Countdown
We've been
togerther for

ค้นหา
 
 

Display results as :
 


Rechercher Advanced Search


[Fic] บันทึกของเสี่ยวหลิง | บทคั่น : Black Space - I *สปอยเล่มสิบ* *ออริคาแรกเตอร์*

+6
yakusoku
Yuwadee Wana
Eli-kun
HaiSaka
The_Dark_Lady
sinnerdarker
10 posters

Go down

[Fic] บันทึกของเสี่ยวหลิง  | บทคั่น : Black Space - I  *สปอยเล่มสิบ* *ออริคาแรกเตอร์* Empty [Fic] บันทึกของเสี่ยวหลิง | บทคั่น : Black Space - I *สปอยเล่มสิบ* *ออริคาแรกเตอร์*

ตั้งหัวข้อ by sinnerdarker Sun 19 Jul 2015, 23:09

บันทึกของเสี่ยวหลิง

-------ที่มา-------

[OS] The Last Moment [ผิงเสีย] [R18] *สปอยเล่มสิบ*

[OS] ของยึดเหนี่ยวอันไม่จีรัง [ผิงเสีย] *สปอยเล่มสิบ*

-------------เรื่องหลัก-----------

[Fic] บันทึกของเสี่ยวหลิง (1) *สปอยเล่มสิบ* *ออริคาแรกเตอร์*

[Fic] บันทึกของเสี่ยวหลิง  (2) *สปอยเล่มสิบ* *ออริคาแรกเตอร์*

[OS] พี่ชายที่ไม่ยอมบอกชื่อ ~บันทึกของเสี่ยวหลิง Special~

[Fic] บันทึกของเสี่ยวหลิง  (3) *สปอยเล่มสิบ* *ออริคาแรกเตอร์*

[Fic] บันทึกของเสี่ยวหลิง [Imply ผิงเสีย] (3.5) *สปอยเล่มสิบ* *ออริคาแรกเตอร์*

[Fic] บันทึกของเสี่ยวหลิง (4) *สปอยเล่มสิบ* *ออริคาแรกเตอร์*

[Fic] บันทึกของเสี่ยวหลิง (4.5) *สปอยเล่มสิบ* *ออริคาแรกเตอร์*

[Fic] บันทึกของเสี่ยวหลิง (5) *สปอยเล่มสิบ* *ออริคาแรกเตอร์*

[OS] #dmbjdaily (บุหรี่) เลิกได้ไหม? [อู๋เสีย+เสี่ยวหลิง]~บันทึกของเสี่ยวหลิง Special~

[Fic] บันทึกของเสี่ยวหลิง (6) *สปอยเล่มสิบ* *ออริคาแรกเตอร์*

[Fic] บันทึกของเสี่ยวหลิง (7) *สปอยเล่มสิบ* *ออริคาแรกเตอร์*




----------ตอนพิเศษ--------------



[OS] #dmbjdaily (ป่วย) ความลับเวลาไม่สบาย [อู๋เสีย+เสี่ยวหลิง]~บันทึกของเสี่ยวหลิง Special~

[OS] เรื่องของปู่ทวด [บันทึกของเสี่ยวหลิง]

[OS] #dmbjdaily (ประถม) แปดชั่วโมงที่ห่างกัน [อู๋เสีย+เสี่ยวหลิง]~บันทึกของเสี่ยวหลิง Special~

[OS] #dmbjdaily (พ่อ) บันทึกของเสี่ยวหลิง : รักอันไร้เงื่อนไข [เซี่ยอวี่ฮัว + ?? /Implied ฮัวเฮย or เฮยฮัว]

[OS] #dmbjdaily (เก้า) การรวมตัวที่ไม่รู้จุดประสงค์ [~~~บันทึกของเสี่ยวหลิง Special ~~~] [All Character]

[OS] #dmbjdaily (พี่ชาย) หน้าที่ของพี่ชาย [บันทึกของเสี่ยวหลิง : เสี่ยวฮวา + เสี่ยวหลิง]

[Drabble] #dmbjdaily (น้องชาย) สิทธิ์ของคนเป็นน้อง [บันทึกของเสี่ยวหลิง : เสี่ยวฮวา+เสี่ยวหลิง]

[Drabble] ~ว่าด้วยภาคซาไห่กับทรงผมใหม่ของอู๋เสีย~ [บันทึกของเสี่ยวหลิง]

