วยความรู้สึกพองโตในอก และจบลงด้วยสิ่งที่รวดร้านสุดทน ...เป็นวันแรกที่ได้รู้จักกับคำว่า ความแค้น และการสิ้นสูญ

ขนปีกของผมร่วงหล่นก่อนที่จะเลือนหายไปในอากาศ...

ยังคงเหลือเวลาอยู่อีกไม่มาก..

*****************
มันเป็นความรู้สึกว่างเปล่าอย่างไร้เหตุผล ....เซี่ยอวี้ฮัวรอคอยวันนี้มานานแสนนาน วางแผนมาหลายปีเพียงเพื่อวันนี้ คนที่พรากเอาทุกสิ่งทุกอย่างไปจากเขา
ผมใช้เวลานานกว่าจะแย่งชิงเอาหุ้นของศัตรูตัวร้ายมาได้ แต่เดิมคิดว่าอาจจะใช้เวลาไม่ทันที่มันจะแก่ตายก่อน แต่การมาของเฮยเสียจื่อทำให้งานของผมเร็วขึ้น
ผมสามารถแย่งชิงหุ้นของมันมาได้จนหมด ริดรอนทรัพย์สิน ให้มันใช้ชีวิตราวกับหมาข้างถนน ก่อนที่จะฆ่า ...ผมรอเวลามานานแสนนาน เพื่อที่จะทำให้มันทรมานอย่างสุดแสนไอ้คนชั่วช้าที่หลอกลวงยังพ่อและอาจารย์ของผม ริดรอนทรัพย์สมบัติของพวกท่านไป พร้อมกับฆ่าอย่างอเน็จอนาถ โชคดีที่ผมรอดมาได้ และจะจดจำยังความแค้น ผมริดรอนมันทุกอย่างแม้แต่ครอบครัวก็ให้เฮยเสียจื่อฆ่าจนหมด

ทั้งที่ผมควรจะดีใจกลับรู้สึกปวดร้าวกว่าเดิม รู้สึกเหมือนในอกตัวเองมีโพรงขนาดใหญ่ มันว่างเปล่า ผมไม่ได้มีความสุขสักนิด

ช้านานกว่าที่จะจดจำอะไรได้เวลาก็ล่วงเลยผ่านมาเป็นวันที่หก ความว่างเปล่าในร่างกายยังไม่เลือนหาย ท่ามกลางความรู้สึกอับจนผมรื้อเอกสารงานขึ้นมาทำอย่างบ้าคลั่ง พบเจอยังบัตรสวนสนุกที่ยังไม่ได้ท้งอยู่ในกระเป๋าตัง....ครั้นได้เห็นมันผมถึงนึกได้ถึงคนที่หลงลืมไป

จริงสิ....ตลอดสองวันที่ผ่านมาตั้งแต่เอ่ยปากขอพรนั้นไปผมไม่ได้ยินเสียงของมันอีกเลย....คนน่ารำคาญที่พูดไม่หยุดอย่างเจ้าหมอนั่นกลับไม่พูดนี่นะ ผมละทิ้งเอกสารเดินถามหาสาวใช้ ก่อนที่จะพบว่าเจ้าหมอนั่นแอบหาทีวีดูจนได้

ทั้งที่สั่งห้ามแล้วแท้ๆ ผมรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูกที่หมอนั่นไม่ฟังคพสั่งเอาเสียเลย เท้าก้าวไปยังห้องนั่งเล่น เปิดประตูพบว่ามันตกคลุมด้วยความมืดมิด จะเหลือก็เพียงจอทีวีที่มีแสงฉายภาพเรื่องราวต่างๆ ผมเปิดประตูเข้ามาทั้งที่ไม่เปิดไฟ แต่ร่างบนโซฟายังไม่ขยับ พลันรู้สึกถึงบรรยากาศรอบตัวที่แปรเปลี่ยน

“แันสั่งอย่าดูแล้วไง” ผมต่อว่าเขาแต่เฮยเสียจื่อกลับไม่ยียวนใส่ผมเหมือนเคย เขากลับตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“จำเป็นต้องเรียนรู้ให้เร็วที่สุด นี่คุณชาย ฉันรักคุณละ ถ้าแบบนี้ต้องทำยังไงต่อ” เฮยเสียจื่อเงยหน้าขึ้นมองผม ใบหน้าที่ประดับด้วยแว่นกันแดดนั้นดูแสนเศร้าจนผมไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่

คำสารภาพที่มาอย่างกระทันหัวทำให้สมองผมพลันว่างเปล่าไปชั่วครู่ก่อนที่จะนึกไตร่ตรอง....หัวใจพลันเต้นขึ้นอย่างเชื่องชข้า มันอาจจะไม่รวดเร็วเท่าเขาแต่ผมก้เริ่มมั่นใจในความรู้สึกของตัวเอง

สองวันที่ใช้เวลาอยู่กับความแค้น ในวันรุ่งขึ้นผมกลับถูกสารภาพรัก ผมรับรู้ได้ถึงความแตกต่าง สองวันนั้นผมไม่ดีใจกับมันเลย กลับกันมันทำให้ผมรู้สึกรวดร้าวมากกว่าเก่า แต่ในวันนี้ที่เขาบอกว่ารักผม มันกลับทำให้ผมดีใจเสียจนหัวใจเต้นรัว

