Countdown
We've been
togerther for

ค้นหา
 
 

Display results as :
 


Rechercher Advanced Search


[Trans] ราชานักตก (钓王) #ตอนพิเศษตรุษจีน2016 - Chapter 20

Go down

Trans - [Trans] ราชานักตก (钓王) #ตอนพิเศษตรุษจีน2016 - Chapter 20 Empty [Trans] ราชานักตก (钓王) #ตอนพิเศษตรุษจีน2016 - Chapter 20

ตั้งหัวข้อ by souless_angel Wed 22 Jun 2016, 23:30

ราชานักตก 20《钓王20》


ภาษาไฟของเมินโหยวผิงคือกะพริบสามครั้ง กะพริบสองครั้ง แล้วกะพริบอีกสามครั้ง นี่เป็นภาษาไฟหมู่บ้านที่ผมคิดค้นขึ้นเอง แปลว่าเร็วเข้า เร็วเข้า เร็วเข้า

บ้านในหมู่บ้านกันเสียงได้ไม่ดี ผมมีโกดังเก็บของหลังหนึ่งอยู่บนเนินเขา ซื้อมาจากตาหลิวเค่อ เขามีสองหลัง ขายให้ผมหลังนึง หลิวเค่อคนนี้เป็นโรคประสาทเสื่อม
ฟ้าผ่า ฝนตก เสียงน้ำตก เขาไม่ได้ยินทั้งนั้น แต่จะแสบแก้วหูเฉพาะกับเสียงพูดของผมเท่านั้น ข้างๆ โกดังเก็บของเป็นต้นไทรยักษ์
ผมทำลานกว้างไว้บนนั้นสำหรับตากผักดองเค็ม คนในเมืองไม่เชี่ยวอย่างคนชนบท เวลานั่งเล่น PS4 อยู่กับบ้านจนค่ำมืด ลืมเก็บผักกลับเข้ามา
ก็ต้องไปเก็บตอนกลางคืน โดยไต่ไปตามหลังคาบ้าน

ที่นี่พอตกค่ำจะตะโกนหากันไม่ได้ เฒ่าหลิวแกนอนเร็ว พอผมส่งเสียงแกก็ตื่น ดังนั้นผมจึงเอาตะเกียงไว้ใช้ส่งภาษาไฟกับพวกนายอ้วน
พอเก็บได้เต็มตะกร้าก็ส่งภาษาไฟเรียกพวกเขามาขนกลับ ตอนเพิ่งมาใหม่ๆ อากาศอบอุ่น ผมยังมีความสนใจพวกน้ำตก ก็มักขึ้นหลังคามาถ่ายรูปน้ำตกใต้แสงจันทร์
ซึ่งต้องให้พวกนายอ้วนช่วยรับส่งของให้ผมเหมือนกัน

พอนานวันเข้า ภาษาไฟก็เกิดเป็นระบบ ผมรู้สึกว่าภาษาทั้งหมดทั้งปวงก็น่าจะเป็นมาเช่นนี้ ผมสามารถใช้ภาษาไฟ ด่าป้าข้างบ้านกับนายอ้วนผ่านครึ่งหมู่บ้านกันครึ่งค่อนคืน

พวกเราเก็บสัมภาระ หน้าเดินไปยังทิศทางแสงไฟของจางฉี่หลิง แต่เดินกันนานมาก แสงนี่ก็ยังอยู่ไกลเท่าเดิม

ไม่เข้าท่า นายอ้วนหยุดยืน พูดว่าแม่งไม่เข้าท่ามาก หรือว่ามันจะเป็นมิราจ (ภาพลวงตาในทะเลทราย)

ผมตั้งใจแยกแยะ มันเป็นสัญญาณที่ผมเป็นคนเรียบเรียงขึ้นเองจริงๆ เอาไว้ใช้ด่าคำหยาบกับเรียกคนมาช่วยเก็บผักดองเค็มเท่านั้น สัญญาณอย่างนี้ไม่มีทางปรากฏขึ้นที่อื่น
คนถือไฟคือเมินโหยวผิง ผมจำความถี่ในการส่งสัญญาณของเขาได้ ความเร็วมือของเขาคงที่ ดังนั้นจังหวะทุกจังหวะจึงเท่ากัน

ไปเถอะ ผมพูด คราวนี้อาจไม่ใช่อันตรายที่เหนือคาดหรือกลไกที่น่ากลัว อาจเป็นเพราะระยะห่างมันไกลมากจริงๆ

พวกเราสามคนเดินหน้าต่อ ตาแก่เงียบขรึมพูดน้อยมาตลอดทาง ขณะนี้ก้าวขาเร่งรีบกว่าใคร นายอ้วนต้องบอกให้เขาผ่อนคลาย

ไม่นานผมก็เริ่มสงสัยว่าเกิดปัญหา เพราะไม่ว่าจะเดินยังไง แสงไฟนั่นก็ไม่มีทีท่าจะเข้าใกล้ขึ้นเลย บางทีถึงกลับไกลขึ้นด้วย นายอ้วนกับผมสบตากันแวบหนึ่ง
ผมพลันตระหนักขึ้นได้ ความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว ก็คือเมินโหยวผิงกำลังเดินหน้าเช่นกัน พวกเราเดินเข้าใกล้หน่อย เขาก็เดินออกไปไกลหน่อย

“เสี่ยวเกอกำลังล่อลวงพวกเราอยู่หรือไง” นายอ้วนถามเสียงอึดอัด

“มีเรื่องอะไรทำให้หยุดรอพวกเราก่อนไม่ได้ เขาวิ่งอย่างนี้มากี่สิบปี พวกเราก็วิ่งไล่มาตั้งสิบกว่าปีแล้ว น่าจะหยุดรอพวกเราบ้างได้แล้ว”

คำพูดของนายอ้วนกระตุกผมเล็กน้อย ก่อนนี้ผมคิดถึงเรื่องจุดประสงค์ของเขามาตลอด เขาอยากบอกอะไรผม การผจญภัยครั้งนี้ มันทำให้ผมได้ความตระหนักรู้
ผมก้าวมาถึงวัยที่สามารถตระหนักรู้ในอะไรก็ได้แล้ว การเดินตามเช่นนี้ เป็นสัญลักษณ์ที่บอกว่าชีวิตของเขานั้นไหลเชี่ยวอย่างเป็นนิรันดร์ ส่วนพวกเราจะต้องค่อยๆ เชื่องช้าลงงั้นหรือ

ผมคิดฟุ้งซ่าน แต่รู้สึกว่าเขาไม่มีทางปรัชญาจ๋าขนาดนั้น เมินโหยวผิงเป็นพวกปฏิบัตินิยม (Pragmatism 实用主义) สถานการณ์เช่นนี้บ่งชี้เพียงว่า
เขากำลังไล่กวดบางสิ่ง เขาส่งสัญญาณไฟมาบอกให้พวกเรารีบตามขึ้นไป

ถ้าใช้เดินแล้วไล่ไม่ทัน งั้นก็วิ่งสิ ถ้าสักวันผมจะแก่ เรื่องนั้นผมช่วยไม่ได้ แต่อย่างน้อยตอนนี้ ผมไม่แพ้เขา

“วิ่ง!” ผมพูดกับนายอ้วน “นายเฝ้าตาแก่ไว้นะ ตามทันก็ตาม ตามไม่ทันก็ค่อยๆ เดิน”

“ทำไมฉันต้องเป็นคนเฝ้า!” นายอ้วนหัวเสีย ผมไม่สนใจอธิบาย ออกวิ่งทันที

ในกระแสลมเกลือ ผมออกวิ่งตรงไปหาแสงไฟ ใช้วิธีวิ่งที่นายบอดสอน ปรับลมหายใจ ผมรู้ว่าความเร็วที่สม่ำเสมอคือความเร็วที่พาไปถึงจุดหมายได้เร็วที่สุด
แต่ผมก็ยังเพิกเฉยมัน ผมไม่ได้พุ่งสุดตัวมานานแล้ว ตอนอยู่ที่ฉางไป๋ซาน ความเร็วของการหมุนตัวยิงกระสุน ความไหลลื่นของการพุ่งตัวก้าวกระโดด
ทุกครั้งที่ทำได้ ผมจะรู้สึกถึงความเชื่อมั่นในตนเอง ความสะใจของการควบคุมร่างกายตนเองได้นั้น อยู่ๆ ผมก็อยากได้ความรู้สึกเช่นนั้นกลับมาใหม่

วิ่งไปยี่สิบนาที นายอ้วนถูกผมทิ้งห่างไปไกลมากแล้ว แสงไฟข้างหน้า กลับแค่ใหญ่ขึ้นนิดหน่อย ผมหอบหายใจคำโต เหงื่อซึมออกมาจากซับใน ทั่วทั้งตัวกรุ่นด้วยไอควัน

เหงื่อบนหน้าและคอเปียกปนเม็ดเกลือ เริ่มกัดกร่อนผิวหนังของผม แก้วตาของผมก็เริ่มเจ็บ ออกแรงบีบคั้นให้เจ็บปวดเพื่อมีน้ำตาไหลออกมาชะล้างเล็กน้อย

ผมวิ่งไล่ต่อไป ในใจนั้นรู้แล้วว่า เมื่อผมไล่เขาทัน จะต้องหมดสิ้นเรี่ยวแรง

ไม่รู้เหมือนกันว่าวิ่งมานานเท่าไหร่แล้ว แสงไฟในที่สุดก็ค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้น ผมวิ่งจนหมดแรงแล้ว มือเท้าเหวี่ยงก้าวไปตามสัญชาตญาณเพียงอย่างเดียว จากนั้นผมก็ค่อยๆ ได้ยินเสียงน้ำที่ดังก้อง

ผมไม่รู้เห็นสภาพแวดล้อมรอบตัวเลย และไม่ต้องกัดฟันด้วย สองเท้าก้าวไปข้างหน้าตามแรงเหวี่ยง ในที่สุดก็เห็นเมินโหยวผิง คุกเข่าข้างเดียวอยู่กับพื้น
ถือไฟฉายเหมืองกลับหลัง กำลังส่งสัญญาณอย่างสม่ำเสมอ ส่วนตัวเองก็มองไปด้านหน้า มันคือความมืดสนิท

เสียงน้ำดังขึ้นทุกที ไฟฉายเหมืองของผมส่องสวนไป เพื่อตัดแสงที่เขาส่องย้อนมา ขณะเดียวกัน ผมก็เห็นว่าความมืดเบื้องหน้าที่เขากำลังจับจ้อง
มันคือผิวน้ำของทะเลสาบขนาดใหญ่ กระแสน้ำบนผิวทะเลสาบกำลังไหลเคลื่อน ทำให้เกิดเสียงน้ำดังกึกก้อง เขาอยู่ห่างจากผิวน้ำนั่นเพียงสิบกว่าก้าว
ทุ่งเกลือใต้ฝ่าเท้า เสมือนเม็ดทรายบนชายหาด ทอดตัวลงไปสู่ใต้ผิวน้ำ

ผมยืนนิ่ง เพื่อให้หัวใจที่เต้นรัวแรงกับความรู้สึกอยากอ้วกรีบเหือดหาย ย่อตัวนั่งลง คลายปอดที่เกร็งชา จากนั้นค่อยๆ เดินไปช้าๆ ถึงข้างตัวเขา

“นี่ก็คือทะเลสาบนั่น?” ผมใช้แรงทั่วร่าง เพื่อทำให้คำพูดประโยคนี้ฟังดูราบเรียบ

เมินโหยวผิงยืนขึ้น “ระวังตัวหน่อย ทะเลสาบนี่ไม่ธรรมดา” เขาชี้ไปยังหาดทรายเกลือเบื้องหน้า บนนั้นมีร่องรอยขนาดใหญ่
เชื่อมลงไปในน้ำ มีสิ่งบางอย่างที่คล้ายงู เพิ่งเลื้อยจากหาดทรายลงไปในทะเลสาบ

---

หนานไพ่ฯ Talk:
เริ่มการสำรวจตัวเองปีละครั้งของฤดูใบไม้ผลิแล้ว
ต๋าสี่ (ยาลดกรดในกระเพาะ) สองเม็ด ก็ช่วยให้หลับสนิทถึงเช้า เปรมมาก
ได้ดู “12 Citizens” (ซีรี่ส์จีน เกี่ยวกับการสืบคดีฆาตกรรม) ที่จริงเรื่องอะไรก็ตาม มันต้องการใครสักคนก้าวออกมาพูดว่า
“เป็นไปได้ไหมว่าเขาไม่ผิด” จริงๆ นะ ค่ำคืนนี้ก็ต้องถามตัวเองสักคำบ้าง เป็นไปได้ไหมว่า คุณ ฉัน เขา นั้นไม่ผิด

คนแปล Talk:
นี่คือ หมดโปรฯ ฝ่ายวิชาการแล้วสินะ อนึ่ง มโนมาตลอดเรื่องแล้วจบด้วย Talk คูลๆ เท่ๆ คืออะไร (สารภาพว่าชอบโควตในทอล์กแฮะ)
วันสุขแล้ว แฮปปี้ๆ กันนะครับ (รีบแปลรีบลง เจอคำผิดหลังไมค์มานะ)
souless_angel
souless_angel
ด้วงสกุลเอ้อร์
ด้วงสกุลเอ้อร์

จำนวนข้อความ : 413
Points : 4566
Join date : 26/10/2014
ที่อยู่ : ใต้เตียงท่านเอ้อร์

ขึ้นไปข้างบน Go down

ขึ้นไปข้างบน

- Similar topics

 
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