Countdown
We've been
togerther for
ค้นหา
Latest topics
Most active topics
[Fic] Lost Child [ผิงเสีย] Chapter 1
2 posters
หน้า 1 จาก 1
[Fic] Lost Child [ผิงเสีย] Chapter 1
Lost Child
fiction บันทึกจอมโจรแห่งสุสาน
Pairing เมินโหยวผิงxอู๋เสีย
Timeline หลังจากเมินโหยวผิงออกจากประตูสำริด ผ่านไปประมาณ 1 ปี
คำเตือน : อาจมีสปอลย์ภาคทิเบตและซ่าไห่ โปรดระวัง
ผมตะลึงงันไปครู่หนึ่ง ใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะเข้าใจประโยคเพียงประโยคเดียวของเสี่ยวฮัว ผมหันไปมองเมินโหยวผิง เขามองผมอยู่เช่นกัน คิ้วขมวดมุ่นเล็กน้อยเหมือนสงสัย ผมรู้ว่าเขาหูดี คงได้ยินบทสนทนาของผมกับเสี่ยวฮัวแน่ๆ ต่อให้ผมไม่ได้เปิดลำโพงคุย
ลางสังหรณ์ร้ายที่หายไปเพราะถูกน้ำเย็นสาด กลับมารู้สึกได้อีกครั้ง
“นายไม่ได้หลอกฉันใช่มั้ย” ผมถาม
“ถ้าฉันจะหลอกนาย คงหลอกอะไรที่มันดูน่าเชื่อถือกว่านี้” เสี่ยวฮัวพูด
ผมยกมือนวดขมับ ในหัวตีกันยุ่งไปหมด เชี่ยแม่ง นี่มันเรื่องบ้าอะไร พวกเราไม่ได้ลงไปจากหมู่บ้านฝนยกเว้นตอนตรุษจีน อีกทั้งช่วงสิบปีเมินโหยวผิงก็อยู่แต่ในประตูสำริด ส่วนผมก็ตะลอนหาเรื่องใส่ตัว พาตัวเองกระโจนหาปริศนาจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด พวกเราจะเอาเวลาที่ไหนไปมีลูก ไอ้นี่มั่วมาจากไหน ถ้าคำพูดพวกนั้นเป็นจริงไม่เท่ากับว่าผมกับเมินโหยวผิงแต่งงานกันแล้วมีลูก อย่างนี้ใครจะเป็นพ่อใครจะเป็นแม่ ชีวิตมันจะสับสนมั่วนิ่มเกินไปแล้ว
แต่การที่พูดชื่อจางฉี่หลิงออกมา แสดงว่าต้องมีเรื่องราวบางอย่างอยู่เบื้องหลังแน่ๆ ผมไม่ชอบให้ใครล้อเล่นเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อก่อนไม่ชอบยังไง ตอนนี้ก็ยังไม่ชอบอยู่แบบนั้น
“นายถามอะไรเด็กนั่นไม่ได้เลยเหรอ” ผมเชื่อว่าเขามีวิธีร้อยแปดที่จะทำให้คนสารภาพความจริงออกมา
“ตระกูลเซี่ยยังพอมีความเป็นผู้ดีอยู่บ้าง ฉันไม่อยากข่มขู่หรือใช้กำลังกับเด็ก” เสี่ยวฮัวบอก
“นายใช้อมยิ้มหรือขนมหลอกสิ” ผมแนะนำ
เสี่ยวฮัวหัวเราะ “นายมาถึงก็จะรู้เอง เด็กนี่มีปัญหา”
ผมต่างหากที่มีปัญหา ขนาดเก็บตัวอยู่แต่ในหมู่บ้านยังมีปัญหา เมื่อเสี่ยวฮัวยืนยันชัดเจนว่าให้ผมจัดการเรื่องนี้เอง ผมก็ไม่มีทางเลือกอื่น จึงฝากเขาดูแลเด็ก
หลังจากวางสาย ผมเปิดเน็ต กำลังจะจองตั๋วเครื่องบิน พลันรู้สึกถึงมือหนึ่งบีบที่ไหล่ ผมเงยหน้าสบตาเมินโหยวผิง
“ฉันไม่มีบัตรประชาชน”
...ผมลืมคิดเรื่องนี้ไปเลย
