Countdown
We've been
togerther for
ค้นหา
Latest topics
Most active topics
#ภาคทิเบต Chapter 08 วัดทิเบต
+8
Eli-kun
prince501
falenda
qiuyan_zhen
The_Dark_Lady
Yuwadee Wana
Rozenkreuz
anurakbeer
12 posters
หน้า 1 จาก 1
#ภาคทิเบต Chapter 08 วัดทิเบต
Chapter 8
วัดทิเบต
เฉินเสวี่ยหานเป็นผู้นำทาง พาพวกเราปีนไต่ไปตามเกล็ดหิมะ บันไดภูเขาที่หิมะปกคลุม ถูกกวาดเป็นเส้นทางแคบๆ ที่สามารถเดินขึ้นลงได้เพียงคนเดียว ขั้นบันไดชันมาก แทบจะเรียกได้ว่า ขึ้นดิ่งลงดิ่ง ผมมีลูกน้องมาด้วยสองคน พวกเขาดึงดันจะตามผมขึ้นมา ตอนนี้ต่างเสียใจกันยกใหญ่
ขณะเที่ยงวัน ในที่สุดพวกเราก็มาถึงหน้าประตูวัดทิเบตที่เฉินเสวี่ยหานพล่ามถึงไม่ยอมหยุด
ผมเคยเที่ยววัดวาอารามทุกชนิด ทุกขนาด วัดเหล่านั้นมีวัดทิเบตก็ไม่น้อย แต่รูปแบบที่เห็นตรงหน้าขณะนี้ ก็ยังนับเป็นครั้งแรก
เริ่มจาก นี่เป็นประตูวัดที่ผุพังมาก ขนาดเล็กมาก ขนาดของประตูไม้กว้างเพียงเท่าครึ่งคน แต่ถัดไปข้างหลังก็คือลานสวนขนาดเล็ก หิมะถูกปัดกวาดแล้ว เผยให้เห็นโม่หินและโต๊ะหินเก้าอี้หิน เมื่อสุดเขตสวน คือตัววัดที่สร้างติดภูเขา ตัววัดสูงชะลูดขึ้นไปจนมองไม่เห็นยอด ดูอลังการมาก
แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ ผมก็รู้ว่า ภายในสิ่งปลูกสร้างของวัดที่เป็นลักษณะนี้ มีพื้นที่ใช้สอยไม่มากนัก แม้จะดูเหมือนกินพื้นที่กว้าง แต่เพราะสร้างเกาะภูเขา พื้นที่ใช้สอยภายในอาคารค่อนข้างเล็กแคบ
มีลามะหนุ่มสามรูปนั่งผิงไฟอยู่รอบโม่หิน เมื่อเห็นพวกเราเข้ามา ไม่ได้แสดงสีหน้าประหลาดใจเท่าไหร่ ยังคงนิ่งเฉย ไม่ถามไม่ไถ่
เฉินเสวี่ยหานตรงเข้าไปบอกเหตุผลของการมา พูดเป็นภาษาทิเบตหมด ผมฟังไม่รู้เรื่อง ลามะรูปหนึ่งจึงพาผมเข้าไปภายในตัววัด
ตัววัดชั้นหนึ่งมีขนาดใหญ่โตที่สุด เป็นสถานที่ประกอบพิธีสงฆ์ของเหล่าลามะ ด้านหลังมีบันไดไม้ ไต่ขึ้นชั้นบน พวกเราขึ้นบันไดไปเรื่อยๆ ชั้นแล้วชั้นเล่า ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ผ่านห้องไปกี่ห้อง ลามะที่เดินนำหน้าจึงหยุด ผมพบว่า ในที่สุดพวกเราก็มาถึงห้องที่มืดสนิทห้องหนึ่ง
เฉินเสวี่ยหานกับพระลาะมะถอยออกไปอย่างนอบน้อม เหลือแต่ผมกับลูกน้องสองคน ยืนอยู่ในห้องมืดตื๋อ เมื่อสำรวจดูแล้ว พบว่ามันเหมือนกับเป็นห้องฌาน ทั่วทั้งห้อง มีเพียงจุดเดียวที่มีลำแสงเล็กๆ
พวกเราเดินตรงไปหาอย่างระมัดระวัง หลังจากปรับตัวกับแสงสลัวในห้องได้ ผมจึงค่อยๆ เห็นว่า รอบตัวมีเงาเลือนลางจำนวนมาก---ทั้งหมดเป็นพระคัมภีร์ที่วางกองเป็นตั้งๆ เราเดินอ้อมไป จนมาถึงจุดที่มีแสง ผมพบว่ามันคือหน้าต่างบานหนึ่ง
หน้าต่างถูกปิดเอาไว้ด้วยผ้าผืนหน้า แต่ผืนผ้าเก่าเก็บเกินไป จึงเปื่อยผุเป็นรูเล็กๆ จำนวนมาก แสงสว่างส่องลอดเข้ามาทางรูพวกนี้
ผมคิดจะแกะเอาผ้าพวกนี้ออก เพื่อให้แสงสว่างข้างนอกส่องเข้ามาในห้อง แต่พอจะลงมือ ก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นจากในความมืดว่า "ไม่เอาแสง มาที่นี่"
ผมสะดุ้งกับเสียงนั่น หันกลับไปมองก็เห็นว่า ในมุมห้องที่มืดทึบ มีประกายไฟวาบขึ้น จากนั้น กลางวงของจุดแสง ณ ตรงนั้นเอง พระลามะห้ารูป ค่อยๆ สว่างชัดขึ้นมา
พระลามะทั้งห้า คงจะอยู่ในความมืดตรงนั้นแต่แรก แต่พวกเราไม่เห็น นี่อาจเป็นวิธีบำเพ็ญเพียรแบบพิเศษอย่างหนึ่งของพวกเขา พวกเราเหมือนกับเข้ามาขัดจังหวะ
ผมนึกถึงคำที่ได้ยินว่า "มาที่นี่" จึงเดินไปหา เมื่อเดินเข้าไปใกล้ก็เห็นว่า พระลามะที่ดูอ่อนวัยกว่าสองสามรูปหลับตาอยู่ มีเพียงพระลามะที่ดูสูงวัยรูปหนึ่งเท่านั้น กำลังมองดูพวกเราด้วยประกายตาคมกริบ
พวกเราเดินเข้าไปแจ้งเจตนา พระลามะสูงวัยรูปนี้ ก็หลับตาลง พูดว่า "เรื่องนั้นนั่นเอง เรายังจำได้"
ผมค่อนข้างแปลกใจ ผมนึกว่าเขาจะแสดงอารมณ์ที่ตื่นเต้นกว่านี้ อย่างเช่นพูดกับผมเสียงสั่นๆ ว่า "เจ้า... เจ้าก็รู้จักเขาหรือ" อะไรทำนองนี้
แต่อีกฝ่ายเพียงแค่หลับตาลง พูดออกมาคำเดียวว่า "เรื่องนั้นนั่นเอง เรายังจำได้"
ผมไม่ได้แสดงความคิดกระหยุมกระหยิมของตนออกมา แสร้งทำเป็นนิ่งเฉยด้วยเช่นกัน
