Countdown
We've been
togerther for
ค้นหา
Latest topics
Most active topics
[ AU Fic ] one first step : begin+prologue (ผิงเสีย)
3 posters
หน้า 1 จาก 1
[ AU Fic ] one first step : begin+prologue (ผิงเสีย)
ชื่อเรื่อง : one first step
ตอน : begin
ผู้แต่ง : [huatian / โมโมทาโร่]
แอ๊ด..
เสียงลั่นของบ้านพับประตูรั้วไม้สีขาวดังก้อง แต่คงไม่มีใครได้ยิน เพราะเจ้าของมือเรียวยาวแต่ทว่าแข็งกระด้างที่กำลังดันประตูรั้วอย่างช้าๆ มั่นใจว่าตรงนี้มีเขาอยู่คนเดียวเท่านั้น
ชมรมเกษตรร้างผู้คน เพราะไม่มีลูกคุณหนูที่ไหนในโรงเรียนี้อยากอยู่กับหญ้ากับดิน แต่มันเป็นบริเวณที่เขากลับชอบมากที่สุด เพราะมันร่มรื่นและเงียบสงบ หญ้าสีเขียวหนานุ่มได้รับการดูแลตัดแต่งอย่างดีอย่างดีไม่ต่างเดินอยู่บนพรม แปลงดอกไม้ที่ตอนนี้กำลังออกดอกบานสะพรั่ง และแปลงผักสวนครัวที่ออกผลเพราะไดรับการเอาใจใส่จากคนในชมรมที่มีสมาชิกแค่สองคนเท่านั้น
นั่นคือเขาและเพื่อนสนิทอีกหนึ่งคน
เรียวขาวยาวเดินตรงไปยังต้นไม้ใหญ่ใจกลางสวนเกษตรที่แผ่กิ่งก้านจนคลุมมิดทั้งสวนไม่ต่างหลังคา ร่มรื่นสบายแต่ยังพอมีแสงแดดส่องลงมาแก่แปลงผักและแปลงดอกไม้
เขาล้มตัวลงนอน เปลือกตาทั้งสองกำลังจะปิด แต่ทว่าสองหูของเขาแว่วเสียงแผ่วเบาเสียก่อน
“ช่วยด้วย”
เขากวาดสายตามองไปรอบๆ ด้วยความแปลกใจ ถ้าเป็นคงอื่นอาจโวยวายว่าผีหลอก แต่สำหรับเขาแล้ว เขาไม่เชื่อเรื่องพวกนั้น และนี่มันก็กลางวันแสกๆ ด้วย
“ช่วยด้วย”
“นายที่อยู่ใต้ต้นไม้น่ะ ช่วยด้วย”
ครั้งนี้เขาเงยหน้าขึ้นไปบนต้นไม้โดยทันที ก่อนจะขมวดคิ้วแปลกใจที่เห็นใครบางคนเกาะอยู่บนกิ่งไม้ ต้นไม้สูงขนาดนี้ขึ้นไปได้อย่างไรกัน แล้วที่อยู่ในมือนั้น..
ลูกแมว ตัวสีดำสนิท
แม้คนคนนั้นจะอยู่สูงกว่าจนมองเห็นหน้าไม้ชัดเจนนัก แต่ไอ้ก้อนขนดำๆ นั้นมันลูกแมวไม่ผิดแน่
“ขึ้นไปได้ไง” ถึงจะไม่อยากพูดอะไรก็เถอะ แต่เวลานี้มันคงจำเป็นต้องถามนั่นแหละ
“ก็.. ลูกแมว ขึ้นมาเลยปีนตาม รู้ตัวอีกทีก็อยู่บนนี้แล้ว”
งี่เง่า
นั่นคือคำแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวเมื่อได้ฟังคำตอบจากอีกคน
“โดดลงมา” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเนิบนาบแล้วกางแขนออกเตรียมรับคนที่อยู่บนต้นไม้
“เฮ้ย! จะดีหรอ”
“รีบลงมาเถอะ” น้ำเสียงเริ่มเข้มขึ้นเล็กน้อยเพราะเริ่มจะเบื่อคนที่มาขอให้ช่วย แต่พอจะช่วยกลับมาทำท่าทางเกรงใจ มาถึงขั้นนี้ก็มีแต่วิธีนี้ บันไดเหล็กของชมรมเกษตรสูงไม่พอที่จะพาดไปถึงยอดไม้
“ถ้างั้น ฉันโดดนะ”
.
.
.
“พร้อมนะ มูมิน”
เขากลอกตาไปมาเมื่อเห็นความ ‘เยอะ’ ของคนที่หันไปพูดกับลูกแมว ทำเป็นถ่ายหนังไปได้ ‘เธอโดด ฉันโดด จำได้ไหม’
วูบ~
ผลัก!
