Countdown
We've been
togerther for

ค้นหา
 
 

Display results as :
 


Rechercher Advanced Search


[FIC] ซีรี่สวรรค์องค์ที่ 3 [ผิงเสีย] part 2/2

+5
gustoon
Demine
Mamon
pim-lovedmbj
faliona01
9 posters

Go down

 [FIC] ซีรี่สวรรค์องค์ที่ 3 [ผิงเสีย] part 2/2 Empty [FIC] ซีรี่สวรรค์องค์ที่ 3 [ผิงเสีย] part 2/2

ตั้งหัวข้อ by faliona01 Sat 22 Nov 2014, 18:43

ตอนที่ 1 และตอนที่ 2 และตอนที่ 3.1

https://dmbjth.thai-forum.net/t292-topic

https://dmbjth.thai-forum.net/t336-topic

https://dmbjth.thai-forum.net/t407-topic

===========================================
แพร์ริ่ง : ผิงเสีย
Rate : PG อิเมจิ้นกันล้วนๆ
หมายเหตุ : เค้าผิดสัญญา.... เค้าบอกว่าจะเอามาลงให้เร็วที่สุด แต่เค้าทำไม่ได้ ฮือๆๆๆ
(ตบตีแก้มตัวเอง 2 ข้างเป็นการขอขมา)
นายท่านด้วงบินทั้งหลาย โปรดอภัยให้ข้าน้อยด้วย อภัยให้ด้วย! อภัยให้ข้าด้วย!
(ค้อมกายคาระวะดั่งคนผิดในศาลเท่าเปา)
===========================================
ระเบิดมู้องค์ที่ 3 ฉบับสุดท้าย

บางที… ผมเริ่มคิดว่าความวุ่นวายทั้งหมดมันเริ่มมาจากจางฉี่หลิงหรือว่าผมกันแน่

โลกสวรรค์สงบสุขมาตลอดหลังเหตุการณ์รุกรานของเผ่าปีศาจจบลง ราบเรียบสงบเหมือนคลื่นลมในวันอากาศสดใส เฝ้ารอเหตุการณ์บางอย่างในอนาคต

แน่นอนว่าถ้านับแค่คำเรียกรวมคือ สวรรค์ มันย่อมสงบสุข แต่ถ้านับเป็นสกุลหรือบุคคล…

มันคนละเรื่องกันเลย

“4 ตระกูลลงสนามรบ สกุลจาง สกุลเฉิน สกุลเฮยและก็สกุลฮัว บอกผมทีเถอะ ว่าไอที่ก่อเรื่องวุ่นวายขนาดนี้ แทนที่จะมารบกัน ทำไมไม่ส่งจดหมายหรือวิ่งมาบอกผมโดยตรง”

ผมกุมขมับแทบร้องไห้ แต่เป็นผู้ชายต้องอดทน ต่อให้ปัญหามันไร้สาระจนชวนน้ำตาไหลพรากก็ตามที

เตี่ยทำหน้าเห็นใจรวมถึงเสี่ยอ้วนที่ส่ายหน้าอย่างระอา ดูเหมือนว่างิ้วหลงโรงพอมีคนสนใจก็ยากจะให้มันเงียบหายได้ง่ายๆเหมือนเป่าเมฆ

“อู๋เสียเอ๋ย อู๋เสีย เตี่ยบอกเจ้าตามตรง ความจริงพวกเราก็อยากรีบมาช่วยเจ้าตั้งแต่ต้น แต่พูดแล้วเรื่องมันยาว อีกอย่างตอนที่มหาเทพจางฉี่ซานส่งจดหมายถึงเจ้า ไม่ใช่ว่าเจ้าเป็นคนเก็บข้าวของเปิดตูดหนีไปเองหรอกหรือยังไง” เตี่ยถอนหายใจต่างจากเจ้าอ้วนที่หลับตานั่งนิ่ง ผมค้อนตาเหลือก ก็ใครมันจะไปรู้

สมองประมวลผลอย่างว่องไว คิดลำดับเหตุการณ์ทีละเรื่องก่อนจะพบอะไรบางอย่าง

“แล้วที่เตี่ยกับเสี่ยอ้วนลงมานี้ไม่ใช่ว่ามาดูแลผมจนสิ้นอายุขัยอย่างเดียวหรอกใช่ไหม บอกผมมาเถอะ รวมถึงไอเรื่อง 4 ตระกูลตีกันด้วย ตามผมมาตั้งนานจู่ๆวันนี้ก็โผล่มา ถ้าไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับผมก็เป็นเรื่องของฟงซานชุนธิดาสวรรค์ละสิ”

ผมยกชาจิบ คิดถึงสภาพตัวเองในปัจจุบัน ยังไงก็มีบ้างบางครั้งการลงมาเกิดก็มีที่ต้องอยู่ในร่างสตรี แต่ครั้งนี้ก็อดคิดเล็กคิดน้อยไม่ได้

เสี่ยอ้วนเห็นบรรยากาศเริ่มสงบก็ว่าเข้าเหตุการณ์สำคัญทันที

“เสี่ยบอกตามตรงไม่ปิดบัง หลังจากที่นายลงมาก็มีคนภพว่า ประตูแดนมารตรงรอยต่อสวรรค์มีรูโหว่อยู่รูหนึ่ง แต่มันไม่ใช่ประเด็นสำคัญ พวกเรากำลังสงสัยว่าอาจจะมีมารบางตนออกมาเพ้นพ้านบนโลกมนุษย์ มหาเทพเฉินทราบก็เลยตามลงมาสิงร่างฮ่องเต้จินหลิงบวกความเสียหน้าเรื่องนายด้วย เขาก็เลยได้ที แต่แทนที่จะตกลงกันดีๆ เหอะ!”

“บอกผมมาตามตรงเถอะว่า 4 ตระกูล นั่งๆนอนๆบนสวรรค์จนว่างมากเกินไปเลยจะหาเรื่องตีกันเล่น โดยมีผมเป็นรางวัล” หึ! สิงร่างฮ่องเต้ มีอำนาจล้นฟ้าจะสั่งจับบีบบังคับผมเข้าวังก็ได้ เหมือนลูกไก่บีบก็ตายคลายก็รอด นี้มานั่งจัดทัพอ้างเรื่องกลัวผมถูกมารทำร้าย

ซืออากงอย่านึกว่าผมไม่รู้ว่าท่านโมโหเรื่องที่ท่านจางยืมเงินท่านไปซื้อชาแปะก๊วยแล้วไม่จ่ายตังคืน

เสี่ยอ้วนฟังผมจบก็ยื่นจดหมายมาฉบับหนึ่ง ลายมือตวัดคล้ายใบไผ่ ประทับตราลัญจกรราชวงศ์เมืองลั่วหยาง

“ประกาศิตสวรรค์ คำสั่งเด็ดขาด มหาเทพจางฉี่ซานคงขี้เกียจเล่นเกมแล้ว หมากกระดานนี้เจ้านับว่าโชคร้ายที่สุดจริงๆ” เตี่ยบอก ส่วนผมก็รับมาจากเสี่ยอ้วนอย่างมึนๆ

“อีกฉบับส่งให้มารดาเจ้าแล้ว เจ้าก็เตรียมตัวเถอะ”

ผมตั้งท่าจะคลี่จดหมายออกอ่านแต่เตี่ยกลับบอกว่าวันนี้เขารบกวนมากเกินไปแล้ว ที่นี้ไม่ใช่สวรรค์ ยังไงก็ต้องรักษาธรรมเนียม ส่งของเสร็จก็ขอตัวไม่รบกวน

ผมเรียกสาวใช้ให้ออกมาส่งพวกเขา ทักทายอำลากันเสร็จผมว่าเช้านี้พอฟ้าสางตะวันขึ้นเต็มดวง จะนั่งจิบยาผสมน้ำผึ้งให้ตัวเองหายช้ำใจ

นอกจากจะถูกเอาไปนินทาแล้ว ยังถูกเอามาเป็นข้ออ้างตีกันเองอีก นามอู๋เสียนี้ช่างสารพัดประโยชน์จริงๆ


หมดเรื่องพูดคุยกับเตี่ยอู๋และเสี่ยอ้วน ผมก็ตั้งใจจะกลับเข้าห้อง ขณะเดินผ่านห้องของเตี่ยกับม๊าบนโลกมนุษย์ ผมก็ได้ยินเสียงม๊ากับเตี่ยคุยกันเบา เพียงแต่ผมหูดีเกินไปเท่านั้น แม้จะดูไม่ดีเท่าไหร่ที่มายืนแอบฟังคนคุยกัน แต่กลับไม่สนใจเหตุผล แนบหูลงไปกับประตูกระดาษ

“ฟูเหริน ซานชุนอายุ 15 แล้ว ถึงคราวออกเรือน เจ้าก็หักใจเสียเถอะ” เตี่ยพยายามปลอบใจม๊าที่ร้องไห้คร่ำครวญ แต่น้ำเสียงก็สั่นไม่แพ้กัน

“ท่านพี่ก็พูดได้ แต่นางเป็นสตรีซ้ำยังเป็นชาวบ้านธรรมดา ถ้านางเข้าวังไปจะเป็นอย่างไร หากเป็นเมื่อก่อนข้าคงไม่คิดมาก เรามันก็หมอยาธรรมดา นางเข้าวังได้สิดีจะได้ไม่ลำบาก แต่นี้นาง…” แล้วม๊าก็ร้องไห้หนักขึ้นอีก

เหมือนความวุ่นวายจะพอกพูนจนรู้สึกขนลุกเข้าไปอีก จดหมายในมือผมค่อยๆถูกยกขึ้นมาคลี่ออกอ่าน

‘ประกาศิตสวรรค์ถึงตระกูลฟง ซานชุนวัย 15 ปี มีคำสั่งให้เข้าวังรับตำแหน่งกุ้ยเฟยแห่งเมืองลั่วหยาง’

แทบจะขย่อนน้ำชาที่กินลงไปออกมา ปู่จางเล่นอะไรกันเนี้ย!!! เพราะอย่างนี้ใช่ไหมเตี่ยถึงบอกว่าท่านจางฉี่ซานจะล้มกระดาน

กะอีแค่ชาแปะก๊วยราคาไม่กี่หยวน ท่านต้องฟาดฟันกับซืออากงขนาดนี้เชียวเรอะ!!!

เหมือนผมจะกรีดร้องเสียงดังมากเกินไปเตี่ยกับม๊าถึงได้พุ่งออกมาเปิดประตู เห็นผมนั่งเข่าอ่อนสลดอยู่กับพื้นก็ร้องไห้กอดผมแน่น ผมยกมือกอดเขาทั้ง 2 คนน้ำตาไหลพราก

ท่านจางฉี่ซาน ขอบคุณที่ท่านอุตส่าห์ลงมาจากสวรรค์เพื่อช่วยผมและแก้หน้าตาให้ตระกูลตัวเอง แม้จะซึ้งใจในเหตุผลของท่าน แต่เหตุผลแอบแฝงที่ติดตัวท่านมาก็ทำให้ผมลำบากใจเหลือเกิน อ๊า… คงมีแค่ผมคนเดียวที่รู้เรื่องนี้

ม๊าร้องไห้คร่ำครวญบอกจะพาผมหนีไปแต่กลับถูกเตี่ยตะคอกใส่ว่าพูดจาเลอะเถอะ หากพาผมหนีไป ขัดขืนคำสั่งฮ่องเต้โทษประหารทั้งตระกูลรวมถึงคนรับใช้ ม๊ายิ่งเหมือนสติแตกเข้าไปใหญ่

นับว่าชื่อเสียงของผมคงเลื่องลือไปขนาดที่ไม่มีใครคัดค้านแม้แต่คนเดียว แน่ละยิ่งท่านย่าฮัวในร่างฮองเฮาสนับสนุนอยู่เบื้องหลังใครมันจะกล้าขัดใจ เสียงเล่าลือถึงโฉมหน้าของผมก็อย่างที่รู้กัน ใส่สีกันท้วมท้น ความจริงก็สมควรที่พวกมนุษย์จะพูดแบบนั้น ก็ผมเป็นถึงเทพสวรรค์หากพวกเขาไม่เคารพยำเกรงผมก็นับว่าแปลก รัศมีกระจ่างชัดเทียบกับพวกเขาที่เป็นมนุษย์ธรรมดา นับว่าแตกต่างกันจริงๆ

บางทีผมว่าสร้างวีรกรรมขึ้นมาสักเรื่องแล้วเร้นกายหายไปดีกว่า ยังไงชาตินี้ผมก็ไม่ต้องกลัวเรื่องอดตายอยู่แล้ว จะสงสารก็แต่เตี่ยกับม๊าบนโลกมนุษย์ ถ้าผมทำแบบนั้นคงจะนับว่าเป็นการอกตัญญูจริงๆ

“ซานชุน ซานชุนของแม่บอกแม่ทีว่าแม่ควรจะทำอย่างไร…” เสียงของสตรีที่ใจแทบแตกสลายกระซิบแผ่วเบากับผม ดวงตาแดงซ่านบวมช้ำเต็มไปด้วยน้ำตาจนผมอดไม่ได้ที่จะปาดมันออกไปจากใบหน้านั้น

เตี่ยมองหน้าผมนิ่งแล้วส่ายหน้า ผมยิ้มขืนๆ เรื่องนี้ผมก็จนใจ


หลังจากวันที่ได้รับจดหมายลายมือจาก เออ… มหาเทพจางฉี่ซาน เมืองชิงก็เกิดเรื่องวุ่นวายทันที คืนนั้นทุกคนในเมืองฝันว่ามีเทพสวรรค์มาควักลูกตาของพวกตนออกไป ทำให้เช้ามาประตูบ้านของตระกูลฟงแทบจะทรุดลงไปกองกับพื้นกลายเป็นเศษไม้

ผมยืนมองผู้คนกำลังโวยวายรวมถึงเสียงซุบซิบจากคนในบ้าน ดวงตาคือแสงสว่าง เมื่อมันถูกควักออกไปนั้นหมายถึง สิ่งสำคัญกำลังจะลาจาก นั้นหมายถึงตัวผมเอง…
และแล้วประกาศจากเมืองหลวงถึงเจ้าเมืองแคว้นชิงก็ได้ฤกษ์ ลั่วหยางยื่นคำสั่งเด็ดขาดให้ผมเดินทางมาภายใน 15 วัน ไม่งั้นจะยกทัพโจมตี แน่นอนเรื่องนี้เป็นที่ฮือฮา แต่ที่หน้าฮือฮาอีกอย่างหนึ่งคือ

จินหลิงสั่งให้ผมไปเป็นชายาในตำแหน่งหวงกุ้ยเฟย ไม่งั้นจะยกทัพมาตีเช่นกัน

หมายความว่าต่อให้ส่งตัวผมไปเมืองไหนก็ตาม แคว้นชิงก็พินาศอยู่ดี

แต่จะให้สรุปมากกว่านั้น พวกปู่แม่มทำผมพินาศเรียบร้อยแล้ว…

เป็นอันว่าอายุ 15 ปีของผมตรงตามตำรา ดวงหน้าดอกท้อพาวิบัติ ไปเรียบร้อย ทั้งๆที่ผมไม่ได้ทำอะไรเลยแม้แต่นิด! บัญชีแค้นนี้ผมจะคิดกับใคร?

