Countdown
We've been
togerther for

ค้นหา
 
 

Display results as :
 


Rechercher Advanced Search


[Fic] บันทึกของเสี่ยวหลิง [Imply ผิงเสีย] (3) *สปอยเล่มสิบ* *ออริคาแรกเตอร์* [Update 14/01/57]

+4
zerin
SilverCloud
Yuwadee Wana
sinnerdarker
8 posters

Go down

[Fic] บันทึกของเสี่ยวหลิง [Imply ผิงเสีย] (3) *สปอยเล่มสิบ* *ออริคาแรกเตอร์* [Update 14/01/57] Empty [Fic] บันทึกของเสี่ยวหลิง [Imply ผิงเสีย] (3) *สปอยเล่มสิบ* *ออริคาแรกเตอร์* [Update 14/01/57]

ตั้งหัวข้อ by sinnerdarker Thu 06 Nov 2014, 23:32

เป็นเรื่องราวของเสี่ยวหลิง ซึ่งเป็น Original Character ของซิน ซึ่งเป็นลูกของอู๋เสีย สำหรับท่านที่อยากทราบความเป็นมาของเสี่ยวหลิง เชิญที่ลิงค์ตอนแรก หรือรับอ่านทั้งซีรี่ยสืได้นะคะ Smile



สารบัญ

ผิงเสีย - ที่มาของเสี่ยวหลิง

ตอนแรก : The Last Moment *R18* *สปอยเล่มสิบ* [ผิงเสีย]

ตอนสอง :  "ของยึดเหนี่ยวอันไม่จีรัง"  *สปอยเล่มสิบ* [เมนอู๋เสีย มีโมเมนต์ผิงเสีย]

-ซีรี่ยส์บันทึกของเสี่ยวหลิง-

บันทึกของเสี่ยวหลิง (1) *สปอยเล่มสิบ*

บันทึกของเสี่ยวหลิง (2) *สปอยเล่มสิบ*

บันทึกของเสี่ยวหลิง (3) *สปอยเล่มสิบ*

ตอนพิเศษ

[OS] พี่ชายที่ไม่ยอมบอกชื่อ ~บันทึกของเสี่ยวหลิง Special~

[OS] #dmbjdaily (ประถม) แปดชั่วโมงที่ห่างกัน [อู๋เสีย+เสี่ยวหลิง]~บันทึกของเสี่ยวหลิง Special~

[OS] #dmbjdaily (บุหรี่) เลิกได้ไหม? [อู๋เสีย+เสี่ยวหลิง]~บันทึกของเสี่ยวหลิง Special~

[OS] #dmbjdaily (ป่วย) ความลับเวลาไม่สบาย [อู๋เสีย+เสี่ยวหลิง]~บันทึกของเสี่ยวหลิง Special~

[OS] เรื่องของปู่ทวด [บันทึกของเสี่ยวหลิง]

[OS] #dmbjdaily (พ่อ) บันทึกของเสี่ยวหลิง : รักอันไร้เงื่อนไข [เซี่ยอวี่ฮัว + ?? /Implied ฮัวเฮย or เฮยฮัว]

[OS] #dmbjdaily (พี่ชาย) หน้าที่ของพี่ชาย [บันทึกของเสี่ยวหลิง : เสี่ยวฮวา + เสี่ยวหลิง]

[Drabble] #dmbjdaily (น้องชาย) สิทธิ์ของคนเป็นน้อง [บันทึกของเสี่ยวหลิง : เสี่ยวฮวา+เสี่ยวหลิง]

c[Drabble] ~ว่าด้วยภาคซาไห่กับทรงผมใหม่ของอู๋เสีย~ [บันทึกของเสี่ยวหลิง]

[OS] #dmbjdaily (ขม) Til You Can Drink a Coffee [บันทึกของเสี่ยวหลิง+อู๋เสี่ย+เซี่ยอวี่ฮัว+เซี่ยจื่อฮวา]

[Drabble] ในวันที่อากาศหนาว [บันทึกของเสี่ยวหลิง]


ไทม์ไลน์หลังเสี่ยวเกอกลับมา



[Drabble]~ครอบครัวสุขสันต์หลังเราพบกันที่ฉางไป๋ซาน~[บันทึกของเสี่ยวหลิง/ผิงเสีย/เฮยฮัว]

[Drabble] #dmbjdaily (สำริด) ตลกหลายฉากของสองหนุ่มแห่งต้นสำริด [บันทึกของเสี่ยวหลิง+เหล่าหยาง]

[OS] #dmbjdaily (ทวินเทล) สาเหตุที่ยอมลงให้ [บันทึกของเสี่ยวหลิง/ผิงเสีย] *สปอยเล่มสิบ / 10 Years Laters



+++++++++++++++++++++

(3)


ที่บ้านสกุลอู๋ เรามีกิจวัตรประจำวันอย่างหนึ่ง

ความจริงกิจวัตรนี้ไม่ได้สลักสำคัญอะไรมากมาย หรืออาจแทบเรียกได้ว่าไม่มีความหมาย หากคนอื่นได้ยินคงหัวเราะ แต่หากวันใดไม่ได้ทำ ผมกลับรู้สึกเหมือนขาดอะไรไป เรียกได้ว่าถ้าเตี่ยไม่ทัก ผมเองจะเป็นคนทักให้เตี่ยทำให้

กิจวัตรที่ว่าคือการวัดส่วนสูง

ตั้งแต่จำความได้ เตี่ยจะชอบวัดส่วนสูงให้ผมเสมอ เรามีเสาอยู่อันหนึ่งที่เต็มไปด้วยเส้นขีด สีแดงบ้าง สีดำบ้าง แต่ละเส้นถี่จัดจนเหมือนระบายลงไป เพราะสุดท้ายแล้วส่วนสูงผมไม่ได้เพิ่มขึ้นวันละเซนต์ บางเส้นจึงขีดซ้อนทับกันจนกลายเป็นสีประหลาด

ผมเคยถามเตี่ยเหมือนกันว่าทำไปทำไม เพราะผมไม่ได้สูงขึ้นทุกวัน และเมื่อถามปู่ใหญ่ ปู่ใหญ่ก็บอกว่าสมัยเด็กไม่เคยทำแบบนี้ให้เตี่ย และไม่รู้เช่นกันว่าเตี่ยเอาความคิดพิลึกนี้มาจากที่ใด

เตี่ยทำท่าสงสัยเล็กน้อย ครุ่นคิด ก่อนจะย่อตัวลงลูบหัวผม และเอ่ยตอบ “เพราะว่าเตี่ยอยากรับรู้การเติบโตของเสี่ยวหลิงทุกวันไง”

ผมรู้สึกว่านั่นไม่ใช่คำตอบที่กระจ่างชัด แต่ก็ยอมรับมันเป็นเหตุผลของกิจวัตรอันไร้สาระนี้

แต่แรกผมไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นกิจวัตรอะไร เพียงแค่วิ่งไปที่เสาต้นนั้น ยืนนิ่งให้เตี่ยขีดเส้นวัดส่วนสูง และถอยออกมา บางวันเส้นยังขีดอยู่ที่เดิม เตี่ยก็จะกอดผมไว้และหัวเราะแผ่วเบา แต่หากวันใดเส้นเริ่มขยับขึ้นจากตำแหน่งเดิม เตี่ยจะดีใจมากจนอารมณ์ดีไปทั้งวัน เรียกได้ว่าหากอาหวังเหมิงทำอะไรผิดพลาดในวันนั้น เขาจะไม่ได้รับการลงโทษใดใด