นี่ผมเป็นบ้าอะไรไปแล้ว

ไม่สิ .....ผมเพิ่งรู้สึกตัว

รู้สึกตัวว่า ...ผมไม่น่ายึดติดกับสิ่งที่เรียกว่าความแค้นเอาเสียเลย แก้แค้นแล้วได้อะไร มันไม่ให้อะไรผมกลับมาสักอย่างมีแต่จะทุกข์ทนเพิ่มมากขึ้น  กลับกัน เพียงแค่คำบอกรักง่ายๆของเขาคำเดียวทำให้ผมรู้สึกตัว

“ขอโทษ” ผมยิ้มขมขื่นเอื้อมมือไปโอบกอดร่างคนที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ ซบใบหน้าลงยังไหล่ของเขา “ขอโทษที่ใช้ให้ทำเรื่องแย่”
ผมใช้คนที่รักผมไปฆ่าคน...

“อื้ม ไม่เป็นไร” เฮยเสียจื่อสอดนิ้วมือเข้ามาลูบศีรษะของผม เขาคลอเคลียใบหน้าราวกับออดอ้อน “ถ้าเสี่ยวฮัวต้องการจะให้แลกอายุขัยกี่ปีก็ได้”

อายุขัย...? คำนั้นพาให้ผมตาโตดึงเขาเข้าเขย่า

“หมายความว่าไงอายุขัย” เจ้าตัวดีทำหน้าแปลกใจเมื่อผมเอ่ยถาม เขาเอียงคอก่อนที่จะอธิบายเรื่องที่พาให้ผมอยากถีบมันร่วงเดี๋ยวนี้

“ตั้งต่เปลี่ยนมาร่างนี้ มันไม่เหมาะสมจะใช้พลัง เพราะร่างนี้คือมนุษย์ มนุษย์ไม่ควรมีพลัง แต่ถ้ามนุษย์มีพลังก็ต้องแลกกับสิ่งแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียมก็คือ อายุขัยที่คงเหลือ”

“ไอ้บ้า!” ผมหยุดยั้งมือที่จะไปต่อยหน้าเขาได้ทัน หลับตาระงับความโกรธถอนหายใจก่อนที่จะรั้งตัวเข้ามากอดอีกครั้ง

นายมันบ้าทั้งที่รู้แต่กลับใช้พลังพร่ำเพื่อ...

“ฟังฉันนะ ห้ามใช้อีกสัญญาได้ไหม” ผมลูบศีรษะของเขา สอดนิ้วเข้าไปสางเส้นผมอ่อนนุ่ม กดร่างเขาเข้าอ้อมอดอุ่น “สัญญากับฉันห้ามใช้พลังอีกต่อไปไม่ว่าจะเป็นยังไงก็ตาม”

“เสี่ยวฮัวไม่ต้องการแล้วหรือ” เฮยเสียจื่อถามผมกลับมันทำให้ผมรวดร้าว ผมกัดริมฝีปากกอดเขาจนแน่น

“ไม่เอาแล้ว สัญญาว่าอย่าใช้พลังอีก สัญญากับเสี่ยวฮัวทำได้ไหม” คนในอ้อมกอดขยุกขยิกเล้กก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมา ใบหน้าของพวกเราอยู่ชิดใกล้จนได้กลิ่นอายกันและกัน เขาจูบลงมาผมตอบรับจูบนั้นพัวพันความเร่าร้อนในปาก แลกเปลี่ยนน้ำลายให้กัน

“อื้อ ได้สิ สัญญา” ยามที่ผละออกจากกันเขาเหยีดยยิ้มน่ารักตอบผม ผมยกนิ้วก้อยขึ้นก่อนที่จะเริ่มยุทธการหลอกเด็ก

“มาเกี่ยวก้อยกัน ถ้าผิดสัญญาจะโดนเข็มพันเล่มแทง” เฮยเสียจื่อสะดุ้งก่อนที่จะยอมยกนิ้วก้อยมาเกี่ยวกับผมอย่างง่ายดาย เขาหัวเราะพร้อมบอกว่า เพราะเป็นสัยญากับผมเขาจะไม่ผิด

น่ารักไปแล้ว...ทำไมกันนะทั้งที่เป็นผู้ชายตัวโตๆแท้ๆแต่กลับรู้สึกว่าน่ารัก

เฮยเสียจื่อคลานขึ้นคร่อมตัวผมก่อนที่จะกดจูบลงมา เขาแกะกระดุมของผมพาให้ขมวดคิ้ว ผมเอื้อมมือไปดึงเขามาจูบ คลอเคลียพวงแก้มก่อนที่จะดันเข่าตรงหว่างขา เขาสะดุ้งใบหน้าขึ้นสีผมจึงจับแว่นตาดำถอดออกจากใบหน้าของเขา สบยังนัยน์ตาคู่สวยทก่อนที่จะขบกัดที่ใบหู พลิกตัวเขาลงกดกับโซฟานุ่ม

ใบหน้าหล่อเหลานั้นเลิกลั่กเหมือนกับเด็กโดนจับได้ว่าทำความผิด ผมหัวเราะก่อนที่จะก้มลงมอบจูบเลิสรสให้อีกครา

