Countdown
We've been
togerther for
ค้นหา
Latest topics
Most active topics
[Fic] (AU) We're dating 2/2 (ผิงเสีย)
+3
yakusoku
Rozenkreuz
The_Dark_Lady
7 posters
หน้า 1 จาก 1
[Fic] (AU) We're dating 2/2 (ผิงเสีย)
AU ไฮสคูลนายน้อยติดเกมส์ (ที่ไม่มีเกมส์ในเรื่องมาได้ซักพักแล้ว)
ต่อจาก [Fic] (AU) We're dating 1/2 (ผิงเสีย)
ผมชะงักมือที่เปิดกระเป๋าตังค์ค้าง แล้วก็ขมวดคิ้ว ก่อนจะเอ่ยขัด “จะจ่ายให้ทำไม ฉันจ่ายเองได้หรอกน่า มาด้วยกันก็จ่ายด้วยกันสิ…”
“นั่นสิ…” เป็นนายอ้วนที่เอ่ยสนับสนุน
เสี่ยวฮัวทำท่าอึกอักคล้ายพยายามจะหาเหตุผล ส่วนจางฉี่หลิงนั่นชิงเอ่ยก่อนด้วยใบหน้านิ่งสนิท
“ฉันเป็นคนชวนอู๋เสียมา...ฉันต้องจ่ายให้สิ…”
ผมแว้ดใส่ทันที “นั่นไม่ใช่เหตุผลที่ดีเลยว้อย...จะจ่ายอะไรนักหนา แค่ค่าหนังสือนี่ก็เยอะแยะแล้ว ...รู้หรอกน่ะว่าบ้านรวยแต่หัดเก็บๆไว้ซะมั่งเหอะ บุฟเฟ่ต์แค่นี้ฉันมีปัญญาจ่ายหรอกน่ะ…”
ผมลดระดับเสียงลงเมื่อคนทั้งร้านหันมามองด้วยสายตาทิ่มแทง “...ฉันไม่ใช่ผู้หญิงคู่เดทที่นายต้องมาทำตัวเป็นเจ้าบุญทุ่มนะ จางฉี่หลิง อะไรฉันควรจ่ายก็ให้ฉันจ่ายเถอะน่า...จะให้นายจ่ายอยู่คนเดียวฉันก็ละอายใจเป็นนะ…”
พอผมพูดแบบนี้ จางฉี่หลิงจึงเงียบไป ฝั่งเสี่ยวฮัวเองก็ไม่มีเสียงอะไรเช่นกัน...แต่ดวงตาสีอ่อนนั่นกลับมองมาทางผมด้วยแววตาตัดพ้อแปลกสลับกับส่งสายตาอาฆาตมาดร้ายใส่จางฉี่หลิงและหนังสือในมือผมเป็นระยะๆ
ผมจึงรีบหยิบถุงหนังสือมาหนีบไว้กับตัวแน่น...เล่มนี้ฉันยังอ่านไม่ครบสามรอบเลย นายจะมาประทุษร้ายหนังสือฉันไม่ได้นะ เสี่ยวฮัว…
เมื่อเคลียร์ปัญหากันลงตัว แต่ละคนจึงควักเงินออกมาให้นายอ้วนรวบรวมแล้วนำไปจ่ายที่หน้าเคาน์เตอร์...จากนั้นจึงพากันยกขโยงไปยังโรงหนัง
พอไปถึงก็พอมีเวลาเหลือเล็กน้อย พวกสาวๆกรี้ดกร้าดเฮละโลกันไปซื้อป๊อบคอร์น น้ำอัดลม ตัวผมนั้นยืนอยู่กับจางฉี่หลิงแล้วก็นายอ้วนสามคน ส่วนเสี่ยวฮัวนั้นถูกนายแว่นดำลากไปเลือกของกินเล่นตามสาวๆพวกนั้น
“นายจะเอาอะไรไหม…” จางฉี่หลิงหันมาถามผม ผมยืนนึกด้วยความลังเลใจ ถ้ามากับพวกอาๆ พวกนั้นก็ซื้อเลี้ยงผมเป็นปกติ แต่ผมมักจะไม่ค่อยกินเท่าไร มันทำให้เสียสมาธิในการดูหนัง
แต่พอผมอ้าปากจะบอก ฝ่ายนั้นก็ชิงเดินไปที่เคานท์เตอร์เสียก่อน
นายอ้วนหันขวับมาทางผมด้วยแววตาพราวระยับ
ผมมองตอบ “มองอะไร…”
“นายอ้วนชักจะสงสัยจริงจังแล้วนะ…”
ผมเลิกคิ้ว
“นายกับเสี่ยวเกอน่ะ...ถ้าไม่นับว่าอยู่กับพวกเราแล้ว บรรยากาศพวกนายสองคนนี่หยั่งกับคู่รักมาเดทกัน…”
“คู่รักพ่อง…” ผมสบถใส่ หากนายอ้วนกลับหัวเราะร่าใส่
“จริงๆนะเนี่ย เทียนเจิน...นายอ้วนยังรู้สึกเลย ว่านายสองคนหนุงหนิงๆกัน บรรยากาศฟรุ้งฟริ้งยิ่งกว่านายอ้วนที่มากับหยุนไฉ่เสียอีก…”
“หยุนไฉ่ไหน...สาวน้อยคนนั้นที่นายแชทกับเธอผ่านเกมส์นั่นอ่ะนะ…” ผมปัดประเด็นออกนอกตัว หันไปคาดคั้นนายอ้วนแทน เมื่อีกฝ่ายหลุดมาว่ามีสาวน้อยคนนั้นที่นายอ้วนพร่ำเพ้อถึงเป็นเดือนๆมากับพวกเราด้วย
“คืบหน้าเหมือนกันนี่หว่า ถึงกับชวนกันออกมาเที่ยวได้...ไหน...คนไหนอ่ะ…”
นายอ้วนที่ตั้งท่าจะแซวผมอยู่เมื่อครู่พลันอึกอัก ใบหน้าอิ่มเต็มมีระบายสีชมพูอยู่ตรงแก้ม ก่อนจะยกนิ้วชี้ไปทางหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเคานท์เตอร์
ผมหันมองตามปลายนิ้ว เห็นสาวน้อยหน้าตาน่ารักผิวพรรณหมดจดคนหนึ่ง จึงพยักหน้าหงึกหงักแล้วเปรยว่า นายอ้วนนี่ก็มีรสนิยมไม่เลวเลย
“เทียนเจินจะมาแย่งสาวนายอ้วนไม่ได้นะ...เทียนเจินมีเสี่ยวเกออยู่แล้วทั้งคน…”
ผมยกมือตบหัวอีกฝ่ายดังผลัวะแล้วสบถด่าบรรพบุรุษไปอีกชุดใหญ่ เป็นเวลาเดียวกับที่เสี่ยวฮัวหอบป๊อบคอร์นถังใหญ่มาพอดี โดยมีนายแว่นดำถือแก้วน้ำตามหลังมาให้
“อารมณ์เสียอะไรล่ะ อาเฮีย…กินของหวานๆซะจะได้หายหงุดหงิดนะ” ว่าแล้วเจ้าตัวก็หยิบป๊อบคอร์นยัดใส่ปากผมที่กำลังจะอ้าปากด่านายอ้วนต่อ “แบบหวานของที่นี่อร่อยดีนะ...นายอ้วนก็ลองดูสิ…”
ผมสำลักแค่กๆขณะพยายามเคี้ยวป๊อบคอร์นเคลือบคาราเมลหวานๆในปาก เหลือบมองใบหน้างดงามของเสี่ยวฮัวที่ดูจะมีประกายอำมหิตแปลกๆขณะเจ้าตัวพยายามยัดป๊อบคอร์นใส่ปากนายอ้วน
เพราะมีป๊อบคอร์นอยู่เต็มปาก ผมจึงไม่อาจเอ่ยห้ามปรามเสี่ยวฮัวได้ ผมรีบเคี้ยวรีบกลืน ฝืดคอจนกระทั่งสำลักออกมา
ผมควานหาน้ำจ้าละหวั่น นายแว่นดำที่ถือแก้วน้ำอยู่ในมือก็ดันอยู่เสียห่างแถมยังเอาแต่หัวเราะขำเสี่ยวฮัวกับนายอ้วน ไม่ได้เหลือบแลมาทางผมแม้แต่น้อย
จนกระทั่งมีมือเอื้อมมาตบที่หลังเบาๆ แล้วแก้วน้ำพร้อมหลอดมาจ่อตรงหน้า ผมจึงยื่นหน้าไปดูดอย่างไม่รีรอ
...เกือบตายแล้วไหมนั่น…
“ขอบใจนะ…” หันไปขอบคุณจึงพบว่าเป็นคนที่คุ้นหน้าคุ้นตา “อ้าว...อาหนิง…”
สาวสวยที่วันนี้มาในสไตล์เท่ๆด้วยการทำผมแสกข้างกับเปียเก็บข้างหูสามเส้นแล้วมัดหางม้า เธออยู่ในชุดกางเกงยีนส์เดฟสีดำขาดๆกับเสื้อสายเดี่ยวแบบผูกคอสีขาวคลุมทับด้วยแจ็คเกตสีเดียวกับกางเกง ตอนนี้กำลังนั่งบนเก้าอี้ข้างผม
“โอเคแล้วนะ…” เธอถามยิ้มๆ ทำให้หน้าผมร้อนผ่าว พูดไม่ออกได้แต่พยักหน้ารัวๆ อาหนิงส่ายหัวอย่างอ่อนอกอ่อนใจก่อนจะหันไปว่าทางนายแว่นดำ “พวกคุณนี่เอาแต่เล่นกันอยู่ได้ เขาสำลักเกือบตายแล้วเห็นไหม…”
“รบกวนคุณหนูหนิงแล้ว...ขออภัยให้กับความเลินเล่อของกระผมด้วย…” นายแว่นดำตอบกลับด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“เธอมายุ่งอะไรกับอู๋เสีย…” เสี่ยวฮัวละมือจากการพยายามฆาตกรรมนายอ้วนด้วยป๊อบคอร์น หรี่ตามองอาหนิง
นายอ้วนสำลักแค่กๆ ไอหน้าดำหน้าแดง โชคดีที่แม่สาวน้อยหยุนไฉ่ของหมอนั่นเดินกลับมาพอดี เขาจึงมีคนคอยดูแลเอาน้ำเอาท่าให้ดื่มแก้ป๊อบคอร์นติดคอ ซึ่งเจ้าตัวก็ทำหน้าตามีความสุขดี ผมจึงไม่อยากร้องถามไปขัดความฟินของอีกฝ่าย
“ฉันก็มาดูหนังรอบเดียวกับพวกคุณนั่นแหละ ผ่านมาเห็นเขากำลังลำบาก ไม่ยักกะมีใครสนอกสนใจเลยอดช่วยไม่ได้…”
อาหนิงมองเสี่ยวฮัวนิ่งขณะตอบคำถาม ก่อนจะหันมายิ้มให้กับผม “ยังไงซะ...อู๋เสียก็เป็นคนให้ตั๋วหนังฉันมานี่นา…”
เห็นรอยยิ้มของคนสวยอดไม่ได้ที่จะยิ้มตอบ ก่อนน้ำเสียงเรียบเฉยของใครบางคนจะดังผ่าขึ้นกลางวง
“ถึงเวลาเข้าโรงหนังแล้ว…”
ทุกคนพากันหันขวับไปทางต้นเสียง ก่อนจะพบว่าเป็นจางฉี่หลิงที่ยืนอยู่ ไปยินเสียงจิ๊ปากจากใครบางคนในตอนที่ผมรีบลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วเดินเข้าไปหาเขา คนอื่นๆที่ได้ยินว่าถึงเวลาแล้วก็พากันขยับลุกเดินตามมา
ขณะที่เดินเคียงไหล่กันเข้าโรงหนัง ผมหันมองจางฉี่หลิงอดนึกแปลกใจไม่ได้
“ไม่ได้ซื้ออะไรเข้ามาหรอกเหรอ…”
หมอนั่นส่ายหน้าไปมา ก่อนจะตอบ “อู๋เสียไม่ชอบไม่ใช่เหรอ…มันทำให้เสียสมาธินี่...” ผมพยักหน้ารับ
“แล้วหายไปไหนมาเนี่ย…”
ใบหน้าหล่อเหลานั้นหันมา ระบายยิ้มอ่อนๆแต่ไม่ยอมตอบอะไรเพิ่มอีก เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ตอบอะไร ผมก็ไม่ซักไซ้ต่อ พอดีกับที่เดินมาถึงที่นั่ง
จากจำนวนยี่สิบที่นั่งที่ได้รับ ห้าที่นั่งหัวแถวเป็นของจางฉี่หลิงซึ่งมีเพียงแค่ผมกับเขาเท่านั้น เราจึงเว้นสองที่นั่งหัวแถวเอาไว้แล้วเข้ามานั่งด้านใน (ผมอดรู้สึกเสียดายที่นั่งว่างๆไม่ได้ ถ้ารู้ว่าหมอนี่จะไร้เพื่อนขนาดนี้ ผมจะขอตั๋วเขาแล้วโทรไปชวนเพื่อนเก่าที่ย้ายไปเรียนต่างโรงเรียนมาเจอกัน) ห้าที่นั่งถัดไปเป็นส่วนของผมซึ่งสามในห้ามีอาหนิงกับเพื่อนอีกสองคน (หน้าตาคุ้นๆอยู่แต่ผมจำชื่อไม่ได้)มานั่งแล้ว ถัดไปเป็นห้าที่นั่งของนายอ้วนที่มีเจ้าตัว หยุนไฉ่และเพื่อนๆของหยุนไฉ่
