Countdown
We've been
togerther for

ค้นหา
 
 

Display results as :
 


Rechercher Advanced Search


[Fic] ยุติปริศนาพันปี (สปอยล์ ล.10)

4 posters

Go down

[Fic] ยุติปริศนาพันปี (สปอยล์ ล.10) Empty [Fic] ยุติปริศนาพันปี (สปอยล์ ล.10)

ตั้งหัวข้อ by ManudLoong Sat 08 Nov 2014, 20:16

::: ชี้แจง :::

จับ เนื้อเรื่อง + ตัวละคร ของนิยาย 2 เรื่องมาลงหม้อต้มยำรวมมิตร
1. หยุนคงนักพรตล่าวิญญาณ
2. บันทึกจอมโจรแห่งสุสาน

แต่งมึนๆ นะจ๊ะ อย่าซีเรียส เดี๋ยวจะมีคนร้องถาม เฮ้ย...นักพรตหยุนคงมาได้ไง?
ขนาดเราเขียนไป ยังขำไปเลยอ่า  Shocked

ยังไงลองอ่านดูก่อนนะ แล้วจะรู้ว่าทำไมต้องหยุนคง
เรื่องราวของหยุนคงมีส่วนช่วยคลายปริศนาของบันทึกจอมโจรฯ ได้จริงๆ นะ ลองอ่านดู

เนื้อเรื่องใน FIC ยึดตามเนื้อเรื่องจริงในนิยายทั้ง 2 เรื่อง ไม่ได้จิ้นเองจร้า

เนื้อเรื่องใน FIC พูดถึงอะไร
พูดถึงการอธิบายปมปริศนาที่ยังงงๆ อยู่ เราก็อธิบายมันใหม่ซะเลย โดยยืมเนื้อเรื่อง 'หยุนคง' มาอธิบาย อิอิ

- ขั้วสุดท้ายคืออะไร
- ขุดสุสานกันทำไม ขุดมาแล้วทำไมเอาไปซ่อน
- มัน หรือ องค์กรลึกลับต้องการอะไร
- อะไรคือความจริงที่น่ากลัวถึงขั้นสะเทือนฟ้าสะเทือนดิน
- ทำไมเมินโหยวผิงต้องไปนั่งเฝ้า 10 ปี


ทั้งชุดมี 9 ตอนจบ
จะแปะไว้ในกระทู้นี้กระทู้เดียว เพื่อไม่ให้รกพื้นที่บอร์ดจ้ะ  cherry  

๑. ปริศนาพันปี ---> Click

๒. เส้นใยที่ถักทอมิตรสหาย ---> Click

๓. เมินโหยวผิงตายแล้ว !? ---> Click

๔. จางฉี่หลิงเป็นเมินโหยวผิง ---> Click

๕. ความทรงจำของหงเยี่ย ---> Click

๖. ยุติไม่หวนคืน ---> Click

๗. ปริศนากระจ่างสิ้น I : กำเนิดขั้วสุดท้าย ---> Click

๘. ปริศนากระจ่างสิ้น II : ผู้เฝ้าสุสานแซ่จาง โจรขุดสุสานแซ่อู๋ และ ‘มัน’ ผู้ลึกลับ ---> Click  

๙. ปริศนากระจ่างสิ้น III : การเดิมพันของเมินโหยวผิง ---> Click

flower  flower  flower


แก้ไขล่าสุดโดย ManudLoong เมื่อ Sat 08 Nov 2014, 21:34, ทั้งหมด 3 ครั้ง
ManudLoong
ManudLoong
ด้วงฝึกหัด
ด้วงฝึกหัด

จำนวนข้อความ : 13
Points : 3465
Join date : 08/11/2014
Age : 38

ขึ้นไปข้างบน Go down

[Fic] ยุติปริศนาพันปี (สปอยล์ ล.10) Empty Re: [Fic] ยุติปริศนาพันปี (สปอยล์ ล.10)

ตั้งหัวข้อ by ManudLoong Sat 08 Nov 2014, 20:22

๑. ปริศนาพันปี


ปริศนาทุกปริศนาล้วนมีวันคลี่คลาย
เป็นเช่นนั้นจริง

ปริศนาบางปริศนาเรียบง่ายยิ่ง เพียงชั่วลัดนิ้วมือก็สมควรคลี่คลายกระจ่างแล้ว
ทว่ายังมีปริศนาบางประเภท มืดดำจนคล้ายไม่มีวันคลี่คลายได้กระจ่าง ยิ่งทิ้งให้ยืดเยื้อยาวนานยิ่งทับทวีความซับซ้อน เพาะบ่มเกิดเป็นความขัดแย้ง ลุกลามนองโลหิต ผู้คนหลายชั่วอายุคนล้วนกระโจนเข้าไป พวกเขาเข้าไปเพื่อสะสางคลี่คลายปริศนาหรือ?

มิได้!  
พวกเขาเข้าไปเพราะความโลภและความแค้น บ้างตกตายไปอย่างไร้ประโยชน์ บ้างรอดชีวิตกลับมาด้วยความคับแค้นหนักหน่วงกว่าเดิม ล้วนแล้วแต่น่าเสียดาย น่าเสียดายจริงๆ

แล้วปริศนา “ขั้วสุดท้าย” นี้เล่า จางฉี่หลิงแบกรับมันไว้ เก้าสกุลใหญ่กระโจนเข้าไป อู๋เสียถูกฉุดลากเข้าร่วม คนละโมบจำนวนมากล้วนหมุนเวียนสอดมือ วันเวลายิ่งผันผ่านปมปริศนาคล้ายยิ่งพัวพันดุจหยากไย่ที่สาวไม่เจอต้นตอ ไม่แน่ว่าผู้ผูกปมนี้ขึ้นมาเองจะหาทางคลี่คลายมันลงได้
ปริศนาที่ยืดเยื้อมากว่าพันปี “ความจริง” ยังสามารถถูกกะเทาะออกจากเปลือกดำที่ห่อหุ้มมันอยู่ได้อีกหรือไม่

ย่อมได้!
ในโลกมีคนประเภทหนึ่ง ถือวัตรเคร่งครัดบำเพ็ญเพียรด้วยมานะบากบั่น เลือกเดินทางสายสันโดษ ทุ่มเทเรียนรู้เพื่อแสวงหา “ความจริง” ยินดีเสียสละตนเองเพื่อไถ่ทุกข์ให้ผู้อื่น คนประเภทนี้เห็นชีวิตเป็นเพียงมรรคาเพื่อเดินไปสู่จุดหมาย อยู่ต่อหน้าคนประเภทนี้ ปริศนาทุกปริศนาล้วนคลี่คลายยุติได้  


หยุนคงมาแล้ว
เขาก้าวเท้าเหยียบย่ำอย่างระมัดระวัง ไต่ปีนเนินตะปุ่มตะป่ำด้วยความเหน็ดเหนื่อย สถานที่รายรอบล้วนสูงชันยิ่ง หินทุกก้อนใต้ฝ่าเท้าคล้ายซุกซ่อนไปด้วยอันตราย แต่หนทางสายนี้คล้ายยังยาวไกล แสงอาทิตย์ร้อนแรงชอนไชสายตา หยุนคงแหงนเงยใช้ฝ่ามือปิดป้องใบหน้า ทอดสายตาออกไป ธรรมชาติคือมารดาแห่งสรรพสิ่งอย่างแท้จริง ลำธารหล่อเลี้ยงชีวิต ขุนเขาให้อาหาร ให้ฟืนไฟ ยอดเขาแห่งนี้ดูไปสูงส่งดุจเป็นสถานพำนักแห่งทวยเทพ หยุนคงพักเท้าลงแล้ว ร่างผ่ายผอมของเขาก้มคำนับให้แก่สถานที่แห่งนี้อย่างยาวนาน เขามิได้รีบร้อน วันนี้เขาลืมตาตื่นจากการภาวนาในยามเช้าพบว่าตนเองสบายใจยิ่ง นักพรตเช่นเขามีสภาวะจิตใจที่เยือกเย็น...เยือกเย็นดุจสายธารที่รินไหลลงจากยอดภูอย่างต่อเนื่องหลายร้อยหลายพันปี เขาเองก็รอคอยวันนี้มากว่าหนึ่งพันปีแล้ว วันที่เขาจะสะสางคลี่คลายปริศนาทุกสิ่ง ณ สถานที่แห่งนี้...ฉางไป๋ซาน


................................................................


แก้ไขล่าสุดโดย ManudLoong เมื่อ Sat 08 Nov 2014, 20:35, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ManudLoong
ManudLoong
ด้วงฝึกหัด
ด้วงฝึกหัด

จำนวนข้อความ : 13
Points : 3465
Join date : 08/11/2014
Age : 38

ขึ้นไปข้างบน Go down

[Fic] ยุติปริศนาพันปี (สปอยล์ ล.10) Empty Re: [Fic] ยุติปริศนาพันปี (สปอยล์ ล.10)

ตั้งหัวข้อ by ManudLoong Sat 08 Nov 2014, 20:26

๒. เส้นใยที่ถักทอมิตรสหาย


อู๋เสียและนายอ้วน ก็มาถึงภูเขาฉางไป๋
ทุกผู้คนล้วนมาถึง แต่คนเกือบทั้งหมดเฝ้ารอคอยสัญญาณอยู่เบื้องล่าง มีเพียงอู๋เสียและนายอ้วนเพื่อนตายที่มุ่งหน้าขึ้นเขาไป ไป...เพื่อหาคำตอบ ‘ไฉนคนผู้หนึ่งตรึงตัวเองไว้ถึง 10 ปี’ ไป...เพื่อเผชิญหน้ากับปริศนาที่พวกเขาเองก็เฝ้ารอคอยชมดูจุดจบมากว่า 10 ปีแล้ว
วันนั้น เป็นเมินโหยวผิงที่บอกให้พวกเขารอคอย อู๋เสียเป็นสหายที่เชื่อฟัง ดังนั้นเขารอจนครบ 10 ปี วันนี้เขามาแล้ว

หนทางขึ้นเขาลำบากจริงๆ
การเหยียบย่ำบนบาทวิถีที่เต็มไปด้วยกรวดหินเป็นเรื่องไม่สุขสบายเท้าเท่าใด อู๋เสียและนายอ้วนไม่ใช่เด็กหนุ่มที่ชอบเอะอะโวยวายเวลาพบพานเรื่องยากลำบากอีกต่อไป ผมเผ้าสีขาวที่งอกแซมบนศีรษะของนายอ้วน รอยยับย่นเจ้าความคิดตรงกลางหว่างคิ้วของอู๋เสีย เหล่านี้ล้วนฟ้องว่าพวกเขาทั้งสองย่างเข้าสู่วัยกลางคนแล้ว ประสบการณ์วัยหนุ่มยังเคี่ยวเข็ญจนพวกเขามีความคิดชรากว่าวัย ทางเดินสายนี้ดูไปก็ยากเข็ญจริงๆ ไฉนคนผู้ใหญ่ทั้งสองจึงยังชมชอบหาเรื่องผ่านทางมาให้ลำบากเท้า?