“ถ้าทำแบบนี้พรุ่งนี้นายจะเดินไม่ได้นะ” เฮยเสียจื่อเหมือนไม่เข้าใจความหมายเขาเอื้อมมือมากอดรั้งคอของผมเอาไว้ก่อนที่จะเอ่ยถาม

“เสี่ยวฮัวสวย ไม่ได้เป็นฝ่ายหญิงหรือ ฉันต้องเป็น ? “

ผมเกือบหลุดขำกับประโยคนั้น ...เอาเป็นว่านายไปฝึกสกิล ไม่ก็ดูทีวีให้มากกว่าีน้ก่อนนะ ..แต่ด้วยมันสมองแล้วท่าจะอีกนาน

ผมปลดเปลื้องเสื้อผ้าบนร่างกายสมส่วนนั้นจนหมด ลากไล้ยังผิวกายนุ่ม ผิวขาวที่ตัดกับสีดำของเขาพาให้เด่นจัด จูบแต่งแต้มตางร่างกาย ขบกัดยังซอกคอทอดทิ้งร่องรอย ขบเม้มยอดอกที่ชูชันมือลากแตะยังต้นขาอ่อน เฮยเสียจื่อสะดุ้งก่อนที่จะยิ้มแลบลิ้นยียวน ผมหยอกเย้ายังส่วนที่ตื่นตัวของเขา

มือลากไล้ยังปลายโคนรูดรั้งยังแก่นกายร้อนผ่าว ริมฝีปากกัดเม้มยอดอกสีชมพู ดูดดุนไปพร้อมกับรูดรั้งยังความปรถนา ร่างกายเปลือยเปล่าของเราแนบชิดใกล้กัน

“อ๊ะ.. อือ” เสียงครางหวานดังขึ้นในยามถ฿ูกปลุกปั่น ผมละจากเนินอกบวมช้ำ กดจูบลงยังท้องน้อย ก่อนที่จะปล่อยยังมือที่เร่งเร้ายังอารมณ์ เปลี่ยนเป็นครองครองด้วยดพรงปากร้อน แหวกเรียวขาออก อมดูดดุนยังแท่งกายร้อนผ่าว

“อ๊ะ...อ๊า” เฮยเสียจื่อบิดตัวความเสียวซ่านพาให้ใบหน้าดูดีบิดเบี้ยว ผมใช้ปลายลิ้นพัวพันกับความปรถนาของเขา ดูดดึงยังปลายยอด ก่อนที่จะขบเม้มยังจุดกระตุ้นอารมณ์แล้วดูดดื่มยังน้ำหวานที่หลั่นริน นิ้วเรียวปาดเอาของเกลวข้นหนืดแตะต้องยังผนังสีชมพูอ่อนที่ยังมิมีผู้ใดได้รุกราน

“อึ่ก..” เสียงแห่งความเจ็บปวดดังขึ้น นิ้วของผมแทรกสอดลงไปทีละนิ้วปาดเอาของเหลวเข้าไป พรมจูบยังเรือนร่างภายใต้เพื่อให้ผ่อนคลาย เราจูบกันหลายครั้งกว่าที่นิ้วที่สามจะแทรกสอดเข้าไปอย่างเชื่องช้า

ผมค้างนิ้วทั้งหมดเอาไว้ในช่องทางที่ตอดรัดจนแน่น ให้ตายเถอะเกือบจะอารมณ์ขึ้นอยากจะเข้าไปในร่างกายเขาเสียเดี๋ยวนี้

“เฮยเสียจื่อ” ผมจูบที่หน้ากากชื้นเหงื่อกดริมฝีปากลงกับพวงแก้มนุ่ม ก่อนที่จะงอนิ้วที่ค้างคาในช่องทางอ่อนนุ่ม งอแตะยังผนังอ่อนบาง ควานหายังจุกกระตุ้นอารมณ์ท่ามกลางเสียงครางระเส่า

“อ๊า..” เสียงครางสุขสมพาให้ผมรับรู้ว่ามาถูกทาง ผมจูบเขาอีกครั้งก่อนที่จะแตะต้องยังจุดเร้าอารมณ์แตะกระตุ้นเสียจนร่างภายใต้บิดตัวด้วยความต้องการ ผมถอนนิ้วออกอย่างเชื่องช้าก่อนที่กระชับอ้อมกอดร่างภายใต้เหยีดยยิ้มงดงาม

“รู้ไหม ฉันชอบรอยยิ้มนายนะ” เฮยเสียจื่อคลี่ยิ้ม ใบหน้าเปื้อนไปด้วยหยาดเหงื่อมันอดไม่ได้ที่จะจูบเขาซ้ำอีกรอบ

“ถ้านายลดความกวนตีนลงอีกนิดมันจะน่ารักมาก” ผมต่อว่าเขาพร้อมทั้งแยกเรียวขาออกพาดไว้บนบ่า แทรกสอดตัวตนเข้าไปในความอ่อนนุ่มอย่างเชื่องช้า

“เฮยเสียจื่อ” ผมร่ำร้องเรียกเขาในยามที่ช่องทางอ่อนนุ่มตอดรัดโอบล้อมรู้สึกดีจนเกือบจะปลดปล่อย ผมกระแทกร่างกายเข้าไปจนสุดได้ยินเสียงกวีดร้องของเขา
อารมร์ที่ลุกโชนพาให้พวกเราก่ายกอดกัน มันเหมือนกับเปลวเพลิงที่จะแผดเผา