ส่วนของนายแว่นดำ มีเพียงเขากับเสี่ยวฮัว ทั้งสองคนเว้นที่ว่างด้านทางเดินไว้หนึ่งที่และเว้นจากกลุ่มนายอ้วนสองที่ เห็นเสี่ยวฮัวชะเง้อคอมองมาอยู่ลิบๆ ก่อนจะหันไปกระซิบกระซาบกับนายแว่นดำเป็นระยะๆ เหมือนจะมีอะไรซักอย่างเห็นชูไม้ชูมือกันอยู่เป็นระยะ แต่ผมไม่ได้สนใจเพราะกำลังดูตัวอย่างหนังที่ฉายบนหน้าจอ
...อา ปีหน้ามีหนังน่าสนใจไม่น้อยเลยแหะ…
“อ้าว อู๋เสีย...ทำไมมาโผล่ที่นี่…”
ดูหนังตัวอย่างไปได้ซักพักก็มีเสียงทักดังขึ้น หันมามองจึงพบว่าเป็นอาสามที่ได้ตั๋วจากผมไปนั่นเอง…
“พอดีได้ตั๋วจากเพื่อนน่ะอาสาม…” ผมตอบไปขณะถดตัวหดขาขึ้นให้อาเดินเข้าไป เห็นคนที่เดินตามอาสามมา อดไม่ได้จะแหย่เล่น
“...อาสาม อาขู่เอาบัตรผมไปจนหมด ที่แท้เอาอีกใบมาให้พี่พานหรอกเรอะ...นี่กะมาเดทกันใช่ไหมเนี่ย”
พอได้ฟังคำผม พี่พานจื่อ---อาจารย์พละในโรงเรียนก็ทำหน้าลนลานขึ้นมาทันที “ไม่ใช่อย่างงั้นนะครับ…”
“หุบปากไปเลยเจ้าลูกกระต่าย…” ผิดกับอาสามที่หันมาด่าเสียงเรียบไม่มีท่าทีทุกข์ร้อน
“ผมจะฟ้องปู่...ว่าอาพาผู้ชายมาดูหนัง…” ผมแหย่เพิ่ม อาสามของผมแยกตัวไปซื้อบ้านอยู่คนเดียวแถวละแวกโรงเรียน นานทีถึงจะกลับไปที่บ้านใหญ่ คุณปู่บ่นหาอยู่เรื่อย (แต่พอได้เจอหน้ากันก็ดันมีท่าทีไม่ค่อยจะลงรอยกันซักเท่าไร)
“แกยังอยากดูหนังอย่างมีความสุขไหมฮึ...อู๋เสีย…” ได้ยินคำขาดอย่างงั้นผมก็หุบปากฉับในทันที
สรุปที่นั่งในตอนนี้ เว้นหัวแถวสองที่นั่งก็เป็นจางฉี่หลิงถัดมาก็เป็นผม เว้นหนึ่งที่นั่งเป็นอาสามกับพี่พานจื่อแล้วก็เป็นอาหนิงกับเพื่อน กลุ่มของหยุนไฉ่ นายอ้วน เว้นสองที่นั่ง แล้วเป็นนายแว่นดำกับเสี่ยวฮัว
ไม่นานนัก ภาพยนต์ก็เริ่มเล่น ผมตื่นตากับภาพที่ไหลผ่านจอไป สมกับเป็นภาพยนต์แอคชั่นที่ได้รับคำวิจารณ์ที่ดีในต่างประเทศแหละนะ…
ดูไปไม่นานนัก จู่ๆก็เริ่มร้อนๆมือกับหนักบ่า…
แหงะไปมองก็พบกับก้อนกลุ่มขนสีดำซบอยู่ที่ไหล่และมือถูกคนที่นั่งข้างๆเกาะกุมไว้…
...จางฉี่หลิงแม่งหลับมาซบผม
หนักเฟ้ย...
ผมได้แต่บ่นในใจ พลางใช้มือข้างที่ว่างพลักหัวอีกฝ่ายออกไปก่อนจะพยายามชักมือออก สะบัดกุกกักอยู่ครู่ใหญ่ก็ไม่หลุด เจ้าตัวคนจับหรี่ตาข้างหนึ่งขึ้นมามองคล้ายรำคาญพลางส่งเสียงขู่ในลำคอก่อนจะหลับต่อ ผมจึงได้แต่ปล่อยให้อีกฝ่ายจับไว้อย่างงั้นและหันไปสนใจภาพยนต์ต่อ
...แต่แม่งเมื่อกี้เจ้าชายของโรงเรียนละเมองัวเงียเหรอ…
เสียดายที่โรงหนังมันมืด ไม่งั้นผมจะอัดคลิปไปแปะประจานบนเว็บบอร์ดโรงเรียนว่าจางฉี่หลิงของสาวๆน่ะ เวลากำลังหลับ งี่เง่าได้ขนาดไหน…
ดูๆไปได้ไม่ถึงนาที หัวของอีกฝ่ายก็ตกมาซบไหล่ผมอีก ผมก็ผลักออกอีก ปล่อยไปซักพักก็ตกมาอีก ผมก็ผลักออกเรื่อยๆ หลังๆนี่ตกมาได้มุมพอดีเหลือเกิน ปลายจมูกโด่งของหมอนี่แทบจะซุกซอกคอผมอยู่แล้ว…
พอขยับกุกกักมากๆเข้าก็โดนคนรอบข้างกระแอมใส่ อาสามก็หันมาเขม่นตาใส่ราวกับจะบอกว่าอยู่นิ่งๆได้ไหม รำคาญ...ผมก็จนใจ เลิกผลักไสอีกฝ่ายออก ปล่อยให้แม่งซบให้หนำใจ หันไปตั้งสมาธิกับเรื่องราวบนจอภาพ
.
.
.
หนังจบแล้ว ไฟในโรงถูกเปิดขึ้นขณะเครดิตท้ายหนังกำลังฉายบนจอภาพ ผู้คนพากันทยอยลุกออกจากที่นั่งแล้วก็เดินออกจากโรงหนังไป
หยั่งกับรู้...คนที่อาศัยไหล่ผมซบนอนหลับสบายแฮก็ค่อยๆลืมตาขึ้น ผงกหัวขึ้นมามองผม
ไอ้ตอนที่ผงกขึ้นมานี่ ใจผมแทบจะกระเด็นออกจากอก จมูกกับปากพวกแม่งเฉียดคอกับแก้มผมไปนิดเดียว แถมยังนิ่งค้างไว้ ไม่ยอมขยับออกไปซักที
“ไปอดหลับอดนอนมาจากไหน…” อดไม่ได้จะบ่นใส่ พวกแม่งนอนหลับสบายใจมาก ทิ้งน้ำหนักหัวมาเต็มๆ ล่อซะเหน็บกินตั้งแต่หัวไหล่ยันปลายนิ้วมือ พ่นลมหายใจร้อนๆใส่ต้นคออีก เลยกลายเป็นว่าดูหนังไม่รู้เรื่องเอาเสียเลย
...เสียเที่ยวชะมัด…
“ขอโทษนะ” จางฉี่หลิงคลี่ยิ้มบาง มือที่จับมือผมเอาไว้ตลอดสองชั่วโมงเลื่อนขึ้นลูบไล้นวดคลึงแขนผม ตอนที่จับลงมาครั้งแรกผมแทบกรีดร้อง แต่พอปล่อยไปก็รู้สึกดีขึ้น
“อะแฮ่ม…” เสียงกระแอมของอาสามดังขึ้น จางฉี่หลิงจึงละมือออกจากแขนผม ถลันลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วพร้อมกับผมเองก็ลุกขึ้นตาม
ผมหลบตาอาสามที่เขม้นมองมา ก่อนจะนึกเอะใจว่า ฉันจะหลบทำไมฟะ...ทำตัวเหมือนเด็กสาวแอบจู๋จี๋กับแฟนแล้วโดนผู้ใหญ่เจอไปได้ จึงเงยหน้าขึ้น
...แล้วก็พบว่ามีคนชะเง้อชะแง้มองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นจากเบื้องหลังอาสามเต็มไปหมด
“เอ่อ อยู่ทำอะไรกัน...เรารีบออกจากโรงเถอะ ก่อนที่พนักงานจะมาไล่…”
ผมเอ่ยชวนขึ้น แล้วรีบหมุนตัวเดินออกมาอย่างรวดเร็ว
...ไม่อาจจะอยู่สู้สายตาที่เต็มไปด้วยความอยากเผือกจำนวนมากมายได้จริงๆ
ผมสาวเท้าเดินออกมาอย่างรวดเร็ว แต่พอพ้นประตูโรงหนังมาได้ ผมก็ถูกรายล้อมด้วยผู้คนอีกครั้ง…
...เดินไวกันจั๊งงงงงงง…
“อู๋เสีย...แกจะกลับยังไง…”
“อาเฮีย จะกลับยังไงเหรอ…”
เป็นอาสามที่เดินมาดักหน้าถามขึ้นก่อน ตามมาด้วยเสี่ยวฮัว ผมชะงักยืนนึก...นั่นสิ ขามาผมมากับจางฉี่หลิงแต่ขากลับนี่สิจะเอายังไง
ผมหันไปมองสารถีตอนเช้าเป็นเชิงถาม
“ผมจะไปส่งเขาเอง…” จางฉี่หลิงพูดขึ้น อาสามขมวดคิ้วฉับ สีหน้าของเสี่ยวฮัวก็ดูจะเครียดขรึมขึ้นทันที “ผมสัญญากับคุณปู่อู๋ไว้แล้วว่าจะเป็นคนส่งเขาให้ถึงบ้านอย่างปลอดภัย…”
“ไม่ต้องรบกวนนายหรอกมั้ง...ฉันคิดว่าจะกลับบ้านใหญ่วันนี้…” อาสามพูดเกริ่น ดวงตามองจางฉี่หลิงอย่างไม่วางใจ
“...แล้วพี่พานจะกลับยังไงล่ะ…” ผมร้องทัก เมื่อเห็นพี่พานที่ยืนเยื้องด้านหลังอาสาม
“พี่สามครับ แล้วธุระเรื่องบัญชีวัสดุโรงเรียนที่เราต้องไปทำต่อหล่ะครับ…”
อาสามจิ๊ปาก ก่อนจะชี้หน้าจางฉี่หลิง “ฝากหลานฉันด้วย ส่งให้ถึงที่อย่าให้มีสึกหรอแล้วฉันจะโทรเช็คกับบ้านใหญ่” ก่อนจะเดินจากไปพร้อมกับพี่พาน
“อู๋เสียต้องกลับกับฉันนะ…”
จางฉี่หลิงพูดย้ำขึ้นอีกครั้ง ผมได้แต่จิ๊ปากอย่างหงุดหงิด “รู้แล้วน่า...นายบอกแล้วแถมอาสามก็พูดซะขนาดนั้น…”
เหมือนจะยังไม่หนำใจ คุณชายถึงได้คว้าแขนผมไปจับจูงเอาไว้
“แยกกันตรงนี้ล่ะนะ เสี่ยวฮัว นายแว่นดำ นายอ้วน...เฮ้ย...จะรีบไปไหนเนี่ย...จางฉี่หลิง”
ผมยังไม่ทันร่ำลากับใครเสร็จ พ่อเจ้าประคุณก็เริ่มออกเดินซ้ำยังลากแขนผมตามไปด้วย ผมจึงทำได้แค่หันมาโบกไม้โบกมือลาคนข้างหลัง
รู้สึกเหมือนเสี่ยวฮัวทำหน้าแปลกๆ จะเศร้าก็ไม่ใช่จะหงุดหงิดก็ไม่เชิง ส่วนนายแว่นดำกับนายอ้วนก็หัวเราะร่า ไม่รู้ว่ามีอะไรให้ขำนักหนา ท่ามกลางสายตางุนงงของเหล่าสาว
“...เจอกันวันจันทร์นะ อู๋เสีย”
เสียงใสๆตะโกนมา พอจำได้ว่าเป็นเสียงของอาหนิง ทันเห็นเจ้าตัวโบกมือให้ก่อนที่จะลดมือกอดอกไว้ฟอร์มพร้อมส่งรอยยิ้มสวยมาให้
ผมส่งยิ้มตอบ ไม่ทันได้ตะโกนตอบอะไร ก็ถูกกระชากแขนอย่างแรงจนหัวจะทิ่ม ผมจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกลับมาเดินหน้าตรงพยายามเร่งฝีเท้าให้เท่าทันคนที่จูงแขนผมอยู่ ก่อนจะที่ล้มลงวัดพื้นห้างให้อับอายเล่น
“เดี๋ยว จางฉี่หลิง เดี๋ยว…”
ผมร้องเมื่อเริ่มรู้สึกล้า แต่ดูเหมือนคนที่เดินนำหน้าจะไม่ยอมลดความเร็วเอาเสียแล้ว...ไม่รู้จะรีบไปตามควายที่ไหน…
ร่างสูงโปร่งทำหูทวนลม ก้าวเท้าฉับๆ จนกระทั่งร่างกายผมถึงที่สุดแล้ว ผมเหนื่อยจนเดินสะดุดขาตัวเอง รีบหลับตาปี๋...คงได้วัดพื้นห้างวันนี้แหละนะ อู๋เสียเอ้ยยยยย
ปั่ก!