[Drabble] ในวันที่อากาศหนาว [บันทึกของเสี่ยวหลิง]


-----ตอนพิเศษหลังเจอเสี่ยวเกอ---------


[Drabble]~ครอบครัวสุขสันต์หลังเราพบกันที่ฉางไป๋ซาน~[บันทึกของเสี่ยวหลิง/ผิงเสีย/เฮยฮัว]

[Drabble] #dmbjdaily (สำริด) ตลกหลายฉากของสองหนุ่มแห่งต้นสำริด [บันทึกของเสี่ยวหลิง+เหล่าหยาง]

[OS] #dmbjdaily (ทวินเทล) สาเหตุที่ยอมลงให้ [บันทึกของเสี่ยวหลิง/ผิงเสีย] *สปอยเล่มสิบ / 10 Years Laters* [อัพเดท : FA by Zerin]


+++++++++++++++++++++++


บทคั่น : Black Space - I

ตอนทื่ลืมตาขึ้น ก็อยู่ในที่มืดๆ ที่มองไม่เห็นอะไรซะแล้ว

ผมกะพริบตาปริบ กวาดสายตามองไปรอบๆ จำไม่ได้ว่าทำไมตัวเองจึงมาอยู่ที่นี่ ความทรงจำสุดท้ายที่จำได้เหมือนจะเป็นตอนที่เตี่ยพาเข้านอน กล่าวราตรีสวัสดิ์ แล้วจากนั้นก็หลับไปด้วยกัน

ผมพยายามนึกว่าเกิดอะไรขึ้นจากนั้น หรือถูกพาใครพาตัวมาหรือเปล่า แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออก ดังนั้นเลิกคิดไป และกวาดสายตามองอีกครั้ง

ในความมืด ไม่มีเค้าโครงของสิ่งใด รอบข้างเงียบสงัด ได้ยินเพียงเสียงลมหายใจของตัวเอง

มีเพียงความว่างเปล่า

สิ่งนั้นทำให้ผมเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมา  มือทั้งสองข้างเผลอขยับกำขากางเกงของตน ผมเกือบจะอ้าปากเรียกหาเตี่ย แต่แล้วก็ชะงัก ยกมือปิดปากตนไว้  

เตี่ยเคยสอนไว้ว่า เวลาอยู่ในที่แปลกๆ อย่าส่งเสียงดัง เพราะจะชักนำสิ่งที่ไม่ประสงค์ดีเข้ามาหา เตี่ยไม่เคยบอกว่าสิ่งไม่ประสงค์ดีคืออะไร แต่เตี่ยเคยไปแค่สุสาน เพราะฉะนั้นบางที เตี่ยคงหมายถึงภูติผีที่เจอในนั้น และถึงที่นี่อาจไม่ใช่สุสานแบบที่เตี่ยเคยไป ผมก็ควรระวังตัว

ผมสูดลมหายใจลึกและพรูออก ยืนนิ่งท่ามกลางความมืดอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนที่จะเริ่มยื่นมือไปข้างหน้าอย่างลังเล ก้าวขาออก และเริ่มเดิน

ผมเดินช้ามาก ค่อยๆ เหยียบไปทีละก้าว จำได้ว่าเตี่ยเคยพูดไว้ เวลาที่ไปผจญภัยที่ไหนในที่มืดๆ ให้ระวังพื้นที่เหยียบย่าง เพราะอาจจะกลายเป็นหลุมลึกหรือหน้าผา ดังนั้นหากมองอะไรไม่เห็น ให้ค่อยๆ เดินคลำทางไป อย่างน้อยถึงป้องกันอันตรายไม่ได้ ก็รู้ก่อนจะมาถึงตัว

ตอนที่เตี่ยสอน ผมพยักหน้ารับรู้ และที่จริงก็ฟังเหมือนเป็นเรื่องเล่าเป็นนิทาน ไม่นึกว่าจะต้องมาเจอกับตัวเอง..