“อ๊า..อ๊างงง” เสียงครางระเส่าในยามที่ไฟของรักถูกจุดขึ้นผมฝังตัวเข้ายังความอ่อนนุ่มก่อนที่จะดึงอออกมา แล้วกระแทกอย่างรุนแรงเข้าไป จาบจ้วงเข้าไปในส่วนลึกของร่างกาย เสียดสีกับผนังอ่อนบางเสียจนได้กลิ่นเลือด

“อ๊า...อือ...คุณชาย” มือใหญ่รั้งไหล่ของผมเอาไว้ ยิ่งได้ยินเขาเรียนกก็พาให้อารมณ์ของผมเตลิด ความอบอุ่นภายในร่างกายที่ได้สัมผัสบีดรัดผมแน่น

“อึ่ก...” เผลอครางออกมาในยามที่เสียดสีกันจนร้อนผ่าว ผมกระแทกแรงเข้าไปซ้ำๆ รู้สึกโหยหายังร่างกายนี้ สอดใส่ด้วยความใคร่ กอดก่ายเรือนร่างนี้ราวกับคลั่ง

“อื้อ...อ๊า...มัน” เสียงครางใสดังกึกก้องในห้องนั่งเล่น เสียงโซฟาที่ลั่นสั่นตามแรงกระแทกของผมพาให้กิจกรรมของเราร้อนมากขึ้น ผิวกายที่เสียดสีทำให้แก่นกายของเขาจตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ผมเอื้อมมือไปคว้ามันรูดรั้งไปพร้อมกับแรงกระแทกซ้ำ

“เฮยเสียจื่อ” ผมกระฐิบชื่อของเขาที่ใบหูมองดูใบหน้าที่บิดเบี้ยวไปด้วยความใคร นัยน์ตาสีสวบยราวกับอัญมรีเอ่อล้นไปด้วยความปรถนาที่ผมเป็นผู้จุด ผมสอดใส่ยังความร้อนส่วนลึกของร่างกายเขาราวกับไม่รู้จักพอ รู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังถูกมอมมเมา

ราวกับยาเสพติดที่มิอาจหยุดได้

“อื้อ...อาาา “ ผมกอดประคองนำทางเขาท่ามกลางพายุอันบ้าคลั่งจนเกือบถึงฝั่งฝัน กระซิบที่ข้างหู

“เซี้ยอวี้ฮัว” พูดจบผมก็ดึงตัวออกมาจากร่างกายเขาจนหมดเฮยเสียจื่อช้อนตามองผมด้วยตัฒหา ใบหน้าดูดีแปดเปื้อนไปด้วยคราบน้ำลายวาวใส หยดน้ำตาหลั่นรินที่นัยน์ตาเรียวเร้าอารมณ์อย่างที่สุด

“ซะ..เซี่ยอวี้ฮัว ..ขอร้อง ทรมาน” มือนั้นไขว่ขว้าหาปรารถนาในการถูกเติมเต็มจนล้น ผมคลี่ยิ้มสอดประสานนิ้วมือนั้นก่อนที่จะแทรกตัวเข้าไปทีเดียวจนสุด

“อ๊า....” เสียงหวีดร้องดังขึ้นระงมในยามที่เอื้อมมือไปปลดปล่อยยังแก่นกายที่เสียดสีกับหน้าท้องผม เขาฉีดธารธาราออกมาอีกรอบจนเลอะร่างกายของเราทั้งคู่ ผมกระแทกยังควาอ่อนนุ่มจนหอบหายใจ ก่อนที่จะเร่งเร้าจังหวะฉีดน้ำอุ่นเข้าไปในร่างเขาจนเต็ม

“อือ” เสียงประท้วงในยาม่ี่ผมจูบซัพยังหน้าผาก เฮยเสียจื่อตาปรือทำท่าทางเหนื่อยก่อนพาให้ผมหัวเราะ ผมจับเขาคว่ำหน้าก่อนที่จะยกสะโพกขึ้นมาสอดแก่นกายที่ตั้งชันขึ้นมาอีกรอบจนมิดด้ามเรีกยรั้งเสียงหวีดร้องกลับเข้ามาอีก

ผมปรนเปรอและมอบความสุขสมให้กับเขาเสียจนแทบหลับคาบนโซฟา ห้องทั้งห้องเปรอะด้วยน้ำกามสีขาวขุ่นจนทั่ว ผมจับเขามาจูบอีกรอบ หัวเราะบางเบาก่อนที่จะสารภาพ

“รักนะ”

ผมคลี่ยิ้มเมื่อร่างนั้นเผลอหลับก่อนที่จะได้ยิน เอาเถอะ...เรายังมีเวลาอีกนาน

****************

เช้าวันที่เจ็ดเริ่มต้นด้วยความปวดร้าว เฮยเสียจื่อทำหน้าเหยเกเมื่อขยับตัวแล้วเหมือนมีอะไรค้างคาอยู่ข้างใน กว่าคุณชายจะเข้ามาช่วยอาบน้ำและจัดในห้องน้ำอีกรอบก็ปาไปเกือบสิบเอ็ดโมง

เป็นครั้งแรกที่สัตว์ที่แสนโดดเดี่ยวรับรู้ถึงความรัก

สิ่งที่เรียกว่าความรักนี้มันทำให้เขาแทบจะหัวใจวายตาย

หัวใจพองโตเหมือนจะระเบิด ยิ่งอยู่ใกล้กับคุณชายฮัวมันก็เต้นรุนแรงจนสัมผัสได้ ถ้ามันกระโดดออกจากอกได้คงทำไปแล้วมั้ง

ผมนั่งพิงคุณชายในยามที่เรานั่งกินข้าวเกือบเที่ยง ดูเหมือนวันนี้คุณชายจะพาผมไปเที่ยว...