ความเป็นจริงมันมหัศจรรย์อย่างนี้นี่แหละ ผมพลันเข้าใจขึ้นเล็กน้อย เรื่องราวจำนวนมากที่ตัวเรานึกว่ามันสำคัญนักสำคัญหนา ในสายตาของคนอื่น อาจไม่มีค่าแม้แต่จะหาวใส่
เรื่องนี้ ผมสามารถเข้าใจได้จริงๆ
ภายในห้องของพระลามะใหญ่ พวกเราดื่มชาเนยที่ต้มใหม่ๆ รอเขาค่อยๆ เล่าเรื่องราวไปช้าๆ ทีละนิดจนจบ ภายในห้อง มีเตาถ่านจุดอยู่ อบอุ่นมาก ผมเหงื่อซึมเล็กน้อย พลางรับฟังเรื่องราวการปรากฏตัวบนโลกมนุษย์ครั้งนั้นของเสี่ยวเกอ
พระลามะใหญ่เล่าข้ามๆ เหมือนกับแค่เล่าเรื่องไปเรื่อยๆ แต่สำหรับผมแล้ว ผมยังคงรู้สึกว่ามันคือเบาะแสที่สำคัญที่สุดในโลก อย่างมิอาจปฏิเสธ
ระหว่างการบอกเล่า บางจุดที่พระลามะใหญ่เองก็ไม่ค่อยเข้าใจ เขาจะหยิบม้วนคัมภีร์และสมุดบันทึกขึ้นมาตรวจสอบ หลังจากเล่าจบ ผมเองก็ได้ศึกษาเนื้อหาในสมุดบันทึกพวกนี้อย่างละเอียดด้วยตนเองเช่นกัน ดังนั้น เนื้อหาต่อไปนี้ จะมาจากหลากหลายช่องทาง บางส่วนมาจากสมุดบันทึกที่ผมเห็นเอง และบางส่วนมาจากคำบอกเล่าของลามะใหญ่
เนื่องจากข้อมูลมีเยอะและถูกบันทึกไว้แบบตามใจนึก ไม่ว่าจะทางคำบอกเล่าหรือตัวอักษร ต่างเจือปนภาษาทิเบตและภาษาท้องถิ่นจำนวนมาก เนื้อหาส่วนใหญ่จึงเป็นความข้างเดียว ขณะที่ผมนำมาบอกเล่าไว้ตรงนี้ ได้ทำการเรียบเรียงบางส่วน
เหตุการณ์เมื่อห้าสิบปีก่อน ท่านลามะใหญ่ยังคงจำได้ติดตา มันคือสัปดาห์ที่สามหลังจากหิมะตกหนักปิดภูเขา การลงจากภูเขา เป็นเรื่องอันตรายมาก พระลามะทั้งหมด ต่างเตรียมตัวรับมือกับการจำศีลบำเพ็ญเพียรเป็นเวลาหนึ่งฤดูหนาว
ในตอนนั้น พระลามาใหญ่ยังเป็นพระหนุ่ม ยังไม่ใช่พระลามะใหญ่ (หมายถึงเจ้าอาวาส) แต่เพื่อสะดวกต่อการแยกแยะ เราจะเรียกท่านลามะใหญ่ที่ยังเป็นพระหนุ่มในตอนนั้น ว่าลามะเฒ่าแทน
ตามธรรมเนียมของวัด วันนั้นลามะเฒ่ากวาดหิมะหน้าประตูวัดจนเกลี้ยง ตามด้วยก่อตั้งเตาถ่านขนาดใหญ่สามเตาไว้หน้าประตู เพื่อไม่ให้หิมะตกลงมาท่วมพื้นอีก ธรรมเนียมปฏิบัติเช่นนี้ จะทำกันทุกๆ สิบปี ตั้งแต่วัดลามะแห่งนี้สร้างเสร็จ แม้ลามะเฒ่าจะไม่รู้ความหมายของมัน แต่พระลามะทุกรุ่น ต่างยึดถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดเรื่อยมา
เที่ยงวันนั้น ขณะไปเติมฟืนให้กับเตาถ่านเป็นครั้งที่สี่ ลามะเฒ่าก็เจอกับเมินโหยวผิงที่ยืนผิงไฟอยู่หน้าเตา
เมินโหยวผิงสวมเสื้อผ้าแปลกประหลาด ดูเหมือนเสื้อโค้ตทหารที่หนามาก แต่ลวดลายบนเสื้อกลับเป็นลวดลายทิเบต บนหลังของเขา สะพายสัมภาระใบใหญ่ แลดูหนักอึ้ง
รูปร่างของเมินโหยวผิง ดูทะมัดทะแมงแข็งแรง ในตอนนั้น ลามะเฒ่ากับเขา มีบทสนทนาดังต่อไปนี้---
ลามะเฒ่า "ประสกมาจากไหน"
เมินโหยวผิง "มาจากในเขา"
ลามะเฒ่า "ประสกจะไปไหน"
เมินโหยวผิง "ไปข้างนอก"
ลามะเฒ่า "ประสกมาจากหมู่บ้านฝั่งตรงข้ามภูเขาอย่างนั้นหรือ"
เมินโหยวผิง "ไม่ใช่ ฉันมาจากลึกๆ ข้างใน"
เมื่อพูดจบ เมินโหยวผิงชี้ไปยังทิศหนึ่ง มันคือใจกลางภูเขาหิมะ สำหรับลามะเฒ่า สำหรับชาวมูทัวทุกคนแล้ว พวกเขาต่างรู้ว่า บริเวณนั้นเป็นเขตปลอดมนุษย์ ข้างในนั้นไม่มีอะไรเลย
ขณะที่รอยต่อระหว่างวัดกับพื้นที่ส่วนนั้น ไม่มีเส้นทางเดินหรือถนน มีเพียงสถานที่หนึ่งที่สามารถเรียกว่าหน้าผาชัน แม้จะไม่ใช่หน้าผาจริงๆ แต่เกิดจากหิมะที่กองสุมกับระดับความสูงชันของมัน ก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ ด้วยความต่างระดับที่เกินกว่าสองร้อยเมตร มันคือสถานที่ที่อันตรายที่สุดของวัดทิเบตแห่งนี้
ไม่มีทางที่ใครจะมาจากทิศทางนั้น ลามะเฒ่าหัวเราะ เขารู้สึกว่าเมินโหยวผิงจะต้องชี้ไปผิดทาง แต่เขาก็พบความผิดปกติอย่างรวดเร็ว เพราะบริเวณที่เมินโหยวผิงยืนอยู่นั้น มีรอยเท้าโดดเดี่ยวเพียงคู่เดียว ไม่มีรอยเท้าที่ทอดยาวออกไป
ในสภาพภูมิอากาศที่มีแต่หิมะเช่นนี้ เว้นเสียแต่เมินโหยวผิงจะตกลงมาจากฟ้า หรือไม่ก็คือ เขาไต่ลงมาจากหน้าผาชันจริงๆ
ลามะเฒ่า "ประสกเหตุใดจึงหยุดอยู่ตรงหน้าประตูวัดของเรา"
เมินโหยวผิง "ที่นี่อบอุ่น ฉันมาผิงไฟ เดี๋ยวจะไปแล้ว"