ผมก้าวขาอย่างระมัดระวัง วาดมือไปด้านหน้า เผื่อว่าจะคลำเจออะไรอยู่ต่อหน้าตน เพราะรอบข้างมืดมากจนแทบไม่เห็นมือของตัวเองเลย

เดินหน้าไปได้ครู่ใหญ่ ฝ่ามือก็แตะโดนผิวแข็งเย็น ผมสะดุ้งเฮือก รีบหดมือกลับไปซ่อนด้านหลังตัวเอง ก้าวถอยหลังพรืด ยืนนิ่งเกร็งอยู่ตรงนั้นนาน

ผ่านไปซักพัก ผมก็ก้าวขาเข้าไป ยื่นมือแตะลงบนผิวสัมผัสนั้นอย่างกล้าๆ กลัวๆ สูดลมหายใจลึก และกวาดฝ่ามือไปบนหินเย็นเฉียบนั้นช้าๆ

หินเย็นเฉียบนั้นค่อนข้างขรุขระ รู้สึกถึงผิวเรียบที่มีรอยสูงต่ำ แผ่กว้างไปทั้งด้านข้างและด้านบน ผมคิดว่าน่าจะเป็นประตูหรือกำแพง และผิวเรียบที่มีรอยสูงต่ำลึกเข้าไปนั้น ก็น่าจะเป็นลวดลายสลักของมัน  แต่เพราะว่าที่นี่มืดมาก ผมจึงมองไม่เห็นว่าลวดลายของมันเป็นอย่างไร

ผมเสียดายอยู่บ้าง ถึงยังไงผมก็เป็นลูกของเตี่ย ลายท่าเปิ่นหรือลายสลักโบราณ ผมเองก็เห็นมาแต่เด็กๆ  ที่นี่อยู่ในที่มืดๆ อาจจะเป็นในสุสานที่มีของเก่าแก่ แต่ว่าผมไม่มีไฟฉายหรือที่จุดไฟ เพราะอย่างนั้น ก็เลยทำได้แค่เสียดายที่ไม่ได้เห็นมัน

เมื่อหากำแพงได้ ผมก็คลำมือต่อไป เริ่มใจชื่นขึ้นมาบ้าง ถึงแม้ว่าจะยังรู้สึกหวั่นๆ อยู่

ผมพยายามคลำมือไปตามรอยสลักบนกำแพงที่ทอดยาวออกไป ขาย่างก้าวไปเบื้องหน้าทีละก้าว ทีละก้าว ทว่าทางที่ทอดออกไปกลับดูราวจะไม่มีจุดสิ้นสุด

ยิ่งเวลาผ่านเลย ความกังวลก็ยิ่งเพิ่มพูนขึ้น เส้นทางทอดไปไกลในความมืด และผมยังไม่สัมผัสสิ่งใดอีกนอกจากกำแพงที่เดินคู่ไป มือของผมเริ่มสั่นขึ้นมา หัวใจวูบโหวง  ในหัวเรียกหาแต่เตี่ย รู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจ

ผมอยู่ที่ไหนกัน ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ แล้วเตี่ยไปไหน ทำไมไม่อยู่ด้วย

ทำไมผมถึงอยู่ที่นี่คนเดียว

ก้อนสะอื้นเริ่มแล่นขึ้นมาจุกลำคอ ขอบตาผมร้อนผ่าว และในระหว่างที่กำลังกลัวจนเกือบจะปลอยโฮตรงนั้น ก็ได้ยินเสียงหยดน้ำดังขึ้นมา

ติ๋ง..

ผมชะงัก สูดลมหายใจลึกแล้วกลั้นหายใจ เงี่ยหูฟังเสียงที่ดังขึ้นในความเงียบ

…ติ๋ง..ติ๋ง..ติ๋ง..

เสียงหยดเบาๆ ร่วงหล่นกระทบลงพื้นเป็นจังหวะ ดังกังวานในความเงียบ เสียงนั้นทำให้ความกลัวในใจผมเริ่มอ่อนลง  ก้อนสะอื้นที่เลื่อนขึ้นมาจุกลำคอเริ่มคลายออก และผมก็กลืนมันลงไป

ในระหว่างที่ยืนนิ่งฟังเสียงหยดน้ำ ก็ได้ยินอีกเสียงดังคลอขึ้นมา

..เสียงลมหายใจ

เสียงลมหายใจสม่ำเสมอ เนิบช้า ราวกับกำลังหลับใหล

ผมหยุดชะงัก หัวใจอุ่นวาบขึ้นเมื่อรู้ว่ามีอีกคนอยู่ด้วยในที่มืดๆ ดังนั้นจึงค่อยๆ ก้าวเดินเข้าไปใกล้ ตามหาที่มาของเสียงลมหายใจ