“ไปทะเลกันไหม” มันเป็นคำชวนที่ไม่คาดคิดพาให้ผมคลี่ยิ้ม ผมพยักหน้ารัวๆก่อนที่มืออันอบอุ่นของคุณชายจะทาบทับลงมา

อยากจะหยุดเวลาไปเช่นนี้ ผมคิดว่าการสูญเสียอายุขัยไป 80 เพื่อแลกกับความรักที่ได้มานั้นคุ้มค่าเหลือเกิน

อย่างน้อยผมก็ไม่ดดดเดี่ยวอีกต่อไปแล้ว

สิ่งที่เรียกว่าทะเลมันทั้งร้อนและมีแต่ทรายกับน้ำ พื้นไม่เหมือนกับป่าเลยสักนิด โชคดีที่ร่างกายมนุษย์มักจะเดินได้ทุกที่ หากเป็นร่างเก่าของผมมาเดินบนทรายคงหน้าคว่ำแน่ คุณชายแตะผมลงน้ำ ...นั่นทำให้เขารู้ว่า..ผมว่ายน้ำไม่เป็น

ผมรู้สึกไม่ดีคิดอยากจะหนีก็ไม่พ้น คุณชายลากผมออกจากฝั่งไปเรื่อยๆ รู้สึกแสบผิวและทรงตัวไม่อยู่ สุดท้ายผมได้แต่เกาะคุณชายอยู่นิ่งเป็นเด็กดีครั้งแรกจนเขาหัวเราะ

“เฮยเสียจื่อตกลงนายเป็นตัวอะไร” เขาเอ่ยถามผมทั้งที่อยู่กลางน้ำ เห็นผมไม่ตอบนิ้วเรียวสวยของคนรำงิ้วก็แกะนิ้วของผมที่เกาะเขาออกทีละนิ้ว ผมร้องจ๊ากสาละวนเกาะเขาใหม่ สุดท้ายก็ได้แต่จำยอมสารภาพทุกอย่างหมดเปลือก

โธ่เว้ยเขาต้องรู้แน่ๆว่าผมเป็นตัวอะไรถึงได้พามาที่แบบนี้

อีกาว่ายน้ำไม่เป็น...เพราะมันถูกกำหนดมาเพื่อบิน

“อีกา...ฉันเป็นอีกาสีดำ ตัวที่เคยอยู่ในป่า นายเคยให้กระดิ่ง ที่จริงแล้วฉันเป็นสิ่งที่พวกมนุษย์เนรียกว่าเจ้าที่มั้ง”  พอพูดออกไปคุณชายก็ทำตาโต แตะลงยังกระดิ่งที่ห้อยคอผมก่อนที่จะคลี่รอยยิ้มงดงามจับใจ

“ขอบคุณ นะ” คำขอบคุณเรียกให้ผมหันไปมองเขา คุณชายเหยียดรอยยิ้มกว้าง “ขอบคุณที่ตามมาและสินฉัน”

สอนอะไร คนที่สอนผมคือคุณชายต่างหากละ ผมเอียงคอไม่เข้าใจพอเห็นแบบนั้นคุณชายก็พาผมกลับเข้าฝั่งบอกว่าวันนี้เขาอารมณ์ดีมากจะไม่แกล้งผมแล้ว
ผมแทบจะกราบเทพเจ้าเพื่อขอบคุณถ้าเขาไม่แกล้งผมได้ในวันหนึ่งนับว่าเป็นเรื่องมหัสจรรย์

พวกเราเกาะเกี่ยวนิ้วมือกันกลับกห้องพัก คุณชายบอกให้ผมรอเขาจะไปเอากุญแจที่เคาเตอร์ ผมยืนผิงผนังก่อนที่จะได้ยินเสียงปืนลั่น ประสาทสัมผัสตื่นตัววิ่งไปทางเคาเตอร์ก่อนที่จะเห็นยังเรือนร่างที่ห่วงหานอนจมกองเลือด ผมแตะลงร่างกายเย้นเฉียบได้ยินเสียงคนวุ่นวายไปหมด หัวใจดวงนี้กำลังจะหยุดเต้น ผมหลับตาก่อนที่จะคลี่ยิ้มจับมือเขาเอาไว้

“คุณชายขอโทษนะที่ผิดสัญญา”

***************
การแก้แค้นจะสร้างความแค้นครั้งใหม่ มันคือสิ่งที่มได้เรียนร฿ู้ในวันนี้ในยามที่เสียงปืนลั่นขึ้น ผมเห็นยังผู้หญิงคนหนึ่งถือปืนทั้งน้้ำตาเธอกรีดร้องว่าผมฆ่าคนรักของเธอ แม้ผมจะฆ่าครอบครัวศัตรุไปทั้งครอบครัวแต่ผมไม่รู้ว่าเขามีชู้รักด้วย