ถ้ามีโอกาส ผมจะทำบัตรประชาชนปลอมให้เขาสักใบ แต่ตอนนี้ทำได้แค่เปลี่ยนวิธีเดินทาง พวกเราจัดกระเป๋าเอาของไปเล็กน้อย ผมรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี ประกอบกับนิสัยหวาดระแวงที่ยังบำบัดไม่ได้ภายในหนึ่งปี จึงพกอาวุธเก่าลงกรวยสมัยก่อนติดตัวไปด้วย
ผมขับรถกระบะนิสสันมือสองออกจากหมู่บ้าน วนอ้อมภูเขาไปในเมืองแล้วขึ้นทางด่วนไปหังโจว ตลอดสิบกว่าชั่วโมงผมเกือบวูบหลับไปหนึ่งครั้ง เมินโหยวผิงจึงเปลี่ยนมาขับแทน แต่ก่อนเข้าหัวโจว เจอตำรวจตั้งด่านตรวจ โชคดีที่เขาจอดรถปลุกผม เปลี่ยนที่นั่งได้ทัน เขาไม่มีใบขับขี่ หากโดนเรียกคงไม่ใช่เรื่องดีแน่
ผมมาถึงร้านของตัวเองที่หังโจวในที่สุด สภาพร้านยังคงเหมือนเดิม ร้างและเก่ายังไงก็คงอยู่อย่างนั้น เสี่ยวฮัวไม่ได้ปรับเปลี่ยนอะไรที่นี่เลย ทำให้รถหงฉีที่จอดอยู่หน้าร้านโดดเด่นแบบแปลกแยก ผู้ชายร่างใหญ่ในชุดสูทเห็นว่าคนที่ลงจากรถนิสสันซอมซ่อเป็นผม ก็ผ่อนคลายท่าทางข่มขู่ลง ทำมือเชื้อเชิญให้ผมเข้าไปในร้าน เมินโหยวผิงเดินตามมาติดๆ
เสี่ยวฮัวนั่งกดโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะตั้งคอมพิวเตอร์ พอเห็นผมก็เดินมากอดทักทาย ส่งยิ้มทะเล้นให้
“มารับลูกชายกลับบ้านแล้วเหรอ”
ผมด่าเขาสองสามคำ ถามหาตัวการปัญหาที่ทำให้ผมต้องถ่อจากหมู่บ้านฝนมาถึงที่นี่ เสี่ยวฮัวชี้ไปด้านใน ผมเดินเข้าไปในห้องเล็กๆหลังร้าน ที่ตัวเองมักจะหลบมานอนกลางวันตอนไม่มีลูกค้าเข้า แล้วก็พบว่าเก้าอี้ตัวโปรดของผมมีเด็กคนหนึ่งนั่งอยู่ เขาไม่ต่างจากรูปภาพที่เสี่ยวฮัวส่งให้ผม ทั้งตัวพันเป็นมัมมี่ ไม่รู้ว่าตลอดการเดินทางมาที่นี่ รอดพ้นจากการถูกจับส่งตำรวจได้ยังไง
ผมสังเกตว่าก้าวแรกที่ผมเดินเข้ามาในห้อง ไอ้หนูนี่ก็รู้สึกตัว เขาหันมามองผมด้วยการขยับคอครั้งเดียว ไม่มีการเคลื่อนไหวที่เป็นส่วนเกิน พวกเราจ้องตากันอยู่นาน ไอ้หนูนี่นิ่งมาก หากไม่กะพริบตา ผมคงนึกว่าเป็นหุ่น ความนิ่งที่เทียบเคียงได้กับเมินโหยวผิงทำให้ผมประหลาดใจ เผลอคิดแวบหนึ่งว่าหรือเป็นลูกของเสี่ยวเกอจริงๆ ถ้าอย่างนั้นผมควรจะเป็นพ่อหรือแม่
ผมไล่ความคิดไร้สาระออกจากหัว เสี่ยวฮัวยืนข้างๆ ผม ส่งกระดาษสีน้ำตาลซีดมาให้ บนนั้นมีข้อความเขียนด้วยลายมือคุ้นเคยว่า “ฝากดูแลด้วย”
ผมมองข้อความกับชื่ออู๋เสียที่ลงไว้ท้ายกระดาษ จ้องแล้วจ้องอีกก็ต้องยอมรับอย่างไม่เต็มใจนัก...นี่คือลายมือของผมจริงๆ แต่ผมจำไม่ได้ว่าเคยเขียนอะไรแบบนี้ เป็นไปได้ว่ามีคนปลอมจดหมายขึ้นมา แต่จุดมุ่งหมายนั้นเพื่ออะไร ทำไมต้องฝากดูแลเด็กคนนี้ อีกอย่าง...คนที่ปลอมลายมือของผมได้ขนาดนี้...