ยิ่งเข้าใกล้ เสียงลมหายใจและเสียงหยดน้ำก็ยิ่งชัดเจนขึ้น ทำให้ผมเริ่มมีความหวัง แต่ไม่ว่าจะเดินไปอีกไกลแค่ไหน ก็ไม่มีทีท่าว่าจะพบอีกร่างที่ควรอยู่ด้วยกันที่นี่เลย ทำให้ผมเริ่มเป็นกังวลขึ้นมาอีกแล้ว

หรือว่าผมกลัวมากเกินไป ก็เลยหูแว่วไปเองกัน

พอคิดแบบนั้นก็เริ่มใจเสีย ความกลัวที่อุตส่าห์เบาบางลงบ้างแล้วคอยๆ หมุนวนขึ้นมา แต่ผมก็ยังสูดลมหายใจลึกฝืนคลำทางก้าวเดินต่อไป

ฉับพลันก็ได้ยินเสียงดังขึ้น

“ใคร”

ผมสะดุ้งสุดตัว หยุดขาที่กำลังก้าวย่าง ร่างกายเกร็งขึ้นมา ดวงตาสอดส่ายมองป่ายปะในความมืด

“ใคร ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่”  

น้ำเสียงกดดันกล่าวขึ้นมาอีกครั้ง

“ผม..ก็ไม่รู้”

ผมตอบออกไปแบบนั้น

ผมคล้ายได้ยินเสียงเสื้อผ้าเสียดสีกัน จึงก้าวถอยหลัง แต่เมื่อไม่ได้ยินเสียงก้าวขา เลยยังยืนนิ่งตรงนั้น ไม่ขยับไปไหน พยายามเพ่งมองไปในความมืด กระทั่งรู้สึกถึงปลายนิ้วเย็นที่ลำคอ กำรอบเอาไว้เบาๆ

“นี่ไม่ใช่ที่ของนาย ไปซะ”

ผมเกร็งตัวสั่น ขยำขากางเกงตัวเองแล้วกัดปากแน่น ก่อนจะตอบไปเสียงเบา“ผมไม่รู้ว่ามายังไง ไม่รู้ว่าจะไปยังไง คุณอารู้หรือเปล่า ว่าผมจะออกไปยังไง”

ผมถามเขาแบบนั้น แล้วเจ้าของเสียงก็เงียบไป เหมือนกับว่ากำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่

เวลาผ่านไปได้ครู่หนึ่ง ปลายนิ้วเย็นเฉียบก็ละออกจากหลังคอของผม ได้ยินเสียงเสื้อผ้าเสียดสีกับอีกครั้งและหยุดไป  ดูเหมือนว่าเขาจะนั่งลงกับพื้นไปแล้ว

ผมยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นครู่ใหญ่ ก็คลำทางลงไปนั่งตรงจุดที่คิดว่าน่าจะเป็นข้างตัวเขา ผมยกเข่าขึ้นกอดเอาไว้ ดวงตาเพ่งมองไปในความมืด แต่ก็ยังมองไม่เห็นแม้แต่เค้าโครงร่างของอีกฝ่าย

ลมหายใจของคนคนนั้นเริ่มสงบลงอีกครั้ง ราวกับกลับเข้าสู่การหลับใหล ส่วนผมพิงหลังกับกำแพง ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อไป

ได้แต่นั่งเงียบๆ อยู่อย่างนั้น

++++++++++++++++++

เวลาผ่านไป ผ่านไป ความอึดอัดก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นทุกที ปกติแล้ว ผมไม่ใช่คนช่างพูด ผมมักจะชอบอยู่นิ่งๆ ฟังคนอื่นพูดกัน อย่างที่เตี่ยเคยบอกว่าผมเงียบและขี้อาย แต่ในความเงียบแบบนี้ ผมอดไม่ได้ที่จะโพล่งออกไป

“คุณอา ชื่ออะไร” ผมถามเสียงเบา “ผมชื่ออู๋ซานหลิง”

พอพูดออกไป ก็ได้ยินเสียงเสื้อผ้าเสียดสีกัน ราวกับอีกฝ่ายชะงักไป

ผมนิ่งเงียบ รอให้คุณอาคนนั้นต่อบทสนทนา.. ผมไม่รู้ว่าควรเรียกเขาว่าคุณอาหรือเปล่า แต่ว่าน้ำเสียงเขาเป็นน้ำเสียงของผู้ชาย อยู่วัยใกล้กับเตี่ยหรืออ่อนกว่านั้น ดังนั้น ก็เลยเรียกไปว่าคุณอา

คุณอาเงียบไปพักใหญ่ เวลาผ่านไปซักพัก ก็ว่าขึ้นเสียงเบา

“นายเป็นคนตระกูลอู๋หรือ?”