เตี่ยเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง ไม่ออกมาเจอใครทั้งสิ้น ต่างจากม๊าที่เดิน 1 ก้าว ล้มพับ 1 ที เพ้อเรียกแต่ชื่อ ฟงซานชุน สาวใช้มองใบหน้าของผมก็ได้แต่นิ่งเงียบ ส่วนผมก็ท้อใจไม่รู้จะพูดว่าอย่างไร สรุปว่าที่ท่าน
faliona01
faliona01
ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
ด้วงต้นไม้เทพเจ้า

จำนวนข้อความ : 261
Points : 3717
Join date : 02/11/2014
ที่อยู่ : เตียงหยกเย็นในถ้ำสุสานโบราณ

ขึ้นไปข้างบน Go down

 [FIC] ซีรี่สวรรค์องค์ที่ 3 [ผิงเสีย] part 2/2 Empty Re: [FIC] ซีรี่สวรรค์องค์ที่ 3 [ผิงเสีย] part 2/2

ตั้งหัวข้อ by faliona01 Sat 22 Nov 2014, 18:44

มหาเทพทั้ง 4 ทำลงไปกันนี้คืออยากให้มันตรงตำราใช่หรือไม่ ถ้าหากใช่ นับว่ากลับขึ้นสวรรค์เมื่อไหร่ผมจะให้พวกเขา 4 ตระกูล หนุนหลังตระกูลฟง ไป 8 โคตร คอยดู ถ้าเพียงแต่เตี่ยกับม๊ามีลูกอีกคนละก็นะ!

หากเป็นปกติชาวบ้านตาดำๆ ได้เข้าวังนับว่าเป็นบุญวาสนาอย่างเหลือคณานับ แต่กับผมทำไมมันถึงไม่เป็นเช่นนั้นก็นับว่าแปลกดี

อีก 8 วัน ก่อนเส้นตาย ผมนั่งมองตัวเองอยู่หน้ากระจก นึกถึงชาวเมืองที่ทยอยหลบหนี มีบางคนที่ใจดีขณะกำลังเดินทางจากไปได้ส่งเครื่องประดับสตรีเป็นของกำนัลครั้งสุดท้าย ผมกำลังนึกถึงท่านลุงลู่ที่ยกปิ่นทองคำลายฝูงผีเสื้อ ชายชราที่เอาสมบัติประจำตระกูลมอบให้ทั้งน้ำตา 2 มือประสาน ย่อคำนับกายจนถึงพื้นเอ่ยอำลา ส่วนผมกลับพูดได้เพียงแค่คำว่า ‘ลาก่อน’ ทั้งที่เป็นสาเหตุให้เขาออกจากเมือง

หลังจากนั้นผมก็มีความคิดโง่ๆอย่างแรกคือ ลงพายุให้พวกเขาทั้ง 2 เมืองเป็นรางวัลถ้าเพียงแต่ภายหลังจะไม่มีบิลค่าเสียหายยาวเป็นหางว่าวจนตระกูลผมติดตัวแดงและสุดท้ายก็ตกตายด้วยน้ำมืออารองผมก็คงเลือกที่จะทำ

ส่วนอย่างที่ 2 …

ถ้าหน้าผมเป็นรอยเล็กๆน้อยๆ เตี่ยกับม๊าจะหัวใจวายตายไหมนะ

ถือเป็นการแก้เคล็ดแบบโง่ๆอย่างหนึ่ง มีดเล่มเล็กในมือผมจ่อนิ่งอยู่บนหน้า กระจกทองแดงวาววับส่องให้เห็นถึงหน้าของผมที่มีแต้มดอกท้อปรากฏอยู่กึ่งกลางหน้าผากตรงหว่างคิ้ว ถ้าผมลงทุนทำร้ายตัวเองขนาดนี้ ปู่และย่าที่ผมเคารพทั้ง 4 จะยอมจับมือเต้นรำรอบกองไฟไหมนะ นี้ผมถอยให้แล้วนะ!

ขณะที่ผมจ่อมีดจดๆจ้องๆเสียงบานประตูเปิดพร้อมหญิงสาวร่างเล็กก้าวเข้ามา

ผมที่ถือมีดจ่ออยู่บนหน้าถึงกับยิ้มกระตุกที่มุมปาก จ้องตากันไปมา สาวใช้ประจำตัวทำหน้าเหมือนโลกนี้จะโดนระเบิดเป็นชิ้นส่วน เห็นผมถือมีดจ่ออยู่บนหน้าตัวเองก็กรีดร้องดังลั่น

“กรี๊ด!!! คุณหนูฟงซานชุนจะฆ่าตัวตาย!!!!” ผมสะดุ้งโหยง แทบจะวิ่งไปอุดปากเธอ แต่คงไม่ทันเมื่อ เห็นสาวใช้ทำถาดพร้อมถ้วยชาหล่นกระจายลงพื้น หันหลังวิ่งแทบจะเป็นวิชาตัวเบา วิ่งตะโกนไปนอกห้องจนคนตกใจตามขึ้นมาถึงห้อง

หลังจากนั้นทั่วทั้งหลังก็มีเสียงโวยวายและเสียงฝีเท้าวิ่งมาเต็มไปหมด ผมวิ่งไปปิดประตูและหันหลังพิง เหงื่อตามตัวและใบหน้าไหลไม่หยุด เสียงกรีดร้องโวยวายดังสนั่นจนผมหูอื้อก่อนจะเป็นหนักยิ่งกว่าเก่าเมื่อม๊าของผมกรีดร้องตามออกมาติดๆ

โอ๊ย… ทางไหนก็ไม่ดีทั้งนั้น… เรื่องราวครั้งนี้จะโทษใคร

จางฉี่หลิง หรือ แปะก๊วยสามหยวน ผมได้แต่กุมขมับจริงๆ

สุดท้ายผมก็เปิดประตูและโดนม๊าตบไป 1 ฉาด ผมมองผู้หญิงคนหนึ่งร้องไห้ตั้งแต่วันแรกจนวันนี้ ก่อนที่ผมจะตัดสินใจทบทวนเรื่องราวทั้งหมด เรื่องนี้นับว่าท่านจางฉี่ซานกะคว่ำกระดานจริงๆ แต่นึกในอีกทางผมกลับสื่อความหมายได้อีกอย่าง

เขากำลังบีบผมอยู่

ไม่ใช่ให้เข้าวังแต่งงาน แต่เรื่องนี้อาจเกี่ยวโยงถึงตัวผมเอง สุดท้ายคืนนั้นผมเขียนจดหมาย 4 ฉบับ ส่งเข้าเมืองหลวงทั้ง 2 เมือง มอบให้ฮ่องเต้คนละฉบับ ส่วนอีก 2 ฉบับ ผมมอบให้เตี่ยกับม๊า

ที่ผมคิดแบบนี้อาจมีสาเหตุมาจากปู่อู๋ด้วยส่วนหนึ่ง เพราะถ้าปู่จางจะเอาผมแต่งงานจริงๆ ท่านปู่อู๋ต้องมาแพ้นกบาลปู่จางแน่ๆ รวมไปถึงปู่เฉินด้วย แต่นี้ข่าวมหาเทพอู๋โหลวโก่วเปิดด่านลงสวรรค์ประชาทัณฑ์ฮ่องเต้ 2 เมือง ด้วยฝูงสุนัขก็ยังไม่มี ก็นับได้ว่าต้องมีแผนซ้อน

ที่สำคัญอีกประการ จางฉี่หลิง คงไม่ยอม แม้ว่าจะเป็นการแต่งงานของมนุษย์ก็ตาม หน้าหัวเราะจริงๆ

ข้าวของถูกเก็บเอาเฉพาะสิ่งจำเป็น ตัดผมตนเองจนสั้นเหมือนที่อยู่บนสวรรค์ใส่ชุดผู้ชายก่อนจะหลบออกจากบ้านจากมาไม่แม้แต่จะหันไปมอง เดินไปถึงโรงรถก่อนจะนึกขึ้นได้ให้ตัวเองขมขื่นใจและแปลกใจในทีเดียว

เรื่องตลกแรกคือ ผมขี่ม้าไม่เป็น นับว่าเจ้าจิ้งจอกขาว 9 หางทำผมนิสัยเสียและเรื่องตลกอย่างที่ 2 ผมเจอเตี่ยบนโลกมนุษย์ของตัวเองกับจิ้งจอกขาว 9 หางยืนคู่กัน
เตี่ยบนโลกมนุษย์มองผมในร่างผู้ชายนิ่งๆ ไม่ได้กล่าวอะไรออกมา มีเพียงผมที่ยิ้มอย่างงดงามให้เขาถอนหายใจเล่น สายลมพัดผ่านจนเตี่ยอดทนไม่ไหวสุดท้ายก็ยอมสารภาพออกมา แน่นอนหมดเปลือกจนผมสะท้านน้ำลายแทบพุ่ง ไม่ยักรู้ว่าเตี่ยบนโลกมนุษย์จะขี้หวงขนาดแท้

“เตี่ยรู้อยู่แล้วว่าเจ้าไม่ใช่มนุษย์” ผมยืนมองผู้ชายที่เป็นพ่อคน คนหนึ่ง กำลังพูดเจื้อยแจ้ว “รู้ตั้งแต่แรกที่แม่เจ้าตั้งครรภ์ ข้าฝันว่าตัวเองได้ลูกท้อจากสวรรค์มาอยู่ในกำมือ แล้วก็มีเจ้า หลังจากนั้นเวลาข้าเข้าเมืองทีไรมักจะมีทหารมาตามล่าข้าเสมอ เวลาฝันก็มักจะมีเทพหลากหลายคนมารุมพูดคุยบอกว่ามีลูกชายหรือลูกสาวแถมวันดีคืนดีฝันว่ามีเทพชายองค์หนึ่งถือดาบดำมาตามล่า พ่อต้องวิ่งในฝันตัวเองแทบทุกคืน ตอนนั้นเจ้าอายุ 4 เดือนได้” ผมยิ้มให้เขาหัวเราะเสียงแห้ง “ต่อมาก็ไม่ฝันถึงเขาอีกก่อนจะมีข่าวจากในเมืองว่าฮองเฮาประสูติพระราชโอรสมีดาบดำผุดขึ้นมาจากกลางแท่นอู่นอน พ่ออยากจะเอาเจ้าหนีใจจะขาด แต่สุดท้ายกลับทำไม่ได้เพราะมีจดหมายจากฮ่องเต้มาถึงว่าเมื่อเจ้าอายุครบ 5 ปีจะไปรับเจ้าเข้าวัง”

“แต่ก็ไม่ได้ทำเพราะข้าบังคับใช่ไหม ท่านพ่อ” เรื่องตลกพลิกล๊อค มหาเทพจางฉี่ซานรู้อะไรไวไปหมด แต่พลาดเอาตอนท้าย ตกม้าตายเพราะผมสินะ

“ก็ส่วนหนึ่ง ตามจริงก่อนหน้านั้นอีก 2 วัน ข้าเจอชายผมดำคนหนึ่งที่มีลักษณะแปลกๆมาบอกให้พาเจ้าหนีไป ทีแรกข้าไม่เชื่อแต่วันถัดมาเจ้าก็บอกให้เตี่ยกับม๊าหนีพวกเราก็เลยทำตาม”

“ผมดำยาว มีแต้มแดงที่หน้าผากใช่หรือไม่?” เหมือนจะเป็นคนที่ผมไม่อยากเจอที่สุด แต่ก็เป็นคนที่อยากเจอที่สุดเช่นกัน

“เขาบอกว่าตอนนี้ไม่อาจทำอะไรได้เพราะถูกฮ่องเต้ตามล่าอยู่และขอให้ข้าอย่าบอกใคร แต่เขากล่าวว่า เมื่อเจ้าอายุ 15 ให้เล่าเรื่องเกี่ยวกับตัวเขา และเขาจะรอที่เขาหิมะ… นี้ยังไม่นับเรื่องที่เจ้าอายุได้ 12 ขวบ จดหมายจากรัชทายาทน้อยองค์นั้นของเมืองหลวงลั่วหยางส่งจดหมายมาถึงเจ้าทุกๆ 1 เดือน อีกนะ! แม่เจ้าสติแทบแตกแต่ก็เผามันทิ้งทุกฉบับบังคับข้าไม่ให้บอกเจ้าด้วย”