“อั๊ก!”
อุทานด้วยความจุกเมื่อร่างของคนบนต้นไม้พร้อมลูกแมวหนึ่งตัวโดดลงมาเต็มรักจนคนสองคนและแมวหนึ่งตัวกลิ้งไปกับพื้น คนหวังดียอมเป็นที่รองรับจุกจนพูดไม่ออก
“ขอโทษนะ เจ็บหรือเปล่า”
เจ็บสิ ถามได้
อยากตอบไปแบบนั้น แต่ตอนนี้จุกหนักจนแทบพูดไม่เป็นคำ
“ขอโทษนะ ขอโทษจริง เจ็บมากไหม ให้ไปห้องพยาบาลหรือเปล่า”
เขารีบโบกมือไปมาพลางทำมือเป็นสัญลักษณ์โอเค พยายามข่มความหงุดหงิดลงไม่ให้แสดงออกทางสีหน้า เพราะตอนนี้ทั้งจุกทั้งโมโห
แต่ช่างถอะ อย่างไรเขาก็ได้ฉายาว่านายหน้าน้ำแข็งอยู่แล้ว คงไม่ได้หลุดสีหน้าหงุดหงิดออกไปให้อีกคนได้เห็นหรอก
“ว่าแต่.. นายชื่ออะไรหรอ” คนถูกถามชะงักไปเล็กน้อย มือหนากุมท้องเอาไว้แล้วค่อยๆ พยุงตัวเองไปพิงต้นไม้ รู้สึกลังเลว่าควรจะบอกชื่อดีหรือเปล่า
“ฉันชื่อ ‘อู๋ เสีย’ นายจะเรียกฉันว่า อู๋เสีย เสี่ยวเสีย นายน้อย นายน้อยสาม หรืออะไรก็ได้ทั้งนั้น ฉันหันหมด”
เขาหันไปมองคนที่นั่งอยู่กับพื้นด้วยความไม่เข้าใจว่าคนอะไรมันจะอัธยาศัยดีได้ขนาดนี้ มือหนาแต่ดูแล้วท่าทางจะนุ่มนิ่มกำลังลูบหัวลูกแมวตัวก่อปัญหาไปมาจนเจ้าขนสีเข้มนั้นตาปรือ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มบางๆ ให้
“ฉี่หลิง”
เขาตอบเสียงห้วนพลางหันไปมองทางอื่น
“อ่อ.. ฉี่หลิง”
“ยินดีที่ได้รู้จักนะ ฉี่หลิง”
วันนี้อู๋เสียรู้สึกแปลกๆ
ไม่สิ ต้องบอกว่ารู้สึกแปลกๆ มาหลายวันแล้ว
ใบหน้าเรียบนิ่งเหมือนเป็นตะคริวนั้น ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมออกไปจากหัวเสียที ทำเอาเขาเรียนไม่รู้เรื่องจนต้องกลับไปอ่านหนังสือทบทวนเองที่บ้าน
“เป็นอะไรไปเสี่ยวเสีย ดูเหม่อๆ นะ”
คนที่กำลังคนแป้งเค้กอยู่ชะงักไป ก่อนจะหันไปมองอีกผ่ายด้วยสีหน้างุนงง
“ไม่ต้องมาทำหน้าเอ๋อเลยอู๋เสีย สองสามวันมานี้เอาแต่เหม่ออยู่ได้”
“ก็ไม่มีอะไรหรอก”
อู๋เสียตอบแบบขอไปที เพราะแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นถึงได้คิดถึงคนคนนั้นไม่หยุด ทั้งเสียงเรียบนิ่งที่บอกว่าให้เขากระโดดลงมาจากต้นไม้ ท่าทางเฉยชาที่ดูเหมือนจะไม่สนใจอะไรแต่ก็ยอมช่วย
ที่จริงก็ดูเหมือนจะเป็นคนใจดีเหมือนกัน
“แล้วยิ้มอะไรอยู่คนเดียว”
อู๋เสียสะดุ้ง ก่อนจะหันไปมองเพื่อนแล้วโบกมือไปมา พูดเสียงเบาว่าเปล่า ไม่มีอะไร