ผมฟังคำนั้น เบิกตาเล็กน้อยแล้วพยักหน้าไป แต่นึกได้ว่าเขาคงมองไม่เห็น จึงพึมพำไปเบาๆ “ครับ”

“เป็นลูกใคร”

เขาถามผมต่อ ผมจึงเงยหน้าขึ้นมองในความมืด นึกสงสัยว่าเหตุใดจึงถามออกมาแบบนั้น และถามกลับไป

“คุณอา มีคนรู้จักอยู่ตระกูลอู๋หรือฮะ”

อีกฝ่ายเงียบไป จากนั้น ก็เหมือนจะมีเสียงตอบรับดังกลับมาเบาๆ ตามด้วยคำถามที่เอ่ยซ้ำ “เป็นลูกใคร”

คราวนี้ ผมตอบออกไปตามตรง “เตี่ยผมชื่ออู๋เสีย”

พอพูดออกไป ก็คล้ายได้ยินเสียงบดกราม แต่ก็เพียงแวบเดียวเท่านั้น ก่อนที่เขาจะถามผมต่อ “แม่นาย?”

ผมชะงัก ขยับกอดเข่าแน่นยิ่งกว่าเก่า ก่อนจะเอ่ยตอบไป “ผมไม่รู้” ผมหยุดไปนิดหน่อย ซุกใบหน้ากับเข่าของตน “เตี่ยไม่ยอมบอกผม”

ผมรู้สึกเศร้าไปนิดหน่อย แม้ตัดสินใจว่าจะไม่ถามอะไรเตี่ยเรื่องแม่แล้ว ผมก็ยังไม่รู้สึกไม่ดีเวลาที่มีคนพูดถึงเรื่องนี้ เพราะมันตอกย้ำว่าผมไม่มีแม่ แต่เพราะคนที่ผมคุยด้วยเงียบไป ไม่ได้แสดงความสงสารหรือถามอะไรต่อ ความไม่สบายใจที่ก่อตัวขึ้นมาเลยจางหายไปอย่างรวดเร็ว

ผมไม่พูด คุณอาก็ไม่พูด ระหว่างเรา จึงมีเพียงความเงียบงัน

เวลาเดินผ่านไปเรื่อยๆ ท่ามกลางเสียงหยดน้ำ และแล้วในที่สุด  น้ำเสียงทุ้มต่ำก็ดังขึ้นอีกครั้ง เรียกชื่อผมเบาๆ “อู๋ซานหลิง”

ผมเงยหน้าขึ้น ตอบรับคำเรียกไปเบาๆ “ฮะ?”

“...นายกับอ..” คุณอานิ่งไป ก่อนจะว่าต่อ “นายกับเตี่ย…อยู่กันยังไง”

ผมเบิกตาเล็กน้อยอย่างไม่เข้าใจ ทำไมคุณอาถึงสนใจชีวิตของผมและเตี่ย แต่เพราะตอนนั้นผมยังเด็กมาก จึงนึกไปว่าคนคนนี้อาจเป็นเพื่อนเก่าแก่ของเตี่ย และคงอยากรู้เรื่องราวของเตี่ยว่าอยู่สุขสมัยดีไหมตามประสาคนรู้จักกัน ผมไม่คำนึงเรืองที่ว่าทำไมเขาจึงอยู่ที่นี่ และทำไมผมจึงมาพบเขาที่นี่ และจากนั้น ก็เริ่มเอ่ยออกมา

“ผมกับเตี่ย อยู่ด้วยกันสองคนที่บ้านในหังโจว ตอนนี้เตี่ยสบายดี ว่างๆ ก็ไปเยี่ยมบ้านใหญ่ อยู่ไม่ห่างกัน”

“ทำงานอะไร?”

