Countdown
We've been
togerther for

ค้นหา
 
 

Display results as :
 


Rechercher Advanced Search


[OS] The Sweet Movement ฮัวเฮย

5 posters

Go down

ฮัวเฮย - [OS]  The Sweet Movement  ฮัวเฮย Empty [OS] The Sweet Movement ฮัวเฮย

ตั้งหัวข้อ by tear Mon 30 Mar 2015, 13:48

แพริ่ง ฮัวเฮยนะก๊ะ

จริงๆเขียนไว้นานแล้วแต่เหมือนยังไม่เคยเอามาลง =w=



ตอนนั้นผมกำลังท้อแท้อย่างหนัก



ด้วยความที่เป็นเจ้าบ้านสกุลเซี่ยผมจึงต้องฝึกหนักกว่าเด็กทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นวิชาการปกครอง เศรษศาสตร์ ภาษาอังกฤษ วิชาพลอง ศิลปะการป้องกันตัว ศาสตร์การคว่ำกรวย รวมถึงการขับร้องเพลงงิ้ว ทุกๆ วันตารางเรียนของผมจะเริ่มตั้งแต่ช่วงฟ้าสางไปจนถึงย่ำค่ำ ตั้งแต่ย้ายบ้านมาผมก็ไม่เคยมีเพื่อน เด็กรุ่นราวคราวเดียวกันที่เรียนด้วยกันต่างก็ไม่กล้าเข้าใกล้ผม ด้วยรู้ดีว่าผมคือเจ้าบ้านสกุลเซี่ย เจ้าบ้านที่เด็กที่สุดตั้งแต่เคยมีมา



แน่นอนว่าต่อให้ผมจะเป็นผู้ใหญ่เร็วกว่าเด็กรุ่นเดียวกันสักแค่ไหน ผมก็ยังเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง ย่อมต้องมีช่วงที่ท้อแท้กันบ้าง ด้วยความเครียดจากการฝึกที่ทำได้ไม่ดีเท่าที่ตัวเองหวัง ความกดดันจากตารางเรียนที่แน่นเอี๊ยด และน้ำหนักความหวังของผู้คนรอบข้างที่กดทับลงบนบ่า ท้ายที่สุดความกังวลทุกอย่างก็กลั่นออกมาเป็นหยดน้ำตา ผมหนีไปนั่งร้องไห้อยู่ตรงมุมกำแพงด้านหลังโรงฝึก ปล่อยโฮแบบที่ไม่ได้ทำมานานนับตั้งแต่พ่อหายตัวไป และคุณปู่เสีย ผมไม่รู้ว่าตัวเองนั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้นนานเท่าไหร่ อยู่ๆ บนศีรษะก็รับรู้ได้ถึงฝ่ามือใหญ่ที่ลูบไล้ไปมาแผ่วเบา สัมผัสอบอุ่นนั้นเรียกให้ผมเงยหน้าขึ้นมอง แล้วผู้ชายผมดำที่บนใบหน้าสวมแว่นกันแดดอันโตเอาไว้ก็ปรากฏเข้าสู่สายตา เขาคลี่ยิ้มให้ผม เสียงที่ดูร่าเริงเอ่ยถามว่า



"ร้องไห้ทำไมหรือคุณหนู เด็กน่ารักอย่างเธอเหมาะกับรอยยิ้มมากกว่านะ"



ผมกระพริบดวงตากลมโตที่บวมช้ำมองเขา "คุณ..."



"นี่ๆ ดูนี่นะ" ชายคนนั้นชักมือกลับเข้าไปในอกเสื้อ ล้วงเอาผ้าเช็ดหน้าสีดำออกมาโบกให้ผมดู มันเป็นผ้าสีดำเรียบๆ ธรรมดาผืนหนึ่ง พอผมทำหน้างุนงง ชายคนนั้นก็ยิ้มเผล่ เขาเอาผ้าคลุมมือตัวเอง จากนั้นก็ทำท่าเหมือนกำลังร่ายมนตร์ ปากพึมพำคาถาสุดเชยอย่างโอมมะลึกกึ๊กกึ๋ย



ผมเบ้ปากเล็กน้อย นึกในใจว่าวันนี้นี่ซวยชะมัด หดหู่กับเรื่องเรียนไม่พอ ยังจะมาเจอคนสติไม่ดีเข้าให้อีก ขณะที่ผมลอบว่าเขาอยู่ในใจ ชายหนุ่มก็ร้องแท่นแทนแท้นซึ่งเชยไม่แพ้กันออกมาเสียงดัง กระชากผ้าเช็ดหน้าสีดำออก แล้วดอกเหมยสีชมพูสวยก็ปรากฏอยู่ในอุ้งมือใหญ่



ผมทำตาโต ถึงจะรู้จักสิ่งที่เรียกว่ามายากลและเคยเห็นมาบ้าง แต่ไม่ว่าดูกี่ครั้งก็ยังรู้สึกตื่นตาตื่นใจอยู่ดี



พอชายหนุ่มเห็นผมทำตาโตตื่นเต้นก็หัวเราะ เขาทัดดอกไม้ดอกนั้นลงตรงข้างหูผม แล้วใช้ผ้าเช็ดหน้าผืนเดิมเช็ดคราบน้ำตาให้อย่างเบามือ "เอาล่ะ ถ้าคุณหนูคนสวยยิ้มให้ผม ผมจะเล่นกับคุณหนูนะ"



หากเป็นในยามปกติผมคงรีบถอยกรูดหนีห่างจากคนน่าสงสัยที่อาจเป็นผู้ร้ายลักพาตัวไปไกลลิบแล้ว แต่คงเพราะวันนั้นผมไม่ปกติ ผมเลยพยายมคลี่ยิ้มน้อยๆ อย่างเขินอายให้เขา แล้วชายหนุ่มก็อยู่เป็นเพื่อนเล่นผมตามสัญญา



"ผมชื่อเซี่ยอวี่เฉิน คุณลุงล่ะ?"



