Countdown
We've been
togerther for
ค้นหา
Latest topics
Most active topics
[OS] Jealous (ผิงเสีย)
3 posters
หน้า 1 จาก 1
[OS] Jealous (ผิงเสีย)
Pairing: เมินโหยวผิงxอู๋เสีย
Words: 1165
NOTE: มีสปอยด์จิ๊ดเดียวค่า น่าจะไม่คาบเกี่ยวกับภาคพิเศษภาคไหนนะคะ
ผมเคยสงสัยว่า คนที่เยือกเย็นและไม่ค่อยแสดงอารมณ์ความรู้สึกอย่างเมินโหยวผิง เวลาหึงจะเป็นอย่างไร วันนี้ผมคิดว่า ผมพอจะได้คำตอบบ้างนิดหน่อย
เสี่ยวฮัวบินจากปักกิ่งมาเยี่ยมพวกเรา นายอ้วนไม่อยู่บ้าน (ช่วงนี้ของทุกปีเขาจะไปปาหน่ายเพื่อไหว้หลุมศพและอยู่ที่นั่นคนเดียวเงียบๆ 2-3 วัน) ส่วนเมินโหยวผิงก็หลบไปหามุมสงบตามเคย ผมกำลังเบื่อๆเหงาๆก็เลยเปิดตู้เย็น หยิบเบียร์มาแพ็คหนึ่ง ชวนเสี่ยวฮัวมานั่งตามลมกินเบียร์ด้วยกันที่ระเบียงตามประสาเพื่อนที่นานๆ เจอกันที
พวกเรานั่งคุยเฮฮากันอยู่พักใหญ่ เสี่ยวฮัวแกล้งพูดอะไรสักอย่างให้ผมโมโห ผมหันไปด่า เขาหัวเราะแล้วก็ยกแขนคล้องคอผมพลางขยี้หัวผมจนยุ่ง ผมกำลังโวยวายก็เลยไม่ทันรู้สึกตัว แต่เสี่ยวฮัวกลับจับรังสีบางอย่างจากทางด้านหลังได้ เขาเหลียวไปดูแวบหนึ่ง ทำตาโตแล้วหันกลับมาสะกิดแขนผม บุ้ยใบ้ให้หันกลับไปดูบ้าง
เมินโหยวผิงยืนอยู่ตรงประตูระเบียง มองพวกผมอยู่นานแค่ไหนแล้วก็ไม่รู้ สีหน้าเขายังคงนิ่งเรียบ แต่ดวงตาสีดำคู่นั้นมีแววแปลกๆ แบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน
ผมยังไม่ทันจะออกปากอะไร ไอ้คุณชายเก้าที่รู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหางก็รีบขอตัว บอกว่ามีธุระต้องกลับไปจัดการ แล้วชิ่งหนีออกจากบ้านไปทันที ทิ้งให้ผมเผชิญหน้ากับเมินโหยวผิงตามลำพัง
เมินโหยวผิงยังคงยืนนิ่งมองผมอยู่จนกระทั่งเสียงประตูบ้านปิดลง ผมยิ้มเก้อๆ เอานิ้วเขี่ยแก้มแบบไม่รู้จะพูดอะไรดี แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจลุกจากระเบียง เดินไปอยู่ตรงหน้าเขา
“นายเป็นอะไรน่ะ” ผมถาม รู้สึกว่าวันนี้เขาแปลกกว่าทุกที
“ฉันไม่รู้” เมินโหยวผิงตอบพลางกระพริบตาปริบ “ฉันแค่รู้สึกแปลกๆ...ตอนเห็นนายอยู่กับเซี่ยอวี๋เฉิน”
ผมถามต่อ “รู้สึกแปลกๆ? แปลกยังไง”
เขาขมวดคิ้ว ดูท่าทางจะไม่เข้าใจความรู้สึกตอนนี้ของตัวเองจริงๆ แต่ก็ยังดีที่พยายามสื่อสารมันออกมาด้วยคำที่เขารู้จัก
“ฉันหงุดหงิด...โมโห...อยากเดินเข้าไปดึงนายออกมาจากตรงนั้น...แล้วฉันก็รู้สึกเศร้า...แต่มันไม่มีเหตุผล”
เขามองผมอย่างพยายามค้นหาคำตอบ “...นี่ฉันเป็นอะไร?”