ผมนึกถึงลายมือที่เคยเห็นบนกระดาษปิดผนึกในมหาวิทยาลัยที่ฉางซาเมื่อหลายปีก่อน หากเป็นผมในตอนนั้นจะต้องรู้สึกหนังหัวชา ตัวสั่นสะท้านด้วยความตกใจพร้อมกังวลว่านี่เรื่องบ้าอะไร แต่ผมในตอนนี้ผ่านเรื่องมามาก เพียงแค่จดหมายประหลาดไม่สามารถสั่นคลอนจิตใจของผมได้
ผมพอจะคาดเดาอะไรบางอย่างออก แต่ยังหาจุดเชื่อมโยงไม่ได้ ที่ผมแน่ใจคือจดหมายฉบับนี้เขียนโดยคนอื่น และคนที่เขียนแบบนี้ได้ก็มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้น
ผมตัดสินใจพักเรื่องจดหมายไว้ก่อน หันไปถามเสี่ยวฮัว
“ทำไมไอ้หนูนี่ถึงต้องพันตัวแบบนี้”
เสี่ยวฮัวยักไหล่ ทำท่าไม่รู้ ชี้ให้ผมถามเอง ผมไม่มีทางเลือก เดินไปยืนหน้าไอ้หนูมัมมี่ สองมือล้วงกระเป๋า ก้มมองถาม
“เธอเป็นใคร”
ดวงตาสีดำกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยผ้าพันแผลเงยขึ้นมองผม บรรยากาศรอบตัวเด็กชายทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ คันยุบยิบในใจขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ โดยเฉพาะเมื่อมองสบดวงตาคู่นั้น
“คุณบอกว่าจะช่วยผม”
“ฉันไม่รู้จักเธอ ทำไมฉันต้องช่วยเธอด้วย” ผมบอกตามตรง ปรับน้ำเสียงให้แข็งขึ้นอีกเล็กน้อย “การที่เธอเอาจดหมายอ้างชื่อฉันมั่วซั่วมาขอความช่วยเหลือจากฉัน น่าสงสัยว่าเธอเป็นพวกขบวนการต้มตุ๋นหลอกลวงหรือเปล่า”
เด็กนั่นไม่ตอบ ผมเริ่มหงุดหงิด แต่ไม่อยากจะข่มขู่เด็กไปมากกว่านี้ ไอ้หนูนี่ไม่พูดไม่จา ไม่ขยับตัว ทำแค่จ้องมองผม ผมหันไปหาเสี่ยวฮัว เขาทำท่าประมาณว่า ฉันก็จนปัญญา หากเป็นผู้ใหญ่คงจับมัดแล้วเค้นคอถามได้โดยไม่รู้สึกผิดมากนัก แต่อีกฝ่ายเป็นแค่เด็กอายุไม่น่าจะเกินสิบขวบ ทั้งผมและเสี่ยวฮัวไม่มีใครอยากถูกตราหน้าว่าผู้ใหญ่รังแกเด็ก
“เธอต้องการให้ฉันช่วยอะไร” ผมตัดสินใจถามไปก่อน แล้วจะทำยังไงค่อยว่ากันอีกที อย่างน้อยก็ควรรู้ให้ได้ว่าจุดประสงค์ของเด็กคนนี้คืออะไร ถ้าเป็นพวกหลอกต้มตุ๋นก็ไม่ต้องคุยต่อ จบกันทันที
ไอ้หนูมัมมี่กล่าวเสียงเรียบ
“พาผมกลับบ้าน”
...