ความผิดพลาดนั้นนำให้ผมต้องพบจุดจบเช่นนี้ไม่สิ ตั้งแต่ที่ผมคิดจะแก้แค้นตั้งแต่แรกแล้วแต่หาก

ความแค้นไม่ได้สร้างยังสิ่งใด กลับกันมันกลับทำลายทุกอย่างแม้แต่สิ่งที่รัก

เฮยเสียจื่อ...วินาทีที่ล้มลงไปผมคิดถึงเขาขึ้นมา...เจ้าบ้านั่นจะรู้ไหม ถ้าผมตายไปมันจะกลับบ้านคนเดียวได้ไหม ถ้าไม่มีผมอยู่แล้วใครจะเลี้ยงเจ้านั่น
โธ่เว้ย...หยดน้ำตาของผลร่วงหล่น รู้สึกคิดถึงมือข้างนั้น อยากจะจับให้นานกว่านี้ บาดแผลหนักหนาพาให้ความมืดมิดครอบคลุมตัวของผมทั้งที่ยังไม่ได้อุทรณ์
อย่างน้อยก็อยากจะบอกลาสักนิด....

“คุณชาย” น้ำเสียงคุ้นเคยเรียกผมพาให้ผมลืมตาตื่นขึ้นมา ผมขยี้ตาตัวเองเมื่อพบว่ากำลังนอนอบยู่บนตักของเฮยเสียจื่อบนโซฟาในบ้าน ใบหน้าที่ไร้แว่นตากันแดดของเขาคลี่ยิ้ม

“คุณชายขี้เซาจังเลย ฮะฮะ” ได้ยินเขาต่อว่าผมก็หมดเรี่ยวแรงรู้สึกง่วงจนไม่อยากจะลุก ...อา...เรื่องเมื่อกี้ผมฝันไปสินะ

“ขอโทษนะพอดีฝันไม่ดี” ผมซุกใบหน้าลงยังตักอ่อนนุ่ม เอื้อมมือไปลูบไล้ใบหน้าที่แสนรัก “ฝันว่าได้แยกจากนาย”

“งั้นหรือ..” เฮยเสียจื่อคลี่ยิ้มมันเป็นรอยยิ้มแสนเศร้า “เซี่ยอวี้ฮัว ฉันรักนายนะ รักมากที่สุดในโลกเลยละ ในโลกนี้คงไม่มีใครรักได้มากกว่าฉันแล้วนะ เพราะงั้น ....” เฮยเสียจื่อโน้มตัวลงมาจูบผม สัมผัสอ่อนโยนเสียจนเกือบร้องไห้

“อย่าลืมอีกาตัวนี้ได้ไหม”

คำออดอ้อนที่พาให้ผมเบิกตากว้าง ผมเงยหน้าขึ้นพบว่าไฟในห้องนั่งเล่นเปิดอยู่ มันเป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นใบหน้าเขาท่ามกลางแสงสว่าง
ตาของเขาไม่ได้แพ้แสงหรือ.....

ผมกัดฟันเมื่อนึกถึงความจริงขึ้นมาได้

“นายผิดสัญญา” ผมต่อว่าเขาหากมีแรงมากกว่านี้จะลุกไปชกหน้าแต่แม้แต่ขยับมือยังลำบาก เจ้าตัวดีหัวเราะร่วนก่อนที่จะแลบลิ้นยียวน เขาประคองศีราะของผมออกจากตักก่อนที่จะโน้มตัวลงมองผม

“ขอโทษจะหายโกรธไหมอ๊ะ” คำถามไร้เดียงสาที่ใ้หผมหัวเราะทั้งน้ำตา เจ้าคนงี่เง่า ร่างในอาภรณ์สีดำกระโดดออกจากโซฟา เขาชะโงกหน้ามามองผม ผมเห็นยังขนปีกสีดำที่ร่วงหล่น รอบร่างกายของเขา

“นี่มัน” ผมเงยหน้าขึ้นมองจำได้ว่าตอนที่เขาใช้พลังจะเห็นมัน

“ปีกของฉัน ถ้าใช้หมดไปแล้วคงจะตาย” เขาขยับตัวดูไม่ทุกข์ร้อนสักนิด กลายเป็นผมที่ได้แต่ร้องไห้  

“นายมันโง่” ผมต่อว่าเขาเฮยเสียจื่อหัวเราะ ผมเงยหน้าเมื่อสัมผัสได้ถึงหยดน้ำที่ร่วงหล่น ใบหน้าที่เปื้อนยิ้มตลอดนั้นหัวเราะทั้งน้ำตา

ผมต้องการแค่รอยยิ้มกับเสียงหัวเราะของเขาไม่อยากเห็นดวงตาคู่สวยนี้อาบไปด้วยหยาดน้ำตาที่ไม่เลือนหาย

“อื้อคงโง่มาก “ เขาตอบผม “แลกอายุขับร้อยปีกับเจ็ดวัน แต่ฉันไม่เสียใจถ้าย้อนเวลาได้คงจะทำ”

คำตอบของผมพาให้ผมร้องไห้ผมอยากจะจับมือข้างนั้นแต่กลับทำไม่ได้

“ฉันไม่เหลือพลังอีกแล้วการช่วยชีวิตหนักกว่าฆ่าคนเสียอีก “ เฮยเสียจื่อร้องไห้ผมอยากจะลุกขึ้นต่อยมัน ด่ามันว่างี่เง่า นายจะช่วยฉันทำไม

“ขอบคุณนะ ฉันมีความสุขมากกับเจ็ดวันนี้”

เจ้ดวันที่ได้เรียนรู้ยังความรักของเราทั้งคู่

เจ็ดวันที่ได้รับความรัก

เจ็ดวันที่ได้ใช้ชีวิตร่วมกัน

“เฮยเสียจื่อนายมันบ้า ห้ามทำแบบนี้อีก” ผมพยายามรีดเร้นแรงสุดท้ายเอื้อมมือไปหามันทว่าภาพเบื้องหน้าลับสั่นไหว เรือนร่างนั้นกลับแตกกระจายกลายเป็นขนนกสีดำ ไม่อาจจับต้องอะไรได้ ผมร้องไห้คว้าขนปีกนั้นอย่างบ้าคลั่ง

‘จริงๆแล้วอยากอยู่ด้วยกันตลอดไป’

ถ้อยคำสุดท้ายที่ไหลผ่านโสตประสาทพาให้เซี่ยอวี้ฮัวร้องไห้ ชายหนุ่มกำขนปีกท่ามกลางภาพร่างคนรัก ความเจ็บปวดรวดร้าวในอกนั้นพาให้เขาแทบจะตายทั้งเป็น มันเจ็บปวดเสียยิ่งกว่าถูกมีดกรีด หรือเคียดแค้นใครสักคน

การสูญเสียยังคนสำคัญที่สุดในชีวิตคือฝันร้ายที่เลวร้ายที่สุดในโลกนี้

‘เอาละ ตื่นจากฝันร้ายได้แล้วนะ’

เจ้าหญิงนินทราลืมตาตื่นขึ้นจากฝันร้าย พบกับความจริงที่โหดร้ายมากกว่าความฝัน ในมือกอบกำยังขนนกปีกสีดำ สมองพลันรับรู้ถึงฝันร้ายอันเป็นนิรันดร์
ฝันร้ายที่ว่า เขาคนนั้นที่รักยิ่งจะไม่มีวันกลับมาแล้ว

หยดน้ำตาไหลรินตกกระทบยังขนปีกที่เป็นดั่งมายา

เวลาเพียงแค่เจ็ดวันกลับมอบทั้งความสุขและความปวดร้าวเกินจะทน...


กาลครั้งหนึ่งนานแสนนานมาแล้วมีอีกาที่แสนอ้างว้างตัวหนึ่งอ้อนวอนต่อพระเจ้าขอให้มันได้เป็นมนุษย์เพียงเพื่อจะติดตามยังคนที่มันต้องการ...ยอมละทิ้งปีกที่จะได้บินขึ้นไปบนฟากฟ้ากลายเป็นขาของมนุษย์ละทิ้งร่างที่สามารถใช้พลังได้กลับเป็นมนุษย์ธรรมดา

มันรู้ดีว่าการใช้พลังย่อมต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียมในน้ำหนักนั้น แต่มันก็ยอมแลกเพียงเพื่อจะเปิดใจชายคนหนึ่ง

อีกาตาสวนแสนโง่เง่าผู้แสนอ้างว้างตัวหนึ่งยินยอมแลกอายุขัยร้อยปีกับการได้รับความรักเพียงแค่เจ็ดวัน เจ็ดวันที่มันได้เรียนรู้ยังคำว่ารัก เจ็ดวันที่มันได้เรียนรู้กับความรัก เจ็ดวันที่มันมีความสุขในชีวิตเป็นครั้งแรก

อีกาตัวนั้นไม่ได้อยากจะตายมันร่ำไห้ในวินาทีสุดท้าย อ้อนวอนอีกคราแต่มันไม่มีพลังอีกต่อไปแล้ว

อีกาโง่เง่าตัวหนึ่งยินยอมแตกสลายเพียงเพื่อความรักเจ็ดวัน แต่มันก็พึงพอใจในผลลัพธุ์นั้น หากจะให้อยู่ต่อไปร้อยปีอย่างเดียวดายสู้ยอมตายเพียงเพื่อเจ็ดวันที่เป้นดั่งฝัน

The end
kuramajoy
kuramajoy
ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
ด้วงต้นไม้เทพเจ้า

จำนวนข้อความ : 206
Points : 3782
Join date : 27/10/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

ฮัวเฮย - [OS]7 Day [ฮัวเฮย][Nc17] Empty Re: [OS]7 Day [ฮัวเฮย][Nc17]

ตั้งหัวข้อ by sha Fri 21 Nov 2014, 07:05

แว่นคลุงแบบนึ้ก็ดีและน่ารักไปอีกแบบนะคะ
แต่อ่านแล้วปวดใจจน ฮรืออออ
sha
sha
ด้วง
ด้วง

จำนวนข้อความ : 35
Points : 3496
Join date : 18/11/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

ฮัวเฮย - [OS]7 Day [ฮัวเฮย][Nc17] Empty Re: [OS]7 Day [ฮัวเฮย][Nc17]