“เตี่ยทำร้านขายของเก่า บอกว่ารายได้พอจุนเจือ..แต่อาหวังเหมิงบ่นตลอดเลยว่าเงินเดือนน้อย เมื่อไหร่จะขึ้น”   ..แล้วก็โดนเตี่ยค้อนใส่ตลอด บอกว่าทำงานเฝ้าร้านแค่นี้จะเอาเงินอะไรหนักหนา รอให้ทำตัวมีประโยชน์กว่านี้แล้วจะพิจารณา

เรื่องที่จะบ่นน่ะ ผมไม่คิดว่าแปลกหรอก เตี่ยก็ให้เงินเดือนอาหวังเหมิงน้อยจริงๆ (ตามที่อาหวังเหมิงมาโอดครวญใส่บ่อยๆ..) แต่ว่าอาหวังเหมิงชอบมาหาผม ขอให้ผมช่วยอ้อนเตี่ยให้ขึ้นเงินเดือนให้ทุกที ผมเลยบอกอาไปว่าผมช่วยไม่ได้หรอก ก็ถึงอ้อนแค่ไหนก็ไม่น่าจะยอมนี่นา

จำได้ว่า อาหวังเหมิงเคยขอร้องจนผมยอมไปบอกเตี่ย ปรากฏว่าแทนที่จะได้ขึ้นเงินเดือน กลับโดนด่าเสียหลังอาน

จากนั้นอาหวังเหมิงก็เฉาไปนานเลยทีเดียว

ผมนิ่งไปนาน ยิ้มกับความคิดในหัวผม ก่อนที่เสียงของคุณอาจะดังขึ้น

“เล่าต่อ ได้ไหม?”

ผมเงยหน้าขึ้น มองไปในความมืด ไม่รู้ว่าสีหน้าของคุณอาเป็นอย่างไร

“.อยากฟังต่อเหรอฮะ?” ผมถามกลับไป

“อืม” เสียงทุ้มต่ำรับคำในคอ “..เรื่องของนายกับอู๋เสีย ไม่ว่าจะอะไร เล่ามา”

แม้จะรู้ว่าเขาอยากรู้ความเป็นไปของเตี่ย ผมก็อดสงสัยไม่ได้ว่าอยากรู้มากกว่านี้เพราะอะไร แต่ตอนนี้เงียบเหงามาก ถ้าผมไม่พูดอะไร รอบข้างก็จะเงียบจนน่ากลัว สุดท้าย ผมจึงเรื่องเล่าเรื่องของตัวเองกับเตี่ยอย่างเขินๆ

ปกติผมเป็นคนพูดน้อย ทว่าตอนนี้กลับกำลังเล่าอะไรซักอย่างให้อีกคนฟังเสียยืดยาว บางทีคงเพราะความเงียบนี้ และเพราะนี่เป็นเรื่องของผมกับเตี่ย

บางทีแล้วลึกๆ ข้างใน ผมคงอยากอวดเตี่ยให้คนอื่นฟังกระมัง

ผมเริ่มเล่าว่า ผมอยู่กับเตี่ยแค่สองคน ไม่รู้ว่าแม่เป็นใคร เตี่ยหวงผมมาก เคยไม่ยอมให้ไปโรงเรียน แต่ปู่ใหญ่กับปู่รองก็คุยจนผมไปโรงเรียนได้ แม้ว่าเตี่ยจะห่วงจนต้องมารับมาส่งผมทุกวัน เล่าต่อไปว่าผมรู้จักเพื่อนของเตี่ยเยอะมาก อย่างลุงอ้วนที่ชอบหอบของกินมาก๊งเหล้ากับเตี่ยที่บ้าน ลูบหัวผมแรงๆ จนผมยุ่งเหยิง หรืออาฮัวที่มักจะมาพร้อมข่าวสารแปลกๆ ถึงเตี่ย และอาเฮยที่มักจะมาพร้อมๆ กับอาฮัว หรือคุณอาสวยๆ ที่ชอบมาเที่ยวเล่นที่บ้าน แกล้งเตี่ยเล่นอย่างสดใส