บ้านพ่อง เอ็งเป็นใครข้ายังไม่รู้จัก จะให้พากลับบ้านที่ไหนฟะ
ผมจุดบุหรี่สูบ นึกในใจว่าคุ้นๆ กับคำพูดนี้ หันข้างไปพ่นควันบุหรี่ พลันเห็นเมินโหยวผิงยืนกดโทรศัพท์มือถืออยู่ไม่ไกล ช่วงนี้เขาจะติดเกมหนักเกินไปแล้ว ผมไม่น่าโหลดแอปให้เขาเล่นเลย เขาเหมือนได้ยินคำตำหนิของผม เงยหน้าขึ้นมามอง ตอนนั้นเองผมจึงเข้าใจความรู้สึกคันยุบยิบในใจ
...ไอ้หนูนี่มีดวงตาคล้ายเมินโหยวผิงก่อนที่จะเข้าประตูสำริด
ดวงตาของคนที่ชินชาและมองผ่านโลกทั้งใบราวกับไม่มีความสำคัญอะไร มีเพียงการมุ่งไปสู่จุดหมายอันเป็นหน้าที่เท่านั้นที่แสดงถึงการมีตัวตนอยู่
ผมนึกถึงตัวเองสมัยเด็กที่ยังเล่นอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่โลกที่ปลอดภัย ภาพถ่ายของผมในช่วงนั้นเป็นภาพที่มีชีวิตชีวา แต่ยิ่งโตก็ยิ่งหม่นหมองลง การเติบโตเป็นการรับรู้ความโหดร้ายของโลก สีสันที่เคยคิดว่าสดใสยังจางซีดไปตามเวลา ความสุขที่ไร้เดียงสาก็เช่นกัน ตัวผมโชคดีหน่อยที่ยังมีช่วงเวลามองโลกด้วยดวงตาสดใส ส่วนไอ้หนูนี่มืดหม่นไปแล้ว เป็นเด็กเป็นเล็กกลับมีดวงตาแบบนี้ ไม่รู้ผ่านอะไรมาบ้าง
ผมมองเด็กชาย ใจอ่อนลงเล็กน้อย ผ่อนคลายท่ายืน
“เล่าเรื่องของเธอมา ถ้าอารมณ์ดีฉันอาจจะช่วย”
ก่อนถาม ผมได้เตรียมใจไว้แล้วว่าอาจจะได้รับความเงียบกลับมา และก็เป็นอย่างที่คิดจริงๆ พอรู้ว่าเขาคล้ายกับเมินโหยวผิง ผมเหมือนทำใจได้หลายส่วน ผมเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านการถูกเมิน ความดื้อด้านและความพยายามวิ่งไล่ตามอะไรสักอย่างของผม ไม่มีใครสู้ได้ เพราะฉะนั้น เมินโหยวผิงเวอร์ชั่นเด็กแบบนี้ไม่ใช่เรื่องน่าหนักใจสักนิด
...ก็แค่เสี่ยวผิงน้อย
“ฉันไม่รู้ว่าเธอปิดบังเรื่องอะไรอยู่” ผมพ่นควันบุหรี่ “แต่การไม่พูดจาให้เคลียร์ เก็บงำเรื่องทุกอย่างไว้กับตัวเอง เพราะคิดว่ามีเพียงตัวเองเท่านั้นที่จะทำสิ่งนั้นได้ เธอคิดว่าเป็นการกระทำที่เลิศเลอเหรอ”
เสี่ยวผิงไม่ตอบ ผมจ้องตาเขา พูดต่อ “พวกที่คิดว่าไม่มีใครเข้าใจตนอย่างนี้ ไม่ได้รู้เลยว่าโลกนี้มีคนประเภทนี้อยู่ดาษดื่น ถ้าเธออยากได้ความช่วยเหลือจากฉัน ก็จงเล่ามาให้หมด และอย่าได้โกหก ฉันไม่ใช่คนนิสัยดีเหมือนเมื่อก่อนแล้ว”
เพราะมีผ้าพันแผลทั้งหน้า ผมจึงไม่รู้ว่าสีหน้าของเขาเป็นยังไง แต่ดวงตาคู่นั้นไหววูบเสี้ยววินาที หึ จะวางตัวนิ่งยังไง แต่เด็กก็คือเด็ก ประสบการณ์ยังไม่มาก ระดับต่างกับเมินโหยวผิงโดยสิ้นเชิง
“เธอยังไม่รู้ว่าสิ่งที่เรียกว่าผู้ใหญ่มันน่ากลัวและชั่วร้ายขนาดไหน ต่อให้เธอไม่เล่า ผู้ใหญ่อย่างพวกเราก็มีวิธีอื่นอีกมากมาย” ผมกล่าว ชี้ไปทางเสี่ยวฮัว “เพื่อนฉันคนนี้ มีเครือข่ายหาข้อมูลกว้างขวาง ภายในสามวัน เขาสามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับเธอได้แน่นอน เมื่อฉันรู้เรื่องทั้งหมดและคิดว่ามันไม่น่าสนใจ การมีตัวตนของเธอก็จะไม่สำคัญอีกต่อไป”
เสี่ยวผิงยังคงนิ่งสงบ ไม่สะทกสะท้านกับคำพูดของผม แต่บรรยากาศรอบตัวเปลี่ยนไปแล้ว คงเพราะผมอยู่กับสนามพลังของเมินโหยวผิงมานาน จึงสัมผัสได้ว่าความนิ่งแบบไหนจึงเป็นความนิ่งอย่างแท้จริง ผมเชื่อว่าคำพูดอีกไม่กี่ประโยคก็จะสามารถทำให้เสี่ยวผิงเปิดปากเล่าเรื่องได้
ผมกำลังคิดหาคำพูดปิดท้ายไล่ต้อน ไม่คิดว่าเขาจะทนไม่ไหว เป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน
“ถึงคุณไม่ช่วยผม จางฉี่หลิงก็จะช่วยผม”
ไอ้เด็กนี่จะเล่นลูกไม้อะไรอีก ขอร้องผมไม่ได้ก็จะไปขอให้คนอื่นช่วยแทน
ผมหันไปมองเมินโหยวผิง เขาเก็บโทรศัพท์มือถือแล้ว วิถีแห่งการยุ่งเรื่องคนอื่นก็ไม่ใช่แนวทางของเขา จึงไม่ออกความเห็นใดๆ แต่จ้องมองเด็กชายด้วยสายตาที่ผมอ่านไม่ออก
“ถ้าพวกเราไม่มีใครช่วยเธอล่ะ” ผมถาม
“ผมมาขอความช่วยเหลือ ผมมาด้วยความหวัง แต่ถ้าสิ่งที่คุณมีให้ผมคือความสิ้นหวัง ผมก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากขอบคุณ และเดินทางด้วยตัวเอง”
เสี่ยวผิงลุกขึ้น ยกมือประสานขอบคุณ สถานการณ์เปลี่ยนแปลงเหนือความคาดหมาย ผมไม่คิดว่าเขาจะถอดใจเดินไปง่ายขนาดนี้ แต่ก็ทำให้ผมแน่ใจแล้วว่าเสี่ยวผิงปิดบังอะไรที่สำคัญมากถึงขั้นชีวิตตัวเองก็ไม่เสียดาย นี่เป็นรูปแบบของคนที่ผมแพ้ทาง คนพวกนี้ไม่กลัวตาย กลัวแต่จะทำหน้าที่ไม่สำเร็จ ไอ้หนูนี่คงไม่ได้กุมความลับสวรรค์ห้ามแพร่งพรายหรอกใช่มั้ย ผมปวดหัวกับคนพวกนี้เหลือเกิน เมื่อก่อนเจอแต่พวกผู้ใหญ่หัวแข็งยังพอเข้าใจ ตอนนี้แม้กระทั่งเด็กก็ยังกลายเป็นแบบนี้ โลกมันผิดเพี้ยนไปแล้วหรือไง
ท่าทางเหมือนจะเดินทางไปตายเพียงลำพังของเขาทำให้ผมนึกถึงเมินโหยวผิง คุณธรรมอันน้อยนิดในใจกระตุ้นให้ผมเดินไปขวางหน้าเขา ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นแค่เด็ก แถมยังทำท่ารนหาที่ตายขนาดนี้ ปล่อยทิ้งไว้ไม่ได้ ถ้าหายตัวไปแล้วอีกสองวันมีข่าวหน้าหนึ่งว่าเด็กมัมมี่ถูกพบเป็นศพข้างถนน พวกเราปัดความรับผิดชอบไม่ได้แน่