อันที่จริงหลังจบสิ้นเรื่องราววุ่นวายเมื่อ 10 ปีก่อน นายอ้วนก็ค้นพบความสุขจากการทำไร่ไถนาอยู่ในชนบทภาคใต้ อู๋เสียเองก็คิดหันหลังให้การลงดินอย่างถาวร พวกเขาสูญเสียมากเกินไป บุคคลอันเป็นที่รักของพวกเขาบ้างตาย บ้างหายสาบสูญ เป็นโจรมีอะไรดี นอกจากชีวิตที่ต้องคอยหลบๆ ซ่อนๆ ยังต้องคอยตีสองหน้ายามพบพานผู้คน นี่ล้วนเป็นชีวิตของซากศพที่ไม่ยอมรับว่าตนเองสิ้นชีวิต กลางวันต้องหลบซ่อนแสงสุริยา กลางคืนจึงกล้าเผยกายพอใครถามไถ่ก็ต้องโกหกว่าตนเองเป็นคน อู๋เสียและนายอ้วนคิดหวังสลัดทิ้งชีวิตเช่นนี้ พวกเขาควรทำเช่นนี้เสียเนิ่นนานแล้ว

แต่ฉางไป๋ซานมีคนผู้หนึ่งรอคอยพวกเขาอยู่
คนผู้นี้ชื่อเมินโหยวผิง เมินโหยวผิงที่เคยร่วมเป็นตายกับพวกเขามาหลายครั้งครา ดังนั้นพวกเขาล้วนมุ่งหน้ามา ฝ่าหนทางกันดารเข้ามา

ถึงแล้ว
หน้าประตูใหญ่ดูแน่นหนามั่นคง สิบปีมาแล้วประตูบานนี้ไม่เคยถูกเปิดออกเลย ประตูทั้งใหญ่ทั้งหนา ดูไปๆ คล้ายลงสลักถาวรไม่มีวันเปิดออกอีก แต่ตอนนี้ประตูใหญ่ค่อยๆ เปิดออกแล้ว ขอเพียงรู้วิธีการที่ถูกต้อง ทุกปัญหาสามารถแก้ไขได้ ประตูใหญ่บานนี้มีกลไก ดังนั้นพวกเขาใช้ปลายนิ้วขยับกลไกเพียงแผ่วเบา ประตูใหญ่ก็เปิดออกแล้ว แสงสว่างค่อยๆ ฉีกม่านดำมืดเผยให้เห็นทุกสรรพสิ่งที่ซ่อนตัวอยู่ด้านใน

เมินโหยวผิงไม่ได้ซุกซ่อนตัวอยู่ด้านใน
เขานั่งหลับตาอย่างสง่าผ่าเผยบนเกาอี้ศิลาสีดำดุจนิล ด้านข้างมีดาบยาวสีดำอาวุธคู่มือที่เขาเคยใช้ ด้านหลังยังมีดวงแก้วสีเหลืองอร่ามที่หมุนวนอย่างไม่หยุดยั้ง    
นี่ก็คือ ‘ขั้วสุดท้าย’

‘นำร่างฉันลงมา’
นี่เป็นข้อความสั้นๆ ที่เมินโหยวผิงขีดเขียนทิ้งไว้บนพื้นเบื้องหน้า
อู๋เสียหันไปมองตานายอ้วน ไม่ต้องส่งสัญญาณใดๆ อีก พวกเขาก็พากันก้าวขึ้นไป ช่วยกันนำร่างสงบนิ่งของเมินโหยวผิงลงจากเก้าอี้ศิลา ค่อยๆ ประคับประคองวางร่างของเขาแผ่ราบลงกับพื้น ดวงแก้วสีเหลืองนั่นยังคงหมุนวนไม่หยุดยั้ง สายลมเย็นภายนอกก็พัดพาเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง ลมหายใจของนายอ้วนสูดเข้าออกอย่างถี่กระชั้น ของอู๋เสียก็เช่นกัน
แล้วของเมินโหยวผิงเล่า?
ไม่มี ไม่มีทั้งสิ้น ร่างทั้งร่างก็ไม่ได้เคลื่อนไหว

เมินโหยวผิงตายแล้ว!
“เขาตายแล้วจริง?” เป็นนายอ้วนเอ่ยปากถามขึ้นก่อน  
อู๋เสียถอนมือจากจมูกของเมินโหยวผิง เปลี่ยนไปคลำตามจุดชีพจรต่างๆ คล้ายไม่แน่ใจ เขาก้มลงใช้หูแนบหน้าอกของเมินโหยวผิง สดับฟังเสียงเต้นของหัวใจ ‘มาเถิด’ เขาคิด ทว่า “ไม่มี ไม่มีจริงๆ เมินโหยวผิงตายแล้วจริง”
สายน้ำใสสี่สายไหลเอ่อออกจากดวงตาสองคู่อย่างไม่หยุดยั้ง


................................................................


แก้ไขล่าสุดโดย ManudLoong เมื่อ Sat 08 Nov 2014, 20:33, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ManudLoong
ManudLoong
ด้วงฝึกหัด
ด้วงฝึกหัด

จำนวนข้อความ : 13
Points : 3465
Join date : 08/11/2014
Age : 38

ขึ้นไปข้างบน Go down

[Fic] ยุติปริศนาพันปี (สปอยล์ ล.10) Empty Re: [Fic] ยุติปริศนาพันปี (สปอยล์ ล.10)

ตั้งหัวข้อ by ManudLoong Sat 08 Nov 2014, 20:32

๓. เมินโหยวผิงตายแล้ว !?

คนผู้หนึ่งสืบเท้ามั่นคงผ่านประตูเข้ามา นายอ้วนความรู้สึกฉับไวหันไปมอง เป็นนักพรต! นักพรตชราที่มีรูปร่างลักษณะแปลกพิสดารชนิดที่พวกเขาไม่เคยพบเห็นมาก่อน นับจากยุคปฏิวัติวัฒนธรรมก็ไม่มีอาชีพนักพรตหลงเหลืออยู่อีกแล้ว

นายอ้วนคิดอยากหัวร่อ ในใจอยากทักออกไปว่า ‘ท่านหลุดมาจากนิยายกำลังภายในของปู่กิมย้งหรือ?’ แต่เวลานี้เขาหัวเราะไม่ออก แม้แต่เอ่ยปากสักคำยังยากเย็น
อู๋เสียยังคงก้มหน้าร่ำไห้มิได้สนใจกับการมาของนักพรตผู้นี้
นักพรตเองก็มิได้สนใจเขา สายตาเพียงจับจ้องไปยังร่างแน่นิ่งของเมินโหยวผิง พลางกล่าว “ส่วนที่ถึงที่ตายก็ตาย ส่วนที่ยังก็ยัง”  
จางฉี่หลิงถึงที่ตาย! ถึงที่ตายแล้วจริงๆ
แต่เมินโหยวผิงกลับยัง

เวลาคล้ายผ่านไปไม่นาน แต่ตอนนี้เมินโหยวผิงลุกขึ้นนั่งแล้ว นายอ้วนปลดกระติกน้ำยื่นให้เขาดื่ม เมื่อน้ำหยดแรกสัมผัสลิ้นที่แหกผาก ดวงตาของเขาพลันมีประกายชีวิตอันสุกใสขึ้นมา เขาฟื้นคืนชีพแล้วจริงๆ เป็นนักพรตท่านนี้ที่ช่วยชีวิตเขา นำยาชนิดหนึ่งยัดใส่ปากเขา แล้วเขาก็ค่อยๆ ฟื้นตื่นขึ้นมา

อู๋เสียเปลี่ยนสายตามาจับจ้องอยู่ที่นักพรตเนิ่นนานแล้ว คนผู้นี้ประหลาดจริงๆ ร่างกายผ่ายผอม เสื้อผ้าเก่าขาด เบื้องหลังยังพกพาป้ายผ้าสีขาวผืนหนึ่ง ‘เสี่ยงทายดูดวงชะตา รักษาโรคพิสดารทั้งปวง’

เป็นเมินโหยวผิงที่เอ่ยปากขึ้นก่อน “ท่านหยุนคง ในที่สุดท่านก็มา”
คำถามนี้แสดงว่าเมินโหยวผิงต้องรู้จักกับคนที่แต่งกายเป็นนักพรตแปลกหน้าผู้นี้
“ข้าย่อมมาแน่นอน”
“ท่านหายตัวไปสิบปี ห้วงเวลานี้ท่านไปที่ใด”
“ไปเยี่ยมฉื้อเฉิงจื่อในเมืองลับแล (อ่านเรื่องของฉื้อเฉิงจื่อได้ในหยุนคงนักพรตล่าวิญญาณ) มีเพียงสถานที่นั้น ข้าจึงหลุดพ้นอำนาจของ ‘ขั้วสุดท้าย’ พักอาศัยสนทนากับสหายเพียงสองเดือน เวลาที่นี่ก็ผ่านไป 10 ปีแล้ว ดังนั้นข้ารีบกลับมา”
เมินโหยวผิงถามต่อด้วยความสงสัย “ท่านใช่หาวิธียุติขั้วสุดท้ายได้แล้วหรือไม่”
นักพรตที่ชื่อหยุนคงเผยรอยยิ้มอย่างมีเมตตา “ข้ารู้วิธีแล้ว” เขาคล้ายเหนื่อยหน่ายไม่อยากพูดมากความ ดังนั้นพอพูดจบก็ถอยกายหามุมสงบนั่งลงพักผ่อน

เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างสงบลง อู๋เสียได้โอกาสจึงเอ่ยปากถามเมินโหยวผิง
“นี่ทุกอย่างจบสิ้นแล้วใช่ไหม”
นายอ้วนพลันเสริม “ใช่สิ นี่ก็ครบ 10 ปีตามที่นายบอก ทุกสิ่งทุกอย่างเมื่อจบสวยอย่างนี้ ฉันจะได้กลับบ้านไปนอนกินลมชมแดดอย่างสบายใจได้เสียที” พูดจบเขาก็หัวเราะ คราวนี้เขาหัวเราะจริงๆ หลังจากเมื่อครู่หัวเราะไม่ออกมาพักใหญ่ เสียงหัวเราะไม่ทันจางหาย กลับเห็นเมินโหยวผิงพุ่งตัวออกไปแล้ว!