...ไม่เจ็บ
...รู้สึกเหมือนกระดูกสันหลังยังตั้งฉากกับพื้นโลกอยู่
...มีอะไรมาเกี่ยวเอว
ผมค่อยๆหรี่ตาขึ้นมองดู ก่อนจะพบกับใบหน้าจางฉี่หลิงในระยะประชิด ผมจึงสะดุ้งอยู่ในใจ
“ไม่เป็นอะไรนะ…”
พยักหน้าหงึกหงักเป็นการตอบคำถามของอีกฝ่าย ก้มมองมือตัวเองที่ถูกจับดึงขึ้นแนบอกอีกฝ่าย แขนแข็งแรงของอีกฝ่ายเกี่ยวเอวเขาเอาไว้
“นายแม่ง...จะรีบเดินไปไหนวะ...เดินตามไม่ทันนะรู้มั้ย...เกือบจะล้มหน้าทิ่มพื้นแล้วไหมเนี่ย…”
“ขอโทษ…” อีกฝ่ายเอ่ยทั้งหน้านิ่งแต่เสียงอ่อนอ้อน
ผมขยับตัวอย่างอึดอัด จางฉี่หลิงจึงยอมปล่อยแขนที่รัดเอวออก...แต่ยังไม่ยอมปล่อยมือ
“ถ้าไม่พอใจขนาดนั้น ฉันกลับเองก็…”
“ไม่ได้หรอก ก็สัญญาเอาไว้แล้วนี่…”
อีกฝ่ายบีบกระชับมือที่จับกัน
“ขอโทษที่เดินไม่รอ…” ดวงตาสีดำทอประกายระยับ “ดีนะที่ฉันยังไม่ได้ทำให้นายบาดเจ็บ…”
หน้าผมร้อนวูบๆ จนต้องเอ่ยตัดบท
“ขอบคุณนายที่ช่วยดึงเอาไว้ก่อนนั่นแหละ…” ผมขยับแกว่งมือที่จับกันไว้ ก้มหน้าลงมองพื้น “เรากลับกันเถอะ…”
อีกฝ่ายส่งเสียงตอบรับในลำคอ ก่อนที่เราสองคนจะพากันจับมือเดินไปยังที่จอดรถ
ระหว่างทางไม่มีคำพูดระหว่างผมกับเขา จนกระทั่งรถสีดำจอดเทียบหน้าประตูบ้าน เหลือบเห็นถุงหนังสือในมือจึงนึกเรื่องที่ต้องคุยขึ้นมาได้
“จางฉี่หลิง...ฉันต้องจ่ายค่าหนังสอให้นาย…”
เรียวคิ้วของจางฉี่หลิงย่นลงเล็กน้อย “ก็บอกแล้วว่าไม่ต้อง…”
“ไม่ได้…” ผมถอนใจ ...จะให้เป็นที่ระลึกอะไรกัน… ยังไงก็ยอมไม่ได้หรอก รถก็ขับมารับมาส่ง นี่มันมากเกินกว่าผมจะรับเอาไว้ได้แล้ว “งั้นเอาอย่างงี้...นายอยากได้อะไรก็บอกมาเดี๋ยวฉันจะซื้อตอบแทนให้…”
จางฉี่หลิงขยับทำหน้าครุ่นคิด ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาบางเบา
...เห็นรอยยิ้มนี้ของเขาแล้วไม่รู้ว่าทำไมรู้สึกขนลุกแปลกๆ
พอหันมาเห็นผมทำหน้าแปลกๆ เจ้าตัวก็หยุดยิ้ม ตีสีหน้าเคร่งขรึม “ของที่ฉันอยากได้...ไม่ต้องซื้อ…”
จุ๊บ!
ผมยกมือกุมขมับในทันที จั๊กจี้ชะมัด อะไรคือการที่อยู่ๆก็เอาหน้ามาซุกหัวผม แถมยังจูบตรงขมับอีก
“เล่นอะไรของนายเนี่ย…”
“แค่นี้ก็พอ…”
ผมรู้สึกเหมือนเลือดพากันไหลมารวมอยูที่หน้า ผลุนผลันดึงเข็มขัดนิรภัยออกแล้วเปิดประตูรถออกจนส่งเสียงดังปัง
...แค่รู้สึกว่าต้องอยู่ห่างๆหมอนี่ไว้ก่อนในตอนนี้
เอ๊ะ! แต่ยังคุยกันไม่จบ
ผมกำประตูรถเปิดค้างไว้ ค้อมตัวลงตะโกนคุยกับคนที่นั่งอยู่ในรถ
“ติดไว้ก่อนก็ได้...แต่เจอกันคราวหน้านายต้องบอกนะว่าอยากได้อะไรแล้วฉันจะหาซื้อให้ ฉันไม่อยากติดค้างนายจริงๆนะเว้ย...จางฉี่หลิง…”
ผมหยุดสูดหายใจครู่หนึ่ง
“ขับรถกลับบ้านดีๆล่ะ…”
แล้วกระแทกประตูปิดดังปึง ไม่สนใจว่าจะทำให้รถอีกฝ่ายพังไหม จากนั้นก็วิ่งปรู้ดเข้าบ้านไป
- แถมท้าย -
จางฉี่หลิง Side:
เขายกมือขึ้นกุมครึ่งหน้าด้านล่างเอาไว้ ซบหน้าลงกับพวงมาลัย
...วันนี้อู๋เสียของเขาจะน่ารักไปแล้ว…
ตอนที่ยืนอ่านหนังสือ
ตอนที่กินชาบู
ตอนที่ตั้งอกตั้งใจดูหนัง
แถมยังคำบอกลาให้ขับรถกลับบ้านดีๆนั่นอีก
เขาแทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว
แลบลิ้นเลียริมฝีปากที่แห้งผาก ภาพของต้นคอขาวที่เขาเอียงซบในโรงหนังยังติดตา
จางฉี่หลิงสะบัดศีรษะ แล้วจึงตั้งสติ ขับรถออกจากบริเวณหน้าบ้านสกุลอู๋
เหลือบมองกล่องกำมะหยี่ขนาดเล็กที่วางอยู่บนคอนโซลหน้ารถ ธุระที่เดินแยกออกไปก่อนเข้าโรงหนัง
ก่อนจะบอกกับตัวเอง “...ยังไม่ถึงเวลา…”
แฟนเกิร์ลปริศนา Side:
ฉันเปิดเช็คบอร์ดโรงเรียนในยามบ่ายวันอาทิตย์อีกครั้ง ขณะเดียวกันก็เปิดเว็บโซเชียลเช็คข่าวสาร ดูความเคลื่อนไหวไปเรื่อย…
มีแจ้งเตือนขึ้นในเว็บของฉัน คลิกเข้าไปดูเป็นข้อความจากพี่สาวร้านหนังสือที่รู้จักกัน
‘วันนี้โชคดีจริงๆ มีคู่น่ารักมาเดทด้วยกันในร้านหนังสือด้วยล่ะ มันน่ารักมากๆ พี่รู้สึกเหมือนจะเก็บไว้ดูคนเดียวไม่ได้เลยส่งมาให้เธอดู’
ฉันยกมือขึ้นอุดปาก ไม่ให้ส่งเสียงกรีดร้องออกไปจนคนตกใจ
...ก็ภาพที่พี่สาวคนนั้นส่งมาคืออู๋เสียกับจางฉี่หลิงนี่นา…
ไล่ตั้งแต่ภาพที่เดินจูงมือเข้ามาในร้าน ไปยืนดูหนังสือด้วยกัน แล้วก็แยกกันยืนคนละมุมโดยที่จางฉี่หลิงคอยเหลือบมองอู๋เสียอยู่ตลอด
โอย...คุณพระหัวใจฉัน
‘มีภาพอีกไหมคะ....’
‘สองคนนี้เป็นคนดังในโรงเรียนหนูเองแหละพี่สาว...เป็นคู่จิ้นอันดับหนึ่งเลย คนที่หล่อๆชื่อจางฉี่หลิง ส่วนอีกคนที่น่ารักๆชื่อ อู๋เสีย’
ฉันส่งข้อความไปหาพี่สาวคนนั้น ซึ่งก็ได้ข้อความตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว
‘จริงเหรอ...เธอรู้จักสองคนนี้ด้วย แอร้ยยยย คู่กันจริงๆด้วยสินะ...แบบตอนในร้านน่ารักมากเลย’
แล้วจากนั้นก็เป็นคำบอกเล่าเรื่องราวในร้านหนังสือที่พี่สาวได้เห็นพร้อมกับภาพประกอบ
...ฉันรู้สึกเหมือนจะขาดใจตายอยู่หน้าจอคอมนี่เอง…
‘พี่คะ...ฉันขอเอาภาพกับเรื่องไปลงบอร์ดโรงเรียนได้ไหม...แฟนคลับสองคนนี้จะต้องชอบมากแน่ๆ’
‘เอาสิ...ตามสบายเลย ส่งลิงก์กระทู้อื่นมาให้พี่ดูด้วยสิ...นี่อยากตามต่อมากๆเลย’
‘ได้ค่ะ....’