ชายหนุ่มสะดุดหน้าทิ่มทันที เขาหันมายิ้มเจื่อนให้ผม



"คุณหนูคร้าบ ผมยังหนุ่มยังแน่น แถมหล่อขนาดนี้ อย่างน้อยคุณหนูก็ต้องเรียกผมว่าพี่ชายสิ" เขาแกล้งทำท่ากุมอกเหมือนหัวใจดวงน้อยถูกผมทำร้าย พาให้ผมลอบรู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมาตงิดๆ



"งั้นพี่ชายชื่อว่าอะไร?" ผมถามใหม่อีกครั้ง



ชายหนุ่มฉีกยิ้มกว้างให้ผม "พี่ชื่อเฮยเสียจื่อ จะเรียกเฮยเกอเกอก็ได้นะ"



"เฮยเกอ" พอผมเรียกเขาก็คลี่ยิ้มอ่อนโยนให้ผม แล้วจูงมือผมออกเดินต่อ



“เฮยเกอ” ผมเรียกอีกครั้ง



“หืม” เขาเอ่ยรับในลำคอ



"อันที่จริงแล้วผมเป็นเด็กผู้ชายนะ หยุดเรียกว่าคุณหนูเถอะ"



แล้วเฮยเกอเกอก็สะดุดหน้าทิ่มอีกครั้ง



นั่นคือครั้งแรกที่ผมได้พบเฮยเสียจื่อ







...............







วันนั้นผมมีธุระกับเออร์เยว่หง จึงแวะไปที่โรงฝึกงิ้ว แต่วันนั้นท่านเออร์กลับไม่อยู่ ด้วยความที่ไม่มีอะไรทำ ผมเลยเดินเอ้อระเหยชมนกชมไม้ไปเรื่อย สวนของโรงฝึกตกแต่งเป็นสไตล์จีนอย่างดงาม สมแล้วที่เป็นของฮวาตั้นอันดับหนึ่ง ผมเดินชมเพลินจนเดินเลยไปถึงด้านหลังโรงฝึกโดยไม่รู้ตัว



ตอนนั้นเองที่ผมได้ยินเสียงร้องไห้



ผมเดินตามเสียงนั้นไปเรื่อยๆ จนมาถึงพุ่มไม้พุ่มหนึ่งที่ด้านหลังสีเขียวๆ มีชายเสื้อสีชมพูแล่บออกมา พอชะโงกหน้าไปมองก็เห็นว่าเป็นเด็กคนหนึ่ง



ผมชอบเด็ก เพราะเด็กนั้นเป็นผืนผ้าขาว ทั้งสะอาดและใสซื่อบริสุทธิ์ แบบที่หาไม่ได้ในโลกที่ผมอยู่ เพราะงั้นผมเลยยื่นมือออกไปลูกศีรษะเล็กๆ นั้นอย่างแผ่วเบา เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นทันที ทำให้ผมมองเห็นใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักและดวงตากลมโตที่ตอนนี้แดงช้ำได้ชัดถนัดตา



อืม น่ารักไม่เลว ท่าทางโตขึ้นจะต้องเป็นสาวสวยแน่ๆ



"ร้องไห้ทำไมหรือคุณหนู เด็กน่ารักอย่างเธอเหมาะกับรอยยิ้มมากกว่านะ"



เด็กน้อยดูท่าทางสับสน เหมือนตัดสินใจไม่ถูกว่าควรจะทำยังไงดี ผมเลยงัดวิชามายากลที่แอบเรียนแบบครูพักลักจำมาแสดงโชว์ แล้วก็ได้ผลดวงตารียาวเหมือนผลท้อเป็นประกายพราวระยับแบบถูกใจ



"เอาล่ะ ถ้าคุณหนูคนสวยยิ้มให้ผม ผมจะเล่นกับคุณหนูนะ"



แล้วผมก็ได้เห็นดอกไม้ที่แย้มบานได้งดงามที่สุดในโลก







หลังจากนั้นผมก็เล่นกับเด็กน้อยตามคำสัญญา



อืม จะว่าเล่นก็ไม่ค่อยถูก น่าจะบอกว่าผมสอนเด็กน้อยให้หัดปามีดมากกว่า ผมจัดแจงจูงมือน้อยๆ นั่นไปที่ตรอกเล็กๆ ข้างโรงฝึก เอาอิฐและลังเปล่าที่กองสุมๆ อยู่ท้ายตรอกมาทำเป็นโต๊ะแล้ววางกระป๋องเปล่าสี่ห้าใบไว้ด้านบน ผมสาธิตการปามีดให้ดูเป็นตัวอย่าง ก่อนจะปล่อยให้เด็กน้อยลองทำตาม เพราะเด็กๆ ยังมีแรงน้อยผมเลยสอนแค่ให้ปาถูกกระป๋องก็พอ ไม่ต้องถึงขั้นเสียบทะลุก็ได้



ผมลอบมองเสี้ยวหน้าจิ้มลิ้มที่กำลังตั้งอกตั้งใจปามีด เด็กน้อยมีนามว่าเซี่ยอวี่เฉิน น่าเสียดายอยู่หรอกที่เป็นเด็กผู้ชาย  แต่ถ้าน่ารักขนาดนี้จะชายหรือหญิงก็คงไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก



เคร้ง!