เพื่อนคนนี้ของอู๋เสียคือเซี่ย อวี่ฮัว หรือที่อู๋เสียเรียกจนชินปากว่าเสี่ยวฮัว เป็นผู้ชายหน้าหล่อออกหวาน แต่ได้รับความนิยมมากเลยทีเดียว ดูได้จากฉายาเจ้าชายของโรงเรียนที่นักเรียนหญิงหลายคนพร้อมใจกันตั้งให้
แต่ใครจะไปรู้ว่าเจ้าชายของโรงเรียนมีงานอดิเรกคือทำขนมเค้ก แล้วเพื่อสนิทอย่างเขาก็ต้องรับกรรมไปเพราะโดนลากให้มาอยู่ชมรมทำขนมด้วยกัน
‘ชมรมทำขนมสาวๆ เยอะ จะตาย นายต้องขอบคุณฉันด้วยซ้ำ ที่ทำให้ผู้ชายธรรมดาๆ อย่างนายได้ใกล้ชิดกับสาวๆ’
เสี่ยวฮัวเขาว่าอย่างนั้น แล้วอู๋เสียก็ได้แตเออๆ ออๆ ตามไป
“ไม่ล่ะ ฉันว่ามี”
นั่นไง เดาไม่ผิดเลยว่าเสี่ยวฮัวจะต้องจี้ให้อู๋เสียพูดให้ได้
“อย่าโกหกฉัน อู๋เสีย”
“ฉันเป็นเพื่อนนายนะ”
“นายเคยสัญญาว่ามีอะไรจะบอกฉันเป็นคนแรก”
“นายบอกว่าฉันเป็นที่ปรึกษาที่ดีไม่ใช่หรอ”
“นั่นสินะ จากนี้คงต้องใช้คำว่า ‘เคยเป็น’ นายคงไปปรึกษาคนอื่นที่ไม่ใช่ฉันแล้วสินะ”
“โอเคๆ ฉันยอมแล้ว” อู๋เสียยกมือยอมแพ้ “ที่จริงมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรขนาดนั้น เพียงแต่ว่า”
อู๋เสียกลอกตาไปมาเมื่อเห็นแววตาเป็นประกายของเสี่ยวฮัวเหมือนอยากจะให้อู๋เสียรีบๆ เล่า หากคนเรามีหูและหาง ตอนนี้หูและหางของเสี่ยวฮัวคงกำลังส่ายไปมาแน่ๆ
“ก็.. ฉันเจอคนคนหนึ่ง ไม่รู้สิ มันแบบว่า ตอนนี้ฉันยังนึกถึงเขาอยู่ตลอดเวลาเลยหลังจากที่ได้เจอกัน”
“จริงดิ?”
“อืม เขาช่วยฉันเอาไว้ตอนกำลังโดดลงมาจากต้นไม้ คือ ฉันขึ้นไปรับเจ้ามูมินแต่ลงมาไม่ได้ แล้วเขาก็ช่วย เขาดูใจดีมากเลยนายว่าไหม ต้นไม้สูงขนาดนั้นแต่ยอมช่วยรับตัวฉันเอาไว้ตอนโดดลงมา เขาดูจะจุกด้วยตอนฉันร่วงลงมาทับเขา เขาต้องเจ็บมากแน่เลย”
อู๋เสียยังคงพูดวกไปวนมาจนเสี่ยวฮัวเริ่มสมองหมุนติ้ว มือเรียวยกขึ้นห้ามเอาไว้ให้เพื่อนหยุดพูดก่อน
“สรุปง่ายๆ คือ นายปีนไปช่วยมูมินแต่ลงมาไม่ได้ แล้วเขาคนนั้นเลยบอกให้นายกระโดดลงมา ส่วนตัวเขารอรับอยู่ข้างล่าง ถูกไหม”
“ใช่”
“นั่นมันเลยทำให้นายรู้สึกว่าเขาใจดี”
“ก็นั่นแหละ”
“แล้วตอนนี้ หน้าของเขาก็ลอยอยู่รอบๆ ตัวนาย ไม่ต่างจากวิญญาณที่ยังตามติด”
“มันไม่ขนาดนั้นไหมเสี่ยวฮัว แค่.. นึกถึงเขาแล้วมันหุบยิ้มไม่ได้ ไม่รู้ทำไม”
“ง่ายมาก! นายน้อยสาม” เสี่ยวฮัวตอกกำปั้นลงฝ่ามือ แววตาเป็นประกายอย่างนึกสนุก
ส่วนอู๋เสียก็รอฟังที่เสี่ยวฮัวจะพูด
“นายชอบเขา”
.
.
.
.
“บ้า!”