จังหวะที่ผมก้าวออกไป ชนกับเมินโหยวผิงที่โผล่มาพอดี พวกเราสองคนยืนขวางทางออก มองหน้ากัน ผมขยี้บุหรี่กับที่เขี่ยบุหรี่ สูดหายใจลึกๆ
“ฉันจะช่วยเธอ ต่อให้บ้านเธออยู่ในเมืองใต้บาดาลหรือวิมานบนภูเขา ฉันก็จะพาไปส่ง เพราะฉะนั้น เล่าเรื่องของเธอมา”
MinMin- ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
- จำนวนข้อความ : 222
Points : 3835
Join date : 28/10/2014
Re: [Fic] Lost Child [ผิงเสีย] Chapter 1
จะกี่ปีผ่านไปนายน้อยก็คือนายน้อยสินะคะ ปากแข็งแต่ใจอ่อนและมีความอยากรู้อยากเห็นเสมอ(ฮา) จะติดตามนะคะ
kampe- ด้วง
- จำนวนข้อความ : 32
Points : 3500
Join date : 27/10/2014
Age : 26
ที่อยู่ : ใต้บันไดร้านนายน้อย
Similar topics
» Lost Memories [ผิงเสีย] Lost Stories + ลิงค์สั่งจองฟิคค่ะ
» [Fic] Lost Memories [ผิงเสีย] Chapter5
» [Fic] Lost Memories [ผิงเสีย] Chapter10
» [Fic] Lost Memories [ผิงเสีย] Chapter15
» [Fic] Lost Memories [ผิงเสีย] Chapter6
» [Fic] Lost Memories [ผิงเสีย] Chapter5
» [Fic] Lost Memories [ผิงเสีย] Chapter10
» [Fic] Lost Memories [ผิงเสีย] Chapter15
» [Fic] Lost Memories [ผิงเสีย] Chapter6
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|
Fri 24 Jul 2020, 01:39 by gustoon
» [คู่มือด้วง] Keyword จีนสำหรับการขุด(แฟนดอม)สุสาน
Thu 21 Jun 2018, 00:29 by miskizfullmoon
» มังฮวาและภาคทิเบต
Thu 21 Jun 2018, 00:23 by miskizfullmoon
» [OS] Father is the best (ผิงเสีย)
Thu 03 Aug 2017, 16:12 by schneewittchen
» [Fic] สิ่งเล็กๆที่เชื่อมโลก5 [เมินโหยวผิง+อู่เสีย+เสี่ยอ้วน]+OC
Tue 01 Aug 2017, 12:30 by natsume
» [OS] #dmbjdaily (จูปาจุ๊บ) Bittersweet [ผิงเสีย AU]
Thu 06 Apr 2017, 15:58 by Zeth
» [OS] #dmbjdaily "โทรศัพท์มือถือ" - no Pairing [All]
Tue 04 Apr 2017, 22:27 by Zeth
» [OS] #DMBJDaily (แว่น): ระยะที่มองไม่เห็น [ฮัวเสีย]
Sat 01 Apr 2017, 16:55 by Zeth
» [OS] #DMBJdaily (5.20) ท่านยอดฝีมือ [หวังเหมิง (+เหมิงเสีย)(+ผิงเสีย)]
Thu 30 Mar 2017, 17:24 by Zeth