ตั้งหัวข้อ by Fenrir Fri 21 Nov 2014, 10:19

แทบร้องพอถึงวินาทีที่ร่างทั้งร่างของเฮยเสียจื่อแตกสลายค่ะ

ต่อจากนี้คุณชายจะอยู่ยังไง ทั้งหัวใจ ทั้งความรัก ทั้งความแค้น มันหายไปกับเฮยเสียจื่อหมดแล้ว...
Fenrir
Fenrir
ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา

จำนวนข้อความ : 117
Points : 3625
Join date : 27/10/2014
Age : 32
ที่อยู่ : ไหสักใบในบ้านสกุลอู๋

http://fenrirsglue.blogspot.com/

ขึ้นไปข้างบน Go down

ฮัวเฮย - [OS]7 Day [ฮัวเฮย][Nc17] Empty Re: [OS]7 Day [ฮัวเฮย][Nc17]

ตั้งหัวข้อ by meanato Fri 21 Nov 2014, 14:10

ปวดใจ นายแว่นทำไมต้องตายด้วย ฮรือออออออ//ทั้งสนุก ทั้งเศร้าจนไม่รู้จะอยู่ในอารมณ์ไนแล้ว
meanato
meanato
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ

จำนวนข้อความ : 487
Points : 3972
Join date : 27/10/2014
Age : 26
ที่อยู่ : หลังประตูสัมฤทธิ์

ขึ้นไปข้างบน Go down

ฮัวเฮย - [OS]7 Day [ฮัวเฮย][Nc17] Empty Re: [OS]7 Day [ฮัวเฮย][Nc17]

ตั้งหัวข้อ by Yuwadee Wana Fri 21 Nov 2014, 16:16

เศร้าอ่ะ 7 วันแลกกับการได้มีรักที่สวยงามสักครั้ง แม้มันจะแสนสั้น เปรียบเหมือนพลุที่แตกออกเพียงชั่วแว่บเดียว แต่สดสวยงามประทับอยู่ในใจตลอดไป
Yuwadee Wana
Yuwadee Wana
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ

จำนวนข้อความ : 352
Points : 3839
Join date : 27/10/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

ฮัวเฮย - [OS]7 Day [ฮัวเฮย][Nc17] Empty Re: [OS]7 Day [ฮัวเฮย][Nc17]

ตั้งหัวข้อ by SilverCloud Fri 21 Nov 2014, 20:21

ฮือออออ มันช่างเจ็บปวด ทั้งที่รู้ว่าชีวิตตัวเองกำลังถูกเผาไหม้ แต่เพื่อความปรารถนาของคนที่รักนายแว่นก็ยอมแลกอายุขัย กว่าคุณชายจะรู้ตัวเวลาก็แทบจะหมดลงแล้ว ได้อยู่ด้วยกันแบบมีความสุขแค่คืนเดียวเอง TT
SilverCloud
SilverCloud
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ

จำนวนข้อความ : 433
Points : 3951
Join date : 27/10/2014
ที่อยู่ : ตู้เสื้อผ้าของอารอง

ขึ้นไปข้างบน Go down

ฮัวเฮย - [OS]7 Day [ฮัวเฮย][Nc17] Empty Re: [OS]7 Day [ฮัวเฮย][Nc17]

ตั้งหัวข้อ by earlyboy Sat 22 Nov 2014, 20:49

ปวดใจเลยค่ะ อยากให้อยู่ด้วยกัน
เพิ่งจะมีความสุขกันเจ้าแว่นก็ทิ้งคุณชายไปแล้ว ใจร้ายยย; A ;

earlyboy
ด้วงฝึกหัด
ด้วงฝึกหัด

จำนวนข้อความ : 5
Points : 3460
Join date : 22/11/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

ฮัวเฮย - [OS]7 Day [ฮัวเฮย][Nc17] Empty Re: [OS]7 Day [ฮัวเฮย][Nc17]

ตั้งหัวข้อ by Feran.FS Thu 27 Nov 2014, 15:58

โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยย พี่จิ้งงงงงงงงงงงงงงงง
โฮววววววววววววววววววววววววว //น้ำตาไหลพรากๆ

ถ้าแว่นเป็นงี้รักตายเลย โฮววววววววววววววววว

/ทำหน้าคนเพิ่งได้มาอ่าน
Feran.FS
Feran.FS
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ

จำนวนข้อความ : 457
Points : 3953
Join date : 27/10/2014
Age : 28
ที่อยู่ : ใต้เตียงนอนเซี่ยจื่อหยาง...

ขึ้นไปข้างบน Go down

ฮัวเฮย - [OS]7 Day [ฮัวเฮย][Nc17] Empty Re: [OS]7 Day [ฮัวเฮย][Nc17]

ตั้งหัวข้อ by tear Tue 09 Dec 2014, 01:01

สาดน้ำตาใส่คุณจิ้งอย่างก้าวร้าววววว

โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮออ น่าสงสารไปแล้ววววว แง้ ทั้งแว่นทั้งคุณชายเลยฮือออออออออ

พุ่งไปอ่าน 7 years เยียวยาหัวใจต่อ ฮืออออ
tear
tear
ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา

จำนวนข้อความ : 168
Points : 3670
Join date : 02/11/2014
ที่อยู่ : ใต้เตียงคุณชายฮัว

ขึ้นไปข้างบน Go down

ขึ้นไปข้างบน


 
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