เมินโหยวผิงคว้าได้ดาบดำสนิทก็จู่โจมเข้าใส่นักพรตผู้ช่วยชีวิตของตนเองทันที ทุกผู้คนล้วนตกตะลึง!
นักพรตเล่า? ไม่แตกตื่นแม้แต่น้อย เขาหลับตาลง มิได้เคลื่อนกายหลบหนี ขณะที่ปลายดาบกำลังจ่อเข้าใส่หว่างคิ้วของนักพรตชรา อาวุธลับสายหนึ่งก็จู่โจมเข้าที่ใบหน้าของเมินโหยวผิงจนเขาต้องรั้งสภาวะดาบกลับคืนเพื่อปิดป้องใบหน้าตนเอง นี่เป็นการลอบโจมตีด้วยอาวุธลับที่เล็กยิ่ง เล็กจนมองแทบไม่เห็น แต่พอมันสัมผัสกับตัวดาบ อาวุธลับนั้นก็กระเด็นสะท้อนแสงขึ้นวาบหนึ่ง เป็นเข็ม 1 เล่ม เข็มที่เล็กละเอียดร้อยไว้ด้วยเส้นดายที่วาววับดุจเส้นไหมสีเงิน

หงเยี่ย!


................................................................
ManudLoong
ManudLoong
ด้วงฝึกหัด
ด้วงฝึกหัด

จำนวนข้อความ : 13
Points : 3465
Join date : 08/11/2014
Age : 38

ขึ้นไปข้างบน Go down

[Fic] ยุติปริศนาพันปี (สปอยล์ ล.10) Empty Re: [Fic] ยุติปริศนาพันปี (สปอยล์ ล.10)

ตั้งหัวข้อ by ManudLoong Sat 08 Nov 2014, 20:37

๔. จางฉี่หลิงเป็นเมินโหยวผิง


ดาบในมือของเมินโหยวผิงสะท้านอย่างรุนแรง
เขารู้สึกแปลกใจ ดาบเล่มนี้เชื่องมือเขามาตลอด เหตุใดครั้งนี้เขากลับรู้สึกว่ามันหนักอึ้ง ยากแก่การกุมจับให้อยู่มือ

ที่แท้บัดนี้เขาไม่ใช่จางฉี่หลิงรุ่นที่ 17 อีกต่อไป เขากลายเป็นนายเมินโหยวผิง คนธรรมดาเต็มตัวแล้ว นักพรตพูดไว้ไม่ผิด ‘ส่วนที่ถึงที่ตายก็ตาย ส่วนที่ยังก็ยัง’ นี่ย่อมหมายความว่าภาระของเขาจบสิ้นลงแล้ว ถนนชีวิตที่ผ่านมาแม้ยืดยาวคล้ายถลำลึกไปไกล ไหนเลยคิดได้ว่าวันหนึ่งยังมีที่ยุติ

‘ส่วนที่ถึงที่ตายก็ตาย ส่วนที่ยังก็ยัง’
เมินโหยวผิงเองก็ระลึกถึงความจริงข้อนี้ ดังนั้นเขาฉวยดาบคู่มือหมายทำร้ายนักพรตหยุนคง
ไม่สิ ที่เขาปรารถนาทำร้ายไม่ใช่หยุนคง แต่เป็นวิญญาณชั่วร้ายที่อยู่ในร่างนักพรตหยุนคงต่างหาก
‘เป็นวิญญาณชั่วร้ายที่ชื่อว่า ‘ซือโหยว’ อันสมควรตาย นักพรตหยุนคงต่างหากที่สมควรมีชีวิตรอด’  

“ท่านทำเช่นนั้นมิได้” ดรุณีอาภรณ์แดงส่งเสียงตวาดว่าเมินโหยวผิงด้วยสีหน้าขุ่นเคือง
เมินโหยวผิงหลุดจากภวังค์ เหลียวมองดูนาง เห็นนางเป็นเด็กหญิงวัย 7-8 ขวบ ที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อน จึงงุนงงยิ่ง แต่นางมีฝีมือซัดอาวุธลับสูงส่ง ย่อมต้องมีความเป็นมาไม่ธรรมดา ดังนั้นไม่ถามไถ่ยืดเยื้อ เอ่ยตอบตรงประเด็น “ท่านหยุนคงคิดตกตายไปกับวิญญาณชั่วร้าย ฉันไม่อาจนิ่งดูดาย อย่างไรต้องทดลองดู”
“ทำเช่นนั้นสุ่มเสี่ยงเกินไป ข้าไม่ยินยอมเด็ดขาด” สายตานางแข็งกร้าว ชวนให้อู๋เสีย นายอ้วน แม้แต่นายเมินก็หวาดหวั่นเข็มในมือนางยิ่ง
เมินโหยวผิงถามนาง “อย่างนี้ท่านต้องการให้นักพรตตกตายไปพร้อมกับวิญญาณร้าย?”
“แบบนั้นข้าก็ไม่ยินยอมเด็ดขาด”
“หรือท่านมีวิธีแก้ไขอย่างอื่น?”
“ไม่มี” คำ ‘ไม่มี’ พอหลุดจากปาก น้ำตาของนางก็รินไหลแล้ว

อู๋เสียกับนายอ้วนถึงเวลานี้เป็นเพียงผู้สังเกตการณ์เท่านั้น พวกเขาล้วนมองไปทางนักพรตชราที่นั่งอยู่อย่างเงียบงัน คล้ายไม่ได้ร่วมอยู่ในเหตุการณ์ คล้ายหลุดพ้นไปจากโลก บัดนี้จึงค่อยลืมตาขึ้น กล่าว
“หงเยี่ย ท่านมานี่”
น้ำเสียงนักพรตอ่อนโยนยิ่ง คล้ายมีมนต์สะกดงมงาย เด็กหญิงที่ดื้อรั้นพลันสงบลงแล้ว นางเคลื่อนกายเข้าไปใกล้
นักพรตชรายื่นมือออกมาลูบคลำศีรษะของนาง ปากพึมพำ “นานแล้วๆ เราไม่ได้พบเจอกันเนิ่นนานจริงๆ”
หงเยี่ยก็พูดไม่ออก นางมีเพียงน้ำตาเจิ่งนองสองแก้ม
“พวกศิษย์พี่ของเจ้าไปที่ใดแล้ว” นักพรตหันเหเรื่อง
หงเยี่ยถดถอยกายไปครึ่งก้าว นั่งลงแล้วเอ่ยตอบ “หลังจากท่านอาจารย์อู๋เซิงออกจากเกาะเซียนมุ่งหน้าสู่เขาฉางไป๋ ได้นำพาศิษย์ทั้งห้าติดตามไปด้วย แต่ที่เชิงเขาฉางไป๋ขณะทำพิธีสำคัญ ข้าได้หลบหนีอาจารย์ออกมา ข้าไม่อาจร่วมทางไปกับพวกเขา” พูดถึงตอนนี้นางร่ำไห้ออกมาอีก
“เด็กน้อย เจ้าดื้อดึงนัก ถึงกับไม่เชื่อฟังอาจารย์เสียแล้ว บอกข้าได้หรือไม่ เจ้าหลบหนีไปที่ใด”
“ไปกับท่าน ไปเฝ้ารอท่าน!”

ประโยคนี้พอกล่าวออกจากปากดรุณีวัย 7-8 ขวบ อู๋เสียและนายอ้วนก็ตะลึงงันแล้ว
เมินโหยวผิงแม้รักษาความนิ่งสงบตลอดเวลาก็เริ่มขมวดคิ้วสนใจขึ้นมา  
นักพรตชรากลับกล่าวตอบเสียงนุ่มนวล “ข้าเข้าใจ”


................................................................
ManudLoong
ManudLoong
ด้วงฝึกหัด
ด้วงฝึกหัด

จำนวนข้อความ : 13
Points : 3465
Join date : 08/11/2014
Age : 38

ขึ้นไปข้างบน Go down

[Fic] ยุติปริศนาพันปี (สปอยล์ ล.10) Empty Re: [Fic] ยุติปริศนาพันปี (สปอยล์ ล.10)

ตั้งหัวข้อ by ManudLoong Sat 08 Nov 2014, 20:41

๕. ความทรงจำของหงเยี่ย

‘หงเยี่ย หงเยี่ย’
เสียงนี้เป็นเสียงเรียกที่ศิษย์พี่ไป๋ผูใช้เรียกหานาง
แต่ไหนแต่ไรนางเชื่อฟังศิษย์พี่ไป๋ผูเสมอมา นางฝึกฝนตนบนวิถีเซียนมาไม่รู้กี่ร้อยปีแล้ว รูปกายคงสภาพเยาว์วัย ไม่แก่ไม่เฒ่า นอกจากศิษย์พี่ไป๋ผูแล้วในโลกนี้นางล้วนไม่เชื่อฟังใคร ทั้งนี้เพราะไม่เคยมีใครดีต่อนางเท่าศิษย์พี่ไป๋ผู

‘หงเยี่ย หงเยี่ย’
เสียงนี้ศิษย์พี่ไป๋ผูใช้เรียกนางไปทานอาหาร
นางแม้มีอายุหลายร้อยปี แต่ยังคงความเป็นเด็กซุกซน มักชื่นชอบวิ่งเล่นในสวนดอกไม้ไม่รู้เวลาหยุดพัก ศิษย์พี่ไป๋ผูมักต้องออกมาติดตามนางกลับไปทานข้าวอยู่เสมอ

‘หงเยี่ย หงเยี่ย’
เสียงนี้ศิษย์พี่ไป๋ผูใช้ตักเตือนนาง
เพราะนางอย่างไรยังเป็นเด็กดื้อรั้นในสายตาศิษย์พี่อยู่เสมอ ดังนั้นเขามักกล่าวดุนาง แกล้งตำหนินางด้วยเสียงเข้ม บางครั้งข่มครูจนนางขวัญฝ่อ ไม่กล้าร่วมโต๊ะกินข้าวแล้ว

‘หงเยี่ย หงเยี่ย’
เสียงนี้ศิษย์พี่ไป๋ผูใช้เรียกหานาง ครานี้นางจากไปเนิ่นนานหลายปีแล้ว ไฉนไม่กลับมาพบหน้าศิษย์พี่ไป๋ผู?

ห้องว่างเปล่า สวนดอกไม้ก็ว่างเปล่า หงเยี่ย หงเยี่ย เจ้าไปที่ใดแล้ว?


ครั้งหนึ่งหงเยี่ยหนีออกจากเกาะเซียน มาติดตามนักพรตหยุนคงออกท่องทั่วแผ่นดินเป็นเวลา 5 ปีเต็ม
นางใช้เข็มอาวุธลับช่วยเหลือหยุนคงรอดพ้นจากภยันตรายเสมอมา บนเกาะเซียนศิษย์พี่ไป๋ผูดีกับนาง นางก็เป็นเหมือนไข่ในหินที่ได้รับการดูแลเป็นพิเศษ นานวันเข้านางพาลรู้สึกด้อยค่า แต่ ณ ที่นี้นางติดตามหยุนคง ช่วยเหลือหยุนคงผ่านพ้นอุปสรรคนางกลับรู้สึกถึงคุณค่าในตนเอง มีชีวิตที่น่าภาคภูมิใจยิ่ง แต่แล้วจู่ๆ ศิษย์พี่ไป๋ผูพลันปรากฏกายขึ้นในราตรีหนึ่ง

“หงเยี่ย หงเยี่ย เจ้ากลับเกาะเซียนกับข้าเถอะ”
นางก็ยินยอม ครั้งนั้นแทบมิได้กล่าวคำอำลากับนักพรตหยุนคง

ตอนที่หยุนคงลืมตาตื่นก็เช้าแล้ว บนโต๊ะมีเส้นน้ำใสๆ สายหนึ่งเป็นรูปตัวอักษรที่ใกล้ระเหยเลอะเลือนเต็มที นั่นคือคำอำลา

‘หงเยี่ย หงเยี่ย’
เสียงนี้ก็เป็นเสียงที่หยุนคงใช้เรียกหานาง แต่นางจากไปไกลแล้ว ห้าปีที่ผันผ่านล้วนมีนางเฝ้าติดตามอยู่ชิดใกล้ หนึ่งนักพรตชรา หนึ่งเด็กน้อยอาภรณ์แดง ปากแม้มิได้เอ่ยวาจามากสักเท่าใด แต่ความรู้สึกผูกพันก็เกิดขึ้นไม่อาจฝืน นางเมื่อไปแล้ว หยุนคงก็ออกเดินทางท่องไปในดินแดนทะเลใต้ ครานี้เขาต้องเดินทางเพียงลำพังจนละสังขาร

‘ข้าเฝ้าติดตามท่านไปทุกหนแห่ง’
หลังจากหงเยี่ยหนีจากอู๋เซิง ออกจากเขาฉางไป๋ก็มุ่งหน้ากลับเกาะเซียน นำสังขารของหยุนคงมาบรรจุไว้ในโลงแก้ว หลังจากนั้นย้อนกลับไปเฝ้าดูชีวิตของอาจารย์และบรรดาศิษย์พี่ พอกลับมาเกาะเซียนอีกที ศพของหยุนคงก็หายไปแล้ว นี่เป็นเรื่องราวใดกันแน่?

ดังนั้นนางออกตามหา ทั่วทุกสารทิศ จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี สิบปี ร้อยปี หลายร้อยปี นางพลันพบว่าโลกเปลี่ยนไปแล้ว ผู้คนเพิ่มขึ้น โลกก็วุ่นวายยุ่งเหยิงยิ่ง เกาะเซียนถูกถากถางทำลายแล้ว มีระบบระเบียบราชการ นางไม่สามารถท่องเที่ยวอย่างอิสระเพื่อตามหาหยุนคงได้อีก โชคดีที่นางเดินทางหลายร้อยปี ครั้งหนึ่งเสาะพบประตูเข้าเมืองลับแลที่หยุนคงเคยเล่าให้นางฟัง ดังนั้นนางเข้าไป เงียบหายไปเนิ่นนาน

นิทราหนึ่งพระจันทร์เต็มดวงขาวนวลยิ่ง ญาณเซียนบันดาลให้นางฝันประหลาด ฝันเห็นหยุนคงฟื้นคืนชีพอีกครา ดังนั้นคิดกลับออกมา ระหว่างทางพานพบฉื้อเฉิงจื่อสหายของหยุนคงที่มีครอบครัวอยู่ในเมืองลับแล พลันทราบ ‘หยุนคงฟื้นคืนชีพแล้วจริงๆ’ แต่หยุนคงก็จากไปแล้ว ดังนั้นนางเร่งรุดติดตามมาจนถึงประตูใหญ่บนเขาฉางไป๋ เพียงแวบแรกที่เห็นโฉมหน้าของหยุนคง ก็มีดาบดำดาบหนึ่งเจียนแตะถึงหว่างคิ้วของเขาแล้ว

หงเยี่ยเข้าใจ นี่คือสิ่งที่นางยินดีทำตลอดมา เข็มถูกซัดออกไปแล้ว หยุนคงรอดชีวิตจริงๆ เข็มของนางยังคงสามารถใช้ออกเพื่อรักษาชีวิตของหยุนคงไว้


เส้นสายของความทรงจำสิ้นสุดตรงนี้ ตรงที่เข็มด้ายเส้นหนึ่งถูกซัดออกจากมือ
นางเห็นสายสีขาวที่เชื่อมร้อยความผูกพันของนางยืดยาวออกไปเพื่อปกป้องคนที่นางเคารพศรัทธา ความท้อแท้รันทดหลายร้อยปีล้วนดับสลาย นางเองก็เชื่อ 'ข้าพเจ้ามีชีวิตที่น่าภาคภูมิจริงๆ'


................................................................
ManudLoong
ManudLoong
ด้วงฝึกหัด
ด้วงฝึกหัด

จำนวนข้อความ : 13
Points : 3465
Join date : 08/11/2014
Age : 38

ขึ้นไปข้างบน Go down

[Fic] ยุติปริศนาพันปี (สปอยล์ ล.10) Empty Re: [Fic] ยุติปริศนาพันปี (สปอยล์ ล.10)

ตั้งหัวข้อ by ManudLoong Sat 08 Nov 2014, 20:46

๖. ยุติไม่หวนคืน

“ท่านนักพรตคิดยินยอมตาย?” เมินโหย่วผิงถามขึ้นอีกครั้ง

อันที่จริงเขาเองก็ยอมรับจุดจบที่เศร้าสลดเช่นนี้อยู่บ้าง แต่หน้าที่ของเขาเสมอมาคือการพิทักษ์ร่างสังขารของนักพรต ไม่ให้ถูกพวกโจรขุดไปใช้สร้างความปั่นป่วนวุ่นวาย เมื่อเห็นนักพรตคิดทำลายสังขารตัวเอง ก็อดรู้สึกบกพร่องในหน้าที่มิได้

“ข้าตายไปเนิ่นนานแล้ว นี่เป็นพวกท่านก่อความวุ่นวาย ลงดินขุดสุสานควานหาสังขารของข้าไม่หยุดหย่อน จนทำให้ข้ามีชีวิตกลับคืนมาอีก คราวนี้สมควรตายจริงๆ เสียที หากสังขารนี้สลายไปพร้อมกับ ‘ขั้วสุดท้าย’ ก็ไม่ต้องกลัวผู้ใดขุดขึ้นมาอีกแล้ว วิญญาณชั่วร้ายของซือโหยวในร่างข้าก็ไม่อาจคืนกลับมาสร้างความวุ่นวายได้อีก ทุกอย่างต้องมีวันยุติ กับร่างสังขารเก่าแก่นี้ก็สมควรแก่เวลาแล้ว”

ทั้งห้องเงียบงันไปพักใหญ่ หยุนคงค่อยพยุงร่างลุกขึ้น เดินตรงเข้าไปหาขั้วสุดท้าย หงเยี่ยสืบเท้าเดินติดตามไป
เมินโหยวผิง กระตุ้นเตือนอู๋เสีย และนายอ้วนพากันออกมาด้านนอก ภาพสุดท้ายก่อนประตูใหญ่ปิดสนิทลง คือภาพประกายสีเหลืองของขั้วสุดท้ายลุกโชนลามเลียไปทั่วทั้งห้อง ร่างของนักพรตและหงเยี่ยบัดนี้ก็สลายไปสิ้นแล้ว


................................................................
ManudLoong
ManudLoong
ด้วงฝึกหัด
ด้วงฝึกหัด

จำนวนข้อความ : 13
Points : 3465
Join date : 08/11/2014
Age : 38

ขึ้นไปข้างบน Go down

[Fic] ยุติปริศนาพันปี (สปอยล์ ล.10) Empty Re: [Fic] ยุติปริศนาพันปี (สปอยล์ ล.10)

ตั้งหัวข้อ by ManudLoong Sat 08 Nov 2014, 20:52

๗. ปริศนากระจ่างสิ้น I : กำเนิดขั้วสุดท้าย


อู๋เสียและนายอ้วนล้วนมึนงงกับเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านพ้นไปตรงหน้า
นายอ้วนเร่งเร้าให้เมินโหยวผิงรีบบอกเล่าออกมา ดังนั้นเมินโหยวผิงหย่อนกายลงบนหินก้อนใหญ่
เคลื่อนไหวกายคล้ายบิดขี้เกียจสองครา เริ่มเล่าออกมาแล้ว...

ภายหลังเมินโหยวผิงบันทึกเรื่องราวไว้โดยละเอียด สรุปได้ดังนี้

เรื่องนี้สมควรเริ่มกล่าวจาก อู๋เซิง
อู๋เซิงเป็นหนึ่งในสี่ยอดพิสดาร (อ่านเรื่องจริงของเขาได้ในหยุนคงนักพรตล่าวิญญาณ) ได้ชื่อว่าเป็นพิสดารตะวันออก ช่างน่าเวทนา เขากลับเป็นผู้หนึ่งที่แสวงหาความตาย เขาบำเพ็ญตนจนมีวาสนาได้ลิ้มรสชาติความเป็นเซียน มีชีวิตเป็นอมตะ แต่แล้วเวลาผ่านไปร้อยพันปีกลับค้นพบ ‘ชีวิตอมตะทุกข์ทรมานยิ่ง’ เขาเฝ้ามองความเปลี่ยนแปลงรอบกาย ชมดูดวงวิญญาณของญาติมิตรดับสูญไปทีละคน ทีละรุ่น บ้านเมืองเปลี่ยนแปรไปทีละราชวงศ์ ต้นไม้ใบไม้ยังล้วนผันเปลี่ยนในทุกห้วงขณะจิต มีเพียงเขาที่ยังคงสภาวะเดิม เฝ้ามองสรรพสิ่งรอบกายโรยราด้วยสายตาอาวรณ์ ยิ่งทบทวนหวนคิดยิ่งพาให้จิตใจเศร้าหมอง

“จำไว้ให้ดีว่า อะไรคือชีวิตอมตะ คือไม่ชรา ไม่ตายชั่วนิรันดร์ ไม่บาดเจ็บ ไม่เน่าเปื่อย ไม่สูญสลาย... กระทั่งถึงท้ายสุดแห่งกาลเวลา ท่านจะยังคงอยู่ แม้นขุนเขาสายน้ำแมกไม้รานสลาย แผ่นดินกลับกลายเป็นท้องนา ท้องนากลับกลายเป็นทะเล… ท่านก็ยังคงเป็นท่าน”

แท้ที่จริงชีวิตอมตะ เป็นพรหรือคำสาปแช่งจากพระกาลกันแน่

ดังนั้นอู่เซิงเริ่มต้นแสวงหาความตาย เขาไม่อาจทนทานแล้ว วันหนึ่งก็เหาะเหินหลบลี้ไปยังเกาะร้าง ทุ่มเทเวลาศึกษาทดลอง อันใดเรียกว่า “ความเป็น” อันใดเรียกว่า “ความตาย” โดยเริ่มศึกษาจากชาวท้องถิ่นที่อยู่บนเกาะ บางคราทดลองผิดทางกลับได้ผลลัพธ์เป็นมนุษย์ปีก บางคราทดลองประสบผล ก็นับเป็นความคืบหน้าคราหนึ่ง เมื่อมีความคืบหน้าหลายครั้งครา ก็เริ่มใช้ทดลองกับชาวภาคกลางบ้างแล้ว หวงฉงเอย ต้วนจงเอย ล้วนเป็นหนูทดลองของอู๋เซิงทั้งสิ้น  

ในที่สุดเขาค้นคว้าจนพบว่า ร่างของ ซือโหยว (มนุษย์เผ่าพันธุ์พิเศษมีอิทธิฤทธิ์ในสมัยดึกดำบรรพ์) มีสรรพคุณพิสดาร เมื่อนำมาผนึกรวมกับ ‘ขั้วสุดท้าย’ จะสามารถดูดซับพลังเซียนออกจากตัวของเขา ทั้งนี้เพราะ ‘ขั้วสุดท้าย’ เป็นสนามพลังงานที่ดูดซับพลังอภิมนุษย์ ในอดีตมีมนุษย์เผ่าพันธุ์ซือโหยวที่มีอิทธิฤทธิ์มากมายถึง 4700 ตน ดังนั้นบ้านเมืองของมนุษย์ปั่นป่วนระส่ำระสาย กษัตริย์หวงรับพระบัญชาจากเจ้าแม่ซีหวังหมู่ให้ปราบปรามยุคเข็ญ ในที่สุดกษัตริย์หวงรบชนะพวกซือโหยว เสียสละพลังเทพของตนเองม้วนห่อวิญญาณซือโหยวเป็นขุมพลังก้อนหนึ่ง เรียกว่า ‘ขั้วสุดท้าย’ ปิดผนึกแน่นหนาไว้ที่ภูเขาฉางไป๋ รอเวลา 4700 ปีให้หลังมันย่อมสูญสิ้นพลังไปเอง เพราะการคงอยู่ของมันต้องการพลังงานเป็นตัวหล่อเลี้ยง หากไร้ซึ่งพลังงานเพิ่มเติม ‘ขั้วสุดท้าย’ ก็จะค่อยๆ สลายตัวเป็นก้อนศิลาเปล่าประโยชน์ นึกไม่ถึงมีซือโหยวผู้หนึ่งเล็ดรอดไปได้ โดยฝังวิญญาณร่อแร่เจียนแตกสลายไว้ในร่างมนุษย์ หากวันใดมันสามารถกลับไปรวมกับ ‘ขั้วสุดท้าย’ ก็จะเกิดเป็นทาง 3 แพร่ง คือ

1. กรณีเป็น ‘ศพ’ ไปรวมกับ ‘ขั้วสุดท้าย’ จะเกิดพลังพิสดาร ผู้ที่นำศพไปคือผู้ที่สามารถฉวยใช้พลังพิสดารนั้น

2. กรณีมีชีวิตเป็น ‘หยุนคง’ ไปรวมกับ ‘ขั้วสุดท้าย’ ตัวหยุนคงเองคือผู้ที่สามารถใช้พลังนั้นตามใจต้องการ

3. กรณีมีชีวิตเป็น ‘ซือโหยว’ กล่าวคือวิญญาณซือโหยวสามารถถอดเปลือกหยุนคงออก (วิธีถอดเปลือก ดูได้จากหนังสือหยุนคงนักพรตล่าวิญญาณ เล่ม 6) เมื่อไปรวมกับ ‘ขั้วสุดท้าย’ จะทำให้กลับคืนเป็นซือโหยวที่มีพลังเต็มเปี่ยม เหมือนสมัยดึกดำบรรพ์    

อู๋เซิงศึกษาคัมภีร์โบราณจนกระจ่าง ค้นพบความจริงข้อนี้ ดังนั้นหวังใช้ประโยชน์จากของ 2 สิ่งคือ ‘สังขารของหยุนคง’ และ ‘ขั้วสุดท้าย’ ตามข้อ 1 เพื่อปลดปล่อยพลังเซียนออกจากตัว

อู๋เซิงทราบดี ‘ขั้วสุดท้าย’ สถิตอยู่ ณ ยอดภูสูงของเขาฉางไป๋ แล้วซือโหยวเล่าอยู่แห่งหนใด
ญาณเซียนของอู๋เซิงย่อมหยั่งรู้ได้ บัดนี้ซือโหยวถือกำเนิดในร่างใหม่ ร่างของเด็กน้อยผู้อาภัพต้องสูญเสียบิดามารดาในกองเพลิง เป็นนักพรตพ่อหลู่ที่ยื่นมือเก็บชีวิตของเด็กน้อยขึ้นจากกองขี้เถ้า และมอบนามพรตให้แก่เด็กน้อยนี้ว่า ‘หยุนคง’
 

ดังนั้นหยุนคงผู้มีวิญญาณซือโหยวฝังอยู่ในร่าง ก็ไม่อาจใช้ชีวิตอย่างคนสามัญแล้ว
ขณะมีชีวิตไม่อาจบำเพ็ญพรตอย่างสุขสงบ แม้ตายเป็นศพก็ยังต้องถูกไล่ล่าขุดเอาสังขาร  


(ป.ล. การผจญภัยของหยุนคง มีผู้บันทึกไว้อย่างละเอียด เนิ่นนานให้หลังจึงถูกนำออกเผยแพร่ในชื่อ ‘หยุนคง นักพรตล่าวิญญาณ’)


................................................................


แก้ไขล่าสุดโดย ManudLoong เมื่อ Sat 08 Nov 2014, 21:35, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ManudLoong
ManudLoong
ด้วงฝึกหัด
ด้วงฝึกหัด

จำนวนข้อความ : 13
Points : 3465
Join date : 08/11/2014
Age : 38

ขึ้นไปข้างบน Go down

[Fic] ยุติปริศนาพันปี (สปอยล์ ล.10) Empty Re: [Fic] ยุติปริศนาพันปี (สปอยล์ ล.10)

ตั้งหัวข้อ by ManudLoong Sat 08 Nov 2014, 20:59

๘. ปริศนากระจ่างสิ้น II : ผู้เฝ้าสุสานแซ่จาง โจรขุดสุสานแซ่อู๋ และ ‘มัน’ ผู้ลึกลับ


ด้วยเหตุนี้ โจรขโมยศพคนแรกก็คือ ‘อู๋เซิง’ หนึ่งในสี่ยอดพิสดาร

หลังจากที่หยุนคงละสังขารสุดท้ายในยุคซ่งใต้ แม้ก่อนหน้านั้นหยุนคงจะลงเรือออกท่องไปไกลถึงดินแดนเอเชียอาคเนย์ ร่างของเขายังคงถูกอู๋เซิงลักขโมยกลับมายังเกาะเซียนอีกครั้ง เพื่อนำไปประกอบพิธียังภูเขาฉางไป๋ เฉิงยั่วลูกศิษย์คนเดียวของหยุนคงได้รอนแรมทางเรือติดตามมาถึงดินแดนภาคกลาง ชักนำฉื้อเฉิงจื่อสหายของหยุนคง และนักพรตอู่เว่ยอีกหนึ่งยอดพิสดาร บุกขึ้นเกาะเซียน เพื่อช่วงชิงสังขารของหยุนคงกลับคืน

เฉิงยั่วแม้พบศพหยุนคง แต่ก็มาช้าไปก้าวหนึ่ง
โลงกระจกที่บรรจุร่างไร้วิญญาณของหยุนคงตั้งโดดเด่น มันถูกคนใช้ประโยชน์ไปครั้งหนึ่งแล้ว
เพลานั้นเกาะเซียนแทบกลายเป็นเกาะร้าง มีเพียงมนุษย์ปีกแก่ชราไม่กี่ตนโบยบินอย่างหงอยเหงา
มนุษย์ปีกตนหนึ่งถลาลงเบื้องหน้าเฉิงยั่ว “สถานที่นี้ผู้คนล้วนจากไปหมดสิ้น ท่านมาหาผู้ใด”
“อู๋เซิง”    
“ไปแล้ว จากไปพักใหญ่แล้ว”
“ไปในที่ใด”
“โลกมนุษย์!”

มนุษย์ปีกผู้ชรากล่าวต่อ “นับแต่ได้ร่างของหยุนคงมา ท่านอู๋เซิงก็สามารถผนึกรวมพลังกับขั้วสุดท้าย จนสามารถคืนร่างกลับเป็นมนุษย์ ตอนนี้ท่านจากไปแล้ว กลับไปใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดาสามัญ”

ที่แท้พิธีสำคัญที่อู๋เซิงและศิษย์ทั้งห้ากระทำที่ภูเขาฉางไป๋ก็คือพิธีปลดปล่อยพลังเซียน หงเยี่ยเป็นศิษย์คนเล็กดังนั้นนางจัดอยู่ในลำดับสุดท้าย นางพอเห็นอาจารย์และศิษย์พี่ค่อยๆ สูญเสียพลังเซียนกลับคืนสภาพเป็นคนพลันบังเกิดความรู้สึกอาลัยอาวรณ์ต่อสภาพวัยเยาว์ของตนเอง ไม่อาจตัดใจกลับเป็นมนุษย์ได้ ดังนั้นฉุดฉวยร่างหยุนคงวิ่งเตลิดลงจากภูเขา อาจารย์และศิษย์ที่คืนร่างเป็นมนุษย์สามัญแล้วจะสามารถขัดขวางกระไรได้  

ศพของหยุนคงที่ทอดร่างแน่นิ่งอยู่ในโลงกระจกนี้ก็เป็นหงเยี่ยนำพากลับมา บัดนี้นางนึกห่วงกังวลต่ออาจารย์และศิษย์พี่ไป๋ผู ดังนั้นออกจากเกาะไปติดตามดูให้หายกังวลสักครา นางไม่ได้คาดคิด เมื่อกลับมายังเกาะเซียน ร่างของหยุนคงก็หายไปแล้ว นางเองแม้ออกตามหาไปไกลสุดหล้า ก็ไม่อาจพบเจออีกเลย

นักพรตอู่เว่ยที่ติดตามมาด้วยพอทราบความเป็นมาของ ‘ศพหยุนคง’ และ ‘ขั้วสุดท้าย’ ก็แนะนำวิธีการให้เฉิงยั่วจัดการต่อไป
ศพของหยุนคงไม่อาจถูกทำลาย เพราะวิญญาณซือโหยวที่แฝงตัวอยู่จะเล็ดรอดไปได้ ดังนั้นให้เฉิงยั่วลงทุนอย่างใหญ่หลวง นำพาร่างหยุนคงไปไกลถึงแดนเสฉวน ฝังร่างไว้ในสถานที่อันลี้ลับกันดาร ซ้ำยังจำลองสุสานปลอม ปั้นแต่งข้อมูลลวงขึ้นมาอีกหลายแห่ง

จากนั้นเฉิงยั่วก็ปลอมแปลงตนเอง เปลี่ยนชื่อแซ่เป็นแซ่จาง จางที่แปลว่า ‘มองดู’ เพื่อเตือนให้ลูกหลานตระหนักในหน้าที่ สืบทอดเชื้อสายผู้เฝ้าศพหยุนคงตลอดมา เฝ้ารอคอยครบ 4700 ปีเมื่อใด (เริ่มนับจากปีที่กษัตริย์หวงรบชนะพวกซือโหยว) ก็นำศพของหยุนคงไปยังเขาฉางไป๋ เมื่อนั้นเรื่องราวต่างๆ จึงพบทางยุติโดยสันติ ผู้ทำหน้าที่เฝ้าศพจึงต้องสืบทอดกันมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน และจะได้รับชื่อสมญา ‘จางฉี่หลิง’ เป็นบุคคลที่มีพลังพิเศษอยู่ในตัว สืบทอดรุ่นต่อรุ่นมาจากเฉิงยั่ว

จนภายหลังเวลาผ่านมาเกือบพันปี ลูกหลานกลุ่มใหญ่เริ่มย่อหย่อนในอุดมการณ์ ไม่คิดเป็นปู่โสมเฝ้าทรัพย์ แต่คิดอยากเป็นโจร
ดังนั้นแยกตัวออกมาสถาปนาตนเองเป็นโจรขุดสุสาน พ่อพระใหญ่จางก็คือผู้สืบทอดของฝ่ายที่แยกตัวออกมา

เหลือเพียงจางฉี่หลิงรุ่นที่ 17 ยังคงรักษาอุดมการณ์อย่างสัตย์ซื่อ ทำหน้าที่พิทักษ์สังขารของหยุนคงไม่ให้ถูกสกุลอู๋และพวกโจรสุสานพบเจอ จางฉี่หลิงมีความอดทน เพราะเขารู้เวลากระชั้นใกล้เข้ามาแล้ว อีกไม่นานจะครบ 4700 ปี นับจากปีที่กษัตริย์หวงผนึก ‘ขั้วสุดท้าย’ ไว้ที่เขาฉางไป๋ ทุกอย่างใกล้จะยุติ

เขาคล้ายหลับตามองเห็นจุดจบที่สวยงามของมันลางๆ แล้ว!


ความย้อนแย้งใหญ่หลวงจริงๆ
อู๋เซิงทำทุกวิถีทางให้ได้ร่างของหยุนคงเพื่อยุติชีวิตอมตะ ในที่สุดเขาทำสำเร็จแล้ว อู๋เซิงไม่ใช่เซียนอีกต่อไป เขาตบแต่งภรรยามีครอบครัวเล็กๆ อย่างมีความสุข จนบุตรหลานของอู๋เซิงเติบใหญ่ ตกตายไปอีกหลายรุ่น

ถึงรุ่นหนึ่งลูกหลานตระกูลอู๋รุ่นหลังกลับคิดสวนทาง อยากมีชีวิตเป็นอมตะเซียนอีกครา พวกเขาบางคราวถึงกับตัดพ้อต่อว่าบรรพบุรุษอย่างอู๋เซิง ‘ไฉนท่านละทิ้งชีวิตอมตะเสียเล่า ไฉนท่านกลับมาเป็นมนุษย์อีก’ พวกลูกหลานสกุลอู๋ล้วนไม่เข้าใจ นั่นเพราะพวกเขาไม่เคยรู้รสชาติที่แสนรวดร้าวของการมีชีวิตอมตะ

ดังนั้นตลอดเวลาหลายร้อยปีให้หลัง ลูกหลานสกุลอู๋ก่อกวนเภทภัยครั้งใหญ่แล้ว พวกเขากลายเป็นโจร ท่องตะลุยไปทุกสุสาน ทั้งหมดก็เพื่อตามล่าหาร่างสังขารของหยุนคง!

ขณะเดียวกัน ในช่วงวุ่นวายของยุคขุนศึกและสงครามกลางเมืองก็บังเกิด กลุ่มบุคคลลึกลับ ขึ้นมา เป็นองค์กรมายาที่ไม่ทราบตัวบุคคลแน่ชัด แต่จุดประสงค์ของพวก ‘มัน’ ชัดเจนยิ่ง พวกมันกระหายอำนาจ พวกมันไม่ได้ต้องการเป็นอมตะอย่างพวกเด็กๆ สกุลอู๋ สิ่งที่พวกมันต้องการแท้ที่จริงใหญ่โตจนน่าขนพองสยองเกล้า


พวกมันต้องการปลุกชีพซือโหยว!


................................................................


แก้ไขล่าสุดโดย ManudLoong เมื่อ Sat 08 Nov 2014, 21:51, ทั้งหมด 2 ครั้ง
ManudLoong
ManudLoong
ด้วงฝึกหัด
ด้วงฝึกหัด

จำนวนข้อความ : 13
Points : 3465
Join date : 08/11/2014
Age : 38

ขึ้นไปข้างบน Go down

[Fic] ยุติปริศนาพันปี (สปอยล์ ล.10) Empty Re: [Fic] ยุติปริศนาพันปี (สปอยล์ ล.10)

ตั้งหัวข้อ by ManudLoong Sat 08 Nov 2014, 21:09

๙. ปริศนากระจ่างสิ้น III : การเดิมพันของเมินโหยวผิง


ต่อมาพวกสกุลจางและสกุลอู๋ร่วมมือกัน
ฝ่ายหนึ่งต้องการทรัพย์ ฝ่ายหนึ่งต้องการร่างสังขารของหยุนคง แต่กำลังของสองสกุลยังไม่เพียงพอ ดังนั้นพ่อพระใหญ่จางผู้มากบารมีชักนำโจรอีกหลายกลุ่ม ก่อตั้งเป็นเครือข่าย 9 สกุลใหญ่แบบหลวมๆ ร่วมลงดินด้วยกัน ความเคลื่อนไหวใหญ่โตเช่นนี้ย่อมไม่รอดพ้นสายตาขององค์กรณ์ลึกลับ ดังนั้นพวก ‘มัน’ ก็แอบสอดมือเข้ามาด้วย

การลงสุสานครั้งใหญ่ของเก้าสกุลไม่ได้พบทรัพย์สมบัติแม้แต่น้อย แต่ยังโชคดีได้พบเอกสารสำคัญหลายชิ้น และพบร่างสังขารของหยุนคงจริงๆ พวกแปดสกุลไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง พวกเขาเพียงสนใจใคร่รู้ต่อร่างหลายร้อยปีไม่เน่าสลายที่ทอดกายแน่นิ่งในโลงกระจก พลันเมื่อเปิดโลงออกพลังงานของซือโหยวในร่างหยุนคงก็ปะทุโดยแรง จนบริวารของเก้าสกุลใหญ่ตกตายอย่างสยดสยอง