คุณอาคนนี้ ปู่ใหญ่เคยแอบคุยว่าอยากให้มาเป็นคุณแม่ใหม่ของผม แต่จนแล้วจนรอด เตี่ยก็ไม่มีทีท่าจะจีบหรือมีปฏิสัมพันธ์อะไรด้วย ปู่ใหญ่ถึงกับเคยบอกให้ผมลองอ้อนเตี่ยว่าอยากได้คุณแม่คนใหม่ แต่ผมไม่ได้ทำตามนั้น เพราะถึงอยากรู้ว่าแม่เป็นใคร หรืออยากมีแม่เหมือนคนอื่น ความจริงแล้ว ผมก็พอใจมากๆ ที่ได้อยู่กับเตี่ยแค่สองคนตอนนี้

ถ้าเตี่ยมีคนรักใหม่ มาเป็นแม่ผม ผมก็คิดว่าดี แต่ถ้าเตี่ยไม่อยากมี ผมก็ไม่ได้อยากมีเหมือนกัน

ผมเล่าต่อไปอีกว่าเตี่ยมีลูกน้องเยอะมาก ความจริงแล้วเป็นคนโหดคนหนึ่ง แต่กับผมแล้ว เตี่ยก็ใจดีด้วยเสมอ เตี่ยแทบไม่เคยดุผม เป็นพ่อที่ตามใจลูกมากๆ แต่ผมเองไม่เคยดื้อหรือซน บางทีเตี่ยไม่ดุผมก็อาจเพราะแบบนั้น

“สบายดีสินะ”

เขาเอ่ยขัดขึ้นในกระแสของเรื่องราว ดังนั้นผมจึงหยุดเล่าและพยักหน้ารับ เปล่งเสียงออกไป “ครับ”

เตี่ยมีความสุขดี พวกเรามีความสุขดี ..ผมคิดแบบนั้น

แต่บางครั้ง เตี่ยก็มักจะทอดสายตาออกไปไกล

มีความเศร้าที่ผมไม่เข้าใจเปล่งประกายอยู่ในนั้น

..บางทีผมคงคิดไปเอง

“..ดีแล้ว”

น้ำเสียงของเขาดังขึ้นราวกับโล่งใจ ปลุกผมจากห้วงคิดของตน ทว่าไม่รู้เหตุใด ในความโล่งใจนั้น ผมกลับสัมผัสได้ถึงความขมขื่นเบาบาง

เพราะว่าไม่เข้าใจมากนัก ผมจึงลืมมันไปและเริ่มเล่าต่อ เรื่องที่เตี่ยติดผม เรื่องกิจวัตรประจำวันของเรา เรื่องที่เตี่ยยอมเลิกสูบบุหรี่เพื่อผม เรื่องที่ผมกลัวปู่รอง เรื่องที่เตี่ยชอบเล่าเรื่องต่างๆ ให้ฟัง เล่าไปเล่ามา โดยไม่รู้ตัว ผมก็แทบจะเล่าเรื่องราวทั้งชีวิตของตนให้เขาฟังไปหมดแล้ว

พอรู้สึกตัวขึ้นมา ผมก็เริ่มรู้สึกเขินที่เล่าเรื่องไร้สาระออกไป และเอ่ยขอโทษคุณอาเบาๆ

“ไม่เป็นไร” เขากล่าวเสียงเบา “เล่าต่อไป”

ผมเงียบไป รู้สึกลังเล ไม่รู้ว่าควรจะเล่าอะไรต่อ แต่ก็เพิ่งนึกได้ว่า มีอีกเรื่องหนึ่งที่เมื่อก่อนนี้ เตี่ยมักจะเล่าถึงคนคนหนึ่งให้ผมฟัง

“ตอนผมยังเด็ก เตี่ยพูดถึงคนคนหนึ่งเสมอ” ผมพูดออกไป กอดเข่าเอาไว้ “เตี่ยเรียกคนคนนั้นว่าพี่ชายน้อย”

ผมพูดไปได้นิดหน่อย ก็คล้ายได้ยินเสียงกำหมัด

ผมหยุดเล่าไป มีความเงียบโปรยลงเลือนราง

“เล่าต่อ”

น้ำเสียงของเขากล่าวย้ำ ผมจึงเริ่มเล่าออกไป พี่ชายน้อย(เสี่ยวเกอ) คนนี้ ผมไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่เตี่ยชอบคุยเรื่องของเขากับลุงอ้วนเสมอ เล่าด้วