Countdown
We've been
togerther for
ค้นหา
Latest topics
Most active topics
[Trans] ราชานักตก (钓王) #ตอนพิเศษตรุษจีน2016 - Chapter 23
หน้า 1 จาก 1
[Trans] ราชานักตก (钓王) #ตอนพิเศษตรุษจีน2016 - Chapter 23
ราชานักตก 23《钓王23》
พญามังกรน้ำตาย
ผมรื้อกองสัมภาระของตนเอง อาวุธพวกนี้ไม่ได้ใช้งานนานแล้ว หลังจากที่ผมเก็บมัน ก็ไม่เคยคิดจะเปิดออกอีกเลย วันคืนช่วงนั้น ที่ผมปิดใจตนเอง
ทำทุกสิ่งที่ตัวผมยอมรับไม่ได้ ต่างล้วนเกี่ยวข้องกับสิ่งของเหล่านี้ แต่บัดนี้กลับยกมันออกมาใหม่
ทว่า ก็ไม่รู้สึกขัดขืนขนาดนั้นอีกแล้ว บนโลกนี้ไม่มีใครติดค้างใครอันมากมายเช่นนั้น ศพโบราณมากมายที่เห็นในกรวย ใครบ้างที่จะแคร์ประวัติพวกเขาเมื่อครั้งมีชีวิต
บุญคุณความแค้นใดๆ ผ่านไปร้อยปีต่างก็สูญสิ้นมูลเหตุแห่งอารมณ์ ถึงอย่างไรแล้ว พฤติกรรมการวางแผนล่อลวงคนในอีกพันปีให้หลังอย่างวังฉางไห่ มันทำได้ยากเต็มที
สวมชุดลงกรวยสมัยก่อนซ้ำอีกครั้ง เราสามคนเดินสวนกระแสลมไปบนกำแพงหิน ในลมมีเกล็ดเกลือปลิวว่อน รู้สึกเหมือนเดินอยู่บนสันเขื่อนซูตีกลางหิมะ
นายอ้วนกล่าว "หลายปีมานี้ที่หังโจว นึกไว้แต่ว่าเวลาหิมะตก เราสามคนมีโอกาสเดินเล่นไปทั่ว ไม่นึกว่าจะเกิดขึ้นจริงทีนี่ เทียนเจิน นายว่าทิวทัศน์ที่นี่ ดีเท่าหังโจวไหม"
ผมใช้ไฟฉายเหมืองส่องผิวน้ำ ที่นี่อยู่ในความมืดตลอดศก เมื่อครู่พวกเราอยู่ๆ ก็ถูกสิ่งใต้น้ำโจมตี อาจเป็นไปได้ว่าเหตุเพราะอยู่ๆ ก็มีแสง
หากปลาตัวนี้เป็นประเภทเข้าหาแสง ก็สบาย ไฟฉายเหมืองสามอันของเรา ล่อจนมันเปลี้ยได้เลย
เดินตรงไป ห่างจากฝั่งยิ่งไกลขึ้น ลมก็ยิ่งแรง ผมห่อผ้าพันคอแน่น ที่นี่ไม่มีอะไรให้บรรยาย เกลือเกาะเป็นผลึกแน่นอยู่ตามผิวกำแพงหิน
สันกำแพงเป็นทางเดินหินกว้างราวสามคน พวกเราเดินแถวตอนเรียงหนึ่ง เพื่อป้องกันเหตุหากมีอะไรพุ่งขึ้นมาจากน้ำ แต่ผิวน้ำอยู่ต่ำจากกำแพงราวสี่เมตร เชื่อว่าไม่น่าจะกระโดดขึ้นมาถึง
นึกถึงเจ้าปลาตัวนั้น รูปร่างคล้ายงู กำแพงเขื่อนสีขาว เกล็ดเกลือบวกกับงูในน้ำ รู้สึกเหมือนตำนานนางพญางูขาวในอีกรูปหนึ่ง ถ้าจะเขียนนิยาย
ผมจะเขียนว่ากำแพงเขื่อนหินนี่เป็นงูยักษ์ที่ถูกแช่แข็งไว้ด้วยผลึกเกลือ พวกที่ใช้ชีวิตอยู่ในน้ำคือลูกหลานของนาง แต่ถ้อยความของนายอ้วนเจ๋งกว่านั้น
"เอ นายว่านะ พวกเราตอนนี้เหมือนพระถังซัมจั๋งข้ามแม่น้ำหลิวซาหรือเปล่า หนึ่งเฒ่าจิตศรัทธา หนึ่งวานรกล้าเรืองเดช หนึ่ง---" เขาชี้ตัวเอง พลันรู้สึกไม่เหมาะ
"ไม่สิ ไม่เหมือนไซอิ๋ว เทียบแบบนี้แล้วเสี่ยอ้วนไม่คุ้ม"
ผมพูดสนุก "ฉันว่าได้เทียบได้ดีออก ตะกละ เจ้าชู้ อินเนอร์นายชัดๆ ให้ฉันเป็นซัวเจ๋งก็ยอม"
นายอ้วนถุยหนึ่งที "ซัวเจ๋งน่ะกบดานอยู่ใต้แม่น้ำหลิวซา ส่วนนายอย่างมากก็เป็นแค่อาชามังกรขาว"
เมินโหยวผิงพลันหยุดเดิน ผมนึกว่าเขามีความเห็นค้าน ไม่อยากเป็นลิง เขาส่องไฟฉายเหมืองไปข้างหน้า พวกเราก็เห็นว่าบนกำแพงหินข้างหน้านั้น ปรากฏสิ่งปลูกสร้างอย่างหนึ่ง
สิ่งปลูกสร้างนั้นสร้างคร่อมอยู่บนกำแพงหิน สองข้างที่ยื่นเหยียดออกไปในทะเลสาบ มีเสาหินค้ำไว้ มีเกล็ดเกลือเกาะเต็มเช่นกัน
รูปทรงของสิ่งปลูกสร้าง เป็นแบบโหลวเก๋อ (楼阁 วิหารแบบจีน หรือเก๋งจีน ซ้อนกันหลายชั้น) สามชั้น ถูกปกคลุมเป็นสีขาวทั้งหมดแล้ว
มองเห็นได้ว่ามีเสาที่พังล้ม ทำให้รูปทรงของสิ่งปลูกสร้างนั้นผิดรูปเล็กน้อย
ผมมองเห็นจากไกลๆ ก็รู้สึกว่าวิหารจีนโบราณนี้แปลกๆ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่านี่ไม่ใช่วิหารในอัตราส่วนปกติ มันมีขนาดเล็กมาก สูงเพียงคนสองสามคน
เป็นเพียงโมเดล หรือหิ้งพระในศาลเจ้าที่ข้างทาง
พวกเรามองหน้ากันเลิ่กลั่ก เป็นดังที่นายอ้วนว่าไว้ กำแพงหินนี่มีไว้ทำไม คำตอบก็อยู่บนกำแพงนี่เอง
พวกเราเดินตรงเข้าไป ผมเริ่มคิดฟุ้งซ่านนิดหน่อย อาจเป็นเพราะช่วงชีวิตดีๆ ตลอดครึ่งปีมานี้ชักทำให้ผมรู้สึกกลัวตายนิดหน่อย ผมคิดในใจว่า
ถ้าคนโบราณรู้จักทำกับระเบิด เปอร์เซ็นต์ความสำเร็จในการขุดสุสานของพวกเราคงลดต่ำลงไปมาก แน่นอน คนส่วนใหญ่เขาไม่ฝังระเบิดไว้ในสุสานของตนเองกัน
มาถึงข้างวิหารจีนโบราณ มีประตูที่เกือบจะถูกเกลือถมมิดอยู่แล้วอยู่บานหนึ่ง นายอ้วนถีบสองสามทีจนเปิด ก้มตัวเดินเข้าไป ก็เห็นว่าบนแท่นที่ยื่นออกไปบนน้ำ มีรูปปั้นอยู่สองรูป
รูปปั้นงุ้มงอจนกลายเป็นขนมโมจิไปแล้ว ดูไม่ออกว่าเป็นพระพุทธรูปหรือเทวรูปซันชิง (เทพเจ้าสูงสุดของลัทธิเต๋า) นายอ้วนเดินไปข้างรูปปั้นที่ทอดออกไปบนทะเลสาบ
ใช้ค้อนสำรวจ (geological hammer ขออภัยที่เพิ่งค้นมาให้ มันคือ "ค้อนธรณี") ทุบผิวเกลือออก เผยให้เห็นเนื้อหินด้านใน
พวกเราตรงเข้าไปช่วยกัน ทุบเคาะกันมั่วซั่ว แล้วเราก็ได้เห็นรูปแกะสลักหินที่ไม่เคยเห็นมาก่อน รูปแกะสลักหินนี้ ส่วนตัวเป็นร่างคน แต่ส่วนหัว เป็นหัวของปลาขนาดใหญ่ยักษ์ตัวหนึ่ง
งานฝีมือแกะสลักหยาบมาก ไม่เหมือนฝีมือของช่างที่ชำนาญ
พวกเรายืนอึ้งอยู่ข้างประติมากรรมหินนี้ ไม่มีถ้อยคำจะพูดอยู่เนิ่นนาน นายอ้วนงึมงำว่า "พี่น้องเอ้ย นี่คือเทพเจ้าแห่งซุปเต้าหู้หัวปลายังไงล่ะ"
พวกเรามองไปทางผิวน้ำทะเลสาบ นายอ้วนเดินไปที่ริม ใช้ไฟฉายเหมืองส่องกวาดสามครั้ง "หรือว่า ทะเลสาบนี่ ก็คือซุปเต้าหู้หัวปลาหม้อยักษ์ทั้งหม้อ"
"อย่าเพ้อเจ้อ" ผมนึกในใจว่า ถ้านี่เป็นหม้อน้ำซุป ไม่เค็มตายชักรึ แล้วก็ได้ยินเมินโหยวผิงร่อนเปลือกเกลือด้านหลังรูปแกะสลักหินต่อ พูดว่า "นี่เป็นพญามังกรชนิดหนึ่ง"
"พญามังกร?" นายอ้วนถาม "งั้นก็ไม่ใช่เทพเจ้าแห่งซุปเต้าหู้หัวปลาแล้ว ต้องเป็นเทพเจ้าแห่งพระกระโดดกำแพงต่างหาก"
ผมบอกให้เขาเลิกเล่น ถามเมินโหยวผิง นี่เป็นพญามังกรอะไร ทำไมจึงประดิษฐานไว้ที่นี่ เมินโหยวผิงมองดูผิวน้ำ แล้วพลันหันไปดูรูปปั้นหินอีกฟากหนึ่ง
พวกเราตรงไปช่วยเขาจัดการกับรูปปั้นฝั่งนั้น ทางนั้นก็เป็นหัวปลาแกะสลักเช่นกัน เพียงแต่เป็นเรือนร่างของเพศหญิง
เมินโหยวผิงมองดูทั้งสองฝั่ง ย่อตัวนั่งลงที่ก้นของรูปสลัก เราพบว่าก้นของรูปสลักหินทั้งสองเชื่อมต่อกับพื้น มันเชื่อมต่อกัน นี่ไม่ใช่รูปสลักหินสองรูป
แต่เป็นรูปสลักหินรูปเดียวที่ส่วนหางต่อกัน
"นี่คือ" เมินโหยวผิงกล่าว "พญามังกรน้ำ---"
เขาไม่ได้พูดต่อไป ผมรู้สึกว่าเขาก็ไม่สู้มั่นใจนัก นายอ้วนลูบคางเงยหน้าขึ้นมอง "ท่านทั้งหลาย พวกนายดูซิว่านี่คืออะไร" พูดพลางก็ชี้ไปเหนือศีรษะ
---
หนานไพ่ฯ Talk:
วันนี้เป็นวันพิเศษ (โพสต์นี้โพสต์ไว้เมื่อวันที่ 5 มีนาคม ซึ่งถือเป็นวันคล้ายวันเกิดของอู๋เสีย)
คนแปล Talk:
ไม่มีเวลาแล้ว ไม่มีเวลาแล้ว ไม่มีเวลาแล้ว
พญามังกรน้ำตาย
ผมรื้อกองสัมภาระของตนเอง อาวุธพวกนี้ไม่ได้ใช้งานนานแล้ว หลังจากที่ผมเก็บมัน ก็ไม่เคยคิดจะเปิดออกอีกเลย วันคืนช่วงนั้น ที่ผมปิดใจตนเอง
ทำทุกสิ่งที่ตัวผมยอมรับไม่ได้ ต่างล้วนเกี่ยวข้องกับสิ่งของเหล่านี้ แต่บัดนี้กลับยกมันออกมาใหม่
ทว่า ก็ไม่รู้สึกขัดขืนขนาดนั้นอีกแล้ว บนโลกนี้ไม่มีใครติดค้างใครอันมากมายเช่นนั้น ศพโบราณมากมายที่เห็นในกรวย ใครบ้างที่จะแคร์ประวัติพวกเขาเมื่อครั้งมีชีวิต
บุญคุณความแค้นใดๆ ผ่านไปร้อยปีต่างก็สูญสิ้นมูลเหตุแห่งอารมณ์ ถึงอย่างไรแล้ว พฤติกรรมการวางแผนล่อลวงคนในอีกพันปีให้หลังอย่างวังฉางไห่ มันทำได้ยากเต็มที
สวมชุดลงกรวยสมัยก่อนซ้ำอีกครั้ง เราสามคนเดินสวนกระแสลมไปบนกำแพงหิน ในลมมีเกล็ดเกลือปลิวว่อน รู้สึกเหมือนเดินอยู่บนสันเขื่อนซูตีกลางหิมะ
นายอ้วนกล่าว "หลายปีมานี้ที่หังโจว นึกไว้แต่ว่าเวลาหิมะตก เราสามคนมีโอกาสเดินเล่นไปทั่ว ไม่นึกว่าจะเกิดขึ้นจริงทีนี่ เทียนเจิน นายว่าทิวทัศน์ที่นี่ ดีเท่าหังโจวไหม"
ผมใช้ไฟฉายเหมืองส่องผิวน้ำ ที่นี่อยู่ในความมืดตลอดศก เมื่อครู่พวกเราอยู่ๆ ก็ถูกสิ่งใต้น้ำโจมตี อาจเป็นไปได้ว่าเหตุเพราะอยู่ๆ ก็มีแสง
หากปลาตัวนี้เป็นประเภทเข้าหาแสง ก็สบาย ไฟฉายเหมืองสามอันของเรา ล่อจนมันเปลี้ยได้เลย
เดินตรงไป ห่างจากฝั่งยิ่งไกลขึ้น ลมก็ยิ่งแรง ผมห่อผ้าพันคอแน่น ที่นี่ไม่มีอะไรให้บรรยาย เกลือเกาะเป็นผลึกแน่นอยู่ตามผิวกำแพงหิน
สันกำแพงเป็นทางเดินหินกว้างราวสามคน พวกเราเดินแถวตอนเรียงหนึ่ง เพื่อป้องกันเหตุหากมีอะไรพุ่งขึ้นมาจากน้ำ แต่ผิวน้ำอยู่ต่ำจากกำแพงราวสี่เมตร เชื่อว่าไม่น่าจะกระโดดขึ้นมาถึง
นึกถึงเจ้าปลาตัวนั้น รูปร่างคล้ายงู กำแพงเขื่อนสีขาว เกล็ดเกลือบวกกับงูในน้ำ รู้สึกเหมือนตำนานนางพญางูขาวในอีกรูปหนึ่ง ถ้าจะเขียนนิยาย
ผมจะเขียนว่ากำแพงเขื่อนหินนี่เป็นงูยักษ์ที่ถูกแช่แข็งไว้ด้วยผลึกเกลือ พวกที่ใช้ชีวิตอยู่ในน้ำคือลูกหลานของนาง แต่ถ้อยความของนายอ้วนเจ๋งกว่านั้น
"เอ นายว่านะ พวกเราตอนนี้เหมือนพระถังซัมจั๋งข้ามแม่น้ำหลิวซาหรือเปล่า หนึ่งเฒ่าจิตศรัทธา หนึ่งวานรกล้าเรืองเดช หนึ่ง---" เขาชี้ตัวเอง พลันรู้สึกไม่เหมาะ
"ไม่สิ ไม่เหมือนไซอิ๋ว เทียบแบบนี้แล้วเสี่ยอ้วนไม่คุ้ม"
ผมพูดสนุก "ฉันว่าได้เทียบได้ดีออก ตะกละ เจ้าชู้ อินเนอร์นายชัดๆ ให้ฉันเป็นซัวเจ๋งก็ยอม"
นายอ้วนถุยหนึ่งที "ซัวเจ๋งน่ะกบดานอยู่ใต้แม่น้ำหลิวซา ส่วนนายอย่างมากก็เป็นแค่อาชามังกรขาว"
เมินโหยวผิงพลันหยุดเดิน ผมนึกว่าเขามีความเห็นค้าน ไม่อยากเป็นลิง เขาส่องไฟฉายเหมืองไปข้างหน้า พวกเราก็เห็นว่าบนกำแพงหินข้างหน้านั้น ปรากฏสิ่งปลูกสร้างอย่างหนึ่ง
สิ่งปลูกสร้างนั้นสร้างคร่อมอยู่บนกำแพงหิน สองข้างที่ยื่นเหยียดออกไปในทะเลสาบ มีเสาหินค้ำไว้ มีเกล็ดเกลือเกาะเต็มเช่นกัน
รูปทรงของสิ่งปลูกสร้าง เป็นแบบโหลวเก๋อ (楼阁 วิหารแบบจีน หรือเก๋งจีน ซ้อนกันหลายชั้น) สามชั้น ถูกปกคลุมเป็นสีขาวทั้งหมดแล้ว
มองเห็นได้ว่ามีเสาที่พังล้ม ทำให้รูปทรงของสิ่งปลูกสร้างนั้นผิดรูปเล็กน้อย
ผมมองเห็นจากไกลๆ ก็รู้สึกว่าวิหารจีนโบราณนี้แปลกๆ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่านี่ไม่ใช่วิหารในอัตราส่วนปกติ มันมีขนาดเล็กมาก สูงเพียงคนสองสามคน
เป็นเพียงโมเดล หรือหิ้งพระในศาลเจ้าที่ข้างทาง
พวกเรามองหน้ากันเลิ่กลั่ก เป็นดังที่นายอ้วนว่าไว้ กำแพงหินนี่มีไว้ทำไม คำตอบก็อยู่บนกำแพงนี่เอง
พวกเราเดินตรงเข้าไป ผมเริ่มคิดฟุ้งซ่านนิดหน่อย อาจเป็นเพราะช่วงชีวิตดีๆ ตลอดครึ่งปีมานี้ชักทำให้ผมรู้สึกกลัวตายนิดหน่อย ผมคิดในใจว่า
ถ้าคนโบราณรู้จักทำกับระเบิด เปอร์เซ็นต์ความสำเร็จในการขุดสุสานของพวกเราคงลดต่ำลงไปมาก แน่นอน คนส่วนใหญ่เขาไม่ฝังระเบิดไว้ในสุสานของตนเองกัน