พอได้ยินแบบนี้ ผมก็ยิ้มออกมา มองคนตรงหน้าที่ยังคงครุ่นคิดสงสัยด้วยสายตาเอ็นดูปนสงสารนิดหน่อย
ตลอดชีวิตอันยาวนานของเขา ไม่อาจข้องเกี่ยวเชื่อมโยงกับสิ่งใดในโลก ไม่เคยเข้าใจความรู้สึกของการเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ หรือการยึดสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นของตนเอง สมบัติที่ลงกรวยได้มาก็แลกเปลี่ยนเป็นสิ่งของที่จำเป็น อาหารมีไว้เพื่อบรรเทาความหิว เสื้อผ้ามีไว้เพื่อให้ความอบอุ่น ส่วนผู้คนที่ผ่านเข้ามา ล้วนเป็นเพียงคนที่เดินสวนทางกันไป
ฉันทบทวนดูความเกี่ยวโยงของฉันกับโลกใบนี้ ดูเหมือนเท่าที่เจอ ก็มีแต่นาย
ผมควรจะดีใจไหมนะ ที่ตัวเองเป็นสิ่งแรกในชีวิตที่ทำให้จางฉี่หลิงรู้สึกแบบนี้ได้
“เจ้าโง่...อาการแบบนี้เขาเรียกว่า หึง ไงเล่า”
ผมยังคงยิ้มอยู่เมื่อก้าวเข้าไปยืนชิดตัวเขา “ถ้าวันหลังนายหึง นายไม่ต้องยืนดูอยู่เฉยๆ หรอกนะ” ผมจับมือเย็นเขาขึ้นมากุมไว้หลวมๆ “นายแค่เดินเข้ามาจับมือฉันไว้แบบนี้ ฉันก็จะรู้แล้ว เหมือนสัญญาณไฟที่เราใช้สื่อสารกันไง”
มือที่เรียวยาวกว่าคนเท่าไปนั้นบีบมือผมเบาๆ เป็นการตอบรับ
“แล้วถ้านายรู้สึกหึงมากกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้...”
ผมนึกถึงตอนที่เด็กสาวคนนั้นเดินไปทรุดนั่งข้างเขาริมทะเลสาบ แล้วก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาบ้าง ผมจึงอ้าแขนออก โอบรอบตัวเขาเอาไว้ ความสูงของพวกเราไล่เลี่ยกัน ผมจึงสามารถวางคางลงบนบ่าอีกฝ่ายได้อย่างพอดิบพอดี
“ก็กอดฉันไว้แบบนี้นะ ฉันจะได้เลิกทำสิ่งที่นายไม่ชอบ โอเคไหม?”
เขาพยักหน้าหงึก เอื้อมแขนมาโอบรอบแผ่นหลังของผมบ้าง ผมสูดลมหายใจเข้าเบาๆ ตัวเขายังคงกรุ่นกลิ่นสมุนไพรจีนที่ทำให้รู้สึกสงบ เรากอดกันนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ผมจะดันตัวออกแล้วยิ้มกริ่ม
“แต่ถ้านายรู้สึกหึงมากกว่านี้...อื้อ...”
ผมยังพูดไม่ทันจบ เขาก็ยื่นหน้าเข้ามา แตะริมฝีปากตนเองลงบนริมฝีปากผม ก่อนจะกดย้ำหนักๆ มือเรียวยาวข้างหนึ่งเลื่อนจากเอวมาประคองต้นคอด้านหลังของผม ยึดไว้ไม่ให้หันหนี ปลายลิ้นสอดแทรกเข้ามาลิ้มรสชาติภายในปาก สูดเอาลมหายใจของผมไปอย่างละโมบ
ผมยึดต้นแขนของเขาไว้แน่น ขยับริมฝีปากตอบรับสัมผัสนั้นกลับไปอย่างหนักหน่วงไม่แพ้กัน
หึงหวง...ตักตวง...ถือสิทธิ์...แสดงความเป็นเจ้าของ...