การขุดต้องล้มเลิกชั่วคราว อย่างน้อยต้องรอเวลาสักหลายปี ให้พลังสะสมของซือโหยวสลายตัวลงก่อน จึงสามารถเข้าไปนำร่างออกมาได้ แต่การสูญเสียครั้งนี้ก็ทำให้ตระกูลอื่นๆ เริ่มรามือ เพราะโจรพวกนี้เพียงต้องการทรัพย์ คิดคำนวณแค่เรื่องต้นทุน-กำไรเป็นหลัก การไปครั้งนี้นอกจากไม่ได้ทรัพย์ยังต้องสูญเสียชีวิตจนฐานรากหลายร้อยปีอ่อนแอลง การลงทุนที่มีเรื่องต้องสูญเสียมากขนาดนี้ มีแต่ทางขาดทุนอย่าได้หวังกำไร

พวกเขามีสัญชาติญาณว่องไวของโจร รู้ดีว่าทันทีที่ร่างของหยุนคงปรากฏขึ้น พวก ‘มือที่มองไม่เห็น’ ก็เริ่มเคลื่อนไหวจริงจังแล้ว ดังนั้นพวกสายสกุลที่ไม่เกี่ยวข้องต่างรีบถอนมือตนเองออกจากวังวนโดยด่วน

สกุลอู๋ก็เริ่มคิดเลิกรา
โดยเฉพาะผู้เฒ่าอู๋ปู่ของอู่เสีย เหลือเพียงลูกหลานไม่กี่คนที่ไม่ยอมเลิกราโดยง่าย หนึ่งในนั้นคือคนหนุ่มอย่าง อู๋ซันเสิ่ง
วันเวลาผ่านไปผู้เฒ่าอู๋ก็ชราแล้ว อีกไม่นานก็จะลาลับแล้ว ลาลับเหมือนดวงดาวที่ร่วงหล่นลงสู่ก้นทะเล

อู๋ซันเสิ่งรู้สึกผิดหวังที่เขาไม่อาจช่วยให้ความต้องการเป็นอมตะของบิดาประสบความสำเร็จ เขาไม่อยากเห็นบิดาตายไปด้วยความล้มเหลว ดังนั้นคิดพยายามเป็นครั้งสุดท้าย จึงขอความร่วมมือไปยังเซี่ยจิ่วเย่ และยังเจรจาทางลับกับพวก ‘มัน’ เพื่อขอกำลังคน อุปกรณ์สนับสนุน และสำคัญที่สุดคือการใช้อำนาจขององค์กรลึกลับปิดปากเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ในที่สุดพวกเขาเข้าไปเคลื่อนย้ายศพของหยุนคงออกมาได้สำเร็จ

แต่เป้าหมายของแต่ละฝ่ายแตกต่างกันเกินไป ไปไม่ถึงฉางไป๋ซานก็เกิดความขัดแย้ง อู๋ซันเสิ่งกับเซี่ยจิ่วเย่นำศพกลับมาขอความช่วยเหลือกับปู่ของอู๋เสีย และแล้วก็เกิดแผนจักจั่นลอกคราบ ศพถูกซุกซ่อนเอาไว้มิดชิด พวกองค์กรลับก็ไม่กล้าผลีผลามเพราะยังต้องการได้ศพอยู่ จดๆ จ้องๆ กันอยู่เช่นนี้หลายปีผ่านพ้น อนิจจาสกุลอู๋ลงมือสำเร็จ ได้ศพมาแล้วแต่หาได้เกิดดอกผลอันใด ทั้งยังต้องทนมีชีวิตอยู่ด้วยความหวาดระแวงตลอดชีพ    


เมื่อสกุลอู๋กับมือที่มองไม่เห็นไม่ยอมเลิกรา จางฉี่หลิง ก็ไม่อาจเร้นกายอีกต่อไปแล้ว
เขาจำเป็นต้องเผยกายในนาม เมินโหยวผิง ใช้ความสามารถที่มีขัดขวางมือที่มองไม่เห็นและสกุลอู๋ในทุกวิถีทาง นับแต่การขุดสุสานครั้งใหญ่ของเก้าสกุล เมินโหยวผิงก็ร่วมแฝงตัวทำลายแผนการของพวกสกุลอู๋และมือที่มองไม่เห็นตลอดมา จนอู๋ซันเสิ่ง เซี่ยจิ่วเย่ และเซี่ยเหลียนหวน กลับเข้าไปเคลื่อนย้ายศพอีกครั้ง เขาก็แฝงตัวไปทำลายแผนการอีก มิคาดคราวนี้เขาพ่ายแพ้สิ้นเชิง ถูกคนของมือที่มองไม่เห็นลอบทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ทั้งยังสูญเสียความทรงจำ รู้ตัวอีกทีก็อยู่ที่หมู่บ้านเล็กๆ ในปาหน่ายแล้ว จากจุดนั้นฟิ้นฟูความทรงจำ ลุกยืนขึ้นใหม่ และกลับเข้าสู่วังวนอีกครั้ง

ตอนรอดชีวิตออกจากหอบ้านสกุลจางที่ปาหน่าย เมินโหยวผิงก็อ่านสถานการณ์และแผนการของทุกฝ่ายกระจ่างหมดสิ้น
จากร่องรอยที่ท่านย่าฮั่วให้ไว้ก่อนตาย เขาก็สามารถคาดเดาสถานที่ที่พวกอู๋ซันเสิ่งซ่อนศพไว้ ดังนั้นเมื่อออกจากหอบ้านสกุลจางมาได้เขาก็ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ทิ้งอู๋เสียและนายอ้วนไว้ที่ปาหน่าย ส่วนตัวเองรีบรุดเดินทางกลับมายังบริเวณร้านของอู๋ซันเสิ่ง ลักลอบขโมยศพของหยุนคงหนีไปเขาฉางไป๋ก่อนแล้ว

นี่คือสาเหตุการหายตัวไปในช่วงเวลานั้นของเขา  เป็นความลับที่เขาปิดบังอู๋เสีย
เขาไม่อยากให้อู๋เสียล่วงรู้ความจริง ว่าอู๋เสียเองก็เป็นเหยื่อ ที่ถูกลากเข้ามาว่ายวนอยู่ในคลื่นมหึมาที่เกิดจาดการก่อกวนของบรรพบุรุษตนเอง!
 

ดังนั้นเมินโหยวผิงไม่อาจพูดอะไร

เขาเพียงลงมือทำ ทำโดยมิต้องพูดให้มากความ เพราะเขารู้ว่าทันทีที่เขาเปิดปากพูด เขาจะถูกซักถาม เมื่อถูกซักถาม ไม่ว่าเขายินยอมตอบ ปิดปากเงียบ หรือจะแต่งเรื่องโกหกขึ้นมา ล้วนหนีไม่พ้นต้องมีคนเจ็บปวดแล้ว ไม่อู๋เสียก็เป็นเขาเอง

เมื่อเมินโหยวผิงตัดสินใจลงมือทำ เขาก็หอบเอาร่างไร้วิญญาณของหยุนคงไปไว้ที่เขาฉางไป๋

เพื่ออะไร?

เพราะ ‘ขั้วสุดท้าย’ เกิดจากพลังวิญญาณของซือโหยว 4700 ตน ดังนั้นใช้เวลา 4700 ปีในการย่อยสลาย วันเวลาสำคัญใกล้มาถึงแล้ว ทุกอย่างกำลังจะจบสิ้นลง พวกองค์กรลึกลับคล้ายล่วงรู้ความเคลื่อนไหวนี้เช่นกัน ดังนั้นพวกมันก็พากันลงมือชิงศพแล้ว พวกสกุลอู๋ สกุลเซี่ย ก็ต้องตอบโต้แน่นอน เมินโหยวผิงไม่รอชักช้า รีบชิงศพตัดหน้าไปโดยเร็ว เขาคิดไม่ผิด คล้อยหลังไม่กี่วันก็ได้ยินข่าวเพลิงไหม้ในย่านรอบๆ ร้านของอู๋ซันเสิ่ง

หากปล่อยให้ศพของหยุนคงถูกเพลิงเผาผลาญไปจริงๆ วิญญาณของซือโหยวที่ถูกร่างของหยุนคงสะกดไว้ด้วยกำลังพรตที่บำเพ็ญมายาวนาน คงหลุดรอดเป็นอิสระแล้ว ถึงเวลานั้นมันจะกลายเป็นซือโหยวที่ไม่มีใครควบคุมได้อีก

ตอนนั้นเมินโหยวผิงนำร่างของหยุนคงไปถึงประตูใหญ่ภูเขาฉางไป๋ก่อนกำหนดถึง 21 วัน แต่เขาคาดไม่ถึง เมื่ออยู่ใกล้กับขั้วสุดท้ายก่อนเวลาอันควร ศพของหยุนคงพลันเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดฝัน นั่นคือฟื้นคืนชีพอีกครั้ง เขาเองถูกกระแสพลังงานพัดผ่านวาบจนสลบไป พอคืนสติมานักพรตหยุนคงก็จากไปแล้ว เขาจะสามารถตามตัวเจออย่างไรได้ เรื่องมาถึงขั้นนี้เขาก็มีแต่ต้องเอาชีวิตตนเองเข้าวัดดวงแล้ว

เหลืออีก 20 วัน ‘ขั้วสุดท้ายจะสลายตัว’
หากนักพรตหยุนคงไม่กลับมา ขั้วสุดท้ายดับลงโดยที่พลังส่วนหนึ่งติดค้างอยู่ในกายหยุนคง จะทำให้พลังเหล่านั้นยึดร่างหยุนคงเป็น ‘ขั้วสุดท้าย’ พลังจะค่อยเติบโตและหยุนคงจะคืนร่างเป็นซือโหยวทันที ซือโหยวที่ไร้การควบคุม ในอดีตหวงตี้ปฐมจักรพรรดิทุ่มเทแรงกายแรงใจทำสงครามเอาชนะ และสะกดข่มอำนาจซือโหยวอย่างยากเย็น จึงสถาปนาแผ่นดินจีนเป็นปึกแผ่น