ฉันกดเซฟภาพ ข้อความในแชท เปิดหน้าต่างที่โหลดเว็บบอร์ดโรงเรียนเอาไว้ กดตั้งกระทู้ขึ้นมา
‘HOT COUPLE เจ้าชายจฉล.จูงมือคนน่ารักชื่อย่อ อส. เข้าร้านหนังสือ’
พอลงเสร็จก็ไปก๊อปลิงก์กระทู้ภาพเก่าๆของคู่นี้ ส่งให้พี่สาวพลางๆ
กลับมาที่บอร์ดอีกทีก็เป็นเวลาเย็น กระทู้ที่ฉันตั้งไว้ขึ้นเตือนว่ามีคนเข้ามาดูและส่งข้อความเป็นร้อย
ที่น่าตกใจว่านั้น คือกระทู้ที่ตั้งตามหลังมาติดๆ
‘ฟินกว่าร้านหนังสือคือร้านชาบู’
‘น่าเสียดายว่าโรงหนังมันมืดไปหน่อย’
ฉันคลิกเข้าไปอย่างไม่รอรี แล้วพบว่ากระทู้แรกเป็นชุดภาพของอู๋เสียกับจางฉี่หลิง บรรยากาศฟรุ้งฟริ้งมากๆๆๆๆๆๆ แบบที่ว่าคนงามเซี่ยอวี้ฮัวกับเฮยเสียจื่อที่ร่วมเฟรมยังกลายเป็นแค่ตัวประกอบ
...บางภาพแอบเห็นเซี่ยอวี้ฮัวส่งสายจาอาฆาตด้วย น่ากลัวเป็นบ้า…
ฉันนั่งไล่ดูภาพหลายสิบภาพ จับสังเกตได้ว่ามีใครบางคนหายไป
ริมฝีปากฉันกระตุกยิ้มอย่างห้ามไม่ได้ ในที่สุดก็รู้ตัวจริงของคนปล่อยภาพหนึ่งคนแล้ว...
แต่กระทู้ต่อมานั้นแปลก มีอยู่แค่สองสามภาพ ภาพน้อยแต่พลังทำลายล้างมหาศาล! เพราะเป็นภาพถ่ายจากด้านหลัง ดูจากสีผมในไฟสลัว คงเป็นจางฉี่หลิงซบไหล่
อู๋เสีย…
อิจฉาจางฉี่หลิงนัก! ทำบุญด้วยอะไรอู๋เสียยอมให้ซบไหล่แถมยังได้เอาหน้าซุกซอกคอขนาดนั้น!
น่าสังเกตคือคนถ่ายเป็นคนละคนกับกระทู้แรกเพราะดูคุณภาพของรูปแตกต่างกัน…
อดสงสัยไม่ได้ แต่ก็ปัดตกไป ช่างมันเถอะ! ไม่ว่าจะเป็นใคร แค่ถ่ายรูปมาให้เสพก็เป็นบุญคุณกับพวกเรายิ่งนักแล้ว ภาพใกล้ชิด คมชัดเหมือนได้ไปตามสะกดรอยดูฉากเดทของคู่จิ้นอันดับหนึ่งด้วยตัวเองแบบนี้
ฉันคลิกขวาเซฟรูปเข้าคลังของตัวเองรัวๆ พร้อมกับที่ส่งลิงก์กระทู้ใหม่ไปให้พี่สาวร้านหนังสือ
END ฉากเดทในโรงหนัง
คราวหน้าจะไม่ซี้ซั้วทำอะไรแบบนี้อีกแล้ว...//ยิ้มเจื่อน
รู้สึกฝืดมาก และมือตกมาก เหมือนไม่ค่อยสนุกซักเท่าไร
เขียนเรื่องเดท โดยที่ตัวเองไม่เคยเดทนี่มันยากลำบากจริงๆนะคะ//ร้องไห้
ที่ยากลำบากอีกเรื่องคือฉากมะรุมมะตุ้มรุมแย่งอู๋เสียนี่แหละ...//ร้องไห้หนักกว่าเดิม
มันถึงได้กินเวลายาวนานกว่าจะจบฉากเดทลงได้
ฉากสวีทในโรงหนังนี่คิดนานมากว่าจะเอายังไง เพราะเราไม่มีโมเม้นท์แบบนั้นเลย
ไปดูหนังก็มีแต่ลุยเดี่ยวบ้าง ไปกับเพื่อนบ้าง แถมยังไม่เคยซื้อพวกป๊อบคอร์นหรือโค้กเลย ไม่รู้จะเขียนยังไง
สุดท้ายก็ลงเอยเป็นอย่างที่เห็นแหละค่ะ
ชอบ ไม่ชอบตรงไหนก็ติชมกันได้เลยนะคะ เผื่อจะได้เอาไปแก้ไขในฉากต่อๆไป(ถ้านึกต่อได้)แล้วเรื่องอื่นที่จะเขียน
ต่อจาก [Fic] (AU) We're dating 1/2 (ผิงเสีย)
ผมชะงักมือที่เปิดกระเป๋าตังค์ค้าง แล้วก็ขมวดคิ้ว ก่อนจะเอ่ยขัด “จะจ่ายให้ทำไม ฉันจ่ายเองได้หรอกน่า มาด้วยกันก็จ่ายด้วยกันสิ…”
“นั่นสิ…” เป็นนายอ้วนที่เอ่ยสนับสนุน
เสี่ยวฮัวทำท่าอึกอักคล้ายพยายามจะหาเหตุผล ส่วนจางฉี่หลิงนั่นชิงเอ่ยก่อนด้วยใบหน้านิ่งสนิท
“ฉันเป็นคนชวนอู๋เสียมา...ฉันต้องจ่ายให้สิ…”
ผมแว้ดใส่ทันที “นั่นไม่ใช่เหตุผลที่ดีเลยว้อย...จะจ่ายอะไรนักหนา แค่ค่าหนังสือนี่ก็เยอะแยะแล้ว ...รู้หรอกน่ะว่าบ้านรวยแต่หัดเก็บๆไว้ซะมั่งเหอะ บุฟเฟ่ต์แค่นี้ฉันมีปัญญาจ่ายหรอกน่ะ…”
ผมลดระดับเสียงลงเมื่อคนทั้งร้านหันมามองด้วยสายตาทิ่มแทง “...ฉันไม่ใช่ผู้หญิงคู่เดทที่นายต้องมาทำตัวเป็นเจ้าบุญทุ่มนะ จางฉี่หลิง อะไรฉันควรจ่ายก็ให้ฉันจ่ายเถอะน่า...จะให้นายจ่ายอยู่คนเดียวฉันก็ละอายใจเป็นนะ…”
พอผมพูดแบบนี้ จางฉี่หลิงจึงเงียบไป ฝั่งเสี่ยวฮัวเองก็ไม่มีเสียงอะไรเช่นกัน...แต่ดวงตาสีอ่อนนั่นกลับมองมาทางผมด้วยแววตาตัดพ้อแปลกสลับกับส่งสายตาอาฆาตมาดร้ายใส่จางฉี่หลิงและหนังสือในมือผมเป็นระยะๆ
ผมจึงรีบหยิบถุงหนังสือมาหนีบไว้กับตัวแน่น...เล่มนี้ฉันยังอ่านไม่ครบสามรอบเลย นายจะมาประทุษร้ายหนังสือฉันไม่ได้นะ เสี่ยวฮัว…
เมื่อเคลียร์ปัญหากันลงตัว แต่ละคนจึงควักเงินออกมาให้นายอ้วนรวบรวมแล้วนำไปจ่ายที่หน้าเคาน์เตอร์...จากนั้นจึงพากันยกขโยงไปยังโรงหนัง
พอไปถึงก็พอมีเวลาเหลือเล็กน้อย พวกสาวๆกรี้ดกร้าดเฮละโลกันไปซื้อป๊อบคอร์น น้ำอัดลม ตัวผมนั้นยืนอยู่กับจางฉี่หลิงแล้วก็นายอ้วนสามคน ส่วนเสี่ยวฮัวนั้นถูกนายแว่นดำลากไปเลือกของกินเล่นตามสาวๆพวกนั้น
“นายจะเอาอะไรไหม…” จางฉี่หลิงหันมาถามผม ผมยืนนึกด้วยความลังเลใจ ถ้ามากับพวกอาๆ พวกนั้นก็ซื้อเลี้ยงผมเป็นปกติ แต่ผมมักจะไม่ค่อยกินเท่าไร มันทำให้เสียสมาธิในการดูหนัง
แต่พอผมอ้าปากจะบอก ฝ่ายนั้นก็ชิงเดินไปที่เคานท์เตอร์เสียก่อน
นายอ้วนหันขวับมาทางผมด้วยแววตาพราวระยับ
ผมมองตอบ “มองอะไร…”
“นายอ้วนชักจะสงสัยจริงจังแล้วนะ…”
ผมเลิกคิ้ว
“นายกับเสี่ยวเกอน่ะ...ถ้าไม่นับว่าอยู่กับพวกเราแล้ว บรรยากาศพวกนายสองคนนี่หยั่งกับคู่รักมาเดทกัน…”
“คู่รักพ่อง…” ผมสบถใส่ หากนายอ้วนกลับหัวเราะร่าใส่
“จริงๆนะเนี่ย เทียนเจิน...นายอ้วนยังรู้สึกเลย ว่านายสองคนหนุงหนิงๆกัน บรรยากาศฟรุ้งฟริ้งยิ่งกว่านายอ้วนที่มากับหยุนไฉ่เสียอีก…”
“หยุนไฉ่ไหน...สาวน้อยคนนั้นที่นายแชทกับเธอผ่านเกมส์นั่นอ่ะนะ…” ผมปัดประเด็นออกนอกตัว หันไปคาดคั้นนายอ้วนแทน เมื่อีกฝ่ายหลุดมาว่ามีสาวน้อยคนนั้นที่นายอ้วนพร่ำเพ้อถึงเป็นเดือนๆมากับพวกเราด้วย
“คืบหน้าเหมือนกันนี่หว่า ถึงกับชวนกันออกมาเที่ยวได้...ไหน...คนไหนอ่ะ…”
นายอ้วนที่ตั้งท่าจะแซวผมอยู่เมื่อครู่พลันอึกอัก ใบหน้าอิ่มเต็มมีระบายสีชมพูอยู่ตรงแก้ม ก่อนจะยกนิ้วชี้ไปทางหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเคานท์เตอร์
ผมหันมองตามปลายนิ้ว เห็นสาวน้อยหน้าตาน่ารักผิวพรรณหมดจดคนหนึ่ง จึงพยักหน้าหงึกหงักแล้วเปรยว่า นายอ้วนนี่ก็มีรสนิยมไม่เลวเลย
“เทียนเจินจะมาแย่งสาวนายอ้วนไม่ได้นะ...เทียนเจินมีเสี่ยวเกออยู่แล้วทั้งคน…”
ผมยกมือตบหัวอีกฝ่ายดังผลัวะแล้วสบถด่าบรรพบุรุษไปอีกชุดใหญ่ เป็นเวลาเดียวกับที่เสี่ยวฮัวหอบป๊อบคอร์นถังใหญ่มาพอดี โดยมีนายแว่นดำถือแก้วน้ำตามหลังมาให้
“อารมณ์เสียอะไรล่ะ อาเฮีย…กินของหวานๆซะจะได้หายหงุดหงิดนะ” ว่าแล้วเจ้าตัวก็หยิบป๊อบคอร์นยัดใส่ปากผมที่กำลังจะอ้าปากด่านายอ้วนต่อ “แบบหวานของที่นี่อร่อยดีนะ...นายอ้วนก็ลองดูสิ…”
ผมสำลักแค่กๆขณะพยายามเคี้ยวป๊อบคอร์นเคลือบคาราเมลหวานๆในปาก เหลือบมองใบหน้างดงามของเสี่ยวฮัวที่ดูจะมีประกายอำมหิตแปลกๆขณะเจ้าตัวพยายามยัดป๊อบคอร์นใส่ปากนายอ้วน
เพราะมีป๊อบคอร์นอยู่เต็มปาก ผมจึงไม่อาจเอ่ยห้ามปรามเสี่ยวฮัวได้ ผมรีบเคี้ยวรีบกลืน ฝืดคอจนกระทั่งสำลักออกมา
ผมควานหาน้ำจ้าละหวั่น นายแว่นดำที่ถือแก้วน้ำอยู่ในมือก็ดันอยู่เสียห่างแถมยังเอาแต่หัวเราะขำเสี่ยวฮัวกับนายอ้วน ไม่ได้เหลือบแลมาทางผมแม้แต่น้อย
จนกระทั่งมีมือเอื้อมมาตบที่หลังเบาๆ แล้วแก้วน้ำพร้อมหลอดมาจ่อตรงหน้า ผมจึงยื่นหน้าไปดูดอย่างไม่รีรอ
...เกือบตายแล้วไหมนั่น…
“ขอบใจนะ…” หันไปขอบคุณจึงพบว่าเป็นคนที่คุ้นหน้าคุ้นตา “อ้าว...อาหนิง…”
สาวสวยที่วันนี้มาในสไตล์เท่ๆด้วยการทำผมแสกข้างกับเปียเก็บข้างหูสามเส้นแล้วมัดหางม้า เธออยู่ในชุดกางเกงยีนส์เดฟสีดำขาดๆกับเสื้อสายเดี่ยวแบบผูกคอสีขาวคลุมทับด้วยแจ็คเกตสีเดียวกับกางเกง ตอนนี้กำลังนั่งบนเก้าอี้ข้างผม
“โอเคแล้วนะ…” เธอถามยิ้มๆ ทำให้หน้าผมร้อนผ่าว พูดไม่ออกได้แต่พยักหน้ารัวๆ อาหนิงส่ายหัวอย่างอ่อนอกอ่อนใจก่อนจะหันไปว่าทางนายแว่นดำ “พวกคุณนี่เอาแต่เล่นกันอยู่ได้ เขาสำลักเกือบตายแล้วเห็นไหม…”
“รบกวนคุณหนูหนิงแล้ว...ขออภัยให้กับความเลินเล่อของกระผมด้วย…” นายแว่นดำตอบกลับด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“เธอมายุ่งอะไรกับอู๋เสีย…” เสี่ยวฮัวละมือจากการพยายามฆาตกรรมนายอ้วนด้วยป๊อบคอร์น หรี่ตามองอาหนิง
นายอ้วนสำลักแค่กๆ ไอหน้าดำหน้าแดง โชคดีที่แม่สาวน้อยหยุนไฉ่ของหมอนั่นเดินกลับมาพอดี เขาจึงมีคนคอยดูแลเอาน้ำเอาท่าให้ดื่มแก้ป๊อบคอร์นติดคอ ซึ่งเจ้าตัวก็ทำหน้าตามีความสุขดี ผมจึงไม่อยากร้องถามไปขัดความฟินของอีกฝ่าย
“ฉันก็มาดูหนังรอบเดียวกับพวกคุณนั่นแหละ ผ่านมาเห็นเขากำลังลำบาก ไม่ยักกะมีใครสนอกสนใจเลยอดช่วยไม่ได้…”
อาหนิงมองเสี่ยวฮัวนิ่งขณะตอบคำถาม ก่อนจะหันมายิ้มให้กับผม “ยังไงซะ...อู๋เสียก็เป็นคนให้ตั๋วหนังฉันมานี่นา…”
เห็นรอยยิ้มของคนสวยอดไม่ได้ที่จะยิ้มตอบ ก่อนน้ำเสียงเรียบเฉยของใครบางคนจะดังผ่าขึ้นกลางวง
“ถึงเวลาเข้าโรงหนังแล้ว…”
ทุกคนพากันหันขวับไปทางต้นเสียง ก่อนจะพบว่าเป็นจางฉี่หลิงที่ยืนอยู่ ไปยินเสียงจิ๊ปากจากใครบางคนในตอนที่ผมรีบลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วเดินเข้าไปหาเขา คนอื่นๆที่ได้ยินว่าถึงเวลาแล้วก็พากันขยับลุกเดินตามมา
ขณะที่เดินเคียงไหล่กันเข้าโรงหนัง ผมหันมองจางฉี่หลิงอดนึกแปลกใจไม่ได้
“ไม่ได้ซื้ออะไรเข้ามาหรอกเหรอ…”
หมอนั่นส่ายหน้าไปมา ก่อนจะตอบ “อู๋เสียไม่ชอบไม่ใช่เหรอ…มันทำให้เสียสมาธินี่...” ผมพยักหน้ารับ
“แล้วหายไปไหนมาเนี่ย…”
ใบหน้าหล่อเหลานั้นหันมา ระบายยิ้มอ่อนๆแต่ไม่ยอมตอบอะไรเพิ่มอีก เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ตอบอะไร ผมก็ไม่ซักไซ้ต่อ พอดีกับที่เดินมาถึงที่นั่ง
จากจำนวนยี่สิบที่นั่งที่ได้รับ ห้าที่นั่งหัวแถวเป็นของจางฉี่หลิงซึ่งมีเพียงแค่ผมกับเขาเท่านั้น เราจึงเว้นสองที่นั่งหัวแถวเอาไว้แล้วเข้ามานั่งด้านใน (ผมอดรู้สึกเสียดายที่นั่งว่างๆไม่ได้ ถ้ารู้ว่าหมอนี่จะไร้เพื่อนขนาดนี้ ผมจะขอตั๋วเขาแล้วโทรไปชวนเพื่อนเก่าที่ย้ายไปเรียนต่างโรงเรียนมาเจอกัน) ห้าที่นั่งถัดไปเป็นส่วนของผมซึ่งสามในห้ามีอาหนิงกับเพื่อนอีกสองคน (หน้าตาคุ้นๆอยู่แต่ผมจำชื่อไม่ได้)มานั่งแล้ว ถัดไปเป็นห้าที่นั่งของนายอ้วนที่มีเจ้าตัว หยุนไฉ่และเพื่อนๆของหยุนไฉ่
ส่วนของนายแว่นดำ มีเพียงเขากับเสี่ยวฮัว ทั้งสองคนเว้นที่ว่างด้านทางเดินไว้หนึ่งที่และเว้นจากกลุ่มนายอ้วนสองที่ เห็นเสี่ยวฮัวชะเง้อคอมองมาอยู่ลิบๆ ก่อนจะหันไปกระซิบกระซาบกับนายแว่นดำเป็นระยะๆ เหมือนจะมีอะไรซักอย่างเห็นชูไม้ชูมือกันอยู่เป็นระยะ แต่ผมไม่ได้สนใจเพราะกำลังดูตัวอย่างหนังที่ฉายบนหน้าจอ
...อา ปีหน้ามีหนังน่าสนใจไม่น้อยเลยแหะ…
“อ้าว อู๋เสีย...ทำไมมาโผล่ที่นี่…”
ดูหนังตัวอย่างไปได้ซักพักก็มีเสียงทักดังขึ้น หันมามองจึงพบว่าเป็นอาสามที่ได้ตั๋วจากผมไปนั่นเอง…
“พอดีได้ตั๋วจากเพื่อนน่ะอาสาม…” ผมตอบไปขณะถดตัวหดขาขึ้นให้อาเดินเข้าไป เห็นคนที่เดินตามอาสามมา อดไม่ได้จะแหย่เล่น
“...อาสาม อาขู่เอาบัตรผมไปจนหมด ที่แท้เอาอีกใบมาให้พี่พานหรอกเรอะ...นี่กะมาเดทกันใช่ไหมเนี่ย”
พอได้ฟังคำผม พี่พานจื่อ---อาจารย์พละในโรงเรียนก็ทำหน้าลนลานขึ้นมาทันที “ไม่ใช่อย่างงั้นนะครับ…”
“หุบปากไปเลยเจ้าลูกกระต่าย…” ผิดกับอาสามที่หันมาด่าเสียงเรียบไม่มีท่าทีทุกข์ร้อน
“ผมจะฟ้องปู่...ว่าอาพาผู้ชายมาดูหนัง…” ผมแหย่เพิ่ม อาสามของผมแยกตัวไปซื้อบ้านอยู่คนเดียวแถวละแวกโรงเรียน นานทีถึงจะกลับไปที่บ้านใหญ่ คุณปู่บ่นหาอยู่เรื่อย (แต่พอได้เจอหน้ากันก็ดันมีท่าทีไม่ค่อยจะลงรอยกันซักเท่าไร)
“แกยังอยากดูหนังอย่างมีความสุขไหมฮึ...อู๋เสีย…” ได้ยินคำขาดอย่างงั้นผมก็หุบปากฉับในทันที
สรุปที่นั่งในตอนนี้ เว้นหัวแถวสองที่นั่งก็เป็นจางฉี่หลิงถัดมาก็เป็นผม เว้นหนึ่งที่นั่งเป็นอาสามกับพี่พานจื่อแล้วก็เป็นอาหนิงกับเพื่อน กลุ่มของหยุนไฉ่ นายอ้วน เว้นสองที่นั่ง แล้วเป็นนายแว่นดำกับเสี่ยวฮัว
ไม่นานนัก ภาพยนต์ก็เริ่มเล่น ผมตื่นตากับภาพที่ไหลผ่านจอไป สมกับเป็นภาพยนต์แอคชั่นที่ได้รับคำวิจารณ์ที่ดีในต่างประเทศแหละนะ…
ดูไปไม่นานนัก จู่ๆก็เริ่มร้อนๆมือกับหนักบ่า…
แหงะไปมองก็พบกับก้อนกลุ่มขนสีดำซบอยู่ที่ไหล่และมือถูกคนที่นั่งข้างๆเกาะกุมไว้…
...จางฉี่หลิงแม่งหลับมาซบผม
หนักเฟ้ย...
ผมได้แต่บ่นในใจ พลางใช้มือข้างที่ว่างพลักหัวอีกฝ่ายออกไปก่อนจะพยายามชักมือออก สะบัดกุกกักอยู่ครู่ใหญ่ก็ไม่หลุด เจ้าตัวคนจับหรี่ตาข้างหนึ่งขึ้นมามองคล้ายรำคาญพลางส่งเสียงขู่ในลำคอก่อนจะหลับต่อ ผมจึงได้แต่ปล่อยให้อีกฝ่ายจับไว้อย่างงั้นและหันไปสนใจภาพยนต์ต่อ
...แต่แม่งเมื่อกี้เจ้าชายของโรงเรียนละเมองัวเงียเหรอ…
เสียดายที่โรงหนังมันมืด ไม่งั้นผมจะอัดคลิปไปแปะประจานบนเว็บบอร์ดโรงเรียนว่าจางฉี่หลิงของสาวๆน่ะ เวลากำลังหลับ งี่เง่าได้ขนาดไหน…
ดูๆไปได้ไม่ถึงนาที หัวของอีกฝ่ายก็ตกมาซบไหล่ผมอีก ผมก็ผลักออกอีก ปล่อยไปซักพักก็ตกมาอีก ผมก็ผลักออกเรื่อยๆ หลังๆนี่ตกมาได้มุมพอดีเหลือเกิน ปลายจมูกโด่งของหมอนี่แทบจะซุกซอกคอผมอยู่แล้ว…
พอขยับกุกกักมากๆเข้าก็โดนคนรอบข้างกระแอมใส่ อาสามก็หันมาเขม่นตาใส่ราวกับจะบอกว่าอยู่นิ่งๆได้ไหม รำคาญ...ผมก็จนใจ เลิกผลักไสอีกฝ่ายออก ปล่อยให้แม่งซบให้หนำใจ หันไปตั้งสมาธิกับเรื่องราวบนจอภาพ
.
.
.