ถ้าเป็นเขา ผมยินดีให้ทำสิ่งเหล่านี้ได้อย่างเต็มที่ ชดเชยกับช่วงเวลาอันว่างเปล่าที่ผ่านมาในชีวิต
หลายอึดใจต่อมา คนตรงหน้าจึงผละออก ผมรู้สึกว่าริมฝีปากล่างของตนเองถูกขบเม้มเบาๆ จนน่าจะแดงเจ่อขึ้นมา แล้ว เมินโหยวผิงทำตาปรอยจ้องหน้าผม แล้วถามเบาๆ ว่า
“แล้วถ้าหึงมากกว่านี้อีกล่ะ”
ใบหน้านิ่งนั้นถามเหมือนสงสัยใคร่รู้ แต่ผมกลับเห็นประกายบางอย่างในสายตาเขาที่ทำให้รู้สึกอันตรายขึ้นมาหน่อยๆ ผมเลยต้องก้าวขาถอยหนีออกมานิดหนึ่ง
“ยังจะมีหึงมากกว่านี้อีกเรอะ!”
เขาพยักหน้า ทำท่าจะขยับเข้ามาหาอีก “ถ้าหึงมากกว่านี้...ต้องทำยังไงเหรอ”
“ไม่...ไม่รู้เหมือนกัน...”
นี่ผมคิดผิดหรือคิดถูกที่มาสอนให้เขารู้จักอารมณ์หึงเนี่ย มันกลายเป็นการชี้โพรงให้กิเลนรึเปล่าฟะ
“ฉันออกไปทำงานหน่อยนะ...” ผมตัดสินใจหลบไปตั้งหลักด้วยการพยายามเดินหนี แต่อีกฝ่ายก็ยังตามประกบไม่เลิก
“อู๋เสีย...บอกหน่อยสิ....ถ้าหึงมากกว่านี้ต้องทำยังไง”
“นายไปคิดเอาเองไป๊ ฉันจะไปทำงานแล้ว”
“...ก็นายบอกว่า...”
“นายคิดเอาเองมั่งสิโว้ย!...ฉันไปละ...เฮ้ย!...”
คืนนั้น ผมก็เลยได้รู้ว่า ไอ้เสี่ยวเกอหน้านิ่งที่อยู่ข้างๆ นอกจากจะขี้ลืมอย่างร้ายกาจแล้ว ยังเป็นคนขี้หึงมาก...ขี้หึงมากๆ เลยด้วย ////
Nao’s Talk
เฮ....ฟิคใสๆ ค่า ฟิคใสๆ
ผิงเสียนี่ตั้งใจจะเขียนใสๆ ตั้งแต่แรกก็กลายเป็นหม่น เรื่องสองดันไหลไปทริลเลอร์ ในที่สุดก็เขียนแบบใสๆ ได้แล้ว (ใสมั้ยนะ?) ความจริงมีอีกพล็อตที่ยาวกว่านี้คิดไว้ก่อน แต่ตอนเช้าพล็อตนี้เกิดไหลเข้ามาในหัวเลยพิมพ์ก๊อกๆ แก๊กๆ ลงไปก่อนนะคะ
เช่นเคย อ่านแล้วชอบไม่ชอบยังไงบอกกันบ้างน้า เรามาลงเรือผิงเสียเอาตอนตลาดซา แอบเหงาจังค่า T^T
ปล.หน้าตาเสี่ยวเกอตอนถามว่า "ถ้าหึงมากกว่านี้ต้องทำยังไง" คงประมาณนี้ละมั้งคะ - ฮา
Words: 1165
NOTE: มีสปอยด์จิ๊ดเดียวค่า น่าจะไม่คาบเกี่ยวกับภาคพิเศษภาคไหนนะคะ
.....................................................................