หากซือโหยวกลับฟื้นคืนชีพมาอีก ต้องนับเป็นความพินาศของมวลมนุษยชาติครั้งใหญ่หลวงจริงๆ

เมินโหยวผิง หรือจางฉี่หลิงรุ่นที่ 17 เป็นทายาทสายตรงของเฉิงยั่วผู้เป็นศิษย์ของหยุนคง ดังนั้นเขาสืบทอดพลังพิเศษมาส่วนหนึ่ง สามารถใช้พลังส่วนนี้ต่ออายุ ‘ขั้วสุดท้าย’ ออกไปได้อีกอย่างน้อยก็ 10 ปี ดังนั้นขอเดิมพันสักครา ตั้งใจใช้ชีวิตตนเองนั่งเก้าอี้ศิลาดำเป็นเวลา 10 ปี เพื่อยืดอายุขัยไม่ให้ ‘ขั้วสุดท้าย’ ดับลงจนบังเกิดขั้วใหม่ในกายหยุนคง แล้วเปลี่ยนร่างเป็นซือโหยว

ที่เมินโหยวผิงกล้าเดิมพัน 10 ปี เพราะเขามั่นใจว่าสุดท้ายหยุนคงต้องกลับมาแน่นอน เมินโหยวผิงช่วยเติมพลังต่ออายุ ‘ขั้วสุดท้าย’ ได้อีก 10 ปีเท่านั้น เพราะเขามีพลังเซียนในตัวน้อย ดังนั้นเมื่อครบ 10 ปี พลังของเมินโหยวผิงจะหมดลง และ ‘ขั้วสุดท้าย’ ก็จะเริ่มมองหาแหล่งพลังงานแห่งใหม่ หากหยุนคงทอดร่างเป็นศพอยู่ที่ใด ขุมพลังจะเปลี่ยนไปยึดร่างหยุนคงเป็น ‘ขั้วสุดท้าย’

แต่หากหยุนคงยังมีชีวิต ‘ขั้วสุดท้าย’ ที่เขาฉางไป๋จะดึงดูดหยุนคงกลับมา ไม่ว่าหยุนคงจะอยู่แห่งหนใด เพราะในช่วงปีแรกๆ พลังของ ‘ขั้วสุดท้าย’ ยังคงกล้าแข็ง ดังนั้นเกิดแรงผลักกับ ‘พลังในตัวหยุนคง’ เสมือนแม่เหล็กขั้วเดียวกัน แต่พอใกล้ครบ 10 ปี พลังของเมินโหยวผิงที่เติมเข้าไปเริ่มโรยรา ‘ขั้วสุดท้าย’ ก็อ่อนแอไปด้วย กลับเสมือนแม่เหล็กต่างขั้วที่ดึงดูดให้หยุนคงกลับมา หยุนคงเองก็ไม่อาจฝืน หากเขาปล่อยให้ ‘ขั้วสุดท้าย’ ที่ฉางไป๋ซานดับลง เขาก็จะกลายเป็นขั้วสุดท้ายเสียเอง ในที่สุดก็จะกลายร่างเป็นซือโหยว

พนันครั้งนี้เดิมพันสูงยิ่ง มิใช่แค่ชีวิตของเมินโหยวผิงและหยุนคง แม้แต่ชีวิตของมนุษยชาติก็ถูกดึงมาเกี่ยวด้วยแล้ว


แต่ 10 ปีจะอย่างไรก็เป็นเวลาที่ยาวนานไม่น้อย เมื่อหวนคิดถึงเรื่องราวกังวลใจในหนหลัง เมินโหยวผิงคลำพบเพียงคนๆ เดียว คนๆ นั้นก็คือ ‘อู๋เสีย’
ดังนั้นเมินโหยวผิงลงจากเขาฉางไป๋ หวังใช้เวลา 20 วันที่หลงเหลืออยู่ เพื่อบอกลาอู๋เสียเป็นครั้งสุดท้าย


ฟ้าเริ่มมืดค่ำแล้ว หลังจากกินอาหารในภัตตาคารที่อู๋เสียเป็นคนจ่ายเงินเลี้ยงจนพอใจ เมินโหยวผิงก็หันหลังจากมา
เขาเองก็ไม่รู้ว่าระหว่างนี้อู๋เสียล่วงรู้ความจริงทั้งหมดแล้วหรือไม่

เมินโหยวผิงเห็นว่าอู๋เสียสมควรมีชีวิตใหม่ที่ดีกว่าเดิม
เรื่องในอดีตจบลงแบบนี้ก็ไม่เป็นไร ดังนั้นเขากลับคืนสู่ความเงียบที่ลึกล้ำอีกแล้ว
ระหว่างย่างเท้าเลียบเลาะไปริมทะเลสาบซีหู คล้ายได้ยินเสียงอู๋เสียร้องตะโกนโหวกเหวกไล่หลังมา แต่เขาไม่แม้แต่จะเหลียวหน้าไปมอง


เมินโหยวผิงเพียงคิด ‘ขอเพียงเวลาผ่านไปอีก 10 ปี ฉันจะกลับมา ฉันต้องมาแน่นอน’  


อวสาน


I love you I love you I love you


แก้ไขล่าสุดโดย ManudLoong เมื่อ Sat 08 Nov 2014, 22:06, ทั้งหมด 4 ครั้ง
ManudLoong
ManudLoong
ด้วงฝึกหัด
ด้วงฝึกหัด

จำนวนข้อความ : 13
Points : 3465
Join date : 08/11/2014
Age : 38

ขึ้นไปข้างบน Go down

[Fic] ยุติปริศนาพันปี (สปอยล์ ล.10) Empty Re: [Fic] ยุติปริศนาพันปี (สปอยล์ ล.10)

ตั้งหัวข้อ by ManudLoong Sat 08 Nov 2014, 21:15

เขียนจบ หอบแฮ่กๆๆ เข้าใจลุงหนานฯ เลยจร้า
ว่าการอธิบายปริศนามันยากเย็นเพียงใด (แถมเป็นปริศนาที่ไม่ได้ผูกขึ้นเองอีก 555)

ยังไงก็เป็นเพียงความพยายามหนึ่งที่จะอธิบายปมปริศนาออกมา

ถ้าผิดพลาด ตกหล่นอะไรไป ขออภัยจร้า

What a Face
ManudLoong
ManudLoong
ด้วงฝึกหัด
ด้วงฝึกหัด

จำนวนข้อความ : 13
Points : 3465
Join date : 08/11/2014
Age : 38

ขึ้นไปข้างบน Go down

[Fic] ยุติปริศนาพันปี (สปอยล์ ล.10) Empty Re: [Fic] ยุติปริศนาพันปี (สปอยล์ ล.10)

ตั้งหัวข้อ by meanato Sun 09 Nov 2014, 13:22

กำลังคิดว่าจะไปหาหยุนคงอ่านได้ที่ไหน?
meanato
meanato
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ

จำนวนข้อความ : 487
Points : 3953
Join date : 27/10/2014
Age : 26
ที่อยู่ : หลังประตูสัมฤทธิ์

ขึ้นไปข้างบน Go down

[Fic] ยุติปริศนาพันปี (สปอยล์ ล.10) Empty Re: [Fic] ยุติปริศนาพันปี (สปอยล์ ล.10)

ตั้งหัวข้อ by yuriko Sun 09 Nov 2014, 15:00

meanato พิมพ์ว่า:กำลังคิดว่าจะไปหาหยุนคงอ่านได้ที่ไหน?


ในร้าน Se-ed ยังพอมีขายอยู่นะ

เล่มแรกๆ มึนหน่อย

แต่เล่ม 3 - เล่มจบ อ่านสนุกมาก queen
yuriko
yuriko
ด้วงฝึกหัด
ด้วงฝึกหัด

จำนวนข้อความ : 2
Points : 3454
Join date : 06/11/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

[Fic] ยุติปริศนาพันปี (สปอยล์ ล.10) Empty Re: [Fic] ยุติปริศนาพันปี (สปอยล์ ล.10)

ตั้งหัวข้อ by ManudLoong Mon 10 Nov 2014, 02:57

จริงๆ ถ้ามีเวลาว่าง อยากเขียนรีวิวเน้นๆ เรื่องหยุนคงเหมือนกันนะ

ชอบเรื่องนี้เป็นพิเศษ
ManudLoong
ManudLoong
ด้วงฝึกหัด
ด้วงฝึกหัด

จำนวนข้อความ : 13
Points : 3465
Join date : 08/11/2014
Age : 38

ขึ้นไปข้างบน Go down

[Fic] ยุติปริศนาพันปี (สปอยล์ ล.10) Empty Re: [Fic] ยุติปริศนาพันปี (สปอยล์ ล.10)

ตั้งหัวข้อ by Feran.FS Thu 13 Nov 2014, 01:21

อ่านแล้วเหมือนกำลังอ่านนิยายกำลังภายในปนสืบสวนเลยค่าาา 5555
Feran.FS
Feran.FS
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ

จำนวนข้อความ : 457
Points : 3934
Join date : 27/10/2014
Age : 28
ที่อยู่ : ใต้เตียงนอนเซี่ยจื่อหยาง...

ขึ้นไปข้างบน Go down

[Fic] ยุติปริศนาพันปี (สปอยล์ ล.10) Empty Re: [Fic] ยุติปริศนาพันปี (สปอยล์ ล.10)

ตั้งหัวข้อ by ManudLoong Wed 19 Nov 2014, 20:59

Feran.FS พิมพ์ว่า:อ่านแล้วเหมือนกำลังอ่านนิยายกำลังภายในปนสืบสวนเลยค่าาา 5555


ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์เจ้าค่ะ Very Happy
ManudLoong
ManudLoong
ด้วงฝึกหัด
ด้วงฝึกหัด

จำนวนข้อความ : 13
Points : 3465
Join date : 08/11/2014
Age : 38

ขึ้นไปข้างบน Go down

ขึ้นไปข้างบน


 
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