หนังจบแล้ว ไฟในโรงถูกเปิดขึ้นขณะเครดิตท้ายหนังกำลังฉายบนจอภาพ ผู้คนพากันทยอยลุกออกจากที่นั่งแล้วก็เดินออกจากโรงหนังไป
หยั่งกับรู้...คนที่อาศัยไหล่ผมซบนอนหลับสบายแฮก็ค่อยๆลืมตาขึ้น ผงกหัวขึ้นมามองผม
ไอ้ตอนที่ผงกขึ้นมานี่ ใจผมแทบจะกระเด็นออกจากอก จมูกกับปากพวกแม่งเฉียดคอกับแก้มผมไปนิดเดียว แถมยังนิ่งค้างไว้ ไม่ยอมขยับออกไปซักที
“ไปอดหลับอดนอนมาจากไหน…” อดไม่ได้จะบ่นใส่ พวกแม่งนอนหลับสบายใจมาก ทิ้งน้ำหนักหัวมาเต็มๆ ล่อซะเหน็บกินตั้งแต่หัวไหล่ยันปลายนิ้วมือ พ่นลมหายใจร้อนๆใส่ต้นคออีก เลยกลายเป็นว่าดูหนังไม่รู้เรื่องเอาเสียเลย
...เสียเที่ยวชะมัด…
“ขอโทษนะ” จางฉี่หลิงคลี่ยิ้มบาง มือที่จับมือผมเอาไว้ตลอดสองชั่วโมงเลื่อนขึ้นลูบไล้นวดคลึงแขนผม ตอนที่จับลงมาครั้งแรกผมแทบกรีดร้อง แต่พอปล่อยไปก็รู้สึกดีขึ้น
“อะแฮ่ม…” เสียงกระแอมของอาสามดังขึ้น จางฉี่หลิงจึงละมือออกจากแขนผม ถลันลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วพร้อมกับผมเองก็ลุกขึ้นตาม
ผมหลบตาอาสามที่เขม้นมองมา ก่อนจะนึกเอะใจว่า ฉันจะหลบทำไมฟะ...ทำตัวเหมือนเด็กสาวแอบจู๋จี๋กับแฟนแล้วโดนผู้ใหญ่เจอไปได้ จึงเงยหน้าขึ้น
...แล้วก็พบว่ามีคนชะเง้อชะแง้มองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นจากเบื้องหลังอาสามเต็มไปหมด
“เอ่อ อยู่ทำอะไรกัน...เรารีบออกจากโรงเถอะ ก่อนที่พนักงานจะมาไล่…”
ผมเอ่ยชวนขึ้น แล้วรีบหมุนตัวเดินออกมาอย่างรวดเร็ว
...ไม่อาจจะอยู่สู้สายตาที่เต็มไปด้วยความอยากเผือกจำนวนมากมายได้จริงๆ
ผมสาวเท้าเดินออกมาอย่างรวดเร็ว แต่พอพ้นประตูโรงหนังมาได้ ผมก็ถูกรายล้อมด้วยผู้คนอีกครั้ง…
...เดินไวกันจั๊งงงงงงง…
“อู๋เสีย...แกจะกลับยังไง…”
“อาเฮีย จะกลับยังไงเหรอ…”
เป็นอาสามที่เดินมาดักหน้าถามขึ้นก่อน ตามมาด้วยเสี่ยวฮัว ผมชะงักยืนนึก...นั่นสิ ขามาผมมากับจางฉี่หลิงแต่ขากลับนี่สิจะเอายังไง
ผมหันไปมองสารถีตอนเช้าเป็นเชิงถาม
“ผมจะไปส่งเขาเอง…” จางฉี่หลิงพูดขึ้น อาสามขมวดคิ้วฉับ สีหน้าของเสี่ยวฮัวก็ดูจะเครียดขรึมขึ้นทันที “ผมสัญญากับคุณปู่อู๋ไว้แล้วว่าจะเป็นคนส่งเขาให้ถึงบ้านอย่างปลอดภัย…”
“ไม่ต้องรบกวนนายหรอกมั้ง...ฉันคิดว่าจะกลับบ้านใหญ่วันนี้…” อาสามพูดเกริ่น ดวงตามองจางฉี่หลิงอย่างไม่วางใจ
“...แล้วพี่พานจะกลับยังไงล่ะ…” ผมร้องทัก เมื่อเห็นพี่พานที่ยืนเยื้องด้านหลังอาสาม
“พี่สามครับ แล้วธุระเรื่องบัญชีวัสดุโรงเรียนที่เราต้องไปทำต่อหล่ะครับ…”
อาสามจิ๊ปาก ก่อนจะชี้หน้าจางฉี่หลิง “ฝากหลานฉันด้วย ส่งให้ถึงที่อย่าให้มีสึกหรอแล้วฉันจะโทรเช็คกับบ้านใหญ่” ก่อนจะเดินจากไปพร้อมกับพี่พาน
“อู๋เสียต้องกลับกับฉันนะ…”
จางฉี่หลิงพูดย้ำขึ้นอีกครั้ง ผมได้แต่จิ๊ปากอย่างหงุดหงิด “รู้แล้วน่า...นายบอกแล้วแถมอาสามก็พูดซะขนาดนั้น…”
เหมือนจะยังไม่หนำใจ คุณชายถึงได้คว้าแขนผมไปจับจูงเอาไว้
“แยกกันตรงนี้ล่ะนะ เสี่ยวฮัว นายแว่นดำ นายอ้วน...เฮ้ย...จะรีบไปไหนเนี่ย...จางฉี่หลิง”
ผมยังไม่ทันร่ำลากับใครเสร็จ พ่อเจ้าประคุณก็เริ่มออกเดินซ้ำยังลากแขนผมตามไปด้วย ผมจึงทำได้แค่หันมาโบกไม้โบกมือลาคนข้างหลัง
รู้สึกเหมือนเสี่ยวฮัวทำหน้าแปลกๆ จะเศร้าก็ไม่ใช่จะหงุดหงิดก็ไม่เชิง ส่วนนายแว่นดำกับนายอ้วนก็หัวเราะร่า ไม่รู้ว่ามีอะไรให้ขำนักหนา ท่ามกลางสายตางุนงงของเหล่าสาว
“...เจอกันวันจันทร์นะ อู๋เสีย”
เสียงใสๆตะโกนมา พอจำได้ว่าเป็นเสียงของอาหนิง ทันเห็นเจ้าตัวโบกมือให้ก่อนที่จะลดมือกอดอกไว้ฟอร์มพร้อมส่งรอยยิ้มสวยมาให้
ผมส่งยิ้มตอบ ไม่ทันได้ตะโกนตอบอะไร ก็ถูกกระชากแขนอย่างแรงจนหัวจะทิ่ม ผมจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกลับมาเดินหน้าตรงพยายามเร่งฝีเท้าให้เท่าทันคนที่จูงแขนผมอยู่ ก่อนจะที่ล้มลงวัดพื้นห้างให้อับอายเล่น
“เดี๋ยว จางฉี่หลิง เดี๋ยว…”
ผมร้องเมื่อเริ่มรู้สึกล้า แต่ดูเหมือนคนที่เดินนำหน้าจะไม่ยอมลดความเร็วเอาเสียแล้ว...ไม่รู้จะรีบไปตามควายที่ไหน…
ร่างสูงโปร่งทำหูทวนลม ก้าวเท้าฉับๆ จนกระทั่งร่างกายผมถึงที่สุดแล้ว ผมเหนื่อยจนเดินสะดุดขาตัวเอง รีบหลับตาปี๋...คงได้วัดพื้นห้างวันนี้แหละนะ อู๋เสียเอ้ยยยยย
ปั่ก!
...ไม่เจ็บ
...รู้สึกเหมือนกระดูกสันหลังยังตั้งฉากกับพื้นโลกอยู่
...มีอะไรมาเกี่ยวเอว
ผมค่อยๆหรี่ตาขึ้นมองดู ก่อนจะพบกับใบหน้าจางฉี่หลิงในระยะประชิด ผมจึงสะดุ้งอยู่ในใจ
“ไม่เป็นอะไรนะ…”
พยักหน้าหงึกหงักเป็นการตอบคำถามของอีกฝ่าย ก้มมองมือตัวเองที่ถูกจับดึงขึ้นแนบอกอีกฝ่าย แขนแข็งแรงของอีกฝ่ายเกี่ยวเอวเขาเอาไว้
“นายแม่ง...จะรีบเดินไปไหนวะ...เดินตามไม่ทันนะรู้มั้ย...เกือบจะล้มหน้าทิ่มพื้นแล้วไหมเนี่ย…”
“ขอโทษ…” อีกฝ่ายเอ่ยทั้งหน้านิ่งแต่เสียงอ่อนอ้อน
ผมขยับตัวอย่างอึดอัด จางฉี่หลิงจึงยอมปล่อยแขนที่รัดเอวออก...แต่ยังไม่ยอมปล่อยมือ
“ถ้าไม่พอใจขนาดนั้น ฉันกลับเองก็…”
“ไม่ได้หรอก ก็สัญญาเอาไว้แล้วนี่…”
อีกฝ่ายบีบกระชับมือที่จับกัน
“ขอโทษที่เดินไม่รอ…” ดวงตาสีดำทอประกายระยับ “ดีนะที่ฉันยังไม่ได้ทำให้นายบาดเจ็บ…”
หน้าผมร้อนวูบๆ จนต้องเอ่ยตัดบท
“ขอบคุณนายที่ช่วยดึงเอาไว้ก่อนนั่นแหละ…” ผมขยับแกว่งมือที่จับกันไว้ ก้มหน้าลงมองพื้น “เรากลับกันเถอะ…”
อีกฝ่ายส่งเสียงตอบรับในลำคอ ก่อนที่เราสองคนจะพากันจับมือเดินไปยังที่จอดรถ
ระหว่างทางไม่มีคำพูดระหว่างผมกับเขา จนกระทั่งรถสีดำจอดเทียบหน้าประตูบ้าน เหลือบเห็นถุงหนังสือในมือจึงนึกเรื่องที่ต้องคุยขึ้นมาได้
“จางฉี่หลิง...ฉันต้องจ่ายค่าหนังสอให้นาย…”
เรียวคิ้วของจางฉี่หลิงย่นลงเล็กน้อย “ก็บอกแล้วว่าไม่ต้อง…”
“ไม่ได้…” ผมถอนใจ ...จะให้เป็นที่ระลึกอะไรกัน… ยังไงก็ยอมไม่ได้หรอก รถก็ขับมารับมาส่ง นี่มันมากเกินกว่าผมจะรับเอาไว้ได้แล้ว “งั้นเอาอย่างงี้...นายอยากได้อะไรก็บอกมาเดี๋ยวฉันจะซื้อตอบแทนให้…”
จางฉี่หลิงขยับทำหน้าครุ่นคิด ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาบางเบา
...เห็นรอยยิ้มนี้ของเขาแล้วไม่รู้ว่าทำไมรู้สึกขนลุกแปลกๆ
พอหันมาเห็นผมทำหน้าแปลกๆ เจ้าตัวก็หยุดยิ้ม ตีสีหน้าเคร่งขรึม “ของที่ฉันอยากได้...ไม่ต้องซื้อ…”
จุ๊บ!
ผมยกมือกุมขมับในทันที จั๊กจี้ชะมัด อะไรคือการที่อยู่ๆก็เอาหน้ามาซุกหัวผม แถมยังจูบตรงขมับอีก
“เล่นอะไรของนายเนี่ย…”
“แค่นี้ก็พอ…”
ผมรู้สึกเหมือนเลือดพากันไหลมารวมอยูที่หน้า ผลุนผลันดึงเข็มขัดนิรภัยออกแล้วเปิดประตูรถออกจนส่งเสียงดังปัง
...แค่รู้สึกว่าต้องอยู่ห่างๆหมอนี่ไว้ก่อนในตอนนี้
เอ๊ะ! แต่ยังคุยกันไม่จบ
ผมกำประตูรถเปิดค้างไว้ ค้อมตัวลงตะโกนคุยกับคนที่นั่งอยู่ในรถ
“ติดไว้ก่อนก็ได้...แต่เจอกันคราวหน้านายต้องบอกนะว่าอยากได้อะไรแล้วฉันจะหาซื้อให้ ฉันไม่อยากติดค้างนายจริงๆนะเว้ย...จางฉี่หลิง…”
ผมหยุดสูดหายใจครู่หนึ่ง
“ขับรถกลับบ้านดีๆล่ะ…”
แล้วกระแทกประตูปิดดังปึง ไม่สนใจว่าจะทำให้รถอีกฝ่ายพังไหม จากนั้นก็วิ่งปรู้ดเข้าบ้านไป
- แถมท้าย -
จางฉี่หลิง Side:
เขายกมือขึ้นกุมครึ่งหน้าด้านล่างเอาไว้ ซบหน้าลงกับพวงมาลัย
...วันนี้อู๋เสียของเขาจะน่ารักไปแล้ว…
ตอนที่ยืนอ่านหนังสือ
ตอนที่กินชาบู
ตอนที่ตั้งอกตั้งใจดูหนัง
แถมยังคำบอกลาให้ขับรถกลับบ้านดีๆนั่นอีก
เขาแทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว
แลบลิ้นเลียริมฝีปากที่แห้งผาก ภาพของต้นคอขาวที่เขาเอียงซบในโรงหนังยังติดตา
จางฉี่หลิงสะบัดศีรษะ แล้วจึงตั้งสติ ขับรถออกจากบริเวณหน้าบ้านสกุลอู๋
เหลือบมองกล่องกำมะหยี่ขนาดเล็กที่วางอยู่บนคอนโซลหน้ารถ ธุระที่เดินแยกออกไปก่อนเข้าโรงหนัง
ก่อนจะบอกกับตัวเอง “...ยังไม่ถึงเวลา…”
แฟนเกิร์ลปริศนา Side:
ฉันเปิดเช็คบอร์ดโรงเรียนในยามบ่ายวันอาทิตย์อีกครั้ง ขณะเดียวกันก็เปิดเว็บโซเชียลเช็คข่าวสาร ดูความเคลื่อนไหวไปเรื่อย…
มีแจ้งเตือนขึ้นในเว็บของฉัน คลิกเข้าไปดูเป็นข้อความจากพี่สาวร้านหนังสือที่รู้จักกัน
‘วันนี้โชคดีจริงๆ มีคู่น่ารักมาเดทด้วยกันในร้านหนังสือด้วยล่ะ มันน่ารักมากๆ พี่รู้สึกเหมือนจะเก็บไว้ดูคนเดียวไม่ได้เลยส่งมาให้เธอดู’
ฉันยกมือขึ้นอุดปาก ไม่ให้ส่งเสียงกรีดร้องออกไปจนคนตกใจ
...ก็ภาพที่พี่สาวคนนั้นส่งมาคืออู๋เสียกับจางฉี่หลิงนี่นา…
ไล่ตั้งแต่ภาพที่เดินจูงมือเข้ามาในร้าน ไปยืนดูหนังสือด้วยกัน แล้วก็แยกกันยืนคนละมุมโดยที่จางฉี่หลิงคอยเหลือบมองอู๋เสียอยู่ตลอด
โอย...คุณพระหัวใจฉัน
‘มีภาพอีกไหมคะ....’
‘สองคนนี้เป็นคนดังในโรงเรียนหนูเองแหละพี่สาว...เป็นคู่จิ้นอันดับหนึ่งเลย คนที่หล่อๆชื่อจางฉี่หลิง ส่วนอีกคนที่น่ารักๆชื่อ อู๋เสีย’
ฉันส่งข้อความไปหาพี่สาวคนนั้น ซึ่งก็ได้ข้อความตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว
‘จริงเหรอ...เธอรู้จักสองคนนี้ด้วย แอร้ยยยย คู่กันจริงๆด้วยสินะ...แบบตอนในร้านน่ารักมากเลย’
แล้วจากนั้นก็เป็นคำบอกเล่าเรื่องราวในร้านหนังสือที่พี่สาวได้เห็นพร้อมกับภาพประกอบ
...ฉันรู้สึกเหมือนจะขาดใจตายอยู่หน้าจอคอมนี่เอง…
‘พี่คะ...ฉันขอเอาภาพกับเรื่องไปลงบอร์ดโรงเรียนได้ไหม...แฟนคลับสองคนนี้จะต้องชอบมากแน่ๆ’
‘เอาสิ...ตามสบายเลย ส่งลิงก์กระทู้อื่นมาให้พี่ดูด้วยสิ...นี่อยากตามต่อมากๆเลย’
‘ได้ค่ะ....’
ฉันกดเซฟภาพ ข้อความในแชท เปิดหน้าต่างที่โหลดเว็บบอร์ดโรงเรียนเอาไว้ กดตั้งกระทู้ขึ้นมา
‘HOT COUPLE เจ้าชายจฉล.จูงมือคนน่ารักชื่อย่อ อส. เข้าร้านหนังสือ’
พอลงเสร็จก็ไปก๊อปลิงก์กระทู้ภาพเก่าๆของคู่นี้ ส่งให้พี่สาวพลางๆ
กลับมาที่บอร์ดอีกทีก็เป็นเวลาเย็น กระทู้ที่ฉันตั้งไว้ขึ้นเตือนว่ามีคนเข้ามาดูและส่งข้อความเป็นร้อย
ที่น่าตกใจว่านั้น คือกระทู้ที่ตั้งตามหลังมาติดๆ
‘ฟินกว่าร้านหนังสือคือร้านชาบู’
‘น่าเสียดายว่าโรงหนังมันมืดไปหน่อย’
ฉันคลิกเข้าไปอย่างไม่รอรี แล้วพบว่ากระทู้แรกเป็นชุดภาพของอู๋เสียกับจางฉี่หลิง บรรยากาศฟรุ้งฟริ้งมากๆๆๆๆๆๆ แบบที่ว่าคนงามเซี่ยอวี้ฮัวกับเฮยเสียจื่อที่ร่วมเฟรมยังกลายเป็นแค่ตัวประกอบ
...บางภาพแอบเห็นเซี่ยอวี้ฮัวส่งสายจาอาฆาตด้วย น่ากลัวเป็นบ้า…
ฉันนั่งไล่ดูภาพหลายสิบภาพ จับสังเกตได้ว่ามีใครบางคนหายไป
ริมฝีปากฉันกระตุกยิ้มอย่างห้ามไม่ได้ ในที่สุดก็รู้ตัวจริงของคนปล่อยภาพหนึ่งคนแล้ว...
แต่กระทู้ต่อมานั้นแปลก มีอยู่แค่สองสามภาพ ภาพน้อยแต่พลังทำลายล้างมหาศาล! เพราะเป็นภาพถ่ายจากด้านหลัง ดูจากสีผมในไฟสลัว คงเป็นจางฉี่หลิงซบไหล่
อู๋เสีย…
อิจฉาจางฉี่หลิงนัก! ทำบุญด้วยอะไรอู๋เสียยอมให้ซบไหล่แถมยังได้เอาหน้าซุกซอกคอขนาดนั้น!
น่าสังเกตคือคนถ่ายเป็นคนละคนกับกระทู้แรกเพราะดูคุณภาพของรูปแตกต่างกัน…
อดสงสัยไม่ได้ แต่ก็ปัดตกไป ช่างมันเถอะ! ไม่ว่าจะเป็นใคร แค่ถ่ายรูปมาให้เสพก็เป็นบุญคุณกับพวกเรายิ่งนักแล้ว ภาพใกล้ชิด คมชัดเหมือนได้ไปตามสะกดรอยดูฉากเดทของคู่จิ้นอันดับหนึ่งด้วยตัวเองแบบนี้
ฉันคลิกขวาเซฟรูปเข้าคลังของตัวเองรัวๆ พร้อมกับที่ส่งลิงก์กระทู้ใหม่ไปให้พี่สาวร้านหนังสือ
END ฉากเดทในโรงหนัง
คราวหน้าจะไม่ซี้ซั้วทำอะไรแบบนี้อีกแล้ว...//ยิ้มเจื่อน
รู้สึกฝืดมาก และมือตกมาก เหมือนไม่ค่อยสนุกซักเท่าไร
เขียนเรื่องเดท โดยที่ตัวเองไม่เคยเดทนี่มันยากลำบากจริงๆนะคะ//ร้องไห้
ที่ยากลำบากอีกเรื่องคือฉากมะรุมมะตุ้มรุมแย่งอู๋เสียนี่แหละ...//ร้องไห้หนักกว่าเดิม
มันถึงได้กินเวลายาวนานกว่าจะจบฉากเดทลงได้
ฉากสวีทในโรงหนังนี่คิดนานมากว่าจะเอายังไง เพราะเราไม่มีโมเม้นท์แบบนั้นเลย
ไปดูหนังก็มีแต่ลุยเดี่ยวบ้าง ไปกับเพื่อนบ้าง แถมยังไม่เคยซื้อพวกป๊อบคอร์นหรือโค้กเลย ไม่รู้จะเขียนยังไง
สุดท้ายก็ลงเอยเป็นอย่างที่เห็นแหละค่ะ
ชอบ ไม่ชอบตรงไหนก็ติชมกันได้เลยนะคะ เผื่อจะได้เอาไปแก้ไขในฉากต่อๆไป(ถ้านึกต่อได้)แล้วเรื่องอื่นที่จะเขียน
The_Dark_Lady- ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
- จำนวนข้อความ : 301
Points : 3605
Join date : 21/06/2015
Age : 29
ที่อยู่ : On the Land, Below the sky
Re: [Fic] (AU) We're dating 2/2 (ผิงเสีย)
5555555555
ผมรู้แล้ว ผมก็เขียนฉากเดทไม่เป็น แต่รู้สึกความเป็นด้วงของพวกเราจะมีสกิลซัพพอตพิเศษให้เขียนฉากแฟนเกิร์ลได้คล่องมือยิ่งนัก ฮ่าๆๆ
คุณพี่ร้านหนังสือ ทำดีย์ ดีงามมมมมมม เส้นสายกว้างขวางนะด้วงกลุ่มนี้ ถถถถ
คนปล่อยภาพบนดาดฟ้าน่าจะเป็นเสี่ยอ้วน คนเดียวกับในร้านชาบูหรือเปล่าครับ
ส่วนภาพในโรงหนัง ไม่รู้ว่าใคร อ่านดูเหมือนกับทุกคนจะนั่งเรียงอยู่แถวเดียวกันนี่นา แปลว่าคนที่แอบถ่ายจากด้านหลังคือด้วงปริศนา!!! แค่กๆๆ
แต่ผมติดใจเจ๊อาหนิงแฮะ นางดูมีลับลมคมในแปลกๆ คนแบบนี้ไม่น่าดูไม่ออกว่าอู๋เสียโดนเสี่ยวเกอคาบไปกกตั้งนานแล้ว แถมเจอฉากฟรุ้งฟริ้งระยะประชิดขนาดนี้ต้องมีความเป็นด้วงในตัวตื่นขึ้นมาบ้างสิน่า เหมือนกับด้วงอู๋คนนั้น เจอผิงเสียต้องยอมสยบ ฮ่าๆๆ
หรือเจ๊หนิงจะเป็นคนถ่ายรูปในโรงหนังน้อ ถถถถ
ผมรู้แล้ว ผมก็เขียนฉากเดทไม่เป็น แต่รู้สึกความเป็นด้วงของพวกเราจะมีสกิลซัพพอตพิเศษให้เขียนฉากแฟนเกิร์ลได้คล่องมือยิ่งนัก ฮ่าๆๆ
คุณพี่ร้านหนังสือ ทำดีย์ ดีงามมมมมมม เส้นสายกว้างขวางนะด้วงกลุ่มนี้ ถถถถ
คนปล่อยภาพบนดาดฟ้าน่าจะเป็นเสี่ยอ้วน คนเดียวกับในร้านชาบูหรือเปล่าครับ
ส่วนภาพในโรงหนัง ไม่รู้ว่าใคร อ่านดูเหมือนกับทุกคนจะนั่งเรียงอยู่แถวเดียวกันนี่นา แปลว่าคนที่แอบถ่ายจากด้านหลังคือด้วงปริศนา!!! แค่กๆๆ
แต่ผมติดใจเจ๊อาหนิงแฮะ นางดูมีลับลมคมในแปลกๆ คนแบบนี้ไม่น่าดูไม่ออกว่าอู๋เสียโดนเสี่ยวเกอคาบไปกกตั้งนานแล้ว แถมเจอฉากฟรุ้งฟริ้งระยะประชิดขนาดนี้ต้องมีความเป็นด้วงในตัวตื่นขึ้นมาบ้างสิน่า เหมือนกับด้วงอู๋คนนั้น เจอผิงเสียต้องยอมสยบ ฮ่าๆๆ
หรือเจ๊หนิงจะเป็นคนถ่ายรูปในโรงหนังน้อ ถถถถ
Rozenkreuz- ด้วงอาณาจักรเจ้าแม่ซีหวังหมู่
- จำนวนข้อความ : 625
Points : 3819
Join date : 01/07/2015
Age : 31
ที่อยู่ : กองทัพผีเก็บเห็ดแห่งประตูสำริด
Re: [Fic] (AU) We're dating 2/2 (ผิงเสีย)
กรี๊ดดดด อ่านแล้วฟินมากค่าาา//รู้สึกนายจางแอบเจ้าเล่ห์เบาๆ
yakusoku- ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
- จำนวนข้อความ : 369
Points : 3801
Join date : 05/11/2014
ที่อยู่ : โลงในสุสานโบราณ
Re: [Fic] (AU) We're dating 2/2 (ผิงเสีย)
ดูเหมือนจะรู้ตัวคนร้าย(ปล่อยรูป)แล้ว 555555555555
เสี่ยวเกอจะตัองห้ามใจตัวเองหนักมาก
/w/ หงิง มีพานสามด้วยยย น่ารักกกก
เสี่ยวเกอจะตัองห้ามใจตัวเองหนักมาก
/w/ หงิง มีพานสามด้วยยย น่ารักกกก
Cathareen- ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
- จำนวนข้อความ : 149
Points : 3566
Join date : 24/12/2014
Re: [Fic] (AU) We're dating 2/2 (ผิงเสีย)
Rozenkreuz พิมพ์ว่า:5555555555
ผมรู้แล้ว ผมก็เขียนฉากเดทไม่เป็น แต่รู้สึกความเป็นด้วงของพวกเราจะมีสกิลซัพพอตพิเศษให้เขียนฉากแฟนเกิร์ลได้คล่องมือยิ่งนัก ฮ่าๆๆ
คุณพี่ร้านหนังสือ ทำดีย์ ดีงามมมมมมม เส้นสายกว้างขวางนะด้วงกลุ่มนี้ ถถถถ
คนปล่อยภาพบนดาดฟ้าน่าจะเป็นเสี่ยอ้วน คนเดียวกับในร้านชาบูหรือเปล่าครับ
ส่วนภาพในโรงหนัง ไม่รู้ว่าใคร อ่านดูเหมือนกับทุกคนจะนั่งเรียงอยู่แถวเดียวกันนี่นา แปลว่าคนที่แอบถ่ายจากด้านหลังคือด้วงปริศนา!!! แค่กๆๆ
แต่ผมติดใจเจ๊อาหนิงแฮะ นางดูมีลับลมคมในแปลกๆ คนแบบนี้ไม่น่าดูไม่ออกว่าอู๋เสียโดนเสี่ยวเกอคาบไปกกตั้งนานแล้ว แถมเจอฉากฟรุ้งฟริ้งระยะประชิดขนาดนี้ต้องมีความเป็นด้วงในตัวตื่นขึ้นมาบ้างสิน่า เหมือนกับด้วงอู๋คนนั้น เจอผิงเสียต้องยอมสยบ ฮ่าๆๆ
หรือเจ๊หนิงจะเป็นคนถ่ายรูปในโรงหนังน้อ ถถถถ
เข้าใจถูกแล้วค่ะ นายอ้วนเป็นคนปล่อยภาพบนดาดฟ้ากับร้านชาบู...//ทำหน้าขรึม
ส่วนคนที่ปล่อยภาพในโรงหนัง ---ความลับค่ะ//โดนตบ
เรื่องอาหนิงนั้น เธอรู้ค่ะว่ามีซัมติงระหว่างเสี่ยวเกอกับอู๋เสียแต่เธอไม่ยอมแพ้ค่ะ
เธอเป็นหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวในหมู่ผู้ท้าชิงอู๋เสีย
(เราจิ้นหนิงเสียเบาๆค่ะ มีช่วงหนึ่งที่อวยอาหนิงพอๆกับเสี่ยวเกอ//โดนดาบดำจ้วง)
แต่อาหนิงไม่ใช่คนปล่อยรูปแน่นอน อาหนิงนั่งที่ถัดจากพี่พานค่ะ
yakusoku พิมพ์ว่า:กรี๊ดดดด อ่านแล้วฟินมากค่าาา//รู้สึกนายจางแอบเจ้าเล่ห์เบาๆ
ดีใจที่ชอบค่ะ เพราะคหสต.คนเขียนรู้สึกว่ามันฝืด ; w ;
นายจางเจ้าเล่ห์จริงค่ะ กระซิบ//ในโรงหนังทั้งฉากพี่แกแกล้งหลับค่ะ ถถถถถ//
Cathareen พิมพ์ว่า:ดูเหมือนจะรู้ตัวคนร้าย(ปล่อยรูป)แล้ว 555555555555
เสี่ยวเกอจะตัองห้ามใจตัวเองหนักมาก
/w/ หงิง มีพานสามด้วยยย น่ารักกกก
ห้ามใจตัวเองหนักมากจริงๆค่ะ เพราะแกล้งหลับอยู่ ทำอะไรมากไปเดี๋ยวไก่ตื่น 5555
มีคนดูออกแล้วว่าเราจงใจใส่คู่พานสาม แอร้ยยยยย
คู่ครูประวัติศาสตร์กับครูพละ...รอลุ้นนะคะว่าจะมีบทอีกไหม
(เอาจริงๆคือคนเขียนจะมีไฟเขียนเอยูนี้ต่ออยู่ไหม...ตอนนี้ต้องการแรงใจและวัตถุดิบมาก)
The_Dark_Lady- ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
- จำนวนข้อความ : 301
Points : 3605
Join date : 21/06/2015
Age : 29
ที่อยู่ : On the Land, Below the sky
Re: [Fic] (AU) We're dating 2/2 (ผิงเสีย)
อาหนิง อาหนิงใช่ไหมที่เป็นคนถ่าย 555
poypoy- ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
- จำนวนข้อความ : 105
Points : 3546
Join date : 27/10/2014
ที่อยู่ : บ้านตระกูลอู๋ ใต้เตียงนายน้อยสาม
Re: [Fic] (AU) We're dating 2/2 (ผิงเสีย)
โอ๊ะเป็นนายอ้สนจริงๆด้วย เป็นพ่อสื่อช่างภาพหลักของกองผิงเสี่ยใช่โม้ยยย อิอิ
นี่อยากรู้ด้วงปริศนาจริงๆว่าใคร อิอิ พาร์ทแฟนเกิร์ลนี้โดนใจตลอด ประนึงเราเป็นแฟนเกิร์ลนั่งส่องภาพเลย ฮาๆๆๆ
พ่อจางเราช่างเจ้าเล่ห์ร้ายกาจยิ่งนัก ว่าแต่...
เอ๊ะๆ เจ้าชายจฉล. แอบไปซื้ออะไรคะ แหวนรึเปล่าน้า (ยิ้มกรุ่มกริ่มเบาๆ)
นายน้อยของเราก็เทียนเจินจริงๆ อิอิ จะให้รางวัลซ้ำสองหรอนายน้อย ฮุๆๆ
สามพานๆ มานิ่งๆ ให้ฟิ่นเบาด้วยนะคะเนี่ย อิอิ
นี่อยากรู้ด้วงปริศนาจริงๆว่าใคร อิอิ พาร์ทแฟนเกิร์ลนี้โดนใจตลอด ประนึงเราเป็นแฟนเกิร์ลนั่งส่องภาพเลย ฮาๆๆๆ
พ่อจางเราช่างเจ้าเล่ห์ร้ายกาจยิ่งนัก ว่าแต่...
เอ๊ะๆ เจ้าชายจฉล. แอบไปซื้ออะไรคะ แหวนรึเปล่าน้า (ยิ้มกรุ่มกริ่มเบาๆ)
นายน้อยของเราก็เทียนเจินจริงๆ อิอิ จะให้รางวัลซ้ำสองหรอนายน้อย ฮุๆๆ
สามพานๆ มานิ่งๆ ให้ฟิ่นเบาด้วยนะคะเนี่ย อิอิ
Luckey.B- ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
- จำนวนข้อความ : 102
Points : 3277
Join date : 20/07/2015
ที่อยู่ : ใต้ถุนบ้านสกุลจาง ใต้ดินบ้านอาสาม
Re: [Fic] (AU) We're dating 2/2 (ผิงเสีย)
ตอน"เเลบลิ้นเลียริมฝีปากที่เเห้งผาก"..นี่Dark... Dark mode จางฉี่หลิงโผล่นะคะ>///<
meanato- ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
- จำนวนข้อความ : 487
Points : 3932
Join date : 27/10/2014
Age : 26
ที่อยู่ : หลังประตูสัมฤทธิ์
Similar topics
» [Fic] (AU) We're dating 1/2 (ผิงเสีย)
» [OS] #dmbjdaily '520' (ผิงเสีย :: เหม่งจาง,ผิงเสีย)
» [fic]บันทึกรักนายน้อยแสนซื่อ กับนายเมินแสนมึน [ผิงเสีย]
» [fic]บันทึกรักนายน้อยแสนซื่อ กับนายเมินแสนมึน 1 [ผิงเสีย]
» [os] แผนการฉุดรั้งของอู๋เสีย (ผิงเสีย)
» [OS] #dmbjdaily '520' (ผิงเสีย :: เหม่งจาง,ผิงเสีย)
» [fic]บันทึกรักนายน้อยแสนซื่อ กับนายเมินแสนมึน [ผิงเสีย]
» [fic]บันทึกรักนายน้อยแสนซื่อ กับนายเมินแสนมึน 1 [ผิงเสีย]
» [os] แผนการฉุดรั้งของอู๋เสีย (ผิงเสีย)
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|
Fri 24 Jul 2020, 01:39 by gustoon
» [คู่มือด้วง] Keyword จีนสำหรับการขุด(แฟนดอม)สุสาน
Thu 21 Jun 2018, 00:29 by miskizfullmoon
» มังฮวาและภาคทิเบต
Thu 21 Jun 2018, 00:23 by miskizfullmoon
» [OS] Father is the best (ผิงเสีย)
Thu 03 Aug 2017, 16:12 by schneewittchen
» [Fic] สิ่งเล็กๆที่เชื่อมโลก5 [เมินโหยวผิง+อู่เสีย+เสี่ยอ้วน]+OC
Tue 01 Aug 2017, 12:30 by natsume
» [OS] #dmbjdaily (จูปาจุ๊บ) Bittersweet [ผิงเสีย AU]
Thu 06 Apr 2017, 15:58 by Zeth
» [OS] #dmbjdaily "โทรศัพท์มือถือ" - no Pairing [All]
Tue 04 Apr 2017, 22:27 by Zeth
» [OS] #DMBJDaily (แว่น): ระยะที่มองไม่เห็น [ฮัวเสีย]
Sat 01 Apr 2017, 16:55 by Zeth
» [OS] #DMBJdaily (5.20) ท่านยอดฝีมือ [หวังเหมิง (+เหมิงเสีย)(+ผิงเสีย)]
Thu 30 Mar 2017, 17:24 by Zeth