ผมเคยสงสัยว่า คนที่เยือกเย็นและไม่ค่อยแสดงอารมณ์ความรู้สึกอย่างเมินโหยวผิง เวลาหึงจะเป็นอย่างไร วันนี้ผมคิดว่า ผมพอจะได้คำตอบบ้างนิดหน่อย
เสี่ยวฮัวบินจากปักกิ่งมาเยี่ยมพวกเรา นายอ้วนไม่อยู่บ้าน (ช่วงนี้ของทุกปีเขาจะไปปาหน่ายเพื่อไหว้หลุมศพและอยู่ที่นั่นคนเดียวเงียบๆ 2-3 วัน) ส่วนเมินโหยวผิงก็หลบไปหามุมสงบตามเคย ผมกำลังเบื่อๆเหงาๆก็เลยเปิดตู้เย็น หยิบเบียร์มาแพ็คหนึ่ง ชวนเสี่ยวฮัวมานั่งตามลมกินเบียร์ด้วยกันที่ระเบียงตามประสาเพื่อนที่นานๆ เจอกันที
พวกเรานั่งคุยเฮฮากันอยู่พักใหญ่ เสี่ยวฮัวแกล้งพูดอะไรสักอย่างให้ผมโมโห ผมหันไปด่า เขาหัวเราะแล้วก็ยกแขนคล้องคอผมพลางขยี้หัวผมจนยุ่ง ผมกำลังโวยวายก็เลยไม่ทันรู้สึกตัว แต่เสี่ยวฮัวกลับจับรังสีบางอย่างจากทางด้านหลังได้ เขาเหลียวไปดูแวบหนึ่ง ทำตาโตแล้วหันกลับมาสะกิดแขนผม บุ้ยใบ้ให้หันกลับไปดูบ้าง
เมินโหยวผิงยืนอยู่ตรงประตูระเบียง มองพวกผมอยู่นานแค่ไหนแล้วก็ไม่รู้ สีหน้าเขายังคงนิ่งเรียบ แต่ดวงตาสีดำคู่นั้นมีแววแปลกๆ แบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน
ผมยังไม่ทันจะออกปากอะไร ไอ้คุณชายเก้าที่รู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหางก็รีบขอตัว บอกว่ามีธุระต้องกลับไปจัดการ แล้วชิ่งหนีออกจากบ้านไปทันที ทิ้งให้ผมเผชิญหน้ากับเมินโหยวผิงตามลำพัง
เมินโหยวผิงยังคงยืนนิ่งมองผมอยู่จนกระทั่งเสียงประตูบ้านปิดลง ผมยิ้มเก้อๆ เอานิ้วเขี่ยแก้มแบบไม่รู้จะพูดอะไรดี แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจลุกจากระเบียง เดินไปอยู่ตรงหน้าเขา
“นายเป็นอะไรน่ะ” ผมถาม รู้สึกว่าวันนี้เขาแปลกกว่าทุกที
“ฉันไม่รู้” เมินโหยวผิงตอบพลางกระพริบตาปริบ “ฉันแค่รู้สึกแปลกๆ...ตอนเห็นนายอยู่กับเซี่ยอวี๋เฉิน”
ผมถามต่อ “รู้สึกแปลกๆ? แปลกยังไง”
เขาขมวดคิ้ว ดูท่าทางจะไม่เข้าใจความรู้สึกตอนนี้ของตัวเองจริงๆ แต่ก็ยังดีที่พยายามสื่อสารมันออกมาด้วยคำที่เขารู้จัก
“ฉันหงุดหงิด...โมโห...อยากเดินเข้าไปดึงนายออกมาจากตรงนั้น...แล้วฉันก็รู้สึกเศร้า...แต่มันไม่มีเหตุผล”
เขามองผมอย่างพยายามค้นหาคำตอบ “...นี่ฉันเป็นอะไร?”
พอได้ยินแบบนี้ ผมก็ยิ้มออกมา มองคนตรงหน้าที่ยังคงครุ่นคิดสงสัยด้วยสายตาเอ็นดูปนสงสารนิดหน่อย
ตลอดชีวิตอันยาวนานของเขา ไม่อาจข้องเกี่ยวเชื่อมโยงกับสิ่งใดในโลก ไม่เคยเข้าใจความรู้สึกของการเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ หรือการยึดสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นของตนเอง สมบัติที่ลงกรวยได้มาก็แลกเปลี่ยนเป็นสิ่งของที่จำเป็น อาหารมีไว้เพื่อบรรเทาความหิว เสื้อผ้ามีไว้เพื่อให้ความอบอุ่น ส่วนผู้คนที่ผ่านเข้ามา ล้วนเป็นเพียงคนที่เดินสวนทางกันไป
ฉันทบทวนดูความเกี่ยวโยงของฉันกับโลกใบนี้ ดูเหมือนเท่าที่เจอ ก็มีแต่นาย
ผมควรจะดีใจไหมนะ ที่ตัวเองเป็นสิ่งแรกในชีวิตที่ทำให้จางฉี่หลิงรู้สึกแบบนี้ได้
“เจ้าโง่...อาการแบบนี้เขาเรียกว่า หึง ไงเล่า”
ผมยังคงยิ้มอยู่เมื่อก้าวเข้าไปยืนชิดตัวเขา “ถ้าวันหลังนายหึง นายไม่ต้องยืนดูอยู่เฉยๆ หรอกนะ” ผมจับมือเย็นเขาขึ้นมากุมไว้หลวมๆ “นายแค่เดินเข้ามาจับมือฉันไว้แบบนี้ ฉันก็จะรู้แล้ว เหมือนสัญญาณไฟที่เราใช้สื่อสารกันไง”
มือที่เรียวยาวกว่าคนเท่าไปนั้นบีบมือผมเบาๆ เป็นการตอบรับ
“แล้วถ้านายรู้สึกหึงมากกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้...”