ไม่รู้ว่าทำไมท่าทางงี่เง่าของคนคนนั้นยังคงตามมาหลอกหลอน และที่มันน่าหงุดหงิดก็เพราะตัวเขาไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดที่มีใบหน้าของคนคนนั้นลอยไปลอยมาอยู่ในหัวแบบนี้
“เป็นอะไรไปน้องเสี่ยวเกอ อมยิ้มมุมปากอยู่ได้ เสี่ยอ้วนเห็นแล้วขนลุกเป็นบ้า”
เขาส่ายหน้าไปมา เขากำลังยิ้มอยู่อย่างนั้นหรอ มันเป็นไปไม่ได้หรอก
“แล้วถามจริงเถอะนะน้องเสี่ยวเกอ นึกยังไงถึงมาชมรมทำขนม”
เขาสะดุ้ง ก่อนจะส่ายหน้าไปมาอีกครั้งแล้วรีบเดินผ่านห้องชมรมไป เขาไม่ได้ตั้งใจจะมาสักหน่อย ชมรมทำขนมเป็นทางผ่านไปชมรมเกษตร
“น้องเสี่ยวเกอ ชมรมเราไปทางนี้”
คนถูกเรียกชะงักเท้า ก่อนจะเดินตามนายอ้วนไปช้าๆ
เปล่าหรอก เขาไม่ได้อยากมา ก็แค่เดินผ่าน
แล้วเขา ก็ไม่ได้กำลังมองคนที่กำลังใช้ไม้คนแป้งคนแป้งในชามสเตนเลสอย่างเอาเป็นเอาตายด้วย
------------------------
สวัสดีค่ะ แนะนำตัวนะคะ huatian หรือ โมโมทาโร่ เป็นด้วยฝึกหัด และเป็นมือใหม่ในการเขียนฟิคค่ะ
ขอฝากฟิคเรื่องนี้ด้วยนะคะ พล็อตเรื่องก็เดิมๆ ค่ะ หากน่าเบื่อไปก็ขอโทษนะ แต่จะไม่เลิกเขียนค่ะ จะหน้าด้านเขียนต่อ (ฮ่าๆๆๆๆ)
หากภาษาที่ใช้มีข้อผิดพลาด ใช้สำนวนภาษาที่ไม่ถูกต้อง หรือสะกดคำผิดๆ ถูกๆ เราน้อมรับคำติเตียนและพร้อมแก้ไขนะคะ
เรื่องนี้เป็น AU ค่ะ เสี่ยวเกอไม่ได้ลงสุสาน แต่มาปลูกผักในชมรมแทนค่ะ แต่ถึงจะปลูกผักก็ยังหล่อค่ะเชื่อเถอะ แหะๆ (เราขอโทษ/TT)
ตอน : begin
ผู้แต่ง : [huatian / โมโมทาโร่]
หากอยากปลูกต้นไม้สักต้น เราต้องรดน้ำแค่วันละนิด แต่รดทุกวัน เพื่อให้มันโตช้าๆ
แล้วถ้าหากเมล็ดพันธุ์ที่เรียกว่าความรัก กำลังเริ่มโต เราจะโหมรดน้ำเพื่อให้มันโตเร็วๆ แบบนั้นมันจะดีจริงๆ หรอ ต้นไม้จะไม่รากเน่าตายเพราะน้ำเยอะเกินหรืออย่างไร
แล้วถ้าฉันอยากจะอยู่ใกล้ๆ เธอ ฉันควรวิ่งไปข้างหน้า หรือควรเดินตามเธอไปอย่างช้าๆ เพื่อให้เธอได้มองเห็นฉันชัดเจน เพื่อให้เราค่อยๆ ขยับมาใกล้กันทีละก้าว
แล้วถ้าหากเมล็ดพันธุ์ที่เรียกว่าความรัก กำลังเริ่มโต เราจะโหมรดน้ำเพื่อให้มันโตเร็วๆ แบบนั้นมันจะดีจริงๆ หรอ ต้นไม้จะไม่รากเน่าตายเพราะน้ำเยอะเกินหรืออย่างไร
แล้วถ้าฉันอยากจะอยู่ใกล้ๆ เธอ ฉันควรวิ่งไปข้างหน้า หรือควรเดินตามเธอไปอย่างช้าๆ เพื่อให้เธอได้มองเห็นฉันชัดเจน เพื่อให้เราค่อยๆ ขยับมาใกล้กันทีละก้าว
แอ๊ด..
เสียงลั่นของบ้านพับประตูรั้วไม้สีขาวดังก้อง แต่คงไม่มีใครได้ยิน เพราะเจ้าของมือเรียวยาวแต่ทว่าแข็งกระด้างที่กำลังดันประตูรั้วอย่างช้าๆ มั่นใจว่าตรงนี้มีเขาอยู่คนเดียวเท่านั้น
ชมรมเกษตรร้างผู้คน เพราะไม่มีลูกคุณหนูที่ไหนในโรงเรียนี้อยากอยู่กับหญ้ากับดิน แต่มันเป็นบริเวณที่เขากลับชอบมากที่สุด เพราะมันร่มรื่นและเงียบสงบ หญ้าสีเขียวหนานุ่มได้รับการดูแลตัดแต่งอย่างดีอย่างดีไม่ต่างเดินอยู่บนพรม แปลงดอกไม้ที่ตอนนี้กำลังออกดอกบานสะพรั่ง และแปลงผักสวนครัวที่ออกผลเพราะไดรับการเอาใจใส่จากคนในชมรมที่มีสมาชิกแค่สองคนเท่านั้น
นั่นคือเขาและเพื่อนสนิทอีกหนึ่งคน
เรียวขาวยาวเดินตรงไปยังต้นไม้ใหญ่ใจกลางสวนเกษตรที่แผ่กิ่งก้านจนคลุมมิดทั้งสวนไม่ต่างหลังคา ร่มรื่นสบายแต่ยังพอมีแสงแดดส่องลงมาแก่แปลงผักและแปลงดอกไม้
เขาล้มตัวลงนอน เปลือกตาทั้งสองกำลังจะปิด แต่ทว่าสองหูของเขาแว่วเสียงแผ่วเบาเสียก่อน
“ช่วยด้วย”
เขากวาดสายตามองไปรอบๆ ด้วยความแปลกใจ ถ้าเป็นคงอื่นอาจโวยวายว่าผีหลอก แต่สำหรับเขาแล้ว เขาไม่เชื่อเรื่องพวกนั้น และนี่มันก็กลางวันแสกๆ ด้วย
“ช่วยด้วย”
“นายที่อยู่ใต้ต้นไม้น่ะ ช่วยด้วย”
ครั้งนี้เขาเงยหน้าขึ้นไปบนต้นไม้โดยทันที ก่อนจะขมวดคิ้วแปลกใจที่เห็นใครบางคนเกาะอยู่บนกิ่งไม้ ต้นไม้สูงขนาดนี้ขึ้นไปได้อย่างไรกัน แล้วที่อยู่ในมือนั้น..
ลูกแมว ตัวสีดำสนิท
แม้คนคนนั้นจะอยู่สูงกว่าจนมองเห็นหน้าไม้ชัดเจนนัก แต่ไอ้ก้อนขนดำๆ นั้นมันลูกแมวไม่ผิดแน่
“ขึ้นไปได้ไง” ถึงจะไม่อยากพูดอะไรก็เถอะ แต่เวลานี้มันคงจำเป็นต้องถามนั่นแหละ
“ก็.. ลูกแมว ขึ้นมาเลยปีนตาม รู้ตัวอีกทีก็อยู่บนนี้แล้ว”
งี่เง่า
นั่นคือคำแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวเมื่อได้ฟังคำตอบจากอีกคน
“โดดลงมา” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเนิบนาบแล้วกางแขนออกเตรียมรับคนที่อยู่บนต้นไม้
“เฮ้ย! จะดีหรอ”
“รีบลงมาเถอะ” น้ำเสียงเริ่มเข้มขึ้นเล็กน้อยเพราะเริ่มจะเบื่อคนที่มาขอให้ช่วย แต่พอจะช่วยกลับมาทำท่าทางเกรงใจ มาถึงขั้นนี้ก็มีแต่วิธีนี้ บันไดเหล็กของชมรมเกษตรสูงไม่พอที่จะพาดไปถึงยอดไม้
“ถ้างั้น ฉันโดดนะ”
.
.
.
“พร้อมนะ มูมิน”
เขากลอกตาไปมาเมื่อเห็นความ ‘เยอะ’ ของคนที่หันไปพูดกับลูกแมว ทำเป็นถ่ายหนังไปได้ ‘เธอโดด ฉันโดด จำได้ไหม’
วูบ~
ผลัก!
“อั๊ก!”
อุทานด้วยความจุกเมื่อร่างของคนบนต้นไม้พร้อมลูกแมวหนึ่งตัวโดดลงมาเต็มรักจนคนสองคนและแมวหนึ่งตัวกลิ้งไปกับพื้น คนหวังดียอมเป็นที่รองรับจุกจนพูดไม่ออก
“ขอโทษนะ เจ็บหรือเปล่า”
เจ็บสิ ถามได้
อยากตอบไปแบบนั้น แต่ตอนนี้จุกหนักจนแทบพูดไม่เป็นคำ
“ขอโทษนะ ขอโทษจริง เจ็บมากไหม ให้ไปห้องพยาบาลหรือเปล่า”
เขารีบโบกมือไปมาพลางทำมือเป็นสัญลักษณ์โอเค พยายามข่มความหงุดหงิดลงไม่ให้แสดงออกทางสีหน้า เพราะตอนนี้ทั้งจุกทั้งโมโห
แต่ช่างถอะ อย่างไรเขาก็ได้ฉายาว่านายหน้าน้ำแข็งอยู่แล้ว คงไม่ได้หลุดสีหน้าหงุดหงิดออกไปให้อีกคนได้เห็นหรอก
“ว่าแต่.. นายชื่ออะไรหรอ” คนถูกถามชะงักไปเล็กน้อย มือหนากุมท้องเอาไว้แล้วค่อยๆ พยุงตัวเองไปพิงต้นไม้ รู้สึกลังเลว่าควรจะบอกชื่อดีหรือเปล่า
“ฉันชื่อ ‘อู๋ เสีย’ นายจะเรียกฉันว่า อู๋เสีย เสี่ยวเสีย นายน้อย นายน้อยสาม หรืออะไรก็ได้ทั้งนั้น ฉันหันหมด”
เขาหันไปมองคนที่นั่งอยู่กับพื้นด้วยความไม่เข้าใจว่าคนอะไรมันจะอัธยาศัยดีได้ขนาดนี้ มือหนาแต่ดูแล้วท่าทางจะนุ่มนิ่มกำลังลูบหัวลูกแมวตัวก่อปัญหาไปมาจนเจ้าขนสีเข้มนั้นตาปรือ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มบางๆ ให้
“ฉี่หลิง”
เขาตอบเสียงห้วนพลางหันไปมองทางอื่น
“อ่อ.. ฉี่หลิง”
“ยินดีที่ได้รู้จักนะ ฉี่หลิง”
วันนี้อู๋เสียรู้สึกแปลกๆ
ไม่สิ ต้องบอกว่ารู้สึกแปลกๆ มาหลายวันแล้ว
ใบหน้าเรียบนิ่งเหมือนเป็นตะคริวนั้น ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมออกไปจากหัวเสียที ทำเอาเขาเรียนไม่รู้เรื่องจนต้องกลับไปอ่านหนังสือทบทวนเองที่บ้าน
“เป็นอะไรไปเสี่ยวเสีย ดูเหม่อๆ นะ”
คนที่กำลังคนแป้งเค้กอยู่ชะงักไป ก่อนจะหันไปมองอีกผ่ายด้วยสีหน้างุนงง
“ไม่ต้องมาทำหน้าเอ๋อเลยอู๋เสีย สองสามวันมานี้เอาแต่เหม่ออยู่ได้”
“ก็ไม่มีอะไรหรอก”
อู๋เสียตอบแบบขอไปที เพราะแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นถึงได้คิดถึงคนคนนั้นไม่หยุด ทั้งเสียงเรียบนิ่งที่บอกว่าให้เขากระโดดลงมาจากต้นไม้ ท่าทางเฉยชาที่ดูเหมือนจะไม่สนใจอะไรแต่ก็ยอมช่วย
ที่จริงก็ดูเหมือนจะเป็นคนใจดีเหมือนกัน
“แล้วยิ้มอะไรอยู่คนเดียว”
อู๋เสียสะดุ้ง ก่อนจะหันไปมองเพื่อนแล้วโบกมือไปมา พูดเสียงเบาว่าเปล่า ไม่มีอะไร
เพื่อนคนนี้ของอู๋เสียคือเซี่ย อวี่ฮัว หรือที่อู๋เสียเรียกจนชินปากว่าเสี่ยวฮัว เป็นผู้ชายหน้าหล่อออกหวาน แต่ได้รับความนิยมมากเลยทีเดียว ดูได้จากฉายาเจ้าชายของโรงเรียนที่นักเรียนหญิงหลายคนพร้อมใจกันตั้งให้
แต่ใครจะไปรู้ว่าเจ้าชายของโรงเรียนมีงานอดิเรกคือทำขนมเค้ก แล้วเพื่อสนิทอย่างเขาก็ต้องรับกรรมไปเพราะโดนลากให้มาอยู่ชมรมทำขนมด้วยกัน
‘ชมรมทำขนมสาวๆ เยอะ จะตาย นายต้องขอบคุณฉันด้วยซ้ำ ที่ทำให้ผู้ชายธรรมดาๆ อย่างนายได้ใกล้ชิดกับสาวๆ’
เสี่ยวฮัวเขาว่าอย่างนั้น แล้วอู๋เสียก็ได้แตเออๆ ออๆ ตามไป
“ไม่ล่ะ ฉันว่ามี”
นั่นไง เดาไม่ผิดเลยว่าเสี่ยวฮัวจะต้องจี้ให้อู๋เสียพูดให้ได้
“อย่าโกหกฉัน อู๋เสีย”
“ฉันเป็นเพื่อนนายนะ”
“นายเคยสัญญาว่ามีอะไรจะบอกฉันเป็นคนแรก”
“นายบอกว่าฉันเป็นที่ปรึกษาที่ดีไม่ใช่หรอ”
“นั่นสินะ จากนี้คงต้องใช้คำว่า ‘เคยเป็น’ นายคงไปปรึกษาคนอื่นที่ไม่ใช่ฉันแล้วสินะ”
“โอเคๆ ฉันยอมแล้ว” อู๋เสียยกมือยอมแพ้ “ที่จริงมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรขนาดนั้น เพียงแต่ว่า”
อู๋เสียกลอกตาไปมาเมื่อเห็นแววตาเป็นประกายของเสี่ยวฮัวเหมือนอยากจะให้อู๋เสียรีบๆ เล่า หากคนเรามีหูและหาง ตอนนี้หูและหางของเสี่ยวฮัวคงกำลังส่ายไปมาแน่ๆ
“ก็.. ฉันเจอคนคนหนึ่ง ไม่รู้สิ มันแบบว่า ตอนนี้ฉันยังนึกถึงเขาอยู่ตลอดเวลาเลยหลังจากที่ได้เจอกัน”
“จริงดิ?”
“อืม เขาช่วยฉันเอาไว้ตอนกำลังโดดลงมาจากต้นไม้ คือ ฉันขึ้นไปรับเจ้ามูมินแต่ลงมาไม่ได้ แล้วเขาก็ช่วย เขาดูใจดีมากเลยนายว่าไหม ต้นไม้สูงขนาดนั้นแต่ยอมช่วยรับตัวฉันเอาไว้ตอนโดดลงมา เขาดูจะจุกด้วยตอนฉันร่วงลงมาทับเขา เขาต้องเจ็บมากแน่เลย”
อู๋เสียยังคงพูดวกไปวนมาจนเสี่ยวฮัวเริ่มสมองหมุนติ้ว มือเรียวยกขึ้นห้ามเอาไว้ให้เพื่อนหยุดพูดก่อน
“สรุปง่ายๆ คือ นายปีนไปช่วยมูมินแต่ลงมาไม่ได้ แล้วเขาคนนั้นเลยบอกให้นายกระโดดลงมา ส่วนตัวเขารอรับอยู่ข้างล่าง ถูกไหม”
“ใช่”
“นั่นมันเลยทำให้นายรู้สึกว่าเขาใจดี”
“ก็นั่นแหละ”
“แล้วตอนนี้ หน้าของเขาก็ลอยอยู่รอบๆ ตัวนาย ไม่ต่างจากวิญญาณที่ยังตามติด”
“มันไม่ขนาดนั้นไหมเสี่ยวฮัว แค่.. นึกถึงเขาแล้วมันหุบยิ้มไม่ได้ ไม่รู้ทำไม”
“ง่ายมาก! นายน้อยสาม” เสี่ยวฮัวตอกกำปั้นลงฝ่ามือ แววตาเป็นประกายอย่างนึกสนุก
ส่วนอู๋เสียก็รอฟังที่เสี่ยวฮัวจะพูด
“นายชอบเขา”
.
.
.
.
“บ้า!”