ด้วยเหตุนี้ อาหวังเหมิงจึงเคยมาคุยกับผม บอกว่าช่วยโตขึ้นทุกวันได้ไหม เขาจะได้ไม่โดนด่า ผมเลยทำหน้านิ่งใส่เขา เพราะไม่รู้ว่าตนควรตอบว่าอะไร ผมควบคุมการเจริญเติบโตของตัวเองไม่ได้เสียหน่อย

แต่เพราะทำเช่นนั้นอยู่ทุกวัน สุดท้ายผมจึงเคยชินที่จะวัดส่วนสูงกับเตี่ย เคยชินที่จะตื่นเต้นกับขีดเส้นที่อาจซ้อนทับเส้นเดิม หรือเปลี่ยนแปลงไป และกลายเป็นกิจวัตรประจำวันของเราสองพ่อลูกไป

ลุงอ้วนเคยเห็นมันครั้งหนึ่งตอนที่มาเที่ยวบ้าน เขาเดินผ่านไปแล้วชะงักถอยหลังกลับมา กะพริบตาปริบๆ มอง ถามว่าเสี่ยวหลิง ไอ้นี่มันอะไร เคล็ดหลักอะไรในบ้านหรือไง

ผมตอบไปว่าเป็นเส้นวัดส่วนสูงของผม เสี่ยอ้วนร้องหาถามผมอีกครั้ง ผมจึงย้ำซ้ำคำเดิม แล้วเสี่ยอ้วนก็เงยหน้าขึ้น มองใบหน้าผมที มองเส้นขีดนั้นที

จากนั้นพอเตี่ยมา เขาก็หันขวับไปมาเตี่ย จากนั้นก็หัวเราะลั่นใส่

เตี่ยผมชะงักกึก สบถด่าใส่ลุงอ้วน แล้วลากกันไปคุยที่อื่นซึ่งผมไม่ได้ยินบทสนทนาของพวกเขา

ผมไม่ได้ยินว่าเตี่ยกับลุงอ้วนพูดอะไรกัน และไม่สนใจจะเข้าไปในวงสนทนา ผมโตเกินกว่าเตี่ยจะอุ้มไปทุกที และบางทีอาจคุยเรื่องที่ไม่อยากให้ผมรู้

แต่มองใบหน้าของทั้งสองคนไปพักใหญ่ ผมก็เริ่มรุ้สึกแปลกใจ

สีหน้าของลุงอ้วนที่แต่เดิมประดับรอยยิ้ม ตั้งใจจะล้อเลียนเตี่ยเต็มที่ กลัยบเปลี่ยนไปเมื่อเตี่ยพูดอะไรให้ฟัง จากนั้นก็ทำหน้าเคร่งขรึม ครุ่นคิด

ผมเห็นแล้วรุ้สึกสงสัย ลุงอ้วนเป็นคนใจดี อารมณ์ดี วันใดที่ทำสีหน้าเคร่งขรึม จะเป็นเพราะเขาจงใจ หรือไม่ก็มีเรื่องที่ทำให้เขาต้องเครียดจริงๆ

…ถ้าอย่างนั้น พวกเขาคุยเรื่องอะไรกัน

ผมไม่สบายใจเลย

++++++++++++++++++++++++++

ความไม่สบายใจทำให้ผมเดินเข้าไปใกล้ทั้งสองคนมากขึ้น ใจหนึ่งอยากจะเรียกร้องชื่อของพวกเขา อีกใจหนึ่งก็อยากรู้ว่าเตี่ยกับลุงอ้วนคุยอะไรกัน ดังนั้นผมจึงนิ่งเงียบเอาไว้ และค่อยๆ เดินเข้าไปหา เพื่อที่จะได้ยินบทสนทนาของทั้งสองคน

ผมรู้สึกตื่นเต้นมาก หัวใจเต้นรัว เหมือนกับเด็กที่กำลังจะทำผิดกฏครั้งแรก ผมสูดลมหายใจลึก ค่อยๆ ย่องเข้าใกล้ทั้งสองคนอย่างเงียบๆ กระทั่งได้ยินเสียงสนทนาของเตี่ยกับลุงอ้วนที่ดังแว่วมาแผ่วเบา

“…แม่ง เทียนเจิน นี่นายพูดจริงเหรอวะ” ลุงอ้วนว่าพร้อมลูบใบหน้าตัวเอง นวดขมับเล็กน้อย สีหน้าของเขาบ่งบอกว่าเคร่งเครียด

“ฉันจะหลอกนายไปทำไม” เตี่ยประสานมือไว้หลวมๆ สะโพกพิงกับกำแพง นัยน์ตาหรี่ลง และกล่าวด้วยน้ำเสียงสงบ “ฉันหาโอกาสบอกนายมาตลอด..แต่มันเป็นเรื่องที่พูดยาก”

“เออ..ฉันรู้” ลุงอ้วนพึมพำแผ่วเบา เขาลูบหน้าตัวเองอีกหนึ่งที  แล้วยกสองมือตบหน้าตัวเองสองทีคล้ายกับจะเรียกสติ ก่อนจะกล่าวกับเตี่ยอีกครั้ง “งั้นฉันก็เข้าใจแล้วว่าทำไมนายไม่พูดถึงแม่เสี่ยวหลิงเลย แม่ง ใครจะนึกว่าใช่จริงๆ..”

แม่ของผม?

เพียงได้ยินแค่นั้น ใจผมก็กระตุกวูบ เผลอก้าวเดินออกไปแล้วร้องลั่นอย่างลืมตัว “เตี่ยกับลุงอ้วนคุยเรื่องอะไรกัน!”

ทันทีที่ได้ยินเสียงของผม พวกเขาก็สะดุ้งเฮือก หันมามองผมทันที

“เสี่ยวหลิง!?”

เตี่ยตะโกนเรียกผม ผมรู้ว่าเตี่ยตกใจ ผมรุ้ด้วยว่าเตี่ยจะโกรธที่ผมแอบฟัง แต่ผม…

“เมื่อกี้..ผมได้ยินลุงอ้วนพูดถึงแม่ เตี่ยกับลุงอ้วนพูดถึงเรื่องแม่เหรอ!”ผมเอ่ยเสียงดังลั่น รีบวิ่งไปดึงเสื้อของเตี่ยเอาไว้ ผมบอกเตี่ยไว้ก็จริงว่าไม่สนใจเรื่องแม่ มีแค่เตี่ยก็พอแล้ว และรักเตี่ยมากๆ แต่สุดท้ายผมก็อยากมีแม่ อยากรู้ว่าแม่ตัวเองเป็นใคร เป็นคนแบบไหน มีอะไรที่เหมือนกันบ้าง ถึงมีเหตุให้อยู่ด้วยกันไม่ได้ก็ไม่เป็นไร …..ถึงตายไปแล้ว….ก็ไม่เป็นไร

ผมแค่อยากรู้จักแม่ เท่านั้นเอง

ผมจ้องใบหน้าหนักใจของเตี่ย ในนั้นเคลือบแฝงด้วยความเศร้าเช่นเดียวกับที่ผมเห็นครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ตอนนี้ความร้อนรนพุ่งสูงมากกว่าความรู้สึกใดใด ใบหน้านั้นจึงไม่อาจห้ามให้ผมหยุดความปรารถนาจะรู้เรื่องมารดาของตนได้

เตี่ยกับผม เราจ้องหน้ากันนานมาก ท่ามกลางความอึดอัดนั้นเตี่ยก็พรูลมหายใจ ยิ้มให้บางๆ

“…เตี่ยกับลุงอ้วนไม่ได้พูดเรื่องม๊าหรอก” เตี่ยบอกเสียงแผ่ว ลูบศีรษะของผม “เราพูดเรื่องอื่นกัน แต่ว่ามีเรื่องม๊าเข้ามานิดหน่อยเท่านั้นเอง”

“งั้นบอกผมได้ไหม นิดหน่อยก็ได้” ผมบอกเตี่ย ใบหน้าก้มมองพื้นพร้อมน้ำตาที่รื้นขึ้นมา มือสั่นเทิ้มพยายามยึดชายเสื้อของเตี่ยในมือเอาไว้ “ผมอยากรู้จักแม่….”

ผมรู้สึกเหมือนมีก้อนสะอื้นอยู่ในคอ แต่ว่าไม่ได้ร้องไห้ออกไป ผมไม่อยากร้องไห้..มันไม่เป็นลูกผู้ชายเอาเสียเลย

“เตี่ยขอโทษ..เตี่ยบอกไม่ได้…ไม่ได้จริงๆ” เตี่ยบอกผมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ขยับจะอุ้มผมขึ้นมา แต่ตอนนี้ความรู้สึกอีกอย่างกลับพุ่งขึ้นมาในใจผม เป็นสิ่งที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน

ผมโกรธเตี่ย โกรธมากๆ

ทำไมเตี่ยถึงบอกผมเรื่องแม่ไม่ได้ ทำไมถึงต้องปิดบัง แม่ผมเป็นใครกันแน่ ทำไมถึงไม่อยากให้ผมรู้

ผมยังเด็กเหลือเกิน เหตุผลใดใดของผู้ใหญ่เป็นเรื่องยุ่งยากที่ผมไม่รู้จัก ผมแค่โกรธเตี่ย..โกรธที่ไม่ยอมบอกอะไรผมเกี่ยวกับแม่ แต่กลับยอมบอกลุงอ้วน โกรธจนสะบัดมือเตี่ยที่ขยับมาอุ้มผมออก

เผียะ!

“…เสี่ยวหลิง?”

“…ผม..!”

ผมเกลียดเตี่ย!!

ผมอยากตะโกนออกไปแบบนั้น แต่ว่าไม่ได้พูดออกไปจริงๆ ถึงจะโกรธเตี่ยมากขนาดนี้ ผมก็ยังไม่อยากเห็นเตี่ยเสียใจ ผมก็ยังรักเตี่ย รักมากเหลือเกิน

ริมฝีปากของผมสั่นระริก ผมกำเสื้อของตนไว้ ยืนสั่นเทิ้มอยู่ตรงนั้นครู่ใหญ่ ก่อนจะวิ่งกลับไปที่ห้องนอน มุดตัวเข้าไปในผ้าห่ม สะอื้นไห้อยู่ในนั้นโดยไม่สนเตี่ยที่วิ่งตามมา

ดูเหมือนหลังจากนั้นลุงอ้วนจะขอตัวกลับบ้าน คล้ายกับจะนัดคุยอะไรบางอย่างภายหลัง ผมยิ่งโกรธเข้าไปใหญ่ เตี่ยกับลุงอ้วนจะคุยเรื่องแม่โดยที่ไม่บอกผมเหรอ

ผ่านไปไม่นานเตี่ยก็เข้ามาในห้องนอน พยายามปลอบผม ขอโทษผม ขอให้ผมหายโกรธ แต่ผมโกรธเตี่ยมากๆ เป็นอารมณ์งี่เง่าของเด็ก คืนนั้นทั้งคืนผมจึงไม่คุยกับเตี่ย และเช้าวันต่อมาผมก็ยังคงปั้นปึ่ง ไม่ยอมคุยด้วย

เตี่ยเรียกผมไปวัดส่วนสูง ทำตัวเป็นปกติ แต่ผมยังคงโกรธเตี่ยอยู่ จึงแต่งตัวยืนรอที่ประตูบ้าน ไม่ยอมเดินไปพิงที่เสาต้นนั้น กระทั่งเวลาล่วงเลยจนเราเกือบสาย เตี่ยจึงจำต้องยอมพาผมออกจากบ้านโดยที่ไม้ได้ทำกิจวัตรประจำวันของเรา

นั่นเป็นความดื้อดึงแรกของผม ซึ่งดำเนินไปถึงสี่วันด้วยกัน

เป็นสี่วันที่เราพ่อลูกไม่ได้พูดคุยกับแม้แต่คำเดียว


+++++++++++++++++++++++++++++++


สี่วันนั้นเป็นสี่วันที่ทำให้ผมแปลกใจตัวเอง ปกติแล้วผมติดเตี่ยมาก และรักเตี่ยมาก ถึงโกรธกันส่วนใหญ่ก็จะคืนดีด้วยอย่างรวดเร็ว ไม่ผมเป็นฝ่ายยอมก่อน เตี่ยก็จะเป็นฝ่ายยอมก่อน ขอโทษผมแล้วบอกว่าเสี่ยวหลิง คืนดีกับเตี่ยนะ เตี่ยขอโทษ กลับมาคุยกันเถอะ

บางครั้ง ถ้าผมยังไม่เลิกงอน เตี่ยก็จะอุ้มผมขึ้นโคลงเคลงไปมา ฉีกรอยยิ้มให้ จากนั้นเราพ่อลูกก็จะหายโกรธกัน กลับมาคุยกันเหมือนเดิม

ครั้งนี้เป็นครั้งแรกจริงๆ ที่ผมโกรธเตี่ยจนไม่อยากพูดคุยด้วย โกรธจนผ่านมาหลายวันก็ยังไม่หายโกรธ โกรธจนเตี่ยง้อหรือขอโทษแค่ไหนผมก็ไม่ยินยอมจะคืนดีด้วย บางทีอาจเพราะเรื่องของแม่เป็นหนึ่งในเรื่องที่ฝังใจผม เป็นความกังวลอันล้ำลึก ไม่มีใครหรอกที่จะไม่อยากรู้จักแม่ตัวเอง และผมเองเป็นบุคคลที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับผู้ให้กำเนิดตนเลย

..มันเป็นเรื่องแปลกไม่ใช่เหรอ?

ผมยังคงไปโรงเรียน มานั่งเล่นที่ร้านของเตี่ยและรอกลับบ้านพร้อมกัน กินข้าวด้วยกันกับเตี่ย นอนด้วยกันกับเตี่ย ในช่วงเวลาเหล่านั้น นอกจากการรับคำสั้นๆ แล้ว ผมไม่ได้คุยกับเตี่ยเลยแม้แต่น้อย ผมงอนจนไม่อยากพูดอะไรกับเขาไปมากกว่านี้ อีกอย่างผมกลัวว่าถ้าพูดออกไป ผมจะเผลอตะโกนบอกว่าเกลียดเตี่ย ถึงจะโกรธเคืองอยู่ ผมก็ไม่อยากให้เตี่ยเสียใจไปมากกว่านี้  

อาหวังเหมิงมาครวญครางใส่ผมว่า คุณหนูซานหลิง หายงอนเจ้านายเสียทีสิ เจ้านายหงุดหงิดมากหลายวันมานี้ เขาโดนด่าเพราะความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ จนอ่วมแล้ว

ผมมองหน้าอาหวังเหมิงเล็กน้อย ก่อนจะก้มหน้าอ่านหนังสือในมือตนต่อ ตัดสินใจเมินเฉยคำพูดของเขา

อีกฝ่ายเห็นผมเมินเลยยิ่งโอดครวญหนัก ถามผมว่าโกรธเจ้านายเรื่องอะไร เผื่อจะให้เจ้านายมาง้อถูก หรือหาทางให้เราสองคนคืนดีกันได้

ตอนนั้นผมคิดในใจว่าอาหวังเหมิงแค่อยากให้ตัวเองไม่โดนเตี่ยโกรธล่ะสิ แต่ในเมื่อเขาถาม และอาหวังเหมิงเป็นที่ปรึกษาที่ดีของผมคนหนึ่งรองจากลุงอ้วน ผมจึงเล่าเรื่องที่ผมได้ยินลุงอ้วนกับเตี่ยคุยเรื่องแม่ให้ฟัง

อาหวังเหมิงฟังแล้วลูบคางครางฮือ บอกว่าที่จริงก็เข้าใจว่าทำไมผมถึงโกรธ แต่ผู้ใหญ่ก็มีเหตุผลของผู้ใหญ่ เตี่ยอาจมีเหตุผลสำคัญที่บอกไม่ได้จริงๆอีกอย่าง ผมเองน่าจะรู้มานานแล้วว่าเรื่องของแม่เป็นเรื่องต้องห้าม แต่ไหนแต่ไรก็ไม่ได้พูดถึงกัน

ผมเข้าใจ..แค่ไหนแต่ไรเตี่ยไม่ชอบพูดถึงเรื่องแม่ ผมจึงไม่เคยถาม แต่ครั้งนี้เตี่ยยอมเล่าให้ลุงอ้วนฟัง แล้วทำไมถึงเล่าให้ผมฟังด้วยไม่ได้

เพราะมันเป็น ‘เหตุผลของผู้ใหญ่’ อีกแล้วงั้นหรือ? ผมเกลียดคำนี้เหลือเกิน ทำไมผู้ใหญ่จึงต้องรู้อะไรมากกว่าเด็ก ทำไมถึงต้องปิดบัง ไม่ให้รู้อะไร แล้วคำว่าผู้ใหญ่คืออะไร อีกนานแค่ไหนผมถึงจะเป็นผู้ใหญ่และมีสิทธิรู้

อีกนานแค่ไหนผมจะรู้เรื่องแม่

ในระหว่างที่ผมกำลังดำดิ่งลงกับความโกรธและความไม่ชอบใจของตัวเอง อาหวังเหมองก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสบายๆ

“จะว่าไปนี่เป็นครั้งแรกเลยเนอะ”

ผมเงยหน้าขึ้น มองอาหวังเหมิงที่ยิ้มแฉ่งอย่างไม่เข้าใจ

“อ้าว คุณหนูซานหลิง” เขาหัวเราะแผ่วเบา “นี่เป็นครั้งแรกที่คุณหนูดื้อใส่เจ้านายไม่ใช่หรือ แถมยังดื้อแล้วเจ้านายหือไม่ขึ้น จะตีก็ไม่กล้าเสียด้วย”

อาหวังเหมิงพูดแล้วหัวเราะเบาๆ ส่วนผมเพิ่งนึกอะไรขึ้นมาแล้ว

ปกติผมมักเชื่อฟังเตี่ยเสมอ ไม่ค่อยดื้อดึงเอาแต่ใจเหมือนเด็กวัยเดียวกัน คนอื่นมักจะชมเตี่ยว่าเก่งที่เลี้ยงผมให้เรียบร้อยเชื่อฟังได้ขนาดนี้ และเตี่ยมักยิ้มแห้งรับคำไป แต่ความจริงผมรู้ว่าเขาแอบหนักใจอยู่บ้าง เพราะผมเคยได้ยินเตี่ยคุยกับลุงอ้วน ว่าความจริงจะดื้อบ้างก็ได้ ทำให้โกรธบ้างก็ไม่เป็นไร ธรรมชาติของเด็กก็เป็นแบบนั้น แต่ว่าเลี้ยงง่ายแบบนี้เขาก็มีความสุขดี ไม่ได้ไม่ชอบอะไร

ผมฟังแล้วไม่รู้จะทำอย่างไร ผมอยากดื้อด้านให้เตี่ยโกรธบ้าง เตี่ยจะได้สบายใจ แต่ว่าผมก็เป็นแบบนี้ ไม่มีอะไรที่อยากได้ถึงขั้นต้องดื้อดึง แล้วเตี่ยก็ตามใจผมเกือบทุกเรื่อง เรื่องไหนที่ตามใจไม่ได้ เตี่ยก็มักจะอธิบายจนผมรู้สึกว่าไม่เอาก็ไม่เป็นไร สุดท้ายผมจึงไม่เคยดื้อด้านกับเตี่ยอย่างจริงจัง

มีบ้างที่ผมเล่นซนจนทำให้เกิดปัญหา ส่วนใหญ่มักจะเป็นเพราะความอยากรู้อยากเห็นอย่างเด็ก ความผิดพลาด หรืออะไรก็ตามที่ทำให้เด็กคนหนึ่งทำเรื่องยุ่ง ซึ่งเตี่ยผมก็เข้าใจดี และมักดุผมอย่างไม่จริงจังเสมอ

จะว่าไป..นี่เป็นครั้งแรกที่ผมดื้อใส่เตี่ยจริงๆ ด้วย

ผมฟังแล้วรู้สึกแปลกประหลาด ความโกรธกึ่งหายกึ่งอยู่ อาจจะเพราะว่าในที่สุด ผมก็ทำตัวเหมือนเด็กทั่วไปเขาได้เสียที ทำให้ผมดีวใจอย่างบอกไม่ถูก

…แต่ผมก็ยังงอนเตี่ยอยู่ดี

ระหว่างที่คุยกันเรื่องนั้น เตี่ยก็เดินออกมาจากหลังร้าน เรียกให้ผมกลับบ้าน

ผมผงกหัว ปิดหนังสือแล้วเก็บเข้าชั้นของร้าน ก่อนจะโบกมือลาอาหวังเหมิงแล้วเดินไปหาเตี่ย

“กลับบ้านเถอะนะ เสี่ยวหลิง”

เตี่ยบอกผมด้วยรอยยิ้มเฝื่อน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกังวลซึ่งผมรู้ที่มา แต่ยังไม่อยากจะแก้ไข

ผมไม่ได้ตอบรับเตี่ย ไม่ได้ผงกหัวเพื่อรับคำ ผมแค่เดินออกจากร้านไป รอให้เตี่ยตามออกมา