ผมนึกถึงตอนที่เด็กสาวคนนั้นเดินไปทรุดนั่งข้างเขาริมทะเลสาบ แล้วก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาบ้าง ผมจึงอ้าแขนออก โอบรอบตัวเขาเอาไว้ ความสูงของพวกเราไล่เลี่ยกัน ผมจึงสามารถวางคางลงบนบ่าอีกฝ่ายได้อย่างพอดิบพอดี
“ก็กอดฉันไว้แบบนี้นะ ฉันจะได้เลิกทำสิ่งที่นายไม่ชอบ โอเคไหม?”
เขาพยักหน้าหงึก เอื้อมแขนมาโอบรอบแผ่นหลังของผมบ้าง ผมสูดลมหายใจเข้าเบาๆ ตัวเขายังคงกรุ่นกลิ่นสมุนไพรจีนที่ทำให้รู้สึกสงบ เรากอดกันนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ผมจะดันตัวออกแล้วยิ้มกริ่ม
“แต่ถ้านายรู้สึกหึงมากกว่านี้...อื้อ...”
ผมยังพูดไม่ทันจบ เขาก็ยื่นหน้าเข้ามา แตะริมฝีปากตนเองลงบนริมฝีปากผม ก่อนจะกดย้ำหนักๆ มือเรียวยาวข้างหนึ่งเลื่อนจากเอวมาประคองต้นคอด้านหลังของผม ยึดไว้ไม่ให้หันหนี ปลายลิ้นสอดแทรกเข้ามาลิ้มรสชาติภายในปาก สูดเอาลมหายใจของผมไปอย่างละโมบ
ผมยึดต้นแขนของเขาไว้แน่น ขยับริมฝีปากตอบรับสัมผัสนั้นกลับไปอย่างหนักหน่วงไม่แพ้กัน
หึงหวง...ตักตวง...ถือสิทธิ์...แสดงความเป็นเจ้าของ...
ถ้าเป็นเขา ผมยินดีให้ทำสิ่งเหล่านี้ได้อย่างเต็มที่ ชดเชยกับช่วงเวลาอันว่างเปล่าที่ผ่านมาในชีวิต
หลายอึดใจต่อมา คนตรงหน้าจึงผละออก ผมรู้สึกว่าริมฝีปากล่างของตนเองถูกขบเม้มเบาๆ จนน่าจะแดงเจ่อขึ้นมา แล้ว เมินโหยวผิงทำตาปรอยจ้องหน้าผม แล้วถามเบาๆ ว่า
“แล้วถ้าหึงมากกว่านี้อีกล่ะ”
ใบหน้านิ่งนั้นถามเหมือนสงสัยใคร่รู้ แต่ผมกลับเห็นประกายบางอย่างในสายตาเขาที่ทำให้รู้สึกอันตรายขึ้นมาหน่อยๆ ผมเลยต้องก้าวขาถอยหนีออกมานิดหนึ่ง
“ยังจะมีหึงมากกว่านี้อีกเรอะ!”
เขาพยักหน้า ทำท่าจะขยับเข้ามาหาอีก “ถ้าหึงมากกว่านี้...ต้องทำยังไงเหรอ”
“ไม่...ไม่รู้เหมือนกัน...”
นี่ผมคิดผิดหรือคิดถูกที่มาสอนให้เขารู้จักอารมณ์หึงเนี่ย มันกลายเป็นการชี้โพรงให้กิเลนรึเปล่าฟะ
“ฉันออกไปทำงานหน่อยนะ...” ผมตัดสินใจหลบไปตั้งหลักด้วยการพยายามเดินหนี แต่อีกฝ่ายก็ยังตามประกบไม่เลิก
“อู๋เสีย...บอกหน่อยสิ....ถ้าหึงมากกว่านี้ต้องทำยังไง”
“นายไปคิดเอาเองไป๊ ฉันจะไปทำงานแล้ว”
“...ก็นายบอกว่า...”
“นายคิดเอาเองมั่งสิโว้ย!...ฉันไปละ...เฮ้ย!...”