ไม่รู้ว่าทำไมท่าทางงี่เง่าของคนคนนั้นยังคงตามมาหลอกหลอน และที่มันน่าหงุดหงิดก็เพราะตัวเขาไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดที่มีใบหน้าของคนคนนั้นลอยไปลอยมาอยู่ในหัวแบบนี้
“เป็นอะไรไปน้องเสี่ยวเกอ อมยิ้มมุมปากอยู่ได้ เสี่ยอ้วนเห็นแล้วขนลุกเป็นบ้า”
เขาส่ายหน้าไปมา เขากำลังยิ้มอยู่อย่างนั้นหรอ มันเป็นไปไม่ได้หรอก
“แล้วถามจริงเถอะนะน้องเสี่ยวเกอ นึกยังไงถึงมาชมรมทำขนม”
เขาสะดุ้ง ก่อนจะส่ายหน้าไปมาอีกครั้งแล้วรีบเดินผ่านห้องชมรมไป เขาไม่ได้ตั้งใจจะมาสักหน่อย ชมรมทำขนมเป็นทางผ่านไปชมรมเกษตร
“น้องเสี่ยวเกอ ชมรมเราไปทางนี้”
คนถูกเรียกชะงักเท้า ก่อนจะเดินตามนายอ้วนไปช้าๆ
เปล่าหรอก เขาไม่ได้อยากมา ก็แค่เดินผ่าน
แล้วเขา ก็ไม่ได้กำลังมองคนที่กำลังใช้ไม้คนแป้งคนแป้งในชามสเตนเลสอย่างเอาเป็นเอาตายด้วย
------------------------
สวัสดีค่ะ แนะนำตัวนะคะ huatian หรือ โมโมทาโร่ เป็นด้วยฝึกหัด และเป็นมือใหม่ในการเขียนฟิคค่ะ
ขอฝากฟิคเรื่องนี้ด้วยนะคะ พล็อตเรื่องก็เดิมๆ ค่ะ หากน่าเบื่อไปก็ขอโทษนะ แต่จะไม่เลิกเขียนค่ะ จะหน้าด้านเขียนต่อ (ฮ่าๆๆๆๆ)
หากภาษาที่ใช้มีข้อผิดพลาด ใช้สำนวนภาษาที่ไม่ถูกต้อง หรือสะกดคำผิดๆ ถูกๆ เราน้อมรับคำติเตียนและพร้อมแก้ไขนะคะ
เรื่องนี้เป็น AU ค่ะ เสี่ยวเกอไม่ได้ลงสุสาน แต่มาปลูกผักในชมรมแทนค่ะ แต่ถึงจะปลูกผักก็ยังหล่อค่ะเชื่อเถอะ แหะๆ (เราขอโทษ/TT)
huatian- ด้วงฝึกหัด
- จำนวนข้อความ : 1
Points : 2874
Join date : 19/05/2016
Re: [ AU Fic ] one first step : begin+prologue (ผิงเสีย)
น่ารักอ่า เสี่ยวเกอซึนมากๆ นายน้อยยังไร้เดียงสาเหมือนเดิม
yakusoku- ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
- จำนวนข้อความ : 369
Points : 3801
Join date : 05/11/2014
ที่อยู่ : โลงในสุสานโบราณ
Re: [ AU Fic ] one first step : begin+prologue (ผิงเสีย)
เสี่ยวเกอ >///<
Zeth- ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
- จำนวนข้อความ : 74
Points : 2656
Join date : 04/03/2017
Age : 26
ที่อยู่ : ใต้เตียงชาวบ้าน
Similar topics
» [AU FIC] Tame Me : สยบให้ได้ถ้านายแน่จริง (ผิงเสีย) Prologue
» [Fic] Lost Child [ผิงเสีย] Prologue
» [OS] #dmbjdaily '520' (ผิงเสีย :: เหม่งจาง,ผิงเสีย)
» [FIC] ซีรี่สวรรค์องค์ที่ 4 [ผิงเสีย]
» [OS] สิ่งที่ชอบที่สุด (ผิงเสีย)
» [Fic] Lost Child [ผิงเสีย] Prologue
» [OS] #dmbjdaily '520' (ผิงเสีย :: เหม่งจาง,ผิงเสีย)
» [FIC] ซีรี่สวรรค์องค์ที่ 4 [ผิงเสีย]
» [OS] สิ่งที่ชอบที่สุด (ผิงเสีย)
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|
Fri 24 Jul 2020, 01:39 by gustoon
» [คู่มือด้วง] Keyword จีนสำหรับการขุด(แฟนดอม)สุสาน
Thu 21 Jun 2018, 00:29 by miskizfullmoon
» มังฮวาและภาคทิเบต
Thu 21 Jun 2018, 00:23 by miskizfullmoon
» [OS] Father is the best (ผิงเสีย)
Thu 03 Aug 2017, 16:12 by schneewittchen
» [Fic] สิ่งเล็กๆที่เชื่อมโลก5 [เมินโหยวผิง+อู่เสีย+เสี่ยอ้วน]+OC
Tue 01 Aug 2017, 12:30 by natsume
» [OS] #dmbjdaily (จูปาจุ๊บ) Bittersweet [ผิงเสีย AU]
Thu 06 Apr 2017, 15:58 by Zeth
» [OS] #dmbjdaily "โทรศัพท์มือถือ" - no Pairing [All]
Tue 04 Apr 2017, 22:27 by Zeth
» [OS] #DMBJDaily (แว่น): ระยะที่มองไม่เห็น [ฮัวเสีย]
Sat 01 Apr 2017, 16:55 by Zeth
» [OS] #DMBJdaily (5.20) ท่านยอดฝีมือ [หวังเหมิง (+เหมิงเสีย)(+ผิงเสีย)]
Thu 30 Mar 2017, 17:24 by Zeth