และเช่นเดียวกับหลายวันที่ผ่านมา ผมไม่ได้คุยกับเตี่ยแม้แต่คำเดียว

++++++++++++++++++


ผมตัดสินใจแล้ว ผมจะหายงอนต่อเมื่อเตี่ยยอมบอกเรื่องแม่

ความจริงก็คือผมหายโกรธแล้วหลังจากที่รู้ว่าตนดื้อกับเตี่ยเป็นครั้งแรก ตอนที่ได้ยินคำนั้น ความรู้สึกที่อึดอัดอยู่ในอกก็ค่อยๆ จางหายไป จนสุดท้ายก็เหลือแค่ความไม่พอใจเจือจาง แต่ถึงอย่างไรผมก็ยังอยากรู้เรื่องแม่ ดังนั้นจนกว่าเตี่ยจะพูดอะไรออกมา ผมจะยังไม่ยอมพูดอะไรด้วย

หลังจากที่กลับมาจากร้านแล้ว เตี่ยก็พาผมไปอาบน้ำ จากนั้นก็มานั่งทานอาหารเย็นด้วยกัน พวกเราไม่ได้คุยอะไรกันเลย ทั้งที่ปกติบนโต๊ะอาหาร อย่างน้อยเตี่ยจะต้องมีเรื่องคุย คอยมองปฏิกิริยาของผม แล้วยิ้มหัวเราะ แต่หลายวันนี้มานี่เมื่อผมนิ่งใส่ ก็เหมือนเตี่ยเครียด สุดท้ายก็เลยไม่ยอมพูดอะไรออกมา

เพราะว่าสี่วันที่ผ่านมาผมไม่ยอมมองหน้าเตี่ย เมินเฉยใส่ตลอดเวลา วันนี้พอได้มองหน้าเตี่ยชัดๆ เป็นครั้งแรก ผมก็สังเกตว่าเตี่ยดูซูบเซียวไป บนใบหน้าเริ่มมีเคราเขียวขึ้น อิดโรย ใต้ดวงตามีรอยคล้ำเหมือนคนนอนไม่พอ นอกจากนี้ ก็ยังกินข้าวน้อยลงด้วย

ผมมองแล้วเริ่มรู้สึกว่าใจหายวูบ เตี่ยไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน เตี่ยเป็นคนที่เหมาะกับรอยยิ้มและความสดใส ยามที่เห็นเตี่ยเป็นแบบนี้ผมไม่ชอบเลย

แต่พออ้าปากจะเรียกเตี่ย ผมก็นิ่งค้างไปแล้วปิดปากลงเหมือนเดิม ผมบอกตัวเองไว้ว่าจะไม่คุยกับเตี่ย ดังนั้นจะใจอ่อนถามอะไรออกไปไม่ได้

“เสี่ยวหลิง…” เตี่ยเรียกผม ฝืนยิ้มแห้งๆ “ยังไม่หายโกรธเตี่ยอีกเหรอ?”

“…ยัง” ผมพึมพำตอบเตี่ยไป แต่ว่าเขากลับเบิกตาเล็กน้อยอย่างแปลกใจ เป็นเพราะว่าที่ผ่านมาผมเมินเฉยไม่ยอมตอบ แต่คราวนี้กลับยอมตอบมาบ้าง

“หายงอนเตี่ยได้แล้วน่า เตี่ยเหงานะ เสี่ยวหลิง” เตี่ยกล่าวต่อด้วยรอยยิ้ม

“..ถ้าอย่างนั้น เตี่ยบอกผมเรื่องแม่ได้ไหม?” ผมบอกเตี่ยไป และอย่างที่คิดไว้ รอยยิ้มจางไปจากใบหน้าของเตี่ย แทนที่ด้วยสีหน้านิ่งงัน ครุ่นคิด

ผมนั่งเงียบรอคอยเตี่ย และเตี่ยยังคงไม่พูดอะไร ซักพักหนึ่ง เตี่ยก็ส่ายหัวไปมา “เตี่ยบอกไม่ได้”

“ทำไมล่ะ? ทั้งที่กับลุงอ้วนยังบอกได้เลย” ผมร้องถาม

“เตี่ยไม่ได้คุยกับลุงอ้วนเรื่องแม่ของเสี่ยวหลิง…แล้วเตี่ยก็บอกไม่ได้” เตี่ยนิ่งไป สีหน้าดูเจ็บปวดทรมาน “…เตี่ยอธิบายให้เสี่ยวหลิงฟังไม่ถูก”

“..เตี่ยไม่ได้รักแม่เหรอ” ผมอดถามไปไม่ได้ เป็นเพราะว่าไม่ได้รักหรือเปล่า จึงไม่เคยยอมให้รู้เรื่องของแม่

เตี่ยนิ่งงันไป ส่ายหัวเบาๆ “ไม่ใช่แบบนั้น”

“ถ้าอย่างนั้นรัก? แต่ว่าไม่ได้อยู่ด้วยเหรอฮะ?”

เตี่ยลังเล แต่ยังคงส่ายหัวให้ผม

..ทำไมถึงบอกอะไรไม่ได้เลย?

น้ำตาผมรื้นขึ้นมาอีกแล้ว ความโกรธที่คิดว่าหายไปแล้วแล่นมาจุกอก ผมรวบช้อนส้อมของตัวเอง ดันตัวลงจากเก้าอี้แล้ววิ่งไปที่ห้องนอน ทิ้งตัวลงบนเตียงแล้วหยิบผ้าห่มคลุมตัวเองไว้ ทำตัวงี่เง่าเหมือนเด็กมีปัญหา

ไม่ได้ไม่รัก แต่ก็ไม่ได้รัก งั้นผมเกิดขึ้นจากอะไร…จากความผิดพลาดงั้นหรือ ที่โรงเรียนผมเคยได้ยินผู้ใหญ่พูดคุยกันเรื่องนี้ มีเด็กที่เกิดขึ้นโดยที่พ่อกับแม่ไม่ได้รักกัน ถ้าอย่างนั้น ผมเองเป็ฯหนึ่งในเด็กเหล่านั้นหรือเปล่า

แต่ว่าผมรักเตี่ยมาก แล้วผมก็รู้ว่าเตี่ยก็รักผมมาก ตลอดมาถึงไม่เคยใส่ใจ …ถึงอย่างนั้น เวลาที่ได้ยินก็อดรู้สึกแย่ไม่ได้ ผมเกิดมาโดยไม่มีใครต้องการอย่างนั้นหรือ..

เป็นเด็กที่ไม่มีใครอยากได้

ในระหว่างที่จมจ่อมกับความคิดวุ่นวาย เตี่ยก็เปิดประตูเข้ามาเบาๆ

“..เสี่ยวหลิง” เตี่ยเรียก แต่ว่าผมไม่ยอมตอบออกไป สักพักหนึ่ง ก็ได้ยินเสียงฝีเท้า และรู้สึกถึงเตียงที่อ่อนยวบลงไป ถึงได้รู้ว่าตอนนี้เตี่ยนั่งอยู่ข้างๆผม

“..เตี่ยบอกเรื่องแม่ไม่ได้จริงๆ ไม่ว่าเรื่องอะไร” เขากล่าวกับผม ยกฝ่ามือขึ้นแตะศีรษะที่ปกคลุมเส้นผมสีดำขลับ ตอนแรกเตี่ยชะงักไป แต่พอเห็นว่าผมไม่ได้ปัดออกหรือขยับหนี ก็ลูบต่อไป

ผมหลับตาลง ปล่อยให้เตี่ยลูบหัวต่อไป หัวใจที่เต็มไปด้วยความโกรธสงบลง อ่อนยวบอย่างรวดเร็ว

ผมคงจะคิดถึงฝ่ามือออบอุ่นของเตี่ยจรืงๆ

“เตี่ยบอกไม่ได้ว่ารักหรือไม่รัก…หรือว่าแม่ของเสี่ยวหลิงเป็นใคร มาจากไหน”เตี่ยเงียบไปเล็กน้อย ก่อนจะว่าต่อ “แต่ไม่ว่ายังไง… เตี่ยรักเสี่ยวหลิงจริงๆ นะ รักมาก เสี่ยวหลิงเป็นลูกของเตี่ย สำคัญยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดในโลกนี้ เสี่ยวหลิงรู้ไหม ถ้าไม่มีเสี่ยวหลิง เตี่ยคงอยู่ไม่ได้….หรือถึงอยู่ได้ก็ไม่เป็นอย่างที่เป็นตอนนี้..

เตี่ยมีความสุขมากจริงๆที่มีเสี่ยวหลิงอยู่ด้วย”

ผมนิ่งฟังคำพูดของเตี่ย น้ำเสียงอบอุ่นนั้นแฝงเร้นด้วยความห่วงใย ฝ่ามือที่ลูบเรือนผมก็แสดงออกถึงความรักใคร่ น้ำตาของผมรื้นขึ้นมา แต่ว่าเช็ดมันออกก่อนที่เขาจะเห็น

“…นี่ เสี่ยวหลิง เตี่ยมีเรื่องจะขอร้อง จะไม่คุยด้วยก็ได้ แต่ว่ามากับเตี่ยแป๊บหนึ่งได้ไหม?”

เตี่ยเอ่ยขึ้นหลังจากเงียบพักใหญ่ ผมหันหน้าไปมอง ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ

เตี่ยยิ้มบาง จูงมือผมเอาไว้แล้วพาเดินออกไปจากห้องนอน เราก้าวย่างไปตามระเบียง จนกระทั่งถึงเสาต้นี่เต็มไปด้วยเส้นขีดเลอะเทอะราวกับระบายลงไป

กิจวัตรประจำวันของเรา

ผมกะพริบตา มองหน้าเตี่ย ตอนแรกคิดว่าจะไม่ยอม แต่เพราะว่าใจอ่อนแล้ว ยอมตามมาถึงขนาดนี้ ดังนั้นจึงทำดังเช่นทุกครั้ง

ก้าวไปยืนที่เสาเส้นนั้น รอจนเตี่ยขีดส่วนสูงเสร็จ จากนั้นก็ก้าวออกมา

ผมมองเส้นขีดเส้นนั้น เป็นครั้งแรกที่ไม่ได้ขีดทับที่เดิม บนเสาที่เต็มไปด้วยสีสันราวกับระบาย ตอนนี้ที่ส่วนบนสุดของสีสันเหล่านั้น มีเส้นขีดที่โดดเด่นขึ้นมาท่ามกลางกลุ่มก้อนที่จับตัวอย่างไร้ระเบียบอยู่บนเสาต้นนั้น

ผมเบิกตาเล็กน้อยด้วยความแปลกใจ ก่อนจะเงยหน้ามองเตี่ย บนสีหน้าอิดโรยเคร่งเครียดที่หมองหม่นมาหลายวัน บัดนี้มีรอยยิ้มสดใสปรากฏขึ้นราวกับแสงสว่าง

โล่งใจ ดีใจ สุขใจ

เตี่ยยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ก่อนจะก้มลงมองผม กล่าวด้วยน้ำเสียงสดใสอ่อนโยน “..เสี่ยวหลิงโตขึ้นอีกแล้ว เนอะ”

พอเห็นรอยยิ้มและได้ยินน้ำเสียงของเตี่ย ผมก็นิ่งไป มีอะไรบางอย่างจุกขึ้นมาในอกและลำคอ

จากนั้นผมก็อ้าแขน กอดคอเตี่ยเอาไว้ แล้วปล่อยโฮออกมา

.

.

ไม่เอาแล้ว

ไม่ต้องรู้แล้วว่าทำไมเตี่ยถึงไม่เล่าเรื่องแม่ให้ฟัง ไม่ต้องรู้แล้วก็ได้ว่ารักหรือไม่รักแม่  แล้ววันนั้นคุยเรื่องอะไรกัน ช่างมัน ช่างมันให้หมด ผมไม่อยากรู้แล้ว ไม่เอาแล้วก็ได้

ผมรักเตี่ย อยากอยู่กับเตี่ย แล้วเตี่ยก็รักผม แค่นั้นพอแล้วนี่นา ไม่เห็นต้องอยากรู้เรื่องของคนที่ไม่เคยเจอหน้าเลย ไม่สำคัญอะไรแล้ว ทำไมผมต้องทำร้ายเตี่ยที่ผมรักมากๆ เพราะคนที่ไม่รู้จักด้วย

ไม่เอาแล้ว

ผมร้องไห้โฮ กอดเตี่ยเอาไว้แน่น เขาดูตกใจที่จู่ๆ ผมก็ร้องไห้ แต่ก็อุ้มผมขึ้นมาแล้วลูบหัว เขย่าตัวผม ฮัมเสียงในลำคอ ไม่ได้บอกให้หยุดร้องไห้ ไม่ได้พูดอะไร แต่ลูบหัวกับหลังผม และเพียงแค่นั้น ผมก็รู้สึกว่าน้ำตาไหลออกมาอีก

ผมรู้สึกว่าตัวเองช่างไม่เป็นลูกผู้ชายเสียเลย ผมร้องไห้อีกแล้ว ช่วงนี้ร้องไห้บ่อยเหลือเกิน ทำไมถึงอ่อนแอแบบนี้นะ

แต่ว่าช่างมันเถอะ ผมรู้สึกว่ากับเตี่ยผมจะร้องไห้แค่ไหนก็ได้ ไม่เกี่ยวกับเป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิง

เพราะว่าเป็นพ่อลูกกัน

วันนั้นผมร้องไห้หนักมาก ชนิดที่ไม่เคยร้องมาก่อน ร้องจนตาบวมแดง เหนื่อยอ่อนหลบไปตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบ แต่พอตื่ขึ้นมา ก็เห็นว่าตัวเองอยู่ในอ้อมแขนของเตี่ย ดูเหมือนเตี่ยจะกอดผมไว้ คอยปลอบทั้งคืนจนหลับไป

ซักพัก เตี่ยก็ตื่นขึ้นมา ผมเลยพึมพำไปว่าขอโทษ

เตี่ยยิ้มแฉ่ง บอกว่าไม่โกรธมาแต่แรกแล้ว แค่อยากคืนดีด้วย คุยกันเหมือนเดิม เท่านั้นเอง

พอได้ยินแบบนั้น ผมยิ่งรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่ เลยโผเข้าไปกอดไว้แน่น

“รักเตี่ยนะ” ผมพึมพำบอกไป

“อืม เตี่ยก็รักเสี่ยวหลิง” เตี่ยพึมพำบอกผม ก้มลงหอมกระหม่อม ก่อนจะอุ้มผมขึ้นมาแล้วเดินออกไปจากห้อง

บรรยากาศอึดอัดตลอดเวลาเกือบสัปดาห์สลายหายไปในวันนั้นเอง



++++++++++++++++++



“เลิกทะเลากันแล้วหรือ?”

อาฮัวถามผมตอนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ในร้าน ผมสะดุ้งเฮือกมองหน้าเขา มองด้วยสายตาสงสัยว่ารู้เรื่องนี้ได้ยังไง

เขาหัวเราะ ก่อนจะเอนหลังพิงเก้าอี้ “อย่าทำหน้าตกใจเลย ฉันแค่รู้ว่าพวกนายสองพ่อลูกเมินใส่กัน แต่วันนี้อู๋เสียดูอารมณ์ดีกว่าปกติ ก็แสดงว่าคืนดีกันแล้ว ทะเลาะกันเรื่องแม่ใช่ไหม?”

….อารู้ถึงขั้นนั้นได้ยังไง

ผมคิดในใจ แต่ว่าไม่ได้ถามออกไป อาเซี่ยก็เหมือนจะรู้ แต่ไม่ยอมบอกผมว่ารู้ได้ยังไง

“ทำใจเถอะ เธออาจไม่ได้รู้เรื่องแม่ไปชั่วชีวิต” เขาลูบหัวผมเบาๆ “อีกอย่าง..รู้ไหม ดีแล้วที่อู๋เสียไม่บอกอะไรนาย ที่เขาไม่ได้บอก ก็เพราะไม่อยากโกหก มันง่ายแค่ไหนรู้ไหม ที่จะโกหกเพื่อให้เธอเลิกถาม”

พอได้ยินแบบนั้นผมก็นิ่งไป เริ่มเข้าใจอะไรมากขึ้น เตี่ยจะโกหกผมก็ได้..บอกว่าแม่ตายไปแล้ว หรือว่าหย่าร้างกันไป แต่เตี่ยไม่เคยโกหกผม

เตี่ยแค่พูดว่าบอกไม่ได้ นั่นหมายถึงแม้ไม่ยอมบอก ก็จะไม่โกหก

“..ยอมรับได้ไหม?”

ผมเงยหน้ามองอาฮัวแล้วผงกหัว

อาฮัวเห็นอย่างนั้นก็พอใจ ลูบหัวผมเบาๆ แล้วเดินไปคุยธุระกับเตี่ยต่อ ผมได้ยินเหมือนเตี่ยถามอาฮัวว่าคุยอะไรกับผม แต่ว่าอาฮัวไม่ยอมบอกเตี่ย ยิ้มยียวนใส่ตามประสาเจ้าตัว

อาหวังเหมิงดูดีใจมาก เพราะวันนี้เตี่ยอารมณ์ดีมากที่สุดในรอบสามเดือน แน่นอนว่าสาเหตุมาจากผม ดังนัน้จึงแอบซื้อนมมาให้กล่องหนึ่ง

ผมมองอาหวังเหมิงด้วยสายตาว่างเปล่า สุดท้ายยังไงก็อยากให้ผมโตขึ้นทุกวัน จะได้ไม่โดนดุอยู่ดีนี่นา

แต่ว่าผมไม่ได้ปฏิเสธมัน ยกขึ้นมาเจาะดูด

ถ้าหากว่ากินนมแล้วโตขึ้น ผมกินนมทุกวันก็ได้ ก่อนหน้านี้ไม่ได้คิดอะไร แต่ว่าตอนนี้ อยากจะโตขึ้นเรื่อยๆ

เพื่อจะได้เห็นรอยยิ้มสดใสแบบนั้นของเตี่ยบ่อยขึ้นกว่าเดิม




END CH3

TBC. CH4


แก้ไขล่าสุดโดย sinnerdarker เมื่อ Wed 14 Jan 2015, 22:55, ทั้งหมด 9 ครั้ง
sinnerdarker
sinnerdarker
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ

จำนวนข้อความ : 343
Points : 4015
Join date : 27/10/2014
ที่อยู่ : บ้านสกุลหวัง

ขึ้นไปข้างบน Go down

[Fic] บันทึกของเสี่ยวหลิง [Imply ผิงเสีย] (3) *สปอยเล่มสิบ* *ออริคาแรกเตอร์* [Update 14/01/57] Empty Re: [Fic] บันทึกของเสี่ยวหลิง [Imply ผิงเสีย] (3) *สปอยเล่มสิบ* *ออริคาแรกเตอร์* [Update 14/01/57]

ตั้งหัวข้อ by Yuwadee Wana Thu 06 Nov 2014, 23:48

ฮือออออออ สงสารเสี่ยวหลิง สงสารเตี่ยอู๋ ความลำบากใจของพ่อคนนึง ความร้อนรนของเด็กที่ขาดแม่ มันช่าง...

ฟรืดดดด เช็ดน้ำมูก มันช่าง... เสี่ยวหลิงมาอยู่กับป้ามาลูก ป้าจะเป็นแม่(?)ให้หนูเอง
Yuwadee Wana
Yuwadee Wana
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ

จำนวนข้อความ : 352
Points : 3789
Join date : 27/10/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

[Fic] บันทึกของเสี่ยวหลิง [Imply ผิงเสีย] (3) *สปอยเล่มสิบ* *ออริคาแรกเตอร์* [Update 14/01/57] Empty Re: [Fic] บันทึกของเสี่ยวหลิง [Imply ผิงเสีย] (3) *สปอยเล่มสิบ* *ออริคาแรกเตอร์* [Update 14/01/57]

ตั้งหัวข้อ by SilverCloud Fri 07 Nov 2014, 00:27

ใจนึงสงสารเสี่ยวหลิง เข้าใจว่าเด็กน้อยคงเหมือนมีปมในใจเรื่องแม่ อีกใจก็สงสารนายน้อย จะบอกลูกก็ไม่ได้ว่าเตี่ยนี่แหละแม่ของหนูเอง
SilverCloud
SilverCloud
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ

จำนวนข้อความ : 433
Points : 3901
Join date : 27/10/2014
ที่อยู่ : ตู้เสื้อผ้าของอารอง

ขึ้นไปข้างบน Go down

[Fic] บันทึกของเสี่ยวหลิง [Imply ผิงเสีย] (3) *สปอยเล่มสิบ* *ออริคาแรกเตอร์* [Update 14/01/57] Empty Re: [Fic] บันทึกของเสี่ยวหลิง [Imply ผิงเสีย] (3) *สปอยเล่มสิบ* *ออริคาแรกเตอร์* [Update 14/01/57]

ตั้งหัวข้อ by sinnerdarker Sat 08 Nov 2014, 19:56

อัพเดท บันทึกของเสี่ยวหลิง ( 8 ) เมือเทียบกับในเฟซค่ะ
sinnerdarker
sinnerdarker
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ

จำนวนข้อความ : 343
Points : 4015
Join date : 27/10/2014
ที่อยู่ : บ้านสกุลหวัง

ขึ้นไปข้างบน Go down

[Fic] บันทึกของเสี่ยวหลิง [Imply ผิงเสีย] (3) *สปอยเล่มสิบ* *ออริคาแรกเตอร์* [Update 14/01/57] Empty Re: [Fic] บันทึกของเสี่ยวหลิง [Imply ผิงเสีย] (3) *สปอยเล่มสิบ* *ออริคาแรกเตอร์* [Update 14/01/57]

ตั้งหัวข้อ by SilverCloud Sat 08 Nov 2014, 22:28

เสี่ยวหลิงเริ่มจะมีวัยต่อต้านแล้วสินะคะ ด้วงแอบดีใจเพราะดูจะเป็นสัญญาณที่ดีของการเป็นเด็ก"ปกติ" นายน้อยขาพยายามง้อเข้านะคะ เสี่ยวหลิงจะต้องยอมใจอ่อนแน่ๆ การเป็นคุณแม่ก็เป็นแบบนี้แหละค่ะ
SilverCloud
SilverCloud
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ

จำนวนข้อความ : 433
Points : 3901
Join date : 27/10/2014
ที่อยู่ : ตู้เสื้อผ้าของอารอง

ขึ้นไปข้างบน Go down

[Fic] บันทึกของเสี่ยวหลิง [Imply ผิงเสีย] (3) *สปอยเล่มสิบ* *ออริคาแรกเตอร์* [Update 14/01/57] Empty Re: [Fic] บันทึกของเสี่ยวหลิง [Imply ผิงเสีย] (3) *สปอยเล่มสิบ* *ออริคาแรกเตอร์* [Update 14/01/57]

ตั้งหัวข้อ by zerin Sun 09 Nov 2014, 17:50

อย่าว่าแต่เสี่ยวหลิงเลยค่ะ คนอ่านก็อยากรู้เรื่องหม่าม๊าเหมือนกัน(?)

เพราะฉะนั้นรอตอนต่ออยู่นะคะะ ><
zerin
zerin
ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา

จำนวนข้อความ : 188
Points : 3628
Join date : 05/11/2014
ที่อยู่ : เกาะอยู่หลังประตูสำริด

ขึ้นไปข้างบน Go down

[Fic] บันทึกของเสี่ยวหลิง [Imply ผิงเสีย] (3) *สปอยเล่มสิบ* *ออริคาแรกเตอร์* [Update 14/01/57] Empty Re: [Fic] บันทึกของเสี่ยวหลิง [Imply ผิงเสีย] (3) *สปอยเล่มสิบ* *ออริคาแรกเตอร์* [Update 14/01/57]

ตั้งหัวข้อ by faliona01 Sat 15 Nov 2014, 13:23

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
หลงรักเด็กน้อยของฟิคนี้อย่างหัวปักหัวปำ
เอ๊ย!!!!!!!!!!!! ไอตัวเล็กกกกกก
ใครเขาจะกล้าบอกว่าเเม่เอ็งเป็นครายก๊าน!!!! (หัวเราะ ฮ่าฮ่า)
เตี่ยเอ็งก็ดูแลเอ็งดีขนาดนั้น สมกับเป็นซิงเกิ้ลมัม (ตบปาก) สมกับเป็นเตี่ยดีไม่ใช่หรอ
เขาใจความรู้สึกนะ แต่ว่า เห้อ! โตเเล้วค่อยไปตามเอาทีหลังก็ได้ แต่อย่าช๊อคก็แล้วกัน
(หึหึหึ)
faliona01
faliona01
ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
ด้วงต้นไม้เทพเจ้า

จำนวนข้อความ : 261
Points : 3708
Join date : 02/11/2014
ที่อยู่ : เตียงหยกเย็นในถ้ำสุสานโบราณ

ขึ้นไปข้างบน Go down

[Fic] บันทึกของเสี่ยวหลิง [Imply ผิงเสีย] (3) *สปอยเล่มสิบ* *ออริคาแรกเตอร์* [Update 14/01/57] Empty Re: [Fic] บันทึกของเสี่ยวหลิง [Imply ผิงเสีย] (3) *สปอยเล่มสิบ* *ออริคาแรกเตอร์* [Update 14/01/57]

ตั้งหัวข้อ by kame_kazuha Sun 16 Nov 2014, 22:55

พูดกับเตี่นเถอะลูก เตี่ยจะขาดใจล่ะ
kame_kazuha
kame_kazuha
ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
ด้วงต้นไม้เทพเจ้า

จำนวนข้อความ : 274
Points : 3706
Join date : 27/10/2014
ที่อยู่ : สุสานสักที่

ขึ้นไปข้างบน Go down

[Fic] บันทึกของเสี่ยวหลิง [Imply ผิงเสีย] (3) *สปอยเล่มสิบ* *ออริคาแรกเตอร์* [Update 14/01/57] Empty Re: [Fic] บันทึกของเสี่ยวหลิง [Imply ผิงเสีย] (3) *สปอยเล่มสิบ* *ออริคาแรกเตอร์* [Update 14/01/57]

ตั้งหัวข้อ by sinnerdarker Wed 14 Jan 2015, 01:25

อัพเดท 50% หลัง

เทียบกับโน้ตใน Facebook คือ (9) ค่ะ
sinnerdarker
sinnerdarker
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ

จำนวนข้อความ : 343
Points : 4015
Join date : 27/10/2014
ที่อยู่ : บ้านสกุลหวัง

ขึ้นไปข้างบน Go down

[Fic] บันทึกของเสี่ยวหลิง [Imply ผิงเสีย] (3) *สปอยเล่มสิบ* *ออริคาแรกเตอร์* [Update 14/01/57] Empty Re: [Fic] บันทึกของเสี่ยวหลิง [Imply ผิงเสีย] (3) *สปอยเล่มสิบ* *ออริคาแรกเตอร์* [Update 14/01/57]

ตั้งหัวข้อ by fufasleepy Fri 16 Jan 2015, 19:23

อ่านรวดเดียวตั้งแต่ตอนเริ่มถึงนี่เลย เสี่ยวหลิงน่ารัก! อ่านแล้วอินมากจริงๆ เจ้าเด็กน้อยค่อยๆเติบโตขึ้นเรื่อยๆแล้ว
fufasleepy
fufasleepy
ด้วง
ด้วง

จำนวนข้อความ : 36
Points : 3434
Join date : 09/12/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

[Fic] บันทึกของเสี่ยวหลิง [Imply ผิงเสีย] (3) *สปอยเล่มสิบ* *ออริคาแรกเตอร์* [Update 14/01/57] Empty Re: [Fic] บันทึกของเสี่ยวหลิง [Imply ผิงเสีย] (3) *สปอยเล่มสิบ* *ออริคาแรกเตอร์* [Update 14/01/57]

ตั้งหัวข้อ by nuu_baitoey Fri 17 Jul 2015, 18:04

ตอนนี้ซึ้งมากเลยค่ะ น่ารักทั้งพ่อทั้งลูกเลยน้าา ไม่สิๆ ต้องบอกว่าทั้ง "แม่" ทั้งลูกถึงจะถูกเนอะ555+
nuu_baitoey
nuu_baitoey
ด้วง
ด้วง

จำนวนข้อความ : 31
Points : 3462
Join date : 27/10/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

ขึ้นไปข้างบน

- Similar topics
» [Fic] บันทึกของเสี่ยวหลิง [Imply ผิงเสีย] (3.5) *สปอยเล่มสิบ* *ออริคาแรกเตอร์*
» [Fic] บันทึกของเสี่ยวหลิง [Imply ผิงเสีย] (2) *สปอยเล่มสิบ* *ออริคาแรกเตอร์*
» [Fic] บันทึกของเสี่ยวหลิง [ผิงเสีย] (1) *สปอยเล่มสิบ* *ออริคาแรกเตอร์*
» [Fic] บันทึกของเสี่ยวหลิง (5) *สปอยเล่มสิบ* *ออริคาแรกเตอร์*
» [Fic] บันทึกของเสี่ยวหลิง (7) *สปอยเล่มสิบ* *ออริคาแรกเตอร์*

 
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