หลังลองอยู่หลายครั้ง ในที่สุดมีดพับก็กระแทกเข้ากับกระป๋องเปล่า เสี่ยวเฉินกระโดดตัวลอย หันหน้ามายิ้มแป้นให้ผมแล้วร้องอย่างดีใจ



“โดนแล้วๆ!” พวงแก้มอิ่มเป็นสีชมพูระเรื่อจากเลือดที่สูบฉีดเพราะความตื่นเต้น ขับให้ใบหน้าดวงน้อยยิ่งดูน่ารักน่าเอ็นดูจนผมอดใจไม่อยู่ต้องโน้มตัวลงไปจุมพิตแก้มนุ่มนั่นเบาๆ สองที



เสี่ยวเฉินสะดุ้งเฮือกหน้าแดงแปร๊ดเหมือนแอปเปิล เขารีบก้าวถอยหลังแล้วยกมือขึ้นกุมแก้ม “ฮะ เฮยเกอ ทำอะไรน่ะ?”



“ให้รางวัลคนเก่งไง” ท่าทางตื่นๆ พาให้อย่างแกล้ง ผมคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ อาศัยช่วงแขนที่ยาวกว่าคว้าเอวเด็กน้อยหมับ แล้วลากกลับมาปล้ำจูบ ส่งผลให้กำปั้นน้อยๆ ทุบรัวเข้าที่อกผมทันที



“อื้อ เฮยเกอไม่เอา ผะ ผมมีเสี่ยวเสียแล้ว” เสียงอู้อี้ร้องประท้วง เด็กน้อยพยายามหันซ้ายหันขวาหลบจากจู่โจมด้วยริมฝีปากของผม



เสี่ยวเสียไหนก็ไม่รู้หรอก แต่เขามั่นใจรูปร่างหน้าตาตัวเองสุดๆ อยู่แล้ว



“หืม เฮยเกอมั่นใจว่าเฮยเกอต้องหล่อกว่าเสี่ยวเสียสิบเท่าร้อยเท่าแน่ๆ” เขาหยอก ยังคงไม่ยอมปล่อยร่างเล็กออกจากอ้อมแขนและไม่หยุดหอมซ้ายหอมขวา เด็กๆ นี่แก้มนิ่มดีจัง แถมยังหอมกลิ่นแป้งด้วย



อีกฝ่ายเบ้ปากใส่เขา สุดท้ายหลังดิ้นจนเหนื่อยก็ยังสลัดไม่หลุด ดวงตาคู่นั้นก็ฉายประกายวาบ มือน้อยแต่แรงกลับไม่น้อยเหมือนขนาดทั้งสองก็เปลี่ยนมาใช้วิธีบิดเอวเขาแรงๆ แทน



“โอ๊ย!” ผมร้องลั่น ประมาทไปหน่อยเห็นน่ารักๆ ไม่นึกเลยว่าจะร้าย ผมกัดฟันมองตัวแสบที่วิ่งปรู๊ดไปเสียห่าง แถมยังแลบลิ้นใส่ผมอีก หนอย ผมรีบวิ่งตามไปทันที



ผลสุดท้ายผมกับเสี่ยวเฉินก็วิ่งไล่จับกันจนเหนื่อย นอนหอบแฮ่กหมดสภาพอยู่บนพื้น เสี่ยวเฉินนอนทับอยู่บนอกผม หลังลมหายใจเริ่มกลับเป็นปกติ ก็ทุบกำปั้นลงที่อกเขาแล้วร้องประท้วง



”เฮยเกอบ้า จูบแบบนี้ผมจะเป็นเจ้าสาวให้เสี่ยวเสียได้ยังไง!” อืม เด็กหนอเด็ก ใจหนึ่งผมก็อยากบอกว่าผู้ชายด้วยกันแต่งงานกันไม่ได้หรอกนะคร้าบคุณหนู แต่อีกใจก็ไม่อยากทำลายความฝันวัยเด็ก ปล่อยให้ยังใสซื่อแบบนี้ไปล่ะดีแล้ว



“งั้นก็มาเป็นเจ้าสาวให้เฮยเกอแทนไงครับ” ผมพูดพร้อมกันคลี่ยิ้ม ยื่นหน้าไปจุ๊บปากยื่นๆ นั่นอย่างหมั่นเขี้ยวอีกหนึ่งที เสี่ยวเฉินหน้าแดงรีบก้มลงซุกหน้ากับอกผมทันควัน



“...รับผิดชอบด้วยเลย” เสียงอู้อี้ฟังไม่ชัดดังขึ้นเบาๆ ผมลูบศีรษะทุยที่ซบอยู่บนอก ตอบรับไปส่งๆ ว่าครับๆ



ดวงตากลมโตคู่สวยช้อนขึ้นมองผม ก่อนใบหน้านั้นจะขยับเข้ามากระซิบตรงข้างหู “สัญญาแล้วนะ”



ลมหายใจอุ่นร้อนที่รินรดพาให้ผมสะดุ้งน้อยๆ ให้ตายหูมันเป็นจุดอ่อนผมนะ ผมรีบคลี่ยิ้มกลบเกลื่อนให้เด็กน้อยที่เอียงคอมองนิ่งๆ ท่าทางเหมือนคิดอะไรอยู่



“อือ สัญญา”



ยังไงซะเดี๋ยวโตขึ้นก็ลืมเองนั่นแหละ ตอนนั้นผมคิดเช่นนี้...







ผมถอนหายใจยาว นั่งขยับเน็กไทอย่างอึดอัดอยู่บนที่นั่งของโรงละคร วันนี้ผมได้รับบัตรเชิญให้มาชมงิ้ว แถมในนั้นยังระบุให้ต้องสวมสูทผูกไทด์มาด้วย สำหรับผมที่ชอบแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าลำลองแล้ว เรียกได้ว่าไม่ชินเอาเสียเลยจริงๆ



เซี่ยอวี่เฉินหรือเสี่ยวเฉิน เด็กน้อยที่ผมแอบไปหว่านเสน่ห์ใส่ในวันวานบัดนี้ได้เติบโตอย่างสง่างาม เขากลายเป็นผู้นำตระกูลเซี่ย เป็นเซี่ยอวี่ฮัวฮวาตั้นคนงามผู้โด่งดัง และเป็นคุณชายฮัวนักคว่ำกรวยอันดับต้นๆ ของปักกิ่ง



และยังเป็นคนที่ตามตื้อจีบผมมาได้หลายปีแล้ว...