“ห๊ะ!” ผมอ้าปากค้าง อย่าบอกนะว่าจางฉี่หลิงส่งจดหมายมาหาผมตั้งแต่ผมอายุได้ 12 ปี ผมนึกว่าเขาลืมไปแล้ว

ผมปรับสีหน้ามองเตี่ยแบบไร้คำพูด ม๊าที่สติแตกเวลามีอะไรที่ทำท่าเหมือนจะพรากลูกสาวไปจากอกของนางแล้ว นับว่าเตี่ยเลือกได้ถูกไม่เลว 2 ตาจ้องมองกัน เตี่ยทำหน้าสำนึกผิด ผมจะแก้ตัวยังไงกับจางฉี่หลิงดีนะ

พอเตี่ยเห็นผมเริ่มทำใจได้ก็เล่ามากขึ้นเรื่อยๆตั้งแต่ผู้ดูแลเมืองชิงส่งคนมาดูแล ส่งคนมาสร้างประตูเมือง ส่งมาทำโน้น ทำนี้ เห… ผมว่าผมรู้เยอะแล้วนะ ยังรู้ไม่เยอะเท่าพวกเขาอีก ขยันปกปิดกันเหลือเกิน…

เสียงของเตี่ยยังคงราบเรียบไม่ขาดเกิน เจ้าจิ้งจอกขาวมายืนข้างๆผม ลิ้นเปียกชื้นของมันเลียมือผมเป็นการเตือน ขนสีขาวดั่งหิมะของมันยังนุ่มเหมือนเดิม ก่อนลงมาคงโดนปู่จับอาบน้ำจนขนฟูแน่ๆ

หมดเรื่องที่เตี่ยสารภาพ ผมก็รู้สึกได้ว่าเขาก็เป็นพวกขี้หวงไม่น้อยเหมือนกัน ผมก้าวขึ้นไปนั่งบนหลังเจ้าจิ้งจอก ยิ้มให้กับชายที่ยืนอยู่ตรงหน้า ก้าวเดินไปจนถึงตัวได้ยินเสียงแผ่วเบาที่กลายเป็นสั่นเทาของเขาเป็นครั้งสุดท้าย

“ไม่ว่าเจ้าจะเป็นเทพหรือมาร บุรุษหรือสตรี สุดท้ายบนโลกมนุษย์ เจ้าก็เป็นลูกข้าเสมอ”

“ฝากดูแลท่านแม่ด้วย ท่านพ่อ”

จากลาครั้งสุดท้าย ไร้ซึ้งการพบเจอ ผมยิ้มให้ตัวเอง ขณะผ่านผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังแหงนหน้ามองดาวบนฟ้าไม่แม้แต่มองหน้าผม ชายที่ผมเรียกว่าพ่อมาตลอด 15 ปี สุดท้ายคงมีแต่คำกล่าวอำลาอันแผ่วเบา ผมขอให้เขามีความสุขตลอดไป…

เจ้าจิ้งจอกพาผมพุ่งตรงไปทางทิศเหนืออย่างไม่หยุดพัก เข้าถึงป่าไผ่ของเทพธิดาองค์หนึ่ง นางเป็นสตรีอายุมาก ยืนถือไม้เท้ารอผมอยู่ข้างทาง ข้างกายของนางนั้น มีศพมนุษย์ที่ถูกสาปให้คงสภาพเดิมเช่นมีชีวิตอยู่คนหนึ่ง

“ข้ารู้ว่าผนึกท่านยังไม่คลาย” ผมนิ่งฟัง พยายามนึกว่าผนึกอะไรก่อนจะเริ่มปวดหัวเบาๆ แต่ก็ปล่อยมันผ่านไป “แต่ขอให้ท่านเชื่อหญิงแก่คนนี้เถอะ รัชทายาทจางฉี่หลิงตามท่านลงมาเกิดได้ไม่นานก็มีมารอีกตนโผล่มา ‘เขา’ บุกกวาดล้าง ฆ่าคนในหมู่บ้านมนุษย์นับไม่ถ้วนหลอมวิญญาณแต่ละดวงทำยาบัดซบออกมาตัวหนึ่ง”

ผมมองหญิงชรานิ่งฟังนางพูดต่อ “‘เขา’รอท่านอยู่ ที่ขุนเขาหิมะ ยอดผาขาว ข้าส่งข่าวเรื่องนี้ไปหาท่านเทพสงครามแล้ว ขอท่านได้โปรดให้อภัยในความล่วงเกินนี้”

เจ้าจิ้งจอกสะบัดตัวสั่นเบาๆ ผมตบหลังให้มันใจเย็นบอกให้นางชี้ทาง

ผมขาวโพลนเส้นยาวของแม่เฒ่าถูกตัดออกมาปอยหนึ่งกลายเป็นนกสีขาว เสียงร้องในคอของมันสะท้อนยาวก่อนสะบัดบินทะยาน รวมถึงเจ้าจิ้งจอกที่กระโจนตามไปติดๆ ขนอ่อนนุ่มของมันค่อยๆพันมาคลุมกายเพื่อไม่ให้ผมแข็งตายในเส้นทางต่อไป
faliona01
faliona01
ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
ด้วงต้นไม้เทพเจ้า

จำนวนข้อความ : 261
Points : 3717
Join date : 02/11/2014
ที่อยู่ : เตียงหยกเย็นในถ้ำสุสานโบราณ

ขึ้นไปข้างบน Go down

 [FIC] ซีรี่สวรรค์องค์ที่ 3 [ผิงเสีย] part 2/2 Empty Re: [FIC] ซีรี่สวรรค์องค์ที่ 3 [ผิงเสีย] part 2/2

ตั้งหัวข้อ by faliona01 Sat 22 Nov 2014, 18:47

3 ชีวิตเร่งรุด ผมพอจะนึกได้ว่าเป็นใคร มารผมยาวที่ผมรู้จัก ใจหนึ่งเกลียดขี้หน้า แต่อีกใจหนึ่งก็ต้องพึ่งพาเขามีอยู่เพียงตนเดียว เดินทางไป 1 วัน 1 คืน ผ่านหมู่บ้านก็แวะพักซื้อของบางอย่างแล้วเดินทางต่อก็ถึงหุบเขาหิมะที่ตั้งอยู่เบื้องหน้า ภูเขาสูงต่ำสลับซับซ้อน มีหิมะทับถมที่ไม่รู้ใช้เวลากี่พันปีถึงจะหนาถึงเพียงนี้ ผมกับเจ้าจิ้งจอกเสี่ยวไป๋เดินมาลึกขึ้นเรื่อยๆตามเจ้านกสีขาวที่บินอยู่ ย้ำไปย้ำมา หน้าทิ่มหิมะไปหลายรอบ ไม่สิ ถ้าผมยังนั่งอยู่บนหลังเจ้าหมาตัวนี้ไม่เรียกว่าทิ่มหรอก

หน้าพุ่งชนหิมะมากกว่า!

สุดท้ายก็หมดความอดทน ลงมาเดินด้วยตัวเอง เสียงย้ำเท้าลงบนหิมะ เสื้อคลุมขนสัตว์ที่เก็บอยู่ด้านหลังถูกควักออกมาสวมใส่ หลังจากเข้าสู่เขตภูเขาสูง หิมะที่ทับถมบนภูเขาหนาจนไม่อาจขี่หลังเสี่ยวไป๋ได้ สุดท้ายต้องย้ำเดินไปทีละก้าว

นกน้อยสีขาวบินวนบนฟ้า เสี่ยวไป๋ครางหงิงๆ 1 คน กับ 1 ตัว กำลังลุยหิมะไปสู่ยอดเขา เสื้อคลุมบนตัวกระชับเข้าหากันเสียงฟันกระทบดังไม่หยุด ความเย็นของหิมะลอยเข้าจมูกก่อนปล่อยออกมาเป็นไอขาว แสบจมูกเหลือเกิน!

มีบางครั้งที่เกือบตกเหว แต่ทุกครั้งล้วนมีเสี่ยวไป๋คาบหลังคอเสื้อพาบินกลับขึ้นมาทุกครั้ง มันเหนื่อยหอบจากอากาศหนาวโดยเฉพาะอย่างยิ่ง มันต้องมุดลงหิมะและตะกุยขาว่ายไปตามทางหิมะเกินกว่าที่มันจะเดินไหว ขนสีขาวของมันเปียกชื้นเหมือนกับผมที่ตัวสั่นจากหิมะที่ละลายตามตัว

จากเช้าเป็นกลางคืน จากกลางคืนเป็นเช้าและเช้ากลายเป็นกลางคืนอีกที

ผมรู้สึกตัวชาจนแทบไม่มีแรงจะก้าวต่อไป เสี่ยวไป๋พยายามกัดชายผ้าลากให้ผมเดินต่อ สุดท้ายผมก็ต้องจำใจก้าวต่อไป ไปทั้งๆที่มันยังไม่ได้นอนเนี้ยแหละ

ปีนตามซอกหินจนถึงเช้าไม่แม้แต่จะหยุดพัก รู้สึกได้ถึงดวงตาทั้ง 2 ข้างที่แดงก่ำจากไอเย็นปะทะ เจ้านกบินไปถึงยอดเขาแล้ว แต่ผมกับเสี่ยวไป๋กลับยังอยู่แค่ฐานของมันเท่านั้นเอง

เจาะ จับ งัด แงะ ไปตามประสา เพ่งสายตาดีๆจะเห็นต้นสนต้นหนึ่งตั้งอยู่บนผาสูง

เสี่ยวไป๋ครางหงิง ต่างกับเจ้านกน้อยที่ไม่มีท่าทีเหนื่อย มันบินไม่เคยหยุดยามผมเหนื่อยก็บินเอื่อยเฉื่อย แต่ตอนนี้เหมือนจะพบจุดหมายแล้ว มันบินพุ่งไปที่ต้นสนบนผาหิมะนั้น อืม… ถ้าปีนแล้วตกลงมา นับว่าผมกลับเข้าร่างบนสวรรค์ได้เลยแบบไม่ต้องรอวันตาย

ทางขึ้นสูงชันและลาดเอียง ผมต้องคอยเกาะแง่งหินทีโผล่ขึ้นมาไปตามทาง บางทีก็คลานไป ร่างของมนุษย์ลำบากไม่น้อย ทนไอเย็นไม่ค่อยได้ ที่สำคัญอ่อนแอกว่ามาก ผมได้แต่ฝืนตัวไปข้างหน้ากัดฟันแน่น ปีนไปทีละนิด ลมหนาวตีมา กลางคืนนี้เป็นครั้งที่ 3 แล้วใช่หรือไม่ ผมก็จำไม่ได้ ร่างผมล้าเต็มทีเหลือบไปมองเสี่ยวไป๋

แม้แต่เสี่ยวไป๋ พอเป็นทางลาดหิมะน้อยยังไวกว่าผมอีก หน้าหัวเราะจริงๆ เอาเป็นขึ้นสวรรค์เมื่อไหร่ผมจะงดข้าวมัน 2 มื้อ ข้อหาเกินหน้าเกินตา

ในที่สุดก็ถึง เจ้านกน้อยบินมาวนรอบตัวผมก่อนสลายกลายเป็นเส้นผมสีขาวปลิวหายไปกับสายลม ผมยืดตัวตรงแม้ใบหน้าจะอ่อนล้าก็ตาม เสี่ยวไป๋ตั้งท่าพร้อมสู้หางทั้ง 9 ของมันพองออก เสียงขู่เห่าหอนยาวระงม ไม่มีท่าทีเหนื่อยอ่อนแบบก่อน

เบื้องหน้าผมมีต้นสนหิมะยืนนิ่งต้านแรงลมสูงใหญ่ตระหง่าน ด้านล่างปรากฏหินสูงมีคนคนหนึ่งในอาภรณ์สีแดงสด ปักดิ้นลวดลายสีสันสวยงาม ทั้งตัวประดับด้วยของมีราคากำลังดื่มสุราที่เขาดมกลิ่นเพียงทีเดียวก็ทราบทันที

สุราดอกท้อของผม

“มาถึงแล้วรึ เทพตัวน้อยองค์นั้น ตอนนี้โตขนาดนี้แล้ว หน้ายินดีเหลือเกิน คราวที่แล้วข้าตามหาเจ้าทั่วงานวันเกิดเจ้าหนูตระกูลฮัว แต่กลับไม่เจอแต่แต่เสี้ยว” ใบหน้าดั่งบัณฑิตทรงปัญญาแต่แต้มแดงข้าวหลามตัดตรงกลางหน้าผากกลับสะดุดตายิ่งกว่า

พวกเผ่ามาร

ผมเดินไปตบหลังเสี่ยวไป๋ มันครางเหมือนตัดพ้อก่อนจะหดหางลงเดินตามหลังผมไปหาเขาคนนั้น ทักทายเบาๆ ตอบเขาเป็นระยะ