คืนนั้น ผมก็เลยได้รู้ว่า ไอ้เสี่ยวเกอหน้านิ่งที่อยู่ข้างๆ นอกจากจะขี้ลืมอย่างร้ายกาจแล้ว ยังเป็นคนขี้หึงมาก...ขี้หึงมากๆ เลยด้วย ////
.....................The End…………………..
Nao’s Talk
เฮ....ฟิคใสๆ ค่า ฟิคใสๆ
ผิงเสียนี่ตั้งใจจะเขียนใสๆ ตั้งแต่แรกก็กลายเป็นหม่น เรื่องสองดันไหลไปทริลเลอร์ ในที่สุดก็เขียนแบบใสๆ ได้แล้ว (ใสมั้ยนะ?) ความจริงมีอีกพล็อตที่ยาวกว่านี้คิดไว้ก่อน แต่ตอนเช้าพล็อตนี้เกิดไหลเข้ามาในหัวเลยพิมพ์ก๊อกๆ แก๊กๆ ลงไปก่อนนะคะ
เช่นเคย อ่านแล้วชอบไม่ชอบยังไงบอกกันบ้างน้า เรามาลงเรือผิงเสียเอาตอนตลาดซา แอบเหงาจังค่า T^T
ปล.หน้าตาเสี่ยวเกอตอนถามว่า "ถ้าหึงมากกว่านี้ต้องทำยังไง" คงประมาณนี้ละมั้งคะ - ฮา
ืnao- ด้วงฝึกหัด
- จำนวนข้อความ : 9
Points : 2820
Join date : 16/08/2016
Re: [OS] Jealous (ผิงเสีย)
นายน้อยสอนอะไรคะ เป็นประโยขน์กับตัวเองทั้งนั้นเลย
Fatsveta- ด้วงฝึกหัด
- จำนวนข้อความ : 3
Points : 2847
Join date : 06/07/2016
Re: [OS] Jealous (ผิงเสีย)
ชี้โพรงให้กิเลนซะแล้วนายน้อย 555
Zeth- ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
- จำนวนข้อความ : 74
Points : 2677
Join date : 04/03/2017
Age : 26
ที่อยู่ : ใต้เตียงชาวบ้าน
Similar topics
» [OS] #dmbjdaily '520' (ผิงเสีย :: เหม่งจาง,ผิงเสีย)
» [OS-AU] วิธีสยบเด็กฉบับเฮยเสียจื่อ #ผิงเสีย + เฮย
» [OS] งานวิจัยว่าด้วยการศึกษาพฤติกรรมของจางฉี่หลิง (ผิงเสีย)
» [OS] โรค - ผิงเสีย
» [Fic] 001 [ผิงเสีย]
» [OS-AU] วิธีสยบเด็กฉบับเฮยเสียจื่อ #ผิงเสีย + เฮย
» [OS] งานวิจัยว่าด้วยการศึกษาพฤติกรรมของจางฉี่หลิง (ผิงเสีย)
» [OS] โรค - ผิงเสีย
» [Fic] 001 [ผิงเสีย]
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|
Fri 24 Jul 2020, 01:39 by gustoon
» [คู่มือด้วง] Keyword จีนสำหรับการขุด(แฟนดอม)สุสาน
Thu 21 Jun 2018, 00:29 by miskizfullmoon
» มังฮวาและภาคทิเบต
Thu 21 Jun 2018, 00:23 by miskizfullmoon
» [OS] Father is the best (ผิงเสีย)
Thu 03 Aug 2017, 16:12 by schneewittchen
» [Fic] สิ่งเล็กๆที่เชื่อมโลก5 [เมินโหยวผิง+อู่เสีย+เสี่ยอ้วน]+OC
Tue 01 Aug 2017, 12:30 by natsume
» [OS] #dmbjdaily (จูปาจุ๊บ) Bittersweet [ผิงเสีย AU]
Thu 06 Apr 2017, 15:58 by Zeth
» [OS] #dmbjdaily "โทรศัพท์มือถือ" - no Pairing [All]
Tue 04 Apr 2017, 22:27 by Zeth
» [OS] #DMBJDaily (แว่น): ระยะที่มองไม่เห็น [ฮัวเสีย]
Sat 01 Apr 2017, 16:55 by Zeth
» [OS] #DMBJdaily (5.20) ท่านยอดฝีมือ [หวังเหมิง (+เหมิงเสีย)(+ผิงเสีย)]
Thu 30 Mar 2017, 17:24 by Zeth