เมินโหยวผิงชี้ไปที่เตาถ่าน ลามะเฒ่าพลันเกิดความคิดประหลาด ประเพณีแปลกๆ ของวัดแห่งนี้ ทุกๆ สิบปี จะต้องตั้งเตาถ่านจำนวนสามเตาไว้หน้าประตูวัด หรือจะเป็นเพราะว่า หากมีคนเดินผ่านหน้าประตู สามารถมีที่ให้ผิงไฟ
หรือจะบอกว่า มีคนอยากให้คนที่เดินผ่านประตูวัด หยุดแวะเพราะเห็นเตาถ่านสามเตานี้
วัดแห่งนี้ นับตั้งแต่สร้างเสร็จ ก็มีธรรมเนียมนี้ เขารู้สึกมาตลอดว่ามันเป็นธรรมเนียมประหลาด หรือว่าคนที่สร้างวัดแห่งนี้ จะทำนายเหตุการณ์นี้ได้ล่วงหน้าเมื่อนานมาแล้ว จึงตั้งกฏนี้ขึ้น
ลามะเฒ่ามองดูเมินโหยวผิง คนทั้งสองจ้องตากันเงียบๆ สักพักหนึ่ง เขารู้สึกกระอักกระอ่วน จึงพูดว่า "ข้างในอบอุ่นกว่า ประสกจะเข้าไปพักผ่อนสักครู่ไหม เข้ามาดื่มชาเนยสักถ้วย แล้วค่อยไปต่อเถิด"
ลามะเฒ่าเพียงถามไปตามมารยาท ขณะที่เมินโหยวผิงก็ไม่เกรงใจ พยักหน้าตรงๆ ตอบว่า "ได้"
ดังนั้น ลามะเฒ่าจึงเชิญเมินโหยวผิง เข้าไปภายในวัด
ในฐานะเจ้าบ้าน ซ้ำยังไม่ได้รับแขกมานานแล้ว เขาย่อมทำหน้าที่เจ้าบ้านที่ดี เมื่อให้เมินโหยวผิงพักผ่อนจนอบอุ่น ดื่มชาเนยเสร็จแล้ว ก็พาเมินโหยวผิงเดินชมทั่วทั้งบริเวณวัด
ระหว่างนี้ ลามะเฒ่าก็จะแอบถามคำถามเมินโหยวผิงแบบอย่างโจ่งแจ้ง แต่ที่น่าประหลาดก็คือ เมินโหยวผิงก็ไม่ปิดบัง เขาเน้นย้ำซ้ำๆ ว่าตนเองออกมาจากชั้นในของภูเขาหิมะ น้ำเสียงวาจา ไม่มีร่องรอยของการปดโป้หรือกลบเกลื่อนแม้แต่นิดเดียว
ลามะเฒ่าขณะนั้นแม้จะยังอ่อนพรรษา แต่ถึงอย่างไรก็เป็นผู้ฝึกบำเพ็ญตน ย่อมมีความสามารถในการควบคุมความอยากรู้อยากเห็นต่อเรื่องทางโลก เขาจึงไม่ถามต่อ
(เดิมทีเรื่องนี้ อย่างมากก็ควรผ่านเลยไปหลังจากที่เมินโหยวผิงค้างคืนเพียงคืนเดียว เพราะเมื่อเมินโหยวผิงจากไปแล้ว วิถีชีวิตของลามะเฒ่า ก็จะกลับเข้าสู่วงจรปกติเช่นกัน)
Talk
#dmbjonly จบแล้วด้วยบรรยากาศใจหายใจคว่ำ ไว้มีสติแล้วจะเขียนรีพอร์ตงาน เวอร์ชั่นตัวเองลงเพจหรือลงบอร์ด ขอบคุณอย่างเป็นทางการอีกครั้งนะครับ
พักฟื้นจาก #dmbjonly #ภาคทิเบต ลงเลทไป 1 วัน ขออภัยอย่างสูง แต่นี่คงเป็นตอนสุดท้ายที่จะอัพลงบอร์ดแล้วนะครับ เพราะต่อจากนี้ ยังมีหลายสิ่งในนิยายที่ผมต้องรอยืนยัน ชื่อเฉพาะกับสรรพนามที่ยังไม่นิ่ง ยังไม่อยากรีบโพสต์ ยังไงเราก็ LC (แบบวงใน) กันไปแล้ว ธ.ค.รอจับเล่มจริงกันเลยเนอะ
เพิ่งจะฟื้นจาก #dmbjonly คิดว่าวงจรชีวิตคงกลับมาเป็น "งานหลัก" แล้ว แต่ตื่นเช้ามาก็เห็นสัมฯ ท่านประมุข ถูกเรียกตัวกลับอีกแล้วครับท่าน แง "จงอยู่ในวังวนแห่งเต้ามู่ และไม่มีอำนาจใดมาลบล้างได้" ท่าจะขลังจริง เอาเป็นว่าก็ติดตามกันต่อไปครับ
เอาละ 817 แล้ว เสี่ยวเกอออกมาจากประตูสำริดแล้วก็จริง แต่สารพัดปริศนา ยังรอการคลี่คลาย กุญแจที่ไขปริศนาเหล่านั้น อยู่ใน #ภาคทิเบต และ #ซาไห่ นี่แหละ เราคงยังต้องทอดสมออยู่ในท้องทะเลผืนนี้กันอีกนาน
อีกเรื่องคือ อะแฮ่ม... พื้นที่โฆษณาอ่อน >>
ในที่สุดผมก็เปิดทวิตเตอร์แอคใหม่ชื่อแมงมุมช็อป = @mangmoomculture เอาไว้ขายของนะครับ (ติดนิสัยซานซูมาแล้ว) นอกจากเตรียมไว้ขายหนังสือสนพ.ตัวเองในอนาคต ยังตั้งใจจะใช้อำนาจมืด ไปเหมาซาไห่, ภาคทิเบต จำนวนจำกัดมาเปิดพรีฯ ด้วย
สุดท้าย ไว้จะร่วมเล่นเดลี่ย้อนหลังนะครับ ^^
วัดทิเบต
เฉินเสวี่ยหานเป็นผู้นำทาง พาพวกเราปีนไต่ไปตามเกล็ดหิมะ บันไดภูเขาที่หิมะปกคลุม ถูกกวาดเป็นเส้นทางแคบๆ ที่สามารถเดินขึ้นลงได้เพียงคนเดียว ขั้นบันไดชันมาก แทบจะเรียกได้ว่า ขึ้นดิ่งลงดิ่ง ผมมีลูกน้องมาด้วยสองคน พวกเขาดึงดันจะตามผมขึ้นมา ตอนนี้ต่างเสียใจกันยกใหญ่
ขณะเที่ยงวัน ในที่สุดพวกเราก็มาถึงหน้าประตูวัดทิเบตที่เฉินเสวี่ยหานพล่ามถึงไม่ยอมหยุด
ผมเคยเที่ยววัดวาอารามทุกชนิด ทุกขนาด วัดเหล่านั้นมีวัดทิเบตก็ไม่น้อย แต่รูปแบบที่เห็นตรงหน้าขณะนี้ ก็ยังนับเป็นครั้งแรก
เริ่มจาก นี่เป็นประตูวัดที่ผุพังมาก ขนาดเล็กมาก ขนาดของประตูไม้กว้างเพียงเท่าครึ่งคน แต่ถัดไปข้างหลังก็คือลานสวนขนาดเล็ก หิมะถูกปัดกวาดแล้ว เผยให้เห็นโม่หินและโต๊ะหินเก้าอี้หิน เมื่อสุดเขตสวน คือตัววัดที่สร้างติดภูเขา ตัววัดสูงชะลูดขึ้นไปจนมองไม่เห็นยอด ดูอลังการมาก
แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ ผมก็รู้ว่า ภายในสิ่งปลูกสร้างของวัดที่เป็นลักษณะนี้ มีพื้นที่ใช้สอยไม่มากนัก แม้จะดูเหมือนกินพื้นที่กว้าง แต่เพราะสร้างเกาะภูเขา พื้นที่ใช้สอยภายในอาคารค่อนข้างเล็กแคบ
มีลามะหนุ่มสามรูปนั่งผิงไฟอยู่รอบโม่หิน เมื่อเห็นพวกเราเข้ามา ไม่ได้แสดงสีหน้าประหลาดใจเท่าไหร่ ยังคงนิ่งเฉย ไม่ถามไม่ไถ่
เฉินเสวี่ยหานตรงเข้าไปบอกเหตุผลของการมา พูดเป็นภาษาทิเบตหมด ผมฟังไม่รู้เรื่อง ลามะรูปหนึ่งจึงพาผมเข้าไปภายในตัววัด
ตัววัดชั้นหนึ่งมีขนาดใหญ่โตที่สุด เป็นสถานที่ประกอบพิธีสงฆ์ของเหล่าลามะ ด้านหลังมีบันไดไม้ ไต่ขึ้นชั้นบน พวกเราขึ้นบันไดไปเรื่อยๆ ชั้นแล้วชั้นเล่า ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ผ่านห้องไปกี่ห้อง ลามะที่เดินนำหน้าจึงหยุด ผมพบว่า ในที่สุดพวกเราก็มาถึงห้องที่มืดสนิทห้องหนึ่ง
เฉินเสวี่ยหานกับพระลาะมะถอยออกไปอย่างนอบน้อม เหลือแต่ผมกับลูกน้องสองคน ยืนอยู่ในห้องมืดตื๋อ เมื่อสำรวจดูแล้ว พบว่ามันเหมือนกับเป็นห้องฌาน ทั่วทั้งห้อง มีเพียงจุดเดียวที่มีลำแสงเล็กๆ
พวกเราเดินตรงไปหาอย่างระมัดระวัง หลังจากปรับตัวกับแสงสลัวในห้องได้ ผมจึงค่อยๆ เห็นว่า รอบตัวมีเงาเลือนลางจำนวนมาก---ทั้งหมดเป็นพระคัมภีร์ที่วางกองเป็นตั้งๆ เราเดินอ้อมไป จนมาถึงจุดที่มีแสง ผมพบว่ามันคือหน้าต่างบานหนึ่ง
หน้าต่างถูกปิดเอาไว้ด้วยผ้าผืนหน้า แต่ผืนผ้าเก่าเก็บเกินไป จึงเปื่อยผุเป็นรูเล็กๆ จำนวนมาก แสงสว่างส่องลอดเข้ามาทางรูพวกนี้
ผมคิดจะแกะเอาผ้าพวกนี้ออก เพื่อให้แสงสว่างข้างนอกส่องเข้ามาในห้อง แต่พอจะลงมือ ก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นจากในความมืดว่า "ไม่เอาแสง มาที่นี่"
ผมสะดุ้งกับเสียงนั่น หันกลับไปมองก็เห็นว่า ในมุมห้องที่มืดทึบ มีประกายไฟวาบขึ้น จากนั้น กลางวงของจุดแสง ณ ตรงนั้นเอง พระลามะห้ารูป ค่อยๆ สว่างชัดขึ้นมา
พระลามะทั้งห้า คงจะอยู่ในความมืดตรงนั้นแต่แรก แต่พวกเราไม่เห็น นี่อาจเป็นวิธีบำเพ็ญเพียรแบบพิเศษอย่างหนึ่งของพวกเขา พวกเราเหมือนกับเข้ามาขัดจังหวะ
ผมนึกถึงคำที่ได้ยินว่า "มาที่นี่" จึงเดินไปหา เมื่อเดินเข้าไปใกล้ก็เห็นว่า พระลามะที่ดูอ่อนวัยกว่าสองสามรูปหลับตาอยู่ มีเพียงพระลามะที่ดูสูงวัยรูปหนึ่งเท่านั้น กำลังมองดูพวกเราด้วยประกายตาคมกริบ
พวกเราเดินเข้าไปแจ้งเจตนา พระลามะสูงวัยรูปนี้ ก็หลับตาลง พูดว่า "เรื่องนั้นนั่นเอง เรายังจำได้"
ผมค่อนข้างแปลกใจ ผมนึกว่าเขาจะแสดงอารมณ์ที่ตื่นเต้นกว่านี้ อย่างเช่นพูดกับผมเสียงสั่นๆ ว่า "เจ้า... เจ้าก็รู้จักเขาหรือ" อะไรทำนองนี้
แต่อีกฝ่ายเพียงแค่หลับตาลง พูดออกมาคำเดียวว่า "เรื่องนั้นนั่นเอง เรายังจำได้"
ผมไม่ได้แสดงความคิดกระหยุมกระหยิมของตนออกมา แสร้งทำเป็นนิ่งเฉยด้วยเช่นกัน
ความเป็นจริงมันมหัศจรรย์อย่างนี้นี่แหละ ผมพลันเข้าใจขึ้นเล็กน้อย เรื่องราวจำนวนมากที่ตัวเรานึกว่ามันสำคัญนักสำคัญหนา ในสายตาของคนอื่น อาจไม่มีค่าแม้แต่จะหาวใส่
เรื่องนี้ ผมสามารถเข้าใจได้จริงๆ
ภายในห้องของพระลามะใหญ่ พวกเราดื่มชาเนยที่ต้มใหม่ๆ รอเขาค่อยๆ เล่าเรื่องราวไปช้าๆ ทีละนิดจนจบ ภายในห้อง มีเตาถ่านจุดอยู่ อบอุ่นมาก ผมเหงื่อซึมเล็กน้อย พลางรับฟังเรื่องราวการปรากฏตัวบนโลกมนุษย์ครั้งนั้นของเสี่ยวเกอ
พระลามะใหญ่เล่าข้ามๆ เหมือนกับแค่เล่าเรื่องไปเรื่อยๆ แต่สำหรับผมแล้ว ผมยังคงรู้สึกว่ามันคือเบาะแสที่สำคัญที่สุดในโลก อย่างมิอาจปฏิเสธ
ระหว่างการบอกเล่า บางจุดที่พระลามะใหญ่เองก็ไม่ค่อยเข้าใจ เขาจะหยิบม้วนคัมภีร์และสมุดบันทึกขึ้นมาตรวจสอบ หลังจากเล่าจบ ผมเองก็ได้ศึกษาเนื้อหาในสมุดบันทึกพวกนี้อย่างละเอียดด้วยตนเองเช่นกัน ดังนั้น เนื้อหาต่อไปนี้ จะมาจากหลากหลายช่องทาง บางส่วนมาจากสมุดบันทึกที่ผมเห็นเอง และบางส่วนมาจากคำบอกเล่าของลามะใหญ่
เนื่องจากข้อมูลมีเยอะและถูกบันทึกไว้แบบตามใจนึก ไม่ว่าจะทางคำบอกเล่าหรือตัวอักษร ต่างเจือปนภาษาทิเบตและภาษาท้องถิ่นจำนวนมาก เนื้อหาส่วนใหญ่จึงเป็นความข้างเดียว ขณะที่ผมนำมาบอกเล่าไว้ตรงนี้ ได้ทำการเรียบเรียงบางส่วน
เหตุการณ์เมื่อห้าสิบปีก่อน ท่านลามะใหญ่ยังคงจำได้ติดตา มันคือสัปดาห์ที่สามหลังจากหิมะตกหนักปิดภูเขา การลงจากภูเขา เป็นเรื่องอันตรายมาก พระลามะทั้งหมด ต่างเตรียมตัวรับมือกับการจำศีลบำเพ็ญเพียรเป็นเวลาหนึ่งฤดูหนาว
ในตอนนั้น พระลามาใหญ่ยังเป็นพระหนุ่ม ยังไม่ใช่พระลามะใหญ่ (หมายถึงเจ้าอาวาส) แต่เพื่อสะดวกต่อการแยกแยะ เราจะเรียกท่านลามะใหญ่ที่ยังเป็นพระหนุ่มในตอนนั้น ว่าลามะเฒ่าแทน
ตามธรรมเนียมของวัด วันนั้นลามะเฒ่ากวาดหิมะหน้าประตูวัดจนเกลี้ยง ตามด้วยก่อตั้งเตาถ่านขนาดใหญ่สามเตาไว้หน้าประตู เพื่อไม่ให้หิมะตกลงมาท่วมพื้นอีก ธรรมเนียมปฏิบัติเช่นนี้ จะทำกันทุกๆ สิบปี ตั้งแต่วัดลามะแห่งนี้สร้างเสร็จ แม้ลามะเฒ่าจะไม่รู้ความหมายของมัน แต่พระลามะทุกรุ่น ต่างยึดถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดเรื่อยมา
เที่ยงวันนั้น ขณะไปเติมฟืนให้กับเตาถ่านเป็นครั้งที่สี่ ลามะเฒ่าก็เจอกับเมินโหยวผิงที่ยืนผิงไฟอยู่หน้าเตา
เมินโหยวผิงสวมเสื้อผ้าแปลกประหลาด ดูเหมือนเสื้อโค้ตทหารที่หนามาก แต่ลวดลายบนเสื้อกลับเป็นลวดลายทิเบต บนหลังของเขา สะพายสัมภาระใบใหญ่ แลดูหนักอึ้ง
รูปร่างของเมินโหยวผิง ดูทะมัดทะแมงแข็งแรง ในตอนนั้น ลามะเฒ่ากับเขา มีบทสนทนาดังต่อไปนี้---
ลามะเฒ่า "ประสกมาจากไหน"
เมินโหยวผิง "มาจากในเขา"
ลามะเฒ่า "ประสกจะไปไหน"
เมินโหยวผิง "ไปข้างนอก"
ลามะเฒ่า "ประสกมาจากหมู่บ้านฝั่งตรงข้ามภูเขาอย่างนั้นหรือ"
เมินโหยวผิง "ไม่ใช่ ฉันมาจากลึกๆ ข้างใน"
เมื่อพูดจบ เมินโหยวผิงชี้ไปยังทิศหนึ่ง มันคือใจกลางภูเขาหิมะ สำหรับลามะเฒ่า สำหรับชาวมูทัวทุกคนแล้ว พวกเขาต่างรู้ว่า บริเวณนั้นเป็นเขตปลอดมนุษย์ ข้างในนั้นไม่มีอะไรเลย
ขณะที่รอยต่อระหว่างวัดกับพื้นที่ส่วนนั้น ไม่มีเส้นทางเดินหรือถนน มีเพียงสถานที่หนึ่งที่สามารถเรียกว่าหน้าผาชัน แม้จะไม่ใช่หน้าผาจริงๆ แต่เกิดจากหิมะที่กองสุมกับระดับความสูงชันของมัน ก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ ด้วยความต่างระดับที่เกินกว่าสองร้อยเมตร มันคือสถานที่ที่อันตรายที่สุดของวัดทิเบตแห่งนี้
ไม่มีทางที่ใครจะมาจากทิศทางนั้น ลามะเฒ่าหัวเราะ เขารู้สึกว่าเมินโหยวผิงจะต้องชี้ไปผิดทาง แต่เขาก็พบความผิดปกติอย่างรวดเร็ว เพราะบริเวณที่เมินโหยวผิงยืนอยู่นั้น มีรอยเท้าโดดเดี่ยวเพียงคู่เดียว ไม่มีรอยเท้าที่ทอดยาวออกไป
ในสภาพภูมิอากาศที่มีแต่หิมะเช่นนี้ เว้นเสียแต่เมินโหยวผิงจะตกลงมาจากฟ้า หรือไม่ก็คือ เขาไต่ลงมาจากหน้าผาชันจริงๆ
ลามะเฒ่า "ประสกเหตุใดจึงหยุดอยู่ตรงหน้าประตูวัดของเรา"
เมินโหยวผิง "ที่นี่อบอุ่น ฉันมาผิงไฟ เดี๋ยวจะไปแล้ว"
เมินโหยวผิงชี้ไปที่เตาถ่าน ลามะเฒ่าพลันเกิดความคิดประหลาด ประเพณีแปลกๆ ของวัดแห่งนี้ ทุกๆ สิบปี จะต้องตั้งเตาถ่านจำนวนสามเตาไว้หน้าประตูวัด หรือจะเป็นเพราะว่า หากมีคนเดินผ่านหน้าประตู สามารถมีที่ให้ผิงไฟ
หรือจะบอกว่า มีคนอยากให้คนที่เดินผ่านประตูวัด หยุดแวะเพราะเห็นเตาถ่านสามเตานี้
วัดแห่งนี้ นับตั้งแต่สร้างเสร็จ ก็มีธรรมเนียมนี้ เขารู้สึกมาตลอดว่ามันเป็นธรรมเนียมประหลาด หรือว่าคนที่สร้างวัดแห่งนี้ จะทำนายเหตุการณ์นี้ได้ล่วงหน้าเมื่อนานมาแล้ว จึงตั้งกฏนี้ขึ้น
ลามะเฒ่ามองดูเมินโหยวผิง คนทั้งสองจ้องตากันเงียบๆ สักพักหนึ่ง เขารู้สึกกระอักกระอ่วน จึงพูดว่า "ข้างในอบอุ่นกว่า ประสกจะเข้าไปพักผ่อนสักครู่ไหม เข้ามาดื่มชาเนยสักถ้วย แล้วค่อยไปต่อเถิด"
ลามะเฒ่าเพียงถามไปตามมารยาท ขณะที่เมินโหยวผิงก็ไม่เกรงใจ พยักหน้าตรงๆ ตอบว่า "ได้"
ดังนั้น ลามะเฒ่าจึงเชิญเมินโหยวผิง เข้าไปภายในวัด
ในฐานะเจ้าบ้าน ซ้ำยังไม่ได้รับแขกมานานแล้ว เขาย่อมทำหน้าที่เจ้าบ้านที่ดี เมื่อให้เมินโหยวผิงพักผ่อนจนอบอุ่น ดื่มชาเนยเสร็จแล้ว ก็พาเมินโหยวผิงเดินชมทั่วทั้งบริเวณวัด
ระหว่างนี้ ลามะเฒ่าก็จะแอบถามคำถามเมินโหยวผิงแบบอย่างโจ่งแจ้ง แต่ที่น่าประหลาดก็คือ เมินโหยวผิงก็ไม่ปิดบัง เขาเน้นย้ำซ้ำๆ ว่าตนเองออกมาจากชั้นในของภูเขาหิมะ น้ำเสียงวาจา ไม่มีร่องรอยของการปดโป้หรือกลบเกลื่อนแม้แต่นิดเดียว
ลามะเฒ่าขณะนั้นแม้จะยังอ่อนพรรษา แต่ถึงอย่างไรก็เป็นผู้ฝึกบำเพ็ญตน ย่อมมีความสามารถในการควบคุมความอยากรู้อยากเห็นต่อเรื่องทางโลก เขาจึงไม่ถามต่อ
(เดิมทีเรื่องนี้ อย่างมากก็ควรผ่านเลยไปหลังจากที่เมินโหยวผิงค้างคืนเพียงคืนเดียว เพราะเมื่อเมินโหยวผิงจากไปแล้ว วิถีชีวิตของลามะเฒ่า ก็จะกลับเข้าสู่วงจรปกติเช่นกัน)
Talk
#dmbjonly จบแล้วด้วยบรรยากาศใจหายใจคว่ำ ไว้มีสติแล้วจะเขียนรีพอร์ตงาน เวอร์ชั่นตัวเองลงเพจหรือลงบอร์ด ขอบคุณอย่างเป็นทางการอีกครั้งนะครับ
พักฟื้นจาก #dmbjonly #ภาคทิเบต ลงเลทไป 1 วัน ขออภัยอย่างสูง แต่นี่คงเป็นตอนสุดท้ายที่จะอัพลงบอร์ดแล้วนะครับ เพราะต่อจากนี้ ยังมีหลายสิ่งในนิยายที่ผมต้องรอยืนยัน ชื่อเฉพาะกับสรรพนามที่ยังไม่นิ่ง ยังไม่อยากรีบโพสต์ ยังไงเราก็ LC (แบบวงใน) กันไปแล้ว ธ.ค.รอจับเล่มจริงกันเลยเนอะ
เพิ่งจะฟื้นจาก #dmbjonly คิดว่าวงจรชีวิตคงกลับมาเป็น "งานหลัก" แล้ว แต่ตื่นเช้ามาก็เห็นสัมฯ ท่านประมุข ถูกเรียกตัวกลับอีกแล้วครับท่าน แง "จงอยู่ในวังวนแห่งเต้ามู่ และไม่มีอำนาจใดมาลบล้างได้" ท่าจะขลังจริง เอาเป็นว่าก็ติดตามกันต่อไปครับ
เอาละ 817 แล้ว เสี่ยวเกอออกมาจากประตูสำริดแล้วก็จริง แต่สารพัดปริศนา ยังรอการคลี่คลาย กุญแจที่ไขปริศนาเหล่านั้น อยู่ใน #ภาคทิเบต และ #ซาไห่ นี่แหละ เราคงยังต้องทอดสมออยู่ในท้องทะเลผืนนี้กันอีกนาน
อีกเรื่องคือ อะแฮ่ม... พื้นที่โฆษณาอ่อน >>
ในที่สุดผมก็เปิดทวิตเตอร์แอคใหม่ชื่อแมงมุมช็อป = @mangmoomculture เอาไว้ขายของนะครับ (ติดนิสัยซานซูมาแล้ว) นอกจากเตรียมไว้ขายหนังสือสนพ.ตัวเองในอนาคต ยังตั้งใจจะใช้อำนาจมืด ไปเหมาซาไห่, ภาคทิเบต จำนวนจำกัดมาเปิดพรีฯ ด้วย
สุดท้าย ไว้จะร่วมเล่นเดลี่ย้อนหลังนะครับ ^^
anurakbeer- ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
- จำนวนข้อความ : 184
Points : 3904
Join date : 27/10/2014
Re: #ภาคทิเบต Chapter 08 วัดทิเบต
ย๊าาาาา ตุลามีซาไห่ ธันวามีทิเบต โอ้ย ตายจากโลกนี้อย่างสงบสุข ฮรือ
พลางรับฟังเรื่องราวการปรากฏตัวบนโลกมนุษย์ครั้งนั้นของเสี่ยวเกอ < ทำไมนายน้อยพูดอย่างกับเสี่ยวเกอมาจากดาวแม่... คิดไปคิดมาก็จริงนี่หว่า 555
จ้องพรี *เขม็ง* ไม่ได้ไปงานนี่มันอัดอั้นตันใจมาก อยากจะไปร่วมวิ่งควายแต่ไปไม่ได้ ฮอลลลล
ขอบคุณสำหรับตอนสุดท้ายครับคุณเบียร์ ธันวาอีกไม่ไกลแล้ว ฮรู่มมมม
พลางรับฟังเรื่องราวการปรากฏตัวบนโลกมนุษย์ครั้งนั้นของเสี่ยวเกอ < ทำไมนายน้อยพูดอย่างกับเสี่ยวเกอมาจากดาวแม่... คิดไปคิดมาก็จริงนี่หว่า 555
จ้องพรี *เขม็ง* ไม่ได้ไปงานนี่มันอัดอั้นตันใจมาก อยากจะไปร่วมวิ่งควายแต่ไปไม่ได้ ฮอลลลล
ขอบคุณสำหรับตอนสุดท้ายครับคุณเบียร์ ธันวาอีกไม่ไกลแล้ว ฮรู่มมมม
Rozenkreuz- ด้วงอาณาจักรเจ้าแม่ซีหวังหมู่
- จำนวนข้อความ : 625
Points : 3818
Join date : 01/07/2015
Age : 31
ที่อยู่ : กองทัพผีเก็บเห็ดแห่งประตูสำริด
Re: #ภาคทิเบต Chapter 08 วัดทิเบต
ขอบคุณค่ะ ^__^
ตอนนี้ก็ต้องพักฟื้นยาว จากกรณีงานโอนลี่
เตรียมเพาะปลูกไตและตับกันต่อไป
ตั้งตารอ ตุลาคม และ ธันวาคมอย่างใจจดใจจ่อ แงงงงง
ตอนนี้ก็ต้องพักฟื้นยาว จากกรณีงานโอนลี่
เตรียมเพาะปลูกไตและตับกันต่อไป
ตั้งตารอ ตุลาคม และ ธันวาคมอย่างใจจดใจจ่อ แงงงงง
Yuwadee Wana- ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
- จำนวนข้อความ : 352
Points : 3798
Join date : 27/10/2014
Re: #ภาคทิเบต Chapter 08 วัดทิเบต
ขอบคุณสำหรับทรานส์ค่ะแล้วก็ข่าวทั้งหลาย
แงง แล้วเจอกันค่ะ จะเก็บตังค์ไว้รอ...เพื่อผู้--แค่ก
อ่านตอนนี้นึกภาพตาอู๋เสียทำนิ่งแต่ในใจกำลังอยากเผือกมากๆแล้วขำอย่างบอกไม่ถูก
...โดนผลของบรรยากาศทำให้เผือกไม่ค่อยออกสินะ
แต่ความอยากเผือกเรื่องของคนที่เราๆก็รู้ว่าใครยังเต็ม ล้น ทะลัก
กาวจนแฟนเกิรล์ได้กลิ่น
เบาะแสที่สำคัญที่สุดในโลก
จ้ะ...เอาที่พ่อคุณทูนหัวจะชอบเลย
แงง แล้วเจอกันค่ะ จะเก็บตังค์ไว้รอ...เพื่อผู้--แค่ก
อ่านตอนนี้นึกภาพตาอู๋เสียทำนิ่งแต่ในใจกำลังอยากเผือกมากๆแล้วขำอย่างบอกไม่ถูก
...โดนผลของบรรยากาศทำให้เผือกไม่ค่อยออกสินะ
แต่ความอยากเผือกเรื่องของคนที่เราๆก็รู้ว่าใครยังเต็ม ล้น ทะลัก
กาวจนแฟนเกิรล์ได้กลิ่น
เบาะแสที่สำคัญที่สุดในโลก
จ้ะ...เอาที่พ่อคุณทูนหัวจะชอบเลย
The_Dark_Lady- ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
- จำนวนข้อความ : 301
Points : 3604
Join date : 21/06/2015
Age : 29
ที่อยู่ : On the Land, Below the sky
Re: #ภาคทิเบต Chapter 08 วัดทิเบต
ขอบคุณมากค่าคุณเบียร์ ^^
หยอดกระปุกหมูรอหนังสือค่าาา ^^v
หยอดกระปุกหมูรอหนังสือค่าาา ^^v
qiuyan_zhen- ด้วงฝึกหัด
- จำนวนข้อความ : 9
Points : 3323
Join date : 02/03/2015
Re: #ภาคทิเบต Chapter 08 วัดทิเบต
นายน้อยประหนึ่งอยู่ในเหตุการณ์นะคะ
เสี่ยวเกอในชุดแบบทิเบต -.,-
ขอบคุณที่ลงค่ะ
จะรอทั้งชาไห่และทิเบตอย่างใจจดใจจ่อ #ปูเสื่อ
เสี่ยวเกอในชุดแบบทิเบต -.,-
ขอบคุณที่ลงค่ะ
จะรอทั้งชาไห่และทิเบตอย่างใจจดใจจ่อ #ปูเสื่อ
falenda- ด้วง
- จำนวนข้อความ : 30
Points : 3197
Join date : 27/07/2015
Age : 29
Re: #ภาคทิเบต Chapter 08 วัดทิเบต
ขอบคุณสำหรับคำแปลค่ะ รอซื้อรูปเล่มอย่างจดจ่อเลยค่ะ 555 ว่าแต่นายเมินทำไมออกมาจากตรงนั้นได้ละ ปริศนาในตัวนายเยอะจริงอะไรจริง นายน้อยก็พยายามเสาะหาสืบค้นจริงจังมากกกกกกกก นอกจากชีวะประวัตินายเมินแล้ว นายน้อยยังตั้งใจค้นหาเรื่องอะไรอีก ตอบ!! 555
prince501- ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
- จำนวนข้อความ : 64
Points : 3235
Join date : 23/07/2015
Re: #ภาคทิเบต Chapter 08 วัดทิเบต
Finally!!!
ภาคทิเบตจะออกเดือนธันวา เห็นในกรุ๊ปที่ประกาศแล้วดีใจมากๆ ไม่นึกว่าภาคทิเบตจะได้ LC เร็วขนาดนี้ คิดว่าอาจต้องรอถึงปีหน้า แต่ธันวานี้จะได้อ่าน ปลื้มปริ่ม น้ำตาไหล ขอบคุณมากค่า
เมินโหยวผิงเป็นบุรุษผู้เต็มไปด้วยปริศนา ช่างเหมาะสมกับนายน้อยขี้สงสัยจริงๆ อ่านตอนนี้แล้วนึกถึงตอน 0 ในซีรีส์นิดๆ ที่บอกว่าเสี่ยวเกอโผล่มาจากหน้าผาหรืออะไรสักอย่าง 55555
รออ่านต่อในเล่มล่ะค่ะ สู้ๆ
ภาคทิเบตจะออกเดือนธันวา เห็นในกรุ๊ปที่ประกาศแล้วดีใจมากๆ ไม่นึกว่าภาคทิเบตจะได้ LC เร็วขนาดนี้ คิดว่าอาจต้องรอถึงปีหน้า แต่ธันวานี้จะได้อ่าน ปลื้มปริ่ม น้ำตาไหล ขอบคุณมากค่า
เมินโหยวผิงเป็นบุรุษผู้เต็มไปด้วยปริศนา ช่างเหมาะสมกับนายน้อยขี้สงสัยจริงๆ อ่านตอนนี้แล้วนึกถึงตอน 0 ในซีรีส์นิดๆ ที่บอกว่าเสี่ยวเกอโผล่มาจากหน้าผาหรืออะไรสักอย่าง 55555
รออ่านต่อในเล่มล่ะค่ะ สู้ๆ
Eli-kun- ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
- จำนวนข้อความ : 80
Points : 3406
Join date : 04/03/2015
Re: #ภาคทิเบต Chapter 08 วัดทิเบต
ขอบคุณทางสยามจริงๆที่ LC ทั้ง 2 ภาคนะคะ//ก้มกราบ
yakusoku- ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
- จำนวนข้อความ : 369
Points : 3800
Join date : 05/11/2014
ที่อยู่ : โลงในสุสานโบราณ
Re: #ภาคทิเบต Chapter 08 วัดทิเบต
ตอนนี้ขำไปหลายทีจริงๆคะ
ทั้งตอนที่นายน่อยแสร้งทำเป็นนิ่งเพราะท่านลามะไม่แสดงท่าทีตื่นเต้น ฮาๆๆ
ทั้งตอนเสียวเกอตอบรับคำชวนของท่านลามะงี้
แบบท่านลามะคะเสี่ยวเกอคนจริงคะ ท่านเชิญมาก็ตอบรับสิคะ อิอิ (นึกหน้านิ่งๆของเสี่ยวเกิแล้วขำแรง)
"แต่สำหรับผมแล้ว ผมยังคงรู้สึกว่ามันคือเบาะแสที่สำคัญที่สุดในโลก อย่างมิอาจปฏิเสธ"
เจอประโยคนี้ไปวิญญาณด้วงกาวเข้าสิ่งทันที่เลยคะ ไม่ได้เลยนะคะนายน้อยกับเรื่องนี้เนี่ย คริๆ
ขอบคุณนะคะคุณเบียร์สำหรับตอนสุดท้าย ^3^
เด่วรอเรากลับไปปลายปีก่อนเถอะ เค้าจะไปซื้อรูปเล่มทั้งสองภาคอย่างรวดเร็ว ^^
ระหว่างนี้จะไปอ่านกาวและอื่นๆรอเพื่อบรรเทาความอยากอ่านในเล่มไปก่อน
วิ่งหนีไปอ่านภาคการ์ตูนทิเบตก่อนคะ //วิ่งคะวิ่ง ฟิ้วววววว
ทั้งตอนที่นายน่อยแสร้งทำเป็นนิ่งเพราะท่านลามะไม่แสดงท่าทีตื่นเต้น ฮาๆๆ
ทั้งตอนเสียวเกอตอบรับคำชวนของท่านลามะงี้
แบบท่านลามะคะเสี่ยวเกอคนจริงคะ ท่านเชิญมาก็ตอบรับสิคะ อิอิ (นึกหน้านิ่งๆของเสี่ยวเกิแล้วขำแรง)
"แต่สำหรับผมแล้ว ผมยังคงรู้สึกว่ามันคือเบาะแสที่สำคัญที่สุดในโลก อย่างมิอาจปฏิเสธ"
เจอประโยคนี้ไปวิญญาณด้วงกาวเข้าสิ่งทันที่เลยคะ ไม่ได้เลยนะคะนายน้อยกับเรื่องนี้เนี่ย คริๆ
ขอบคุณนะคะคุณเบียร์สำหรับตอนสุดท้าย ^3^
เด่วรอเรากลับไปปลายปีก่อนเถอะ เค้าจะไปซื้อรูปเล่มทั้งสองภาคอย่างรวดเร็ว ^^
ระหว่างนี้จะไปอ่านกาวและอื่นๆรอเพื่อบรรเทาความอยากอ่านในเล่มไปก่อน
วิ่งหนีไปอ่านภาคการ์ตูนทิเบตก่อนคะ //วิ่งคะวิ่ง ฟิ้วววววว
Luckey.B- ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
- จำนวนข้อความ : 102
Points : 3276
Join date : 20/07/2015
ที่อยู่ : ใต้ถุนบ้านสกุลจาง ใต้ดินบ้านอาสาม
Re: #ภาคทิเบต Chapter 08 วัดทิเบต
ผมนึกว่าเขาจะแสดงอารมณ์ที่ตื่นเต้นกว่านี้ อย่างเช่นพูดกับผมเสียงสั่นๆ ว่า "เจ้า... เจ้าก็รู้จักเขาหรือ" อะไรทำนองนี้ <<--- ขำกร๊ากกกกกกกกกกกขึ้นมาทันทีอ่ะ คืออาเสีย นี่เธอไปเขียนนิยายขายดีมั้ยดูคิดเข้า 55555 เหมาะมากขอบอก เอิ้กๆๆๆ
รูปร่างของเมินโหยวผิง ดูทะมัดทะแมงแข็งแรง ในตอนนั้น ลามะเฒ่ากับเขา มีบทสนทนาดังต่อไปนี้---
<<---- เสี่ยวเกอที่เพิ่งออกมาจากใต้พิภพนี่ช่างมาดแมนแฮนซัมหุ่นแซ่บของแท้ ไหนจะบทสนทนากับพระลามะอีก อ่านไปขำไป แล้วยังชวนไปพักข้างในปุบ เสี่ยวเกอเราก็ตกลงปั๊บเลย 555555
รูปร่างของเมินโหยวผิง ดูทะมัดทะแมงแข็งแรง ในตอนนั้น ลามะเฒ่ากับเขา มีบทสนทนาดังต่อไปนี้---
<<---- เสี่ยวเกอที่เพิ่งออกมาจากใต้พิภพนี่ช่างมาดแมนแฮนซัมหุ่นแซ่บของแท้ ไหนจะบทสนทนากับพระลามะอีก อ่านไปขำไป แล้วยังชวนไปพักข้างในปุบ เสี่ยวเกอเราก็ตกลงปั๊บเลย 555555
hnee- ด้วงต้นไม้เทพเจ้า
- จำนวนข้อความ : 203
Points : 3644
Join date : 27/10/2014
Re: #ภาคทิเบต Chapter 08 วัดทิเบต
มีความลับมากมายที่รอการเปิดเผย
การปรากฏตัวของชายหนุ่มที่ลึกลับอัศจรรย์
และการเดินทางครั้งใหม่ที่ดูท่าจะมีปริศนามากมายรออยู่
คำบอกเล่าของลามะเฒ่า และข้อมูลที่เขาได้มา
จะพาอู๋เสียของเราไปสู่ความลับของเสี่ยวเกออย่างไร
รอไปติดตามในเล่มค่ะ
ขอบคุณคุณเบียร์มากค่ะ
การปรากฏตัวของชายหนุ่มที่ลึกลับอัศจรรย์
และการเดินทางครั้งใหม่ที่ดูท่าจะมีปริศนามากมายรออยู่
คำบอกเล่าของลามะเฒ่า และข้อมูลที่เขาได้มา
จะพาอู๋เสียของเราไปสู่ความลับของเสี่ยวเกออย่างไร
รอไปติดตามในเล่มค่ะ
ขอบคุณคุณเบียร์มากค่ะ
arshura09- ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
- จำนวนข้อความ : 118
Points : 3114
Join date : 14/01/2016
Similar topics
» #ภาคทิเบต Chapter 04 เรื่องประหลาดเรื่องที่สอง
» #ภาคทิเบต Chapter 02 เรื่องประหลาดเรื่องที่หนึ่ง (1)
» #ภาคทิเบต chapter 03 เรื่องประหลาดเรื่องที่หนึ่ง (2)
» #ภาคทิเบต Chapter 05 จุดเริ่มต้นแห่งวัฏจักร
» #ภาคทิเบต Chapter 06 การเริ่มต้นใหม่ของโชคชะตา
» #ภาคทิเบต Chapter 02 เรื่องประหลาดเรื่องที่หนึ่ง (1)
» #ภาคทิเบต chapter 03 เรื่องประหลาดเรื่องที่หนึ่ง (2)
» #ภาคทิเบต Chapter 05 จุดเริ่มต้นแห่งวัฏจักร
» #ภาคทิเบต Chapter 06 การเริ่มต้นใหม่ของโชคชะตา
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|
Fri 24 Jul 2020, 01:39 by gustoon
» [คู่มือด้วง] Keyword จีนสำหรับการขุด(แฟนดอม)สุสาน
Thu 21 Jun 2018, 00:29 by miskizfullmoon
» มังฮวาและภาคทิเบต
Thu 21 Jun 2018, 00:23 by miskizfullmoon
» [OS] Father is the best (ผิงเสีย)
Thu 03 Aug 2017, 16:12 by schneewittchen
» [Fic] สิ่งเล็กๆที่เชื่อมโลก5 [เมินโหยวผิง+อู่เสีย+เสี่ยอ้วน]+OC
Tue 01 Aug 2017, 12:30 by natsume
» [OS] #dmbjdaily (จูปาจุ๊บ) Bittersweet [ผิงเสีย AU]
Thu 06 Apr 2017, 15:58 by Zeth
» [OS] #dmbjdaily "โทรศัพท์มือถือ" - no Pairing [All]
Tue 04 Apr 2017, 22:27 by Zeth
» [OS] #DMBJDaily (แว่น): ระยะที่มองไม่เห็น [ฮัวเสีย]
Sat 01 Apr 2017, 16:55 by Zeth
» [OS] #DMBJdaily (5.20) ท่านยอดฝีมือ [หวังเหมิง (+เหมิงเสีย)(+ผิงเสีย)]
Thu 30 Mar 2017, 17:24 by Zeth