“ข้าเลยส่งข่าวไปตั้งแต่เจ้าลงมาเกิด ไม่หน้าเชื่อว่าไอ้หนูจางฉี่หลิงมันจะตามเก็บจนเกลี้ยง เหอะ! บิดามัน ลำบากแทบตาย สุดท้ายไอเฒ่าจางฉี่ซานมันก็แอบเข้ามาเอี่ยว แย๊บข้ากลับจนได้” ผมนั่งฟังเขาสบถพร่ำด่าถึง 4 ตระกูลที่ลงมาบนโลกมนุษย์ คนแก่ก็ย่อมมีแผนของคนแก่ เขาด่าย่าฮัวที่ใช้คำสั่งฮองเฮาปิดด่านมนุษย์ทุกด่านที่มีทีท่าว่าพวกมารจะเดินทางเข้าออก ระหว่างนั้นก็ให้ท่านเฮยเป้ยเหล่าลิ่วจับดาบไล่ฆ่าพวกมารโดยมีฮ่องเต้จาก 2 เมือง แอบร่วมมือกันโดยมีฉากหน้าเป็นตั้งท่าเตรียมออกศึกแต่เบื้องหลังใช้ตราแผ่นดินเปิดด่านที่ชายแดน

คนตรงหน้าหลบหนีหาที่ซุกหัวนอนแทบไม่ได้โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จางฉี่หลิงที่สมัยนั้นพออายุ 10 ขวบเต็ม ของโลกมนุษย์ก็เปิดปรานเทพล่าสังหารมารตรงหน้านับหมื่นลี้ เพียงเพราะกันไม่ให้ผมกับมารตนนี้เจอกัน ผมนึกถึงเด็กชายที่กำลังทำตัวเป็นก้อนหินสละบัลลังก์ออกศึกด้วยตัวเองเพื่อผม

นี้คงเป็นสาเหตุให้ผมกับเขาไม่ได้เจอกันตลอด 15 ปี

ฟังเจ้ามารตรงหน้าพูดผมก็รู้สึกแค้นใจไม่อยู่ ต้องสะกดอารมณ์ยืนนิ่ง ถ้าผมไม่เจอก็ไม่ได้ เพราะเขาก็นับเป็นคู่ค้าขายคนสำคัยเหมือนกัน

“ว่าแต่นายเถอะเป็นยังไง ศึกนี้ฉันก็ยอมว่าลำเอียงอยู่บ้างละนะ พวกปีศาจบุกมาจากทิศใต้แล้ว อาสามของนายกับพวกเซียนเปิดศึกกันมันสนั่นไปเลย ราชาบ้าคนนั้นของเผ่ามารกำลังรอนายอยู่นะ เขาแทบอดทนไม่ไหว อยากรู้แทบตายว่านายหรือเทพสงครามที่สุดท้ายจะต้องไปอยู่กับเขา”

ผมฟังเขาพูดได้แต่สั่นศีรษะ มารผมยาวบ่นสาวตั้งแต่เรื่องเริ่มเหตุการณ์จนจบมาสู่ปัจจุบัน ขณะที่ผมฟังถึงช่วงสำคัญ บนพื้นที่ผมยืนอยู่จะปรากฏอักษรสีทองสว่างใต้เท้าเป็นบางเวลา จนสุดท้ายผมก็ฟังเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง หากแต่พอมันปรากฏขึ้นทีไร มารหนุ่มตรงหน้าก็จะสบถด่ารัวๆ

“จางฉี่หลิงมันก็ไอหนูหน้าไม่อาย”

“เว้ย! แม้แต่เรื่องนี้มันก็ยังผนึกเรอะ!! รอบคอบไปแล้ว!”

ผมฟังแล้วบางทีก็อดส่ายหัวให้กับการป้องกันของจางฉี่หลิงไม่ได้จริงๆ มารหนุ่มตรงหน้าถึงแม้ปากสบถด่าแต่กลับตบมือร่าหัวเราะชอบใจในตัวจางฉี่หลิง ยกมือดื่มเหล้าดอกท้อที่ขโมยผมไป ดูแล้วคงจะถูกปากเขาไม่น้อย

เขาพร่ามไปถึงเรื่องวิธีส่งข่าว ไม่ว่าจะฝากนก ฝากเสือ หรือฝากสายลม สุดท้ายก็ถูกท่านปู่ท่านย่าทั้งหลายสกัดแทน

การติดต่อตัดขาด การเดินทางโดนโจมตีเป็นระยะ เขาคงโมโหหน้าดู

“สุดท้ายฉันก็เลยจับมนุษย์มาคนหนึ่ง กรีดอักษรลงบนหลังมัน เอาหนอนกู่โถวยัดใส่สมองมันลงไป สุดท้ายก็ให้มันเดินไปส่งข่าวเยาะเย้ยกับจางฉี่ซานด้วยตัวเอง สมน้ำหน้ามัน พลิกฟ้าแทบตายคิดว่าข้าโง่นักหรือไง เจ้าจางฉี่หลิงหลานมันอีกคน จะมาเอาชนะข้าฝันไปเถอะ!” แล้วก็กระดกเหล้าไปอีกจอกหนึ่ง

ผมระอากับความเอาแต่ใจจนเกือบเป็นเด็กๆของเขา แต่เบื้องหลังแล้ว ผมสัมผัสได้ถึงความอันตรายที่ไม่ควรเข้าใกล้ ดูแล้วที่ภพมารจะฟื้นตัวได้เร็วหลังจากผ่านไปเป็นแสนๆปี ของมีชายคนนี้หนุนหลังจริงๆ

“สุดท้ายก็เลยคลาดกับนายไป 15 ปี ฉันละท้อใจเลย ถ้าไม่ติดเดิมพันที่ 3 อย่าหวังว่านายจะได้ความช่วยเหลือจากฉันเลย อีกคนก็พลังสูงที่สุดในภพสวรรค์ อีกคนก็วาจาสิทธิ์ ได้ใครมาก็นับว่าดีทั้งนั้น” ผมหัวเราะร่า แม้ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร แต่มันต้องเป็นเรื่องให้ชวนขบขันแน่ๆ ส่วนมารตนนั้นก็หน้าบึ้ง กระดกเหล้าเข้าปากไปอีกจอก

“ฉันหนีมาถึงนี้ตั้ง 14 วันแล้ว จางฉี่หลิงมันยิ่งกว่าหมาบ้า ตามกัดฉันไม่ปล่อย ถึงขนาดยอมไม่เจอนาย 15 ปี ฉันเชื่อในความบ้าพลังของมันเลยจริงๆ ว่าแต่ พอจะมีเหล้าดอกท้ออีกสัก 5-6 กาไหม? ฝีมือนายใช้ได้เลยนะ” ผมส่ายหัว ส่วนเขาทำหน้าเสียดาย ก่อนจะยกมือป้องหูกะทันหัน สบถพึมพำ “เหอะ! พูดถึงมันไม่ขาดคำ ยังตามมาได้ถึงนี้ ขนาดอยู่ในร่างมนุษย์จำกัดพลังหลายๆอย่าง มันยังเป็นขนาดนี้ ‘เจ้าบ้านั้นก็รักสนุกไม่เข้าท่า’ รีดเลือดพวกนายก็จบแล้วแท้ๆ”

ผมฟังเขาพูดถึงประโยคนี้ก็ได้แต่หยุดฟังหน้าบึ้งตึง เบื้องลึกแล้วผมเข้าใจหมดทุกอย่างที่เขาพูด แม้ในหัวจะนึกไม่ออกเลยก็ตาม

“เอ้อ! ก่อนมันมาถึงฉันเล่างิ้วเรื่องของนายให้ฟังดีไหม? ไปเมืองไหนก็มีตลอด สนุกดีนะ เอาจากลั่วหยางไหม ของเมืองนี้สนุกที่สุด”

“ไม่ละ ขอผ่าน อย่าเล่าเลย ฉันขอร้อง” ผมเอ่ยกับเขาที่หยิบกระบี่ออกมาขัดๆถูๆ ส่องสะท้อนไปมา ฟ้าเริ่มมัวหมอง ผมได้ยินเสียงหิมะระเบิดจากที่ไกลๆจากปลายเขาที่ผมเดินจากมา

เสี่ยวไป๋เกยคางลงบนหิมะนอนหมอบ ซึมไม่ขยับ มารข้างๆตัวขยับที่ให้ผมนั่งก่อนจะหยิบยาเม็ดหนึ่งออกมาจากใต้สาบเสื้อใส่ลงมือผม

“นายคงไม่ได้โดนผนึกขนาดกับไม่รู้ว่าไอ้ยานี้เป็นอะไรหรอกนะ ถ้าถูกผนึกถึงขนาดนั้นนับว่านายแพ้จางฉี่หลิงแล้ว เตรียมตัวน้ำตาไหลเสียเขาไปได้เลย” ผมหัวเราะลั่นบอก ไม่จริงๆ เจ้ายาเม็ดสีแดงในมือ
faliona01
faliona01
ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
ด้วงต้นไม้เทพเจ้า

จำนวนข้อความ : 261
Points : 3717
Join date : 02/11/2014
ที่อยู่ : เตียงหยกเย็นในถ้ำสุสานโบราณ

ขึ้นไปข้างบน Go down

 [FIC] ซีรี่สวรรค์องค์ที่ 3 [ผิงเสีย] part 2/2 Empty Re: [FIC] ซีรี่สวรรค์องค์ที่ 3 [ผิงเสีย] part 2/2

ตั้งหัวข้อ by faliona01 Sat 22 Nov 2014, 18:49

เอาไว้ทำอะไรทำไมผมจะไม่รู้ ก็ขนาดหญ้าที่ใช้ทำเป็นตัวยาสำคัญของมัน ผมยังให้หวังเหมิงไปปีนเขาเด็ดมันมาต้มกินก่อนนอนตลอด แล้วผมจะไม่รู้ได้ยังไงว่ามันเอาไว้ทำอะไร

เพียงแต่ผมไม่ยอมใช้วิญญาณมนุษย์แบบมารผมยาวตรงหน้านี้เท่านั้นเอง

แล้วเสียงระเบิดปรานก็ดังขึ้นอีกรอบ คราวนี้อยู่ใกล้มากจนผมถึงกับตัวสั่นสะท้านถึงพลังของมัน

มารผมดำถอนหายใจเฮือก ปรานแดงในมือทำลายกาเหล้าจนกลายเป็นผุยผงปลิวไปกับสายลม ยืนขึ้นมาปัดๆตามตัว เอาผ้าขาวมาผูกผมทำเป็นหางม้า กระบี่ยาววาววับส่องตาผม ยาเม็ดในมือรีบเอาเข้าปากกินมันลงไป เหมือนในหัวกระจ่างชัดอีกหลายส่วน แม้ไม่ทั้งหมดก็ตาม

รู้มากไปก็จะมีพิรุธ รู้น้อยไปก็จะตามเกมไม่ทัน กลายเป็นฝ่ายถูกปกป้องแทน

เจ้าจิ้งจอกขาวถอนหายใจเฮือก ผมได้แต่ตบหัวมันเบาๆ กระซิบลงข้างใบหูยาวแหลม มันขู่คำรามตั้งท่า พลังเทพอสูรล้อมกายขาว ส่วนผมก็รีดพลังเทพในตัวออกมาจนสายลมพัดรวนเร ตอนนี้หิมะเริ่มโปรยปรายแล้ว

ฉากต่อไปนี้ที่จะทำให้จางฉี่หลิงเหมือนถูกตีแซกหน้าคืออะไรดีนะ

มารผมดำถือกระบี่ในมือสะบัดไปมา ยิ้มน้อยๆ ก่อนจะเร้นพลังจนเห็นถึงแสงสีแดงรอบตัว กระบี่สีแดงสดเหมือนอาบไปด้วยเลือดหันหาผม นี้ลืมไปรึเปล่าว่าเขาอยู่ในร่างมนุษย์นะ ถ้าพลาดขึ้นมาวิญญาณผมแตกสลายเขาจะไม่ได้ใครไปผมปีศาจแม้แต่คนเดียวนะ

“เอาเบาๆก็พอ อย่างน้อยพลังนายก็ยังมี งัดมาตีสักแปะ 2 แปะ ก็นับว่ากล้อมแกล้ม”

ผมคิ้วกระตุก เจ้าจิ้งจอกขู่ตัวสั่นกึกๆ มองมารตรงหน้าที่กำลังจัดแสงสีเสียงต้อนรับใครบางคนที่จะพุ่งขึ้นเขาหิมะมาที่ผาแห่งนี้

แสงสีแดงสว่างทั่วฟ้าจนกลบแสงสีขาวของผมชนิดไม่เห็นแม้แต่นิด ไม่ต้องขยี้ตาก็เห็นชัดเจน รู้สึกเสียศูนย์แปลกๆเหมือนกัน

และสงครามของเขากับผมก็เปิดฉาก

หิมะถูกงัดปลิวกระจายไปทั่วทุกทิศทาง ชุดสีแดงของมารผมดำสะบัดเหมือนร่ายรำ ปรานแดงตัดผ่านไปทั่วขณะที่สายลมคบกริบตัดเฉือนเนื้อของเขาจนเลือดไหล เสี่ยวไป๋ดึงเวทเสกแทงหินทิ่มทะลุพื้นไล่ไปทีละชั้นจนถึงขอบเหว

มารและเทพเปิดสงครามบนยอดเขา

ที่ผมโจมตีใส่เขาเต็มแรงยอมรับว่ามีเรื่องอยากจะฆ่าเขาให้ตายอยู่ในใจเหมือนกัน ยามเห็นมารตรงหน้ามีแผลแล้ว ชื่นใจมากๆ มีส่วนหนึ่งที่ผมอยากระบายอารมณ์เรื่องที่ผมโดนปรานดาบของจางฉี่หลิงสะบั้นกายหยาบทิ้งอีก

เหล้าดอกท้อคาตา แต่ทำไมมารตรงหน้าถึงสัมผัสดาบดำของจางฉี่หลิงได้ ผมแปลกใจจริงๆ

สัมผัสได้ถึงความร้อนรนจากปลายเขาไม่ห่างไกลนัก พลังสังหารที่กดดันจบแทบขยับตัวไม่ได้ ต่างกับมารผมดำที่ยิ้มอย่างพึงพอใจ

“เจ้าโชคดีนะ ที่ได้เขามาคุ้มกาย” อยากเถียงใจจะขาดว่ามีเขาอยู่ข้างๆมันไม่ดีต่อการเต้นของหัวใจเท่าไหร่ ผมไม่ชอบการเป็นลมนักหรอก แต่พลังสังหารที่เขาส่งมาทำเอาผมอ้าปากไม่ขึ้น ต่างจากมารตรงหน้าที่เคลื่อนตัวไปมาอย่างลื่นไหล

และแล้วฉากสุดท้ายก็มาถึง

ผมไม่อยากให้เมินโหยวผิงมาเห็นผมเลย

หิมะโปรยปราย ท้องฟ้าสีดำสะท้อนสีแดง เสี่ยวไป๋ที่พุ่งทะยานไปหามารผมดำพร้อมกับเมินโหยวผิงที่มาถึงพอดี ดวงตาสีดำคู่นั้นมองผมอย่างชะงัก แต่ผมก็อ่านความหมายมันไม่ออก

เสียงคำรามวิ่งตรงมาหาผมของมารผมดำ ทั้งหมดล้วนเกิดในชั่วพริบตา

มารผมดำตะโกนก้องลั่นฟ้าตาสีแดงฉานเหมือนฉาบด้วยโลหิตฟันเสี่ยวไป๋จนเลือดพุ่ง กระเด็นกลิ้งไปอีกทาง เมินโหยวผิงบังคับดาบดำด้วยลมปราณ กระบี่มารประสานดาบดำตัดกันจนระเบิดกึกก้อง ผมมองเห็นจางฉี่หลิงที่กำลังละตัววิ่งมาหาผมยื่นมือมาดั่งไขว้คว้า ดวงตาเบิกกว้าง

ไม่รู้ทำไม ถึงแม้ว่ามันไม่ควรจะอยู่ในบท แต่ผมกลับวิ่งไปหา นี้มันบ้าจริงๆ…

มารผมดำที่ตั้งท่าอยู่ก่อนแล้วหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย เบ้ปากส่งรังสีทะมึนออกมาไม่หยุดเมื่อเห็นผมไม่สนใจเขา กระบี่เล่มยาวตวัดทิ้งดาบดำไปอีกทาง พุ่งมาทางผมสะบั้นสายลมที่หมุนวนรวนจนเปลี่ยนทิศ

กระบี่มารเล่มนั้นค่อยๆชำแรกผ่านทรวงอกของผมจากด้านหลัง จนรู้สึกได้ถึงเหล็กเย็นเฉียบที่แฝงปรานมารทะลวงเข้ามาในร่างกาย ร่างชะงักนิ่ง เห็นเมินโหยวผิงอยู่ตรงหน้าลางเลือน

ผมเจ็บตัวอีกแล้ว ไม่ว่าจะสถานการณ์ไหน ขาดทุนจริงๆ

15 ปี ผันผ่าน แม้ไม่นานแต่กลับโหยหา เมินโหยวผิงที่ราวกับโลกแตกสลายพุ่งเข้ามากอดผม กระบี่มารถูกชักออกเลือดผมสาดกระเซ็นตกต้องใบหน้าเขา

เหมือนกาลเวลาโดนย้อนไปในวันนั้น ที่ราชาปีศาจบุกสวรรค์ ผมนอนนิ่งในอ้อมแขนเขาเลือดไหลออกจากมุมปากตาพร่ามัว ตำแหน่งถูกสลับกันแล้ว ไม่เป็นไร เขาปลอดภัย ผมเจ็บแค่นี้ไม่ถึงตาย แม้จะกระอักเลือดออกมาแต่ความเจ็บปวดนี้ เมื่อเทียบกับเมินโหยวผิงในวันนั้นแล้ว นับว่าได้ไม่ถึงครึ่ง

ผมค่อยๆยกมือสัมผัสใบหน้าของเขาที่นัยน์ตาแฝงความโกรธเกรี่ยวปนกับหวาดกลัว เสียงมารผมดำหัวเราะอย่างสะใจก่อนจะถูกดาบดำตวัดกระเด็นตกเขา ถ้าจะพูดให้ถูกต้อง ก็แค่แกล้งตกเขาเท่านั้น…

ที่แทงเข้ามากลางอกตามจริงแล้วก็คงกะว่าจะเอาให้ตายจริงๆสินะ หึ! พวกมาร!

“อู๋เสีย อู๋เสีย” น้ำเสียงร้อนรนบีบมือผมแน่น

อา… นึกว่าการพบหน้าในรอบ 15 ปี จะมีดอกไม้บานสะพรั้งพร้อมๆกับผมที่เอาเก้าอี้ไล่ตีเขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มริมทะเลสาบเสียอีก หน้าเศร้าที่ไม่สมหวังจริงๆ

ตัวผมเย็นลง หายใจหอบจนตราพร่า เจ้าจิ้งจอกดูเหมือนจะไม่โดนโจมตีตรงจุดสำคัญค่อยๆยันกายเดินเป๋ตัวสั่นมาหาผม นิ้วมือของเขายังหยาบเช่นเคยจากการจับดาบ 2 นิ้วที่ยาวผิดปกติของเขาไล้ใบหน้าผมแผ่วเบา รู้สึกได้ถึงอาการตื่นตระหนกในดวงตาที่เกือบนิ่งเฉยดวงนั้น

ได้โปรดอย่าทำหน้าแบบนั้น มันยิ่งทำให้ฉันรู้สึกผิด

เมินโหยวผิงอุ้มผมลงจากเขา หิมะโปรยปรายเหมือนกับใจของเขาที่เย็นเยียบ

แขนใหญ่โอบกระชับผมแน่นยิ่งขึ้น ท้องฟ้าเริ่มกลายเป็นพายุหิมะ เดินหาที่พักอยู่นาน ในที่สุดเมินโหยวผิงก็หาถ้ำเหมาะๆได้ ร่างผมถูกวางลงราบกับพื้น ก่อนที่เสื้อจะถูกปลดออก เลือดบางส่วนแห้งกรังบาดผิว

ดูเหมือนมารผมดำต้องการให้ผมค่อยๆรู้สึกทรมานอย่างช้าๆ

เมินโหยวผิงบังคับให้เจ้าจิ้งจอกกลับไปที่สวรรค์ ถ้าแก่นวิญญาณโดนโจมตี ร่างจริงของผมก็อาจจะมีผลกระทบไปด้วย

คงต้องตามเสี่ยวฮัวกับท่านเออร์เย่วหง

“อดทนไว้”
หืม? ผมได้ยินไม่ชัด แต่ก็ไม่ได้สนใจว่าเขาพูดว่าอะไร ไม่มีความเจ็บปวด แต่รู้สึกได้ถึงเลือดที่หยดลงมาไม่หยุด ถ้าร่างมนุษย์ตาย ผมไม่ห่วง แต่ถ้าร่างจริงของผมตายตามสภาพวิญญาณไปด้วย

ผมไม่ยอมแน่ๆ

ผงยาแปลกสีค่อยๆราดลงบนผิวของผม ความเจ็บพุ่งจี๊ดจับแขนที่ใส่ยานั้นดันออกไป ผมร้องเสียงหลงน้ำตาซึม รู้สึกถึงยาที่ซึมเข้าไปข้างใน

แสบขนาดนี้มีอยู่คนเดียว ยาของท่านเออร์แน่ๆ เขาบอกว่ายาดีต้องมีฤทธิ์ให้รู้สึก สุดท้ายก็ไม่ผสมยาบรรเทาอะไรลงไปแม้แต่ตัวเดียว คนป่วยแต่ละรายสุดท้ายถึงได้วิ่งไปหาแต่เสี่ยวฮัว

เสื้อที่พอดูได้ถูกฉีกออกมาพันให้ผมไปก่อนชั่วคราว เมินโหยวผิงดูแลคนเจ็บได้ไม่เลวเลย สักพักเขาก็เริ่มสำรวจถ้ำ มองพายุหิมะ นิ้วที่ผิดปกติ 2 นิ้วสำรวจไปทั่วก่อนจะมานั่งข้างผม

“มาช้า…” ผมบอกเขา เมินโหยวผิงหันมาจ้องหน้า

“ขอโทษ”

พูดน้อยจริงๆ ผมถอนหายใจ ถ้าเป็นตามปกติผมคงวิ่งหนีเขาฝ่าพายุหิมะแข็งตายเล่นดีกว่า ไม่ดีมากๆเลย แบบนี้อึดอัดมากๆเลย

ผมนึกออกได้ทีละเรื่องแต่ไม่มาก แววตาจับผิดของเขามองผมทั่ว
faliona01
faliona01
ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
ด้วงต้นไม้เทพเจ้า

จำนวนข้อความ : 261
Points : 3717
Join date : 02/11/2014
ที่อยู่ : เตียงหยกเย็นในถ้ำสุสานโบราณ

ขึ้นไปข้างบน Go down

 [FIC] ซีรี่สวรรค์องค์ที่ 3 [ผิงเสีย] part 2/2 Empty Re: [FIC] ซีรี่สวรรค์องค์ที่ 3 [ผิงเสีย] part 2/2

ตั้งหัวข้อ by faliona01 Sat 22 Nov 2014, 18:51

“วังฉางไห่ พูดอะไรกับนาย”

ก็ตรงประเด็นดีนะ!

“เขาบอกว่านายไล่ฆ่าเขาตั้งแต่ 10 ขวบ”

ได้ยินเสียงเมินโหยวผิงสบถเบาๆ ส่วนผมก็จ้องรูปร่างของไอคนพูดน้อยที่แทบจะไม่เปลี่ยนไปเลย ยกเว้นดวงตาที่ดูดุน้อยลง ผมนอนจ้องหน้าเขา สมกับเป็นเทพสงคราม แผลมือและแขนเต็มไปหมด บนใบหน้าก็มีรอยจางๆ ไม่ทิ้งหน้าที่เทพสงครามไปเลยจริงๆ

เมินโหยวผิงเห็นผมจ้องหน้าเขานานๆก็ขมวดคิ้วถามว่าหน้าเขามีอะไร ผมก็เสตามองไปทางอื่น อาการอ่อนเพลียเริ่มโจมตี ผมไม่ได้นอน 3-4 วันติด นับว่าบ้าระห่ำมากๆ มีบ้างที่ได้งีบหลับ แต่ก็ไม่อาจเรียกว่าพักได้ พื้นเย็บเฉียบจนแทบปวดหลังข้างนอกอากาศหนาวจนลมพัดตีเข้ามารู้สึกถึงไอเย็นที่ทำให้ตัวสั่นไปทั้งกาย

“หึ!”

“หืม?”

ผมมองเขางุนงงก่อนที่ร่างจะถูกยกไปไว้ในอ้อมกอดผมร้องเสียงหลงยกแขนก่อนจะนิ่วหน้าเจ็บแผล ยาของท่านเออร์ดีก็จริง แต่ก็ไม่ใช่ยาที่รักษาแล้วหายเป็นปกติทันที
ปรานมารของกระบี่แท่งเข้าร่างมนุษย์ของผมก็จริง คิดแล้วก็นับว่าดีไปส่วนหนึ่ง ถ้าเป็นร่างจริงคงต้องคิดหนักหน่อย แต่แผลที่หายช้ากว่าปกตินี้คงเป็นผลต่อเนื่องของมัน
“เย็น ห้ามหลับ ถ้านายเผลอฉันจะปลุก” เขาบอกเสียงเรียบ สั้นห้วน นี้เขาโกรธผมอยู่รึเปล่า?

อากาศเย็นไม่มีแม้แต่ไฟผิง แต่เมินโหยวผิงทั้งร่างเหมือนถูกทำด้วยไฟ อุ่นสบายยิ่ง จะหน้าเกลียดไหมนะถ้าผมจะซุกตัวเข้าไป แต่ไม่เอาดีกว่า แค่นี้ก็รบกวนเขามากแล้ว
“ดื้อรั้น” ผมขมวดคิ้วหยิกเขาไปทีหนึ่ง แต่เขากลับไม่สะดุ้งสะเทือนเเม้แต่นิด พูดต่อหน้าตาเฉย “เรื่องทั้งหมดข้าจัดการเองได้ ปู่กับเจ้ากังวลไม่เข้าท่า”

“ท่านจะบอกให้ข้ารอท่านจนเข้าวังไปแต่งงานกับท่านจางฉี่ซานหรือไง!!” ผมขบฟันตอบ ดูเขาพูดออกมา ปล่อยผมลอยแพมา 15 ปี มีหน้ามาว่าผมได้ยังไง หน้าไม่อายที่สุด!!

“ต่อให้แต่งก็หย่าได้ ต่อให้เขาเป็นกษัตริย์ แม้แต่บัลลังก์เขาข้าก็จะล้มล้าง” เจ้าว่าอะไรนะ!! เกิดทำขึ้นมา ช่วงเวลาของมนุษย์ได้วุ่นวายกันพอดี มีที่ไหนเทพเข้าแทรกแซงอย่างโจ่งแจ้ง แค่นี้ก็วุ่นวายพอแล้ว

ผมแทบกุมหัว แผลที่อกปวดจี๊ดพอๆกับอาการปวดหัวจากการอดนอน ผมหยิกเขาไปที่หนึ่ง เขาจะสื่อความหมายว่า ต่อให้แต่งงานจริงก็ให้ผมหย่าไปบวชหรือผจญภัยตามที่ใจต้องการได้ใช่ไหม นับว่าดีจริงๆ ส่วนเขาก็จะคอยตามมารับใช้ ให้สมกับความผิดที่ปล่อยละเลยทำให้กายหยาบผมแตกสลาย

จะว่าไป… หรือมันเป็นความผิดเจ้าของสถานที่กันนะ ที่ปล่อยให้มีผู้บุกรุกเข้ามา

เจ้าพวกหมา เจ้าอู้งานกันใช่ไหม!!! ข้าตัดสินใจแล้ว พวกเจ้าจะต้องถูกอาบน้ำเพิ่มเป็น 3 วัน 2 ครั้ง!!

ผมสบถในใจเคลิ้มจะหลับไปกับอากาศหนาวที่กำลังสบายนี้ก็ถูกปลุกขึ้นมา ปวดหัวจี๊ดจนหงุดหงิดแต่ก็ทน วนซ้ำไปซ้ำมา

ไอคนหน้าหงุดหงิดนี้!!!

ถ้าเป็นเวลาปกติผมคงวิ่งหนีก็จริง แต่เวลาเดือดร้อนทีไรกลับเป็นแบบนี้ทุกที ตื่นเต้นและโมโห ใจเย็นและโวยวายได้ตลอดเวลา หรือจะบอกว่าสัมผัสรอบด้านบอกให้ผมเชื่อฟังเมินโหยวผิงในยามเกิดเรื่องกันนะ

ผมหงุดหงิดจนแทบบ้า ถูกปลุกขึ้นมาในยามที่ง่วงที่สุด ถ้าไม่ได้นอนผมตายแน่ๆ หลังจากที่เผลอไปอีกรอบ สุดท้ายทนไม่ไหวกัดแขนเมินโหยวผิงไปเต็มแรง โมโหแทบน้ำตาไหล เห็นหน้าเมินโหยวดำทะมึนไปทั้งแถบ ถึงจะน่ากลัวแต่ความง่วงกลับมีมากกว่า

ผมจะนอน!!!!!!!!!!!!!

4 วันติดเชียวนะ 4 วันติดเชียวนะ นายจะใจร้ายเกินไปแล้ว

เห็นผมโวยวายเจ้าบ้านี้ก็ไหวตัวนิ่วหน้าเล็กๆที่ถูกผมกัด รู้สึกได้ถึงรังสีที่ประสงค์ร้ายยิ่งกว่าเก่า

“อู๋เสีย ปล่อย”

ผมค่อยๆปล่อยปากตัวเองออกมา เห็นแขนของเขาขึ้นรอยฟันของตัวเองมีรอยเลือดไหลซิบๆก็กลัวนิดหน่อย ก็ใครใช้ให้เขามาวุ่นวาย อุ่นขนาดนี้ไม่ตายหรอก!!
ผมสะบัดปั้นปึ้ง ถึงแม้เขาจะห่วงชีวิตผมจริงๆก็เถอะ แต่อารมณ์ไร้เหตุผลของผมก็มาเหนือชั้นกว่าอยู่ดี

เมินโหยวผิงเล่นจ้องตากับผม มีลมหนาวพัดเข้ามาในถ้ำเป็นระยะเลือดของผมยังมีไหลซึมออกมาบ้างแต่ดูเหมือนว่ายาของท่านเออร์จะให้ผลดี แต่ก็ยังหน้ากังวลอยู่ มนุษย์ไม่ใช่เทพ ทนบาดแผลไม่ค่อยไหว ผมต้องดูแลตัวเองดีๆ เห็นเมินโหยวผิงสบถเบาๆฟังไม่ชัดแต่แขนกลับยกให้ผมเข้าไปในอ้อมกอดมากขึ้น เสื้อคลุมกลายเป็นผ้าห่มอยากดี

“แล้วฉันจะคิดบัญชีอีกตอยหลัง” เสียงดุเข้ม แต่ผมไม่สนใจ

เอาเป็นว่า การเจอกันในรอบ 15 ปี ไม่มีสิ่งทวงถาม ตอนนี้ผมได้นอนแล้ว ฮะฮ่า….


พายุหิมะยังคงพัดอย่างต่อเนื่องผมหลับๆตื่นๆตลอดเวลา ดูเหมือนผมจะเป็นไข้ มนุษย์นี้มันบอบบางจังเลย….

เมินโหยวผิงยังนั่งนิ่งเป็นท่อนไม้เหมือนเดิมหลับตาพักผ่อน แต่จะลืมตาตลอดเวลาผมขยับตัวหรือตื่น มืออุ่นแตะหน้าผากวัดอุณหภูมิไล้ไปตามชีพจร

“นายป่วย” ใช่ ตอนนี้ผมคงเป็นไข้แล้ว ตอนลงเขาอาจจะต้องลำบากมากกว่าเดิม

“15 ปี นายเห็นเซี่ยอวี้ฮัวบ้างไหม?” ผมเปรยๆถามดู เขานิ่งไปครู่หนึ่ง ยอมตอบออกมา

“ฉันจับเขาไปโยนลงหลุมสมุทร กว่าจะออกมานายก็คงกลับสวรรค์แล้ว”

ว่าไงน๊า!!!

ผมจับสาบเสื้อที่คอเมินโหยวผิงแล้วเขย่าแรงๆ แกว่าไงน๊า!!! เสี่ยวฮัวของฉัน นี้แกจับเสี่ยวฮัวของฉันไปลงหลุมสมุทรที่ทะเลใต้งั้นเรอะ!!! นายไม่ตายดีแน่ ตระกูลเซี่ยต้องเอาเรื่องนายไม่หยุดแน่นอน

“เซี่ยอวี้ฮัวจะตามมาด้วย วุ่นวายเปล่าๆ”

นายก็เลยเอาเขาไปขังงั้นสิ?

ผมปวดหัวจี๊ดต่อว่าเขาไปหลายทีแต่เขากลับไม่สนใจ กลายเป็นผมที่โกรธหนักกว่าเดิม

เสี่ยวฮัวที่น่ารักของผม ไว้ผมจะอยู่กับนายเป็นเพื่อน 3 เดือนนะ จะนอนด้วยกันเหมือนสมัยเด็กๆด้วย ทีนี้นายคงจะหายน้อยใจแล้ว ผมรักเสี่ยวฮัวที่สุดเลยพูดจริงๆนะ

ที่พูดไม่ใช่เพราะเสี่ยวฮัวตามใจผมหรอกนะ และก็ไม่เกี่ยวกับขนมพุทรากวนด้วย เชื่อผมสิ

ผมหลับไปอีกรอบคราวนี้ผมฝันร้ายเห็นภาพในอดีต เป็นภาพสมัยที่เมินโหยวผิงจูงมือผมตอนที่ยังเด็กไปตามทางเดินบ้านตระกูลจาง เห็นเสี่ยอ้วนที่ตัวสูงใหญ่ สมัยนั้นเขาโตที่สุดแล้ว เสี่ยอ้วนเรียกเมินโหยวผิงว่าเสี่ยวเกอแล้วมอบของบางอย่างให้ ผมด่าเขาว่าหมูตอนไม่ยุติธรรมเสี่ยอ้วนเลยเขกกะโหลกผมไปหนึ่งป๊าป แต่มอบอมยิ้ม แอปเปิ้ลมาให้แทน อร่อยดี…

สมัยนั้น… ผมคงจะอายุ 70,000 ปีกว่าๆ

ตัวผมสูงเท่าอกเขา ตัวเล็กมากจริงๆ ดูเหมือนผมจะผ่านการร้องไห้มาหมาดๆด้วย เรื่องกิ่งดอกท้อแน่ๆ จบการคุยกับเสี่ยอ้วน เมินโหยวผิงก็จูงมือผมที่เลียก้อนน้ำตาลบนแอปเปิ้ลไปตามทางเข้าสู่บ้านหลัก เห็นปู่อู๋กับปู่จางกำลังคุยกันคร่ำเคร่ง

“อู๋เสียกับจางฉี่หลิง คนที่จะไปแท่นประหารเซียนนายจะเลือกใคร?”

ผมงงงันก่อนที่เขา 2 คนจะหันมาเห็น เมินโหยวผิงจับมือผมแน่น แล้วความฝันก็หายไป เป็นสงครามที่ภพปีศาจบุกสวรรค์ขึ้นมา หมอกขาวมัวปกคลุมทำให้ผมดูอะไรไม่ออก อยากปัดมันออกไปใจจะขาด ก่อนที่เสียงดังเหมือนของแตกหักจะดังขึ้น เดินไปตามสายหมอกเหยียบกระทบอะไรบางอย่าง

ร่างชายคนหนึ่งนอนนิ่งไม่หายใจ เลือดไหลท่วมกาย

เป็นจางฉี่หลิง


“ไม่!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!” ผมกรีดร้องสุดตัว
faliona01
faliona01
ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
ด้วงต้นไม้เทพเจ้า

จำนวนข้อความ : 261
Points : 3717
Join date : 02/11/2014
ที่อยู่ : เตียงหยกเย็นในถ้ำสุสานโบราณ

ขึ้นไปข้างบน Go down

 [FIC] ซีรี่สวรรค์องค์ที่ 3 [ผิงเสีย] part 2/2 Empty Re: [FIC] ซีรี่สวรรค์องค์ที่ 3 [ผิงเสีย] part 2/2

ตั้งหัวข้อ by faliona01 Sat 22 Nov 2014, 18:54

เมินโหยวผิงกอดผมแน่นบังคับให้ผมหยุดดิ้น มือผมปัดไปมาพยายามหนีก่อนจะถูกตบหน้าแรงๆเรียกสติ

“อู๋เสีย ตื่นได้แล้ว อู๋เสีย!”

น้ำเสียงร้อนรนอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ผมน้ำตาไหลออกมา เห็นจางฉี่หลิงตรงหน้ากำลังจับตัวผมแน่น พูดให้ผมใจเย็น 2 มือของเขาจับศีรษะผมก่อนจะดึงเข้ามากอด ลูบหลังไปมาเหมือนปลอบเด็กคนหนึ่ง

“จะไม่หายไปใช่ไหม…” ผมร้องไห้ก้มหน้าลงกับอกเขาพูดเสียงสั่นเครือ เมินโหยวผิงกอดผมแน่นตบหลังปลอบใจ “จะมีชีวิตอยู่ จะอยู่ด้วยกัน จะไม่หายตัวไปและก็…”

“ฉันก็อยู่ตรงนี้นายไม่เห็นหรือไง”

ผมเงยหน้ามองเขา หน้าตาเฉยชา นิ่งเฉยไม่สนใจอะไรของเขาอยู่ห่างจากผมไม่ถึงคืบ

“ไม่มีใครทำอะไรฉันได้ เชื่อฉันอู๋เสีย มันเป็นแค่ฝัน ตอนนี้นายก็ยังอยู่ นั่งอยู่กับฉัน ยังมีชีวิตอยู่ เลิกบ้าได้แล้ว” ประโยคยาวที่สุดในรอบปี ผมนั่งนิ่งก่อนจะยอมแพ้

ใช่ คนตรงหน้ายังนั่งอยู่ตรงหน้าผม

ผมเช็ดหน้าตาตัวเองมองไปด้านนอก พายุหิมะยังพัดอยู่ แต่ดูเบาลงไปมาก

“หมดพายุก็ออกไปได้แล้ว” เมินโหยวผิงบอกผมที่ยั่งนั่งนิ่งให้เขาลูบหัวไปมา “เออร์เย่วหงกับเจ้าจิ้งจอกลงมาจากสวรรค์ ดูอาการนายให้แล้ว นอนพักเถอะ”

กฎสวรรค์ห้ามเทพยุ่งเกี่ยวกับมนุษย์มากเกินไป รู้สึกแผลจะปวดน้อยลงไปมาก ได้แค่นี้นับว่ามีพระคุณมากแล้ว ผมที่เหมือนจะหายง่วงค่อยๆถอยห่างออกมาจากเขาออกมา กระชับเสื้อคลุมนั่งอยู่อีกทาง

“จะนอนบ้างก็ได้นะ ถ้ามันเย็นเกินไป ฉันจะปลุกนายขึ้นมา”

“3 ปี” หืม? “ฉันให้ม้าเร็วส่งข่าวไปหานาย 3 ปี แต่ไม่เคยมีอะไรตอบกลับมาเลย”

จะมาถามอะไรตอนนี้!!!!!!!!!!!!!!!! ไอบ้าจางฉี่หลิง

ผมส่ายหน้าหลบตาหลุกหลิก คงบอกไม่ได้หรอกว่าม๊าของตัวเองเผามันทิ้งจนเกลี้ยง หากบอกไป ไม่รู้เขาจะทำอะไรบาง เมินโหยวผิงเป็นคนมีเหตุผล แต่กลับชอบการกลั่นแกล้งเป็นที่สุด แบบหน้าตายด้วย

“ฉัน…” ผมกำลังหาข้อแก้ตัว

“แม่ของนาย นางเอาไปเผา”

ผมหันไปมองเขาหน้าตื่น เห็นรอยยิ้มที่มุมปากเขาเผยออกมานิดๆ กล่าวต่ออย่างสะใจ

“ฉบับแรกข้าส่งไปหาเจ้าเล่าเรื่องทั้ง 12 ปี ฉบับที่สอง ข้าเขียนไปไถ่ถาม ฉบับสามข้าเขียนว่าจะไปพาเจ้ากลับมา” ผมฟังเขาพูดเหงื่อพาลจะไหลออกมา “ทั้ง 3 ฉบับ ล้วนไม่มีการตอบ 3 เดือนข้าเฝ้ารอ สุดท้ายส่งคนไปติดตาม พบว่าแม่เจ้าเผามันทิ้งทุกฉบับ”

เอาแล้วไง นั่งฟังเมินโหยวผิงที่ยอมพูดมากออกมา แต่ใจกลับไม่ยินดีเลยแม้แต่นิด

“สุดท้าย ฉบับที่ 4 จนถึงปัจจุบัน ข้าเลยส่งมันเป็นจดหมายรักหาเจ้าทุกเดือนแทน”

แกเองใช่ม๊าย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! เป็นแกที่ทำแม่ข้าประสาทกินสินะ!!!

จางฉี่หลิง ไอคนหน้าไม่อาย!!!

ยังไม่ทันที่ผมจะต่อว่าเข้าก็ทิ้งตัวเอาดาบหนุนหัวนอนไปสนใจ ส่วนผมก็ได้แต่กัดฟันหวังจะแก้แค้นเขา

ถ้าผมเอาหิมะมาใส่หลังคอเสื้อเมินโหยวผิง เขาจะลุกมาฆ่าผมไหม?


จบคดีที่ผาหิมะผมก็โดนเมินโหยวผิงแบกขึ้นหลังย้ำไปตามทาง ระหว่างทางก็โดนเขาสอบสวนไม่จบสิ้น ต้องงัดทุกอย่างออกมาสู้ สุดท้ายเขาถึงจะยอมเชื่อไม่ติดใจอะไร
ต่างจากคดีแต่งงาน และสงคราม 2 เมือง สุดท้ายผมก็ต้องเข้าวังไปเมืองลั่วหยางพร้อมกับจางฉี่หลิง แน่นอนว่าไปในร่างสตรี ไม่ใช่ผู้ชาย

ผมรู้สึกได้ถึงสายตาหลายคู่ที่จับจ้องมา ย่าฮัวในร่างฮองเฮาออกโรงมาฟังผมพูดด้วยตัวเอง ปู่จางผยักหน้านิ่งๆ หงึกหงักไปตามประสา (อย่าบอกใครนะว่าผมเห็นจางฉี่หลิงส่งสายตาอาฆาตไปที่ฮ่องเต้)

ดูเหมือนรัชทายาทแคว้นนี้จะไม่เป็นที่ถูกใจของฮ่องเต้เหลือเกินตามข่าวลือของในวัง เมินโหยวผิงตามดาวลิขิตฟ้า เป็นเทพสงคราม ทั้งชีวิตมีแต่สนามรบ ไม่อาจเป็นฮ่องเต้ได้ (ก็ใครละจะให้คนที่เตรียมไปตายเป็นจักรพรรดิ ออกรบทั้งปีทั้งชาติ ขุนนางได้ปฏิวัติล้างอำนาจกันพอดี)

เพื่อไม่ให้เป็นการเสียหน้า จางฉี่หลิงออกตัวแต่งงานแทน ปั้นเรื่องบ้าบอจนผมอยากจะเดินไปต่อยหน้า แอบเห็นฮ่องเต้จางฉี่ซานกับย่าฮัวตัวสั่นกึกๆ ข่มอารมณ์กันสุดๆ นี้เขาจะสร้างเรื่องให้คนแก่หัวเราะตายหรือไงนะ ถึงแม้ฮ่องเต้และฮองเฮาในตอนนี้จะยังสาวสะพรั่งและหล่อเหลาอยู่ก็ตาม

แล้วไอ้คนรอบข้างไม่ต้องแอบทำหน้าตา น้ำตาซึมได้ไหม จะอ้วก

จางฉี่หลิงปั้นแต่งนิทาน บอกว่าสมัยที่ยังรบสงครามเมื่ออายุ 13 ปี ตกกระแสน้ำพัดไหลไปตามธาร ได้ผมฟงซานชุนช่วยไว้ พร่ำสัญญาว่าจะแต่งงาน แต่บ้านเมืองไม่อาจละทิ้งจำต้องจากมา ตัวเขาไม่รู้ว่าฟงซานชุนเป็นเทพธิดาสวรรค์ จึงได้หมั้นหมายสัญญาผูกมัดไว้เกิดเป็นเรื่องเศร้าน้ำตาแตกมากมาย

เจ้าหญิงเจ้าชายที่ได้ฟังน้ำตาหลั่งกันทุกคน หืม? นี้นายเมินโหยวผิงนอกจากที่วันๆเอาแต่นั่งวางแผนรบเล่านิทานตลกคลุกน้ำตาเป็นด้วย ไม่อยากจะเชื่อ!

ย่าฮัวเช็ดน้ำตา (ที่กลั้นหัวเราะจนน้ำตาไหล) กล่าวอ้อนวอนฮ่องเต้ให้เห็นใจ จัดงานแต่งให้ผม 2 คน ตามจริงนะครับย่าฮัว ย่าไม่ต้องหวังดีขนาดนั้นก็ได้ บอกฮ่องเต้ว่าปล่อยผมกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิม ผมก็ไม่ว่าอะไรเลย

อันที่จริง… ว่าผมพึ่งมารู้ตอนหลังว่าเกมพนันบนสวรรค์ นอกจากเรื่องเพศที่ไม่มีใครหาผลสรุปได้ว่าเป็นชายหรือหญิง ยังมีอีกอย่างคือ การแต่งงานระหว่าง ผมกับจางฉี่หลิงหรือเสี่ยวฮัว ผมจะแต่งกับใคร แน่นอนเสี่ยวฮัวแพ้บายเพราะก่อนลงมาโดนจางฉี่หลิงสกัดขาถีบลงถ้ำสมุทรด้วยความรำคาญก่อนหน้านั้นแล้ว ทำให้ตัวเลือกเปลี่ยนใหม่คือผมจะได้แต่งงานหรือไม่

ผมคิดว่า ผมจะเผาบ้านพวกเขาทุกหลังที่ร่วมพนันสงครามเงินครั้งนี้

ดูเหมือนท่านปู่เฉินกับปู่เฮยจะไม่พอใจ คดีชาสามหยวนยังส่งผล แต่แน่นอน หลานชายแก้วตาดวงใจจะแต่งให้เจ้าใบ้จาง เลยยกทัพมาล้อมเมืองลั่วหยาง

นี้ไม่ได้อ่านจดหมายที่ผมส่งไปกันใช่ไหม!!!!

ผมหน้าดำทะมึนหลังจากฮ่องเต้เมืองลั่วหยางประกาศให้ผมแต่งงานกับรัชทายาทจางฉี่หลิง พอผ่านไป 3 วินาที มีทหารพุ่งเข้ามาประกาศว่าจินหลิงยกทัพมาใกล้ประชิดตัวเมือง บอกว่ามาชิงตัวธิดาสวรรค์ฟงซานชุน

แล้วหลังจากนั้น ฮ่องเต้ลั่วหยางก็สั่งทัพตั้งมั่นรอบชายเมืองทันที

อะไรกันวะเนี้ย!!!!

ผมอยากจะกรีดร้อง แต่งหญิงก็ยอมแล้ว แต่งงานกับจางฉี่หลิงก็ยอมแล้ว แล้วนี้ยังจะมาก่อคดีเพิ่มอีกทำไม เห็นผมสีหน้าไม่ดีจางฉี่หลิงก็รีบวิ่งเข้ามา คล้ายหงุดหงิดอีกคน จับผมให้เอนตัวซบอกเขา

“ร้องตะโกนว่าท่านตา แล้วแกล้งเป็นลมซะ” จางฉี่หลินบอก

ผมก็เลยทำเป็นหมดสติ หวีดร้องเสียงหลงว่า ‘ท่านตา!!!’ ลมลงไป เสียงฮือฮาดังทั่วห้องโถงพิธี พร้อมๆกับจางฉี่หลิงทูนถวายเรื่องเท็จอีก 3 กระบุง เรียกน้ำตา ไปอีกหลายถัง

ม๊าของผมจู่ๆก็กลายเป็นเจ้าหญิงถูกขับออกจากวังไปเสียชิบ มีตาเป็นฮ่องเต้เมืองจินหลิง ส่งสารลายพระหัตถ์ตัวเองว่าจะมารับไปแต่งงานกับเจ้าชายในวังหลวง หรือ ข้อเสนอที่สอง รับผมไปเป็นหวงกุ้ยเฟย สมอ้างว่าเป็นสตรีที่ถูกใจ แล้วนำมาเลี้ยงดู หวังชดเชยความผิดที่ทิ้งม๊าไปลำบากนอกเมือง แต่ผมกับจางฉี่หลิงตั้งในรักทำผิดหลายประการ ฮ่องเต้จินหลิงจึงก่อคดีจะเอาเรื่อง

จางฉี่ซานในร่างฮ่องเต้แสร้งทำพิโรธตบเก้าเก้าอี้เสียงดัง ป๊าป!! ไม่รู้เขาจะเจ็บมือมากไหม แต่ฮองเฮาจอมปลอมก็ทำเป็นเดินไปจับมือลูบไปมาบอกให้ใจเย็น ทั้งๆที่ตัวเองก็กลั้นหัวเราะจนตัวสั่น

ชิชะ! ท่านปู่และท่านย่าแกล้งผมอีกแล้ว

ผมถูกนำไปไว้ตำหนักหลังอยู่ในห้องของฮองเฮาเมืองลั่วหยาง จางฉี่หลิงอาสาขี่ม้าออกไปคุยกับฮ่องเต้เมืองจินหลิง

เรื่องนี้เป็นที่อกสั่นขวัญแขวนไปทั่วทั้งเมือง ลำบากหน่อย แต่ก็พยายามเข้านะ! ส่วนผมจะกินขนมรอในวัง…

ระหว่างที่นายเมินโหยวผิงไปเจรจา ผมก็โดนคั้นประวัติแทบจะเป็นโจ๊กเหลวจากย่าฮัวและปู่จาง ว่าทำไมถึงได้โดนปรานดาบดำส่งมาเกิดที่โลกมนุษย์ จางฉี่หลิงล่วงเกินผมรึเปล่าอะไรแบบนี้

กว่าจะเคลียคดีว่ามารตนหนึ่งแอบปะปนเข้ามาในงาน แต่ไม่ทราบว่าทำได้ยังไง ขโมยดาบดำของจางฉี่หลิงมาชมเล่น แล้ววางทิ้งไว้ที่ห้องผม

คงกะใส่สีตีไข่ผมเต็มที่ วังฉางไห่ ท่านเหลี่ยมจัดมาก!
faliona01
faliona01
ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
ด้วงต้นไม้เทพเจ้า

จำนวนข้อความ : 261
Points : 3717
Join date : 02/11/2014
ที่อยู่ : เตียงหยกเย็นในถ้ำสุสานโบราณ

ขึ้นไปข้างบน Go down

 [FIC] ซีรี่สวรรค์องค์ที่ 3 [ผิงเสีย] part 2/2 Empty Re: [FIC] ซีรี่สวรรค์องค์ที่ 3 [ผิงเสีย] part 2/2

ตั้งหัวข้อ by faliona01 Sat 22 Nov 2014, 19:00

คนที่จับดาบดำได้ทั้งสวรรค์มีแค่เมินโหยวผิงคนเดียว แล้วการที่ดาบดำมาปรากฏในห้องผมจะให้คิดไปได้ในทางไหน

สรุปว่านี้ก็เป็นอีกคนที่ว่างจัดสินะ เหอะๆ

ย่าฮัวถอนหายใจ ตบหลังผมดังป๊าป ขึ้นไปสวรรค์เมื่อไหร่จะตกรางวัลเป็นพุทรากวน 16 กระปุก ถือว่าฟาดเคราะห์ไป อย่าไปนึกถึง

ครับ เคราะห์ร้ายของพวกว่างจัดจริงๆ

ท่านจางฉี่ซานหลังฟังจบก็ถอนหายใจเดินออกไป ได้ข่าวว่าขี่ม้าตามจางฉี่หลิงไปหาท่านปู่ซืออากงที่ตั้งทัพอยู่แนวหน้า

สงสัยคดีชาแปะก๊วยท่านจางจะยอมจ่ายเสียที ทำขี้เหนียวไปได้!

หลังจากนั้นอีก 3 วัน สงครามตีเมืองก็กลายเป็นการเจริญไมตรีทันที

4 ตระกูลพร้อมหน้าโดยมีผมนั่งสงบเสงี่ยม อยู่ตรงกลาง ซืออากงบอกว่าจะรับเตี่ยมนุษย์ผมไปเป็นขุนนาง และรับม๊าไปเป็นเจ้าหญิงในลำดับท้ายพระองค์หนึ่ง ฟังแค่นั้นผมก็พอใจแล้ว พวกเขา 2 คน คงจะไม่ลำบากอีก ท่านจางกับท่านเฮยคุยสัพเพเหระไปตามกาล มีบ้างที่ฟาดปากกับปู่เฉิน มีย่าฮัวให้ท้ายยกหางไม่ห่าง ผมกับจางฉี่หลิงนั่งฟังไปมาจนปวดหลัง

เหมือนย่าฮัวจะเห็นท่าทางง่วงงุนของผม บอกให้จางฉี่หลิงพาผมไปพัก งานพิธีแต่งก็จัดไปตามประเพณี ตายแล้วก็จบกัน

ผมกล่าวขอบคุณค่อมกายคารวะ เดินทางไปกับจางฉี่หลิง บรรดาขันทีและนางในทำท่าจะเดินตามมาแต่จางฉี่หลิงโบกมือสั่งให้กลับไป สุดท้าย เหลือผมกับเขา 2 คน
“ฉันคลอดลูกให้นายไม่ได้หรอกนะ ไม่มีเพศด้วย” ผมบอกเขาเสียงเบา

จางฉี่หลิงก็แค่เลิกคิ้วรับเสียง ‘อืม’ ในคอ ก่อนที่จะกล่าวคำให้ผมร้อนๆหนาวๆ

“เรื่องทั้งหมดค่อยไปจัดการได้บนสวรรค์ ฉันยังมีเวลาอีกยาวที่จะไต่สวนนาย รวมทั้งเรื่องที่ทำไมวังฉางไห่ถึงลงทุนบุกขึ้นมาสวรรค์ ชั่วอายุมนุษย์นายก็หาข้อแก้ตัวดีๆสัก 2 ข้อก็พอแล้ว”

ข้อแก้ตัว ข้อแก้ตัว ผมจะท่องไว้ให้ขึ้นใจรับรองไม่ให้ผิดหวัง เดินหน้าซีดเมื่อถึงห้องพักผมก็รีบลั่นกลอนปิดประตูเอาหัวซุกหมอนทันที


หลังงานพระราชพิธีมงคล ปู่อู๋ก็มาเยี่ยมพร้อมเสี่ยวไป๋ กล่าวชื่นชมบอกว่าเขาได้ตังไปอานจากการพนัน ดูเหมือนคนที่รวยที่สุดจะเป็นท่านฉีเถียจุ่ยในการลงขันครั้งนี้เขารับตังไปเยอะที่สุด ผมโกรธจนควันออกหู หน้าบึ้งตึง

นี้ผมต้องล้างตระกูลตนเองด้วยหรือไม่?