มาถึงข้างวิหารจีนโบราณ มีประตูที่เกือบจะถูกเกลือถมมิดอยู่แล้วอยู่บานหนึ่ง นายอ้วนถีบสองสามทีจนเปิด ก้มตัวเดินเข้าไป ก็เห็นว่าบนแท่นที่ยื่นออกไปบนน้ำ มีรูปปั้นอยู่สองรูป
รูปปั้นงุ้มงอจนกลายเป็นขนมโมจิไปแล้ว ดูไม่ออกว่าเป็นพระพุทธรูปหรือเทวรูปซันชิง (เทพเจ้าสูงสุดของลัทธิเต๋า) นายอ้วนเดินไปข้างรูปปั้นที่ทอดออกไปบนทะเลสาบ
ใช้ค้อนสำรวจ (geological hammer ขออภัยที่เพิ่งค้นมาให้ มันคือ "ค้อนธรณี") ทุบผิวเกลือออก เผยให้เห็นเนื้อหินด้านใน
พวกเราตรงเข้าไปช่วยกัน ทุบเคาะกันมั่วซั่ว แล้วเราก็ได้เห็นรูปแกะสลักหินที่ไม่เคยเห็นมาก่อน รูปแกะสลักหินนี้ ส่วนตัวเป็นร่างคน แต่ส่วนหัว เป็นหัวของปลาขนาดใหญ่ยักษ์ตัวหนึ่ง
งานฝีมือแกะสลักหยาบมาก ไม่เหมือนฝีมือของช่างที่ชำนาญ
พวกเรายืนอึ้งอยู่ข้างประติมากรรมหินนี้ ไม่มีถ้อยคำจะพูดอยู่เนิ่นนาน นายอ้วนงึมงำว่า "พี่น้องเอ้ย นี่คือเทพเจ้าแห่งซุปเต้าหู้หัวปลายังไงล่ะ"
พวกเรามองไปทางผิวน้ำทะเลสาบ นายอ้วนเดินไปที่ริม ใช้ไฟฉายเหมืองส่องกวาดสามครั้ง "หรือว่า ทะเลสาบนี่ ก็คือซุปเต้าหู้หัวปลาหม้อยักษ์ทั้งหม้อ"
"อย่าเพ้อเจ้อ" ผมนึกในใจว่า ถ้านี่เป็นหม้อน้ำซุป ไม่เค็มตายชักรึ แล้วก็ได้ยินเมินโหยวผิงร่อนเปลือกเกลือด้านหลังรูปแกะสลักหินต่อ พูดว่า "นี่เป็นพญามังกรชนิดหนึ่ง"
"พญามังกร?" นายอ้วนถาม "งั้นก็ไม่ใช่เทพเจ้าแห่งซุปเต้าหู้หัวปลาแล้ว ต้องเป็นเทพเจ้าแห่งพระกระโดดกำแพงต่างหาก"
ผมบอกให้เขาเลิกเล่น ถามเมินโหยวผิง นี่เป็นพญามังกรอะไร ทำไมจึงประดิษฐานไว้ที่นี่ เมินโหยวผิงมองดูผิวน้ำ แล้วพลันหันไปดูรูปปั้นหินอีกฟากหนึ่ง
พวกเราตรงไปช่วยเขาจัดการกับรูปปั้นฝั่งนั้น ทางนั้นก็เป็นหัวปลาแกะสลักเช่นกัน เพียงแต่เป็นเรือนร่างของเพศหญิง
เมินโหยวผิงมองดูทั้งสองฝั่ง ย่อตัวนั่งลงที่ก้นของรูปสลัก เราพบว่าก้นของรูปสลักหินทั้งสองเชื่อมต่อกับพื้น มันเชื่อมต่อกัน นี่ไม่ใช่รูปสลักหินสองรูป
แต่เป็นรูปสลักหินรูปเดียวที่ส่วนหางต่อกัน
"นี่คือ" เมินโหยวผิงกล่าว "พญามังกรน้ำ---"