ใช่ว่าผมจะไม่ชอบเขาหรอกนะ เวลาถูกอ้อนด้วยหน้าตาสวยๆ แบบนั้นใจผมสั่นทุกที แต่ว่า....



จากที่ได้รู้จักกันหลายปีมานี้ ดูท่าว่าฝ่ายที่ถูก “จับกิน” จะเป็นผมมากกว่าน่ะสิ



ผมเหล่มองตัวนางบนเวทีที่กำลังขับขานเสียงหวานใสกล่อมผู้คน อีกฝ่ายหันมองมาทางนี้ทันทีราวกับสัมผัสได้ถึงสายตา ดวงตาหงส์คู่งามเป็นประกายพราวระยับ ริมฝีปากที่ทาด้วยสีแดงสดแย้มยิ้มหวานไร้เดียงสาส่งมาให้ผม



ผมรีบหันหน้าหลบ รู้สึกหนาวสันหลังขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ



ให้ตายถ้ารู้ว่าผลกรรมของการเต๊าะเด็กจะแสดงผลไวขนาดนี้ ตอนนั้นผมก็ไม่น่าไปยุ่งกับดอกไม้พิษดอกนี้เลย







.................................................









หลังเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จผมก็รีบสาวเท้าไปทางห้องรับรองที่อยู่ติดกับห้องแต่งตัว แอบกังวลนิดหน่อยว่าใครบางคนจะแอบหนีกลับไปเสียก่อน ผมผลักประตูเข้าไปอย่างรีบร้อนแล้วสายตาก็ปะทะเข้ากับร่างในชุดสูทสีดำสนิท เส้นผมยาวประบ่าสีเดียวกับเสื้อสูทถูกมัดไว้ด้วยหนังยางเป็นหางม้าเล็กๆ ดูน่ากระตุก



“เฮยเกอเกอ" ผมเอ่ยเรียกเสียงหวาน โน้มตัวไปใช้สองแขนโอบรอบลำคอของคนที่นั่งหันหลังให้บนโซฟา



“คุณชาย” เฮยเสียจื่อดุ แถมยังขยับตัวลุกขึ้นเพื่อให้หลุดจากอ้อมแขนผมอีก เขาหันหน้ามาขมวดคิ้วมองผม “ผมบอกหลายครั้งแล้วนะครับว่าอย่าเรียกแบบนั้น มันจะทำให้คนอื่นมองคุณไม่ดีเอา”



ดุอีกแล้ว ผมทำปากยื่น “แต่ที่นี่ไม่มีคนอื่นสักหน่อย” พูดจบผมก็แกล้งเนียนกอดเขาแล้วบ่น “ไม่เจอกันตั้งนานแท้ๆ”



ผมได้ยินเสียงถอนหายใจจากด้านบนศีรษะ เจ็บใจชะมัดทั้งที่ผมอุตส่าห์ดื่มนมเยอะๆ แล้วนะ แต่ก็ยังเตี้ยกว่าเขาอยู่ช่วงหนึ่งอยู่ดี แถมไม่รู้ว่าเป็นเพราะกรรมพันธุ์หรือว่าอะไร ไม่ว่าผมจะฝึกหนักแค่ไหนร่างกายก็มีกล้ามเนื้อแค่พอเรียกได้ว่าสมส่วนได้รูปเท่านั้น ผมคิดพลางแอบลูบลอนหน้าท้องใต้เสื้อเชิ้ตสีดำของคนในอ้อมกอด อืมยังตึงแน่นเหมือนเดิม



“เป็นสาวเป็นนางอย่าแอบลวนลามผู้ชายสิครับ” เฮยเสียจื่อตีมือผมแล้วแกะออก จากนั้นก็เอ่ยปากถาม “ตกลงคุณเรียกผมมาทำไมเนี่ยคงไม่ใช่เพื่อมาลวนลามผมหรอกนะ” เขาแกล้งฉีกยิ้มยียวน กลับไปสวมหน้ากากยิ้มแย้มที่เหมือนเป็นเกราะป้องกันไม่ให้ใครเห็นจิตใจที่แท้จริงอีกครั้ง



ผมคลี่ยิ้ม “ชวนนายไปดินเนอร์ไง”



“แหมได้คนสวยอย่างคุณชายมาชวนไปดินเนอร์เนี่ยไม่คิดไม่ฝันเลย” เฮยเสียจื่อทำเป็นยิ้มกว้าง ทำท่าบิดม้วนราวกับสาวน้อยวัยใสที่ถูกชายหนุ่มจีบ



“แล้วคนหล่อจะให้เกียรติไปไหมครับ” ผมคลี่ยิ้มหวานให้กับท่าทางที่เขาแสร้งทำกวนประสาทผม เอื้อมมือไปทัดผมที่ตกลงมาปรกหน้าให้อีกฝ่าย เฮยเสียจื่อตัวแข็งไปทันที ท่าทางทำอะไรไม่ถูกนั้นช่างแสนน่ารัก



พอเห็นว่าผมไม่เล่นด้วย เขาก็ตัดสินใจสลัดท่าทางแบบสาวน้อยทิ้งไป เรียวปากสีสวยฉีกยิ้มฝืดเฝื่อน “คนอย่างคุณชายน่าจะมีคนยินดีเป็นคู่ควงเยอะมั้งครับ ชวนใครก็ไม่น่าปฏิเสธนะ”



“งั้นไปกันเถอะ” พูดจบผมก็คว้าแขนเขาทันที เฮยเสียจื่อปลิวตามแรงแขน อืม ถึงผมจะตัวเล็กมีกล้ามเนื้อไม่เท่าเขา แต่แรงผมไม่น้อยไปกว่าเขาหรอกนะ



“ห๊ะ? เดี๋ยวสิ ผมบอกว่า...” เฮยเสียจื่อรีบร้องประท้วงทำท่าจะดึงมือผมออก



“นายบอกว่าไม่ว่าใครก็ไม่ปฏิเสธไม่ใช่เหรอ”



“...”