ดูเหมือนวาระกรรมของผมยังไม่จบ หนังสือเล่มหนึ่งก็ถูกยื่นออกมา กระดาษสีทองนวลตา ลงอักษรท่านเออร์เย่วหง

ตำนานรักเทพสวรรค์

บัดซบ!

ผมปาหนังสือลงพื้นทันทีไม่แม้แต่จะเปิดอ่าน คิ้วกระตุกกัดฟันตาถลน ปู๋อู๋เห็นเข้าก็หัวเราะ รีบวิ่งหนีกลับสวรรค์ไปทันที ไม่ทันให้ผมได้จับตัว ผมถอนหายใจ พินหน้ามองไปนอกตำหนัก

ต้นท้อผุดขึ้นมา 3 ต้น กำลังโปรยกลีบไปทั่วลาน หลังจากเข้าหอ ผมก็กลายเป็นหมอนข้างประจำตัวเมินโหยวผิง ไม่มีการล่วงเกินอันใด จะมีบ้างที่บรรดาลูกชายของฮ่องเต้องค์ปัจจุบันจะมาทำกรุ่มกริ่มใส่ สุดท้ายก็โดนเมินโหยวผิงสั่งสอนจนเข็ดหลาบ

ก็ไม่รู้ว่าเขาหึงผมรึเปล่า

น้ำชาและขนมค่อยๆถูกผมจัดเตรียม เสื้อของสตรีชาววังนั้นหนักมาก อึดอัดไม่น้อย ต้องขอบคุณเมินโหยวผิงที่สั่งให้ตำหนักที่ผมอยู่ปลอดคนพอสมควร เวลาผมทำอะไรไม่สุภาพก็ไม่มีใครเห็น

จานถูกจัดวาง ขนมพูนๆมากมาย มีลูกท้อวางไว้ข้างเคียง ใบชาชั้นเลิศก็ถูกผมชงเองกับมือส่งกลิ่นหอมฟุ้ง

เสียงย้ำเท้าดังเข้ามา ผมหันไปมอง เห็นชายคนหนึ่งท่าทางทะมัดทะแมงเดินเข้ามา ผมแย้มยิ้ม ชูจานให้เขาดู

“จางฉี่หลิง ขนมเตรียมเสร็จแล้วนะ มากินกันเถอะ!!”

กลีบท้อปลิวสะบัด หอบลมหอมโชยมา จางฉี่หลินเพียงยิ้มมุมปาก อู๋เสียที่ร่าเริงของเขา วันนี้ก็ยังคงมีความสุขอยู่เช่นเดิม

เขาก้าวเดิน ลูบหน้าตาคนตรงหน้าที่ยิ้มอย่างมีความสุข ชั่วชีวิตมนุษย์นี้ ขอให้มีเพียงความสงบเช่นนี้ก็เพียงพอ

=======================================================

จบพาท 3 เเล้วค๊า!!!!!!!!!
อยากลองนึกถึงปู่จางที่เป็นเจ้าตระกูลทั้ง 9 เวลาเจี๋ยมกะตัง
ไม่รู้ว่าตอนจ่ายเบี้ยหวัดจะมีบ้างไหมที่เลขติดตัวแดงเหมือนค่าอาหารหมาของปู่อู๋
จบแล้วคะ พาท 3 อย่าเอาส้อมมาทิ้มกันนะคะ
ฮือๆๆๆๆๆๆ ขอบคุณที่ยังคงอ่านมาถึงตรงนี้คะ (ร่ายรำโปรยดอกไม้)
faliona01
faliona01
ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
ด้วงต้นไม้เทพเจ้า

จำนวนข้อความ : 261
Points : 3717
Join date : 02/11/2014
ที่อยู่ : เตียงหยกเย็นในถ้ำสุสานโบราณ

ขึ้นไปข้างบน Go down

 [FIC] ซีรี่สวรรค์องค์ที่ 3 [ผิงเสีย] part 2/2 Empty Re: [FIC] ซีรี่สวรรค์องค์ที่ 3 [ผิงเสีย] part 2/2

ตั้งหัวข้อ by pim-lovedmbj Sat 22 Nov 2014, 20:02

ว้าวววว แฮปปี้เอนดิ้ง ชอบเรื่องนี้มากๆเลยค่ะ ขอบคุณนะคะที่เขียนเรื่องสนุกๆแบบนี้ให้อ่าน กราบบบบบ

pim-lovedmbj
ด้วงฝึกหัด
ด้วงฝึกหัด

จำนวนข้อความ : 7
Points : 3437
Join date : 06/11/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

 [FIC] ซีรี่สวรรค์องค์ที่ 3 [ผิงเสีย] part 2/2 Empty Re: [FIC] ซีรี่สวรรค์องค์ที่ 3 [ผิงเสีย] part 2/2

ตั้งหัวข้อ by Mamon Sat 22 Nov 2014, 20:25

ชอบค่าาาาาาา วังฉางไห่นี่ทำให้อยากแฟงอ้าดใส่รัวๆ โฮววววววววว

ช่วงจบตอนนี่ให้ความรู้สึกสงบสุขกะมุ้งกะมิ้งที่สุด ฮืออออออออออออออ //ร้องไห้ใส่;H;

ิสุดท้าย....

“ฉันคลอดลูกให้นายไม่ได้หรอกนะ ไม่มีเพศด้วย”

“เรื่องทั้งหมดค่อยไปจัดการได้บนสวรรค์"
^
^^
^^^
จัดการอะไรคะเทพสงคราม!!!
Mamon
Mamon
ด้วงฝึกหัด
ด้วงฝึกหัด

จำนวนข้อความ : 14
Points : 3454
Join date : 27/10/2014
ที่อยู่ : ในโทรศัพท์เสี่ยวฮัว

ขึ้นไปข้างบน Go down

 [FIC] ซีรี่สวรรค์องค์ที่ 3 [ผิงเสีย] part 2/2 Empty Re: [FIC] ซีรี่สวรรค์องค์ที่ 3 [ผิงเสีย] part 2/2

ตั้งหัวข้อ by Demine Sat 22 Nov 2014, 21:15

ท่านเทพสงครามจะไปทำอะไรบนสวรรค์กันคะ!?
แล้วอดีตล่ะ เราอยากรู้สาเหตุ!!!
Demine
Demine
ด้วงฝึกหัด
ด้วงฝึกหัด

จำนวนข้อความ : 10
Points : 3426
Join date : 20/11/2014
Age : 26
ที่อยู่ : ฟิวชั่นอยู่ในอากาศเพื่อให้สามารถแทรกซึมไปได้ทุกที่

ขึ้นไปข้างบน Go down

 [FIC] ซีรี่สวรรค์องค์ที่ 3 [ผิงเสีย] part 2/2 Empty Re: [FIC] ซีรี่สวรรค์องค์ที่ 3 [ผิงเสีย] part 2/2

ตั้งหัวข้อ by gustoon Sun 23 Nov 2014, 23:42

#เป็นอู๋เสียต้อดทน
ทั้งสงสารทั้งฮานายน้อย
gustoon
gustoon
ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา

จำนวนข้อความ : 104
Points : 3528
Join date : 22/11/2014
ที่อยู่ : ใต้เตียงนายน้อยอู๋

ขึ้นไปข้างบน Go down

 [FIC] ซีรี่สวรรค์องค์ที่ 3 [ผิงเสีย] part 2/2 Empty Re: [FIC] ซีรี่สวรรค์องค์ที่ 3 [ผิงเสีย] part 2/2

ตั้งหัวข้อ by Duke_of_Florence Mon 24 Nov 2014, 02:46

ปู่จางฉี่ซานบาดหมางกับซื่ออากงเพราะเรื่องชาแปะก๊วย กุมขมับ
เสี่ยวเกอช่างร้ายกาจ ถีบเสี่ยวฮัวลงหลุมสมุทร จัดการซะแต่เนิ่นๆเลยซินะคะ

ชอบตอนจบของพาร์ทนี้จัง แฮปปี้ซะที ทั้งสองได้ครองคู่กันในภพมนุษย์ เดี๋ยวค่อยไปต่อบนสวรรค์เนอะ ท่านจางฉี่หลิง
ว่าแต่มันยังไม่จบแค่นี้ใช่มั้ยคะ ต้องมีตอนต่อสิ เขย่าคอคนเขียน
รักคนเขียนจัง เขียนยาวเลย แต่ชอบนะ อ่านสนุกดี เพลินด้วย Smile


แก้ไขล่าสุดโดย Duke_of_Florence เมื่อ Tue 25 Nov 2014, 13:03, ทั้งหมด 1 ครั้ง
Duke_of_Florence
Duke_of_Florence
ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา

จำนวนข้อความ : 113
Points : 3549
Join date : 31/10/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

 [FIC] ซีรี่สวรรค์องค์ที่ 3 [ผิงเสีย] part 2/2 Empty Re: [FIC] ซีรี่สวรรค์องค์ที่ 3 [ผิงเสีย] part 2/2

ตั้งหัวข้อ by kaew_nya Mon 24 Nov 2014, 18:57

เสี่ยวฮัวของพี่~!!!
นายจางฉี่หลิง นายทำแบบนี้กับเสี่ยวฮัวได้ยังไง
โยนเสี่ยวฮัวฉันลงหลุมสมุทรแบบนี้ได้ยังไง ชริ
โอเค คร่ำครวญเรื่องเสี่ยวฮัวจนพอใจแล้ว

ขอฮาคดีชาแปะก๊วยค่ะ ท่านปู่จางฉีซานคะ
ทำไมเหนียวหนี้กับซื่ออากงแบบนี้คะ
ก่อนจะคืนค่าชาได้ต้องเป็นตำนานก่อนสินะคะ

แต่ก็คงไม่มีใครเป็นตำนานเท่าอู๋เสียอีกแล้ว
คงจะได้ดูงิ้วเรื่องนี้กันยาวๆเลยใช่ไหมคะ
เหมือนท่านปู่เอ้อร์จะเขียนบทเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฮ่ะๆๆๆ
ส่วนคุณจางฉี่หลิง ตอนโกหกหน้าตายเรื่องตัวเองกับอู๋เสียนั่นฮามากค่ะ

ตอนนี้จบแฮปปี้มากเลยค่ะ อู๋เสียเตรียมขนมน้ำชาแม่บ้านแม่เรือน ว๊ายๆๆๆ
จะรอติดตามตอนต่อไปนะคะ (ซีรี่ย์นี้ยังไม่จบใช่ไหมคะ // ส่งตาวิ้งๆ)
เป็นกำลังใจให้ค่ะ *ชวนซันชุ่นติงของปู่อู๋เต้นให้กำลังใจ*

kaew_nya
ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา

จำนวนข้อความ : 60
Points : 3495
Join date : 03/11/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

 [FIC] ซีรี่สวรรค์องค์ที่ 3 [ผิงเสีย] part 2/2 Empty Re: [FIC] ซีรี่สวรรค์องค์ที่ 3 [ผิงเสีย] part 2/2

ตั้งหัวข้อ by zerin Fri 28 Nov 2014, 03:42

ขำตอนจะไปแต่งงานมากค่ะ พวกนายแสดงละครกันเนียนมาก ขำจนท้องแข็ง555555 ดีใจด้วยน้าเสี่ยวเกอได้อยู่ด้วยกันซะที พวกคุณปู่นี่ว่างกันมากใช่มั้ยเนี่ย!! สงสารนายน้อยของเราจริงๆเลย โถๆ555 ชอบมากเลยค่ะ รออ่านตอนต่อไปนะคะ ><!
zerin
zerin
ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา

จำนวนข้อความ : 188
Points : 3637
Join date : 05/11/2014
ที่อยู่ : เกาะอยู่หลังประตูสำริด

ขึ้นไปข้างบน Go down

 [FIC] ซีรี่สวรรค์องค์ที่ 3 [ผิงเสีย] part 2/2 Empty Re: [FIC] ซีรี่สวรรค์องค์ที่ 3 [ผิงเสีย] part 2/2

ตั้งหัวข้อ by Feran.FS Fri 28 Nov 2014, 18:07

โถ่!! พวกคุณปู่นี่คือรักหลานมากจึงหลอกเล่นสินะคะ 5555
Feran.FS
Feran.FS
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ

จำนวนข้อความ : 457
Points : 3912
Join date : 27/10/2014
Age : 28
ที่อยู่ : ใต้เตียงนอนเซี่ยจื่อหยาง...

ขึ้นไปข้างบน Go down

ขึ้นไปข้างบน

- Similar topics

 
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