เขาไม่ได้พูดต่อไป ผมรู้สึกว่าเขาก็ไม่สู้มั่นใจนัก นายอ้วนลูบคางเงยหน้าขึ้นมอง "ท่านทั้งหลาย พวกนายดูซิว่านี่คืออะไร" พูดพลางก็ชี้ไปเหนือศีรษะ
---
หนานไพ่ฯ Talk:
วันนี้เป็นวันพิเศษ (โพสต์นี้โพสต์ไว้เมื่อวันที่ 5 มีนาคม ซึ่งถือเป็นวันคล้ายวันเกิดของอู๋เสีย)
คนแปล Talk:
ไม่มีเวลาแล้ว ไม่มีเวลาแล้ว ไม่มีเวลาแล้ว
souless_angel- ด้วงสกุลเอ้อร์
- จำนวนข้อความ : 413
Points : 4607
Join date : 26/10/2014
ที่อยู่ : ใต้เตียงท่านเอ้อร์
Similar topics
» [Trans] ราชานักตก (钓王) #ตอนพิเศษตรุษจีน2016 - Chapter 11
» [Trans] ราชานักตก (钓王) #ตอนพิเศษตรุษจีน2016 - Chapter 27
» [Trans] ราชานักตก (钓王) #ตอนพิเศษตรุษจีน2016 - Chapter 12
» [Trans] ราชานักตก (钓王) #ตอนพิเศษตรุษจีน2016 - Chapter 28 (END)
» [Trans] ราชานักตก (钓王) #ตอนพิเศษตรุษจีน2016 - Chapter 13
» [Trans] ราชานักตก (钓王) #ตอนพิเศษตรุษจีน2016 - Chapter 27
» [Trans] ราชานักตก (钓王) #ตอนพิเศษตรุษจีน2016 - Chapter 12
» [Trans] ราชานักตก (钓王) #ตอนพิเศษตรุษจีน2016 - Chapter 28 (END)
» [Trans] ราชานักตก (钓王) #ตอนพิเศษตรุษจีน2016 - Chapter 13
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
Fri 24 Jul 2020, 01:39 by gustoon
» [คู่มือด้วง] Keyword จีนสำหรับการขุด(แฟนดอม)สุสาน
Thu 21 Jun 2018, 00:29 by miskizfullmoon
» มังฮวาและภาคทิเบต
Thu 21 Jun 2018, 00:23 by miskizfullmoon
» [OS] Father is the best (ผิงเสีย)
Thu 03 Aug 2017, 16:12 by schneewittchen
» [Fic] สิ่งเล็กๆที่เชื่อมโลก5 [เมินโหยวผิง+อู่เสีย+เสี่ยอ้วน]+OC
Tue 01 Aug 2017, 12:30 by natsume
» [OS] #dmbjdaily (จูปาจุ๊บ) Bittersweet [ผิงเสีย AU]
Thu 06 Apr 2017, 15:58 by Zeth
» [OS] #dmbjdaily "โทรศัพท์มือถือ" - no Pairing [All]
Tue 04 Apr 2017, 22:27 by Zeth
» [OS] #DMBJDaily (แว่น): ระยะที่มองไม่เห็น [ฮัวเสีย]
Sat 01 Apr 2017, 16:55 by Zeth
» [OS] #DMBJdaily (5.20) ท่านยอดฝีมือ [หวังเหมิง (+เหมิงเสีย)(+ผิงเสีย)]
Thu 30 Mar 2017, 17:24 by Zeth