สุดท้ายเขาก็กรอกตายอมแพ้ ปล่อยให้ผมจูงมาขึ้นรถคันหรูแต่โดยดี ผมเปิดประตูข้างคนขับให้เขา แน่นอนว่าเขาโอดครวญทันที



“ขอเถอะคุณชายเลิกเปิดประตูให้ผมเหมือนเป็นผู้หญิงเสียทีได้มั้ย” แต่ผมเพียงเลิกคิ้ว ยิ้มเผล่ให้เขา สุดท้ายเฮยเสียจื่อเลยรีบเข้าไปนั่งให้มันจบๆ ไป เขากระชากประตูปิดก่อนที่ผมจะบริการเขาอีกรอบแล้วหันหน้าหนี ผมหัวเราะหึๆ เดินอ้อมไปตรงที่นั่งฝั่งคนขับ วันนี้ผมขับมาเองเพราะอยากอยู่กันสองต่อสองมากกว่า หายากที่เขาจะยอมมาเจอผมแบบนี้ ปกติชวนทีไรต้องหาเรื่องหนีทุกที ไม่รู้คราวนี้นึกครึ้มอะไรขึ้นมาถึงยอมมาเจอผมเองดีๆ โดยไม่ต้องให้ผมส่งคนไป “เชิญ” มาเหมือนทุกครั้ง



พอขึ้นรถผมก็เปิดเพลงคลาสสิกเบาๆ ผมรู้ว่าเขาชอบเพลงพวกนี้ เขาเล่นไวโอลินเป็น แต่ก็ไม่ค่อยจะยอมเล่นให้ผมฟังสักเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าอายหรือว่าอะไรกันแน่



ทั้งที่หน้าด้านขนาดกล้าหลอกแต๊ะอั๋งเด็กไม่ถึงสิบขวบดีแท้ๆ...



ท่วงทำนองแว่วหวานของบทเพลง Butterfly Lover ดังเอื่อยปกคลุมบรรยากาศภายในรถ แม้จะเป็นเพลงที่บรรเลงด้วยเครื่องดนตรีตะวันตก ทว่าท่วงทำนองกลับเป็นอุปรากรจีนที่เคยคุ้น เครื่องดนตรีหลักที่ใช้บรรเลงคือไวโอลิน เมื่อเสียงหวานใสของเครื่องดนตรีที่คุ้นเคยดังขึ้น ไหล่ซึ่งเขม็งเกร็งในทีแรกก็เริ่มผ่อนคลายลง เฮยเสียจื่อเอนตัวพิงผนักเก้าอี้ ดวงตาหลังเลนส์แว่นหลับพริ้มราวกับกำลังซึมซับบทเพลงที่ได้ฟัง ผมแอบเหลือบมองพร้อมทั้งระบายยิ้มน้อยๆ Butterfly Lover เป็นบทเพลงที่ประพันธ์มาจากเรื่องม่านประเพณี กล่าวถึงโศกนาฎกรรมความรักสมัยราชวงศ์จิ้นของเหลียงซานป๋อกับจูอิงไถ บางทีผมก็แอบรู้สึกว่าเรื่องนี้มีส่วนคล้ายกับพวกเราอยู่บ้าง เพียงแค่ว่าจู้อิงไถปลอมเป็นชาย ส่วนผมแต่งกายเป็นหญิง และผมไม่มีวันยอมให้รักครั้งนี้จบลงแบบโศกนาฎกรรม



มือเรียวหักพวงมาลัยเข้าไปยังโรงแรมหรู เมื่อรถจอดเทียบตรงหน้าประตูโรงแรม พนักงานก็เดินมาเปิดประตูให้อย่างรู้หน้าที่ คราวนี้เฮยเสียจื่อที่นั่งหลับตามาตลอดทางถึงได้ลืมตาขึ้น ทันทีที่เห็นสถานที่ชายหนุ่มก็หันควับมายิ้มแห้ง



“หรูไปมั้งครับคุณชาย”



ผมเพียงแค่เลิกคิ้ว แล้วตอบว่า “คุณชายเซี่ยจะพาคู่ควงมาดินเนอร์ทั้งที ไม่ได้ระดับนี้ก็เสียชื่อแย่สิ” กล่าวจบก็ส่งกุญแจรถให้พนักงานขับไปจอด แล้วส่งแขนเป็นนัยให้เฮยเสียจื่อ แม้ว่าบนหน้าเจ้าตัวจะฉีกยิ้มกว้าง ทว่าเท้าทั้งสองกลับก้าวถอยหลัง



“แหมคุณชายให้ผมควงคุณน่ะดูไม่จืดหรอกนะ เปลี่ยนเป็นคุณมาควงแขนผมแทนดีกว่า” เซี่ยอวี่ฮัวคลี่ยิ้มมองคนที่ทำปากดี แต่ขางี้เล่นขยับออกห่างไปตั้งหลายก้าว แล้วตัดสินใจถอยให้ เขาลดแขนลง แล้วกวักมือเรียกให้อีกฝ่ายเดินตามมาโดยไม่ลืมแอบเนียนลูบก้มงอนๆ นั่นไปสักทีสองที แกล้งให้เฮยเสียจื่อสะดุ้งเล่นๆ







.................









“คุณชายเซี่ยพาผู้ชายมาดินเนอร์แบบนี้ไม่กลัวตกเป็นข่าวหรือ?” ผมแกล้งถาม มองคนตรงข้ามที่แม้กระทั่งท่าหั่นอาหารก็ยังดูสง่างาม



คุณชายส่งเนื้อสเต๊กชั้นดีเข้าปาก “ก็ดีแล้วนี่ เหม่ยลี่กับเซียงเอ๋อร์ของนายจะได้รู้สักทีว่านายเป็นคนของใคร” น้ำคำที่พาให้ลอบสะดุ้งอยู่ในใจ เหม่ยลี่กับเซียงเอ๋อร์เป็นนักร้องในบาร์ที่ช่วงนี้ผมกำลังตามจีบอยู่ นี่คุณชายแอบติดเครื่องติดตามไว้บนตัวผมรึเปล่าเนี่ย ไม่ว่าจะไปไหนคนตรงหน้าถึงได้รู้ไปหมด



“นี่เสียจื่อ ฉันตามจีบนายมาสิบกว่าปีแล้ว เมื่อไหร่จะตกลงสักทีล่ะ” คุณชายรวบส้อมกับมีดในมือ ดวงตาคู่สวยจ้องมองเขาพร้อมเอ่ยตัดพ้อ



“เหนื่อยนักก็ยอมแพ้ไปก็ได้นี่ครับคุณชาย”



“นายสัญญาแล้วนี่ว่าจะรับผิดชอบ”



“อืม ถึงตอนนั้นผมจะไม่ได้บอกความจริงไปเพราะไม่อย่างทำลายความไร้เดียงสาในวัยเด็กของคุณ แต่ผู้ชายน่ะแต่งงานกันไม่ได้หรอกนะครับ”



“ไม่เห็นเป็นไรเลย ไม่มีใครกล้าว่าอะไรหรอกน่า” พูดจบก็คลี่ยิ้มสวย สีหน้าท่าทางบอกชัดว่าใครมีปัญหากับเรื่องนี้รับรองว่าได้กินลูกตะกั่วเป็นของว่างแน่นอน



เซี่ยอวี่ฮัวช้อนนัยน์ตาขึ้นออดอ้อน มือเรียวเอื้อมมาลูบไล้มือเขาซึ่งวางอยู่บนโต๊ะ “แต่งกับฉันเถอะน่านะ”



อุ เดเมจ ผมรีบเบือนหน้าหนี เตือนตนเองในใจว่าอย่าตกหลุมพรางเป็นอันขาด ไม่งั้นเขาคงต้องลาขาดการอยู่บนไปตลอดกาล ดูจากการที่หลายปีมานี้พอเขาเผลอทีไรเป็นได้โดนลวนลามทุกทีก็รู้แล้ว



“คุณไปหาคนอื่นเถอะ”



เซี่ยอวี่ฮัวแสร้งถอนใจ มือขาวเนียนละออกจากมือเขา “งั้นหรือ น่าเสียดาย ถ้างั้นฉันคงต้องใช้วิธี... อืม เรียกว่าอะไรนะ? รวบหัวรวบหางกินกลางตลอดตัว?”



หลังสิ้นคำพูดที่เป็นดั่งสัญญาณอันตราย ผมก็ผุดลุกขึ้นทันที ทว่าทันทีที่ยืนขึ้นก็รู้สึกเจ็บจี๊ดตรงต้นคอจึงยกมือขึ้นแตะโดยสัญชาตญาณ แล้วก็พบเข็มเล่มเล็กเล่มหนึ่ง เพราะมัวแต่จดจ่อกับคนตรงหน้า ผมจึงไม่ทันระวังบริกรที่ด้านหลัง ทำให้ถูกลอบวางยาเอาอย่างง่ายดาย



ให้ตายสิ ว่าแล้วเชียวว่าทำไมบริกรคนนี้ถึงรูปร่างคุ้นตานัก ที่แท้ก็คนของคุณชายที่สวมหน้ากากหนังมนุษย์นี่เอง





จากนั้นแขนขาก็พลันอ่อนแรงจนเกือบล้มคว่ำทั้งยืน ถ้าไม่มีเรียวแขนบอบบางทว่าแข็งแกร่งคว้าเอวเอาไว้เสียก่อน



"แค่ยาที่ทำให้เป็นอัมพาตชั่วคราวน่ะ ไม่ร้ายแรงหรอก ไม่ต้องห่วงนะ" คุณชายคนงามคลี่ยิ้มสวย ทว่าผมทำได้เพียงแค่ถลึงตาตอบ จากนั้นก็ถูกอีกฝ่ายอุ้มท่าเจ้าสาวออกจากห้องอาหารไป







หลังพาผมกลับมาถึงบ้านสกุลเซี่ย เซี่ยอวี่ฮัวก็วางผมลงบนเตียง แล้วเอนตัวตามมาตรงด้านข้าง ใบหน้างดงามยิ้มหวานเท้าคางมองผมที่กระดิกกระเดี้ยตัวไม่ได้ นิ้วเรียวยาวไต่ไปตามแขนอย่างซุกซน



"นี่เสียจื่อ ไม่แต่งจริงๆ เหรอ ฉันให้คนออกแบบแหวนไว้ให้แล้วนะ" คุณชายกลิ้งตัวขึ้นมาทาบทับบนอก เหมือนวันแรกที่พบกัน



“ไม่” คงเพราะฤทธิ์ยาอ่อนลงไปแล้ว ทำให้ถึงจะยังไม่มีแรง แต่อย่างน้อยก็เปิดปากพูดได้



พอได้ยินคำตอบดวงหน้างดงามนั้นก็มีสีหน้าเศร้าสร้อย อีกฝ่ายซบลงตรงอกผม หัวไหล่ที่ดูเหมือนจะบอบบางสั่นสะท้านน้อยๆ เอ่ยถามเสียงเครือว่า “ผู้หญิงดีกว่าจริงๆ เหรอ? ถ้าฉันเป็นผู้หญิงนายถึงจะแต่งกับฉันสินะ?”



สัมผัสเปียกชื้นตรงอกพาให้ใจอ่อนยวบ



.



.



.



ซะเมื่อไหร่ ผมถอนหายใจยาว “คุณชายใช่ว่าผมจะไม่รู้จักคุณดี มุกนี้คุณเคยเล่นมาแล้วนะครับ”



เซี่ยอวี่ฮัวเงยหน้าขึ้นทันที ดวงตาคู่สวยไม่มีรอยแดงจากการร้องไห้เลยสักนิด เขายักไหล่ จากนั้นก็ดีดหลอดน้ำตาเทียมในมือทิ้งไป “แหมรู้ทัน”

ผมเบ้ปากให้เป็นคำตอบ



“เลิกซึนน่าเสียจื่อ ถ้านายไม่ชอบฉันจริงๆ จะยอมให้ฉันมาวนเวียนอยู่ข้างๆ ยอมให้ฉันลวนลามรึไง”



ผมเบือนหน้าหนีไม่ตอบคำถามนั้น ข้างหูได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักดังมา จากนั้นลมหายใจอุ่นร้อนก็รินรดลงตรงใบหูมน



“เฮยเกอเกอ” เสียงหวานราวอิสตรีเอ่ยเรียก ผมสะดุ้งพอจะหันหน้าหนีปลายคางก็ถูกมือแกร่งยึดไว้แน่น เรี่ยวแรงที่ยังกลับมาไม่เต็มที่ทำให้ผมสลัดไม่หลุด



“เฮยเกอเกอ” คุณชายยังคงเรียกผมด้วยน้ำเสียงของฮวาตั้นต่อไป ลิ้นอุ่นร้อนแลบเลียไล่ไปตามกระดูกอ่อนของใบหู พาให้รู้สึกเสียววาบจนขนตั้งชัน



“เฮยเกอเกอ” ริมฝีปากสีสวยเอ่ยกระซิบพลางขบเม้มเล็มไปตามใบหู ลำคอ เรื่อยลงมาถึงส่วนกระดูกไหปลาร้า ขณะที่ผมกำลังสั่นสะท้านกระดุมเม็ดสุดท้ายของเสื้อเชิ้ตก็ถูกแกะออก ลมเย็นๆ ของเครื่องปรับอากาศพัดผิวเนื้อจนรู้สึกหนาว ทว่านาทีถัดมาก็กลับมาร้อนรุ่มจากฝ่ามืออุ่นร้อนที่ลูบไล้เค้นคลึง



“อ๊ะ คุณชาย.. มะ ไม่เอา” ผมสะบัดหน้า พยายามตะกายแขนขาอ่อนแรงหนี สัญญาณเตือนภัยในหัวกรีดร้องระงม อธิปไตยผมกำลังตกอยู่ในอันตราย!



“ทำไมล่ะ เมื่อก่อนออกจะชอบให้เรียกแบบนี้นี่ เฮยเกอเกอ” ทว่าพอเสียงหวานๆ และลมหายใจร้อนๆ วกกลับมากระซิบอยู่ตรงข้างหู แขนขาผมก็พลันหมดแรงมันเสียดื้อๆ อย่างนั้น



ผมกัดฟันมองเซี่ยอวี่ฮัวที่กำลังคลี่ยิ้มงดงามราวกับนางฟ้าผู้แสนใสซื่อบริสุทธิ์ “คุณนี่มันปีศาจร้ายชัดๆ”



“ขอบคุณที่ชม” และก่อนที่ผมจะเถียงว่าไม่ได้ชม ริมฝีปากอุ่นร้อนก็ทาบทับลงมาเสียก่อน ปิดช่องทางประท้วงจนได้แต่ต้องกลืนคำพูดกลับลงคอ

แล้วจากนั้นผมก็ถูกกลืนกินจนหมดทั้งตัวดังที่คุณชายคนงามได้ประกาศเอาไว้







....................................................







พอผมตื่นขึ้นมาในตอนเช้า สิ่งแรกที่ทักทายผมคือความเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวและสะโพกที่ปวดตุ้บ ผมร้องครางงอตัวเป็นกุ้งอยู่ในผ้านวม



สุดท้ายก็โดนเด็กกินจนได้ ฮือออ เฮยเสียจื่อเศร้า



“ตื่นแล้วเหรอเสียจื่อ” หลังเสียงประตูเปิดคุณชายคนงามก็เดินเข้ามา ผมหันไปแยกเขี้ยวใส่ทันที



“คุณมันห่วยแตกที่สุด ผมระบมไปทั้งตัวแล้วเนี่ย”



“อ่อ งั้นไว้ฉันจะทำบ่อยๆ แล้วกันจะได้เก่งไวๆ” ถ้อยคำนั้นพาให้ผมรีบหุบปากฉับ อีกฝ่ายหัวเราะหึๆ สมใจ จากนั้นมือเรียวสวยก็ยื่นแผ่นกระดาษสีขาวที่มีรูปติดและตราประทับสีแดงมาโบกตรงหน้าผม ซึ่งเมื่อเห็นมันผมก็อ้าปากค้างทันที



“นี่มันอะไรกันครับ!” ผมลุกพรวดขึ้นอย่างลืมตัว แล้วความเจ็บปวดก็ตรงเข้าจู่โจมจนร่วงแผละกลับลงไปบนเตียงนุ่มทันที



“ทะเบียนสมรสไงไม่รู้จักเหรอ?” คุณชายคนงามคลี่ยิ้มสวย ยื่นกระดาษแผ่นนั้นมาให้มองใกล้ๆ แล้วรีบดึงกลับก่อนที่ผมจะคว้ามาฉีกทิ้งทัน



“ผมหมายถึงว่าไหงมันถึงมีลายเซ็นผมอยู่บนนั้นล่ะ?!!” ผมกำมือแน่นอย่างเจ็บใจ ชิ อีกนิดเดียว



“เมื่อคืนนายเซ็นเองนี่” อีกฝ่ายเอียงคอแอ๊บแบ๊วได้อย่างน่าถีบ



“ผมจำไม่เห็นได้!”



“ก็ตอนนั้นนายหลับไปแล้วนี่”



“หลับแล้วจะเซ็นได้ไง!”



“ก็ฉันจับมือนายเซ็นไง”



“...” ผมพูดไม่ออก เซี่ยอวี่ฮัวขยับมานั่งลงข้างๆ มือขาวช้อนคางผมขึ้นรับจูบ



“นายเป็นของฉันแล้วนะเสียจื่อบอกลาเหม่ยลี่กับเซียงเอ๋อร์ได้เลย” ผมมองดวงตาที่ฉายแววตาพราวระยับสมใจคู่นั้นอย่างหมดแรง แล้วก็ถูกแนบจูบอีกครั้ง



เฮ้อ เอาเถอะ จะยังไงก็ตามใจ ผมค่อยๆ หลับตาลงรับสัมผัส ริมฝีปากซึ่งกำลังถูกบดเบียดโค้งขึ้นโดยไม่รู้ตัว



ยังไงซะ ผมก็ต้องรับผิดชอบนี่นา







END







อยากลองเปลื่ยนอารมณ์ดูบ้างค่ะ สุดท้ายก็ได้ออกมางงๆ แบบนี้้ แฮ่ //ปิดหน้าเอียงอาย
tear
tear
ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา

จำนวนข้อความ : 168
Points : 3670
Join date : 02/11/2014
ที่อยู่ : ใต้เตียงคุณชายฮัว

ขึ้นไปข้างบน Go down

ฮัวเฮย - [OS]  The Sweet Movement  ฮัวเฮย Empty Re: [OS] The Sweet Movement ฮัวเฮย

ตั้งหัวข้อ by kuramajoy Tue 31 Mar 2015, 06:42

อ่านแล้วจิกหมอนพังคะ
แงงงง คนปกติในหมู่พวกเรา
555+
โอยอิแม่สมน้ำหนาอะ สมน้ำหน้าจริงๆนะ ผลกรรมการเตาะกินเป็นไงละนายอยากกินเขาแต่โดนเขากิน
ก๊ากกกกกกก
คุณชายรุกหนักหน่วงรุกจนละลายคะ
ทะเบียนสมรสนั่นมันอะไรรร
โถ อิเฮยหนีไม่รอดแล้ว
ฮือ หวานมุ้งมุ้งฟรุ้งฟริ้งทั้งตอนเลย
kuramajoy
kuramajoy
ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
ด้วงต้นไม้เทพเจ้า

จำนวนข้อความ : 206
Points : 3782
Join date : 27/10/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

ฮัวเฮย - [OS]  The Sweet Movement  ฮัวเฮย Empty Re: [OS] The Sweet Movement ฮัวเฮย

ตั้งหัวข้อ by ngohungmint Tue 31 Mar 2015, 10:45

คุณชายน่ารักมากกก ชอบคุณชนยเวอร์ชั่นนี้ ><

ngohungmint
ด้วงฝึกหัด
ด้วงฝึกหัด

จำนวนข้อความ : 4
Points : 3484
Join date : 28/10/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

ฮัวเฮย - [OS]  The Sweet Movement  ฮัวเฮย Empty Re: [OS] The Sweet Movement ฮัวเฮย

ตั้งหัวข้อ by DarkAki Thu 02 Apr 2015, 00:50

555555 เฮยคะดีใจด้วย มีสามีเป็นตัวเป็นตน

ไปทำให้เด็กมันรักมันหลงอย่างงี้ก็ต้องรับผิดชอบสิคะ

หึหึหึ สม เล่นตัวเยอะ เลยโดนคุณชายจับกินกลางตลอดตัว
DarkAki
DarkAki
ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา

จำนวนข้อความ : 93
Points : 3482
Join date : 27/01/2015

ขึ้นไปข้างบน Go down

ฮัวเฮย - [OS]  The Sweet Movement  ฮัวเฮย Empty Re: [OS] The Sweet Movement ฮัวเฮย

ตั้งหัวข้อ by sha Wed 08 Apr 2015, 20:09

เฮยเกอเกอออออ ขออนุญาตนะคะ (พนมมือ) กรี๊ดดดดดด น่ารักมากกกก เรียกชื่อซ้ำไปซ้ำมาแล้วอ้อนแบบนั้น ขนาดไม่ใช่เฮยยังจะระทวยแทนเลยล่ะค่ะ ปริ่มเปรมคนอ่านจน T///v///T

อ่านแล้วชอบโมเมนท์ที่คุณชายตามจีบเฮยมาก ปกติเจอแต่เฮยไล่ตามคุณชาย นาน ๆ ทีจะเจอสลับกันแบบนี้ บอกได้เลยค่ะ รักมาก ชอบที่จะเห็นเฮยเขิน เฮยทำตัวไม่ถูก ไงล่ะ ไงล่ะ ชอบแหย่ชาวบ้านเค้าดีนัก พอมาโดนเองแล้วไปไม่เป็นเลยล่ะสิ๊ สุดท้ายนายก็ตกเป็นของเค้าาา

แฮร่ ขออีกนิดนะคะ ชอบประโยคนี้ด้วย "งั้นก็มาเป็นเจ้าสาวให้เฮยเกอแทนไงครับ" อ่านแล้วดูขี้เล่นและภัยสังคมอะ พอโตมาค่อยรู้ถึงผลนั้น แอบสะใจมาก ๕๕
sha
sha
ด้วง
ด้วง

จำนวนข้อความ : 35
Points : 3496
Join date : 18/11/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

ขึ้นไปข้างบน

- Similar topics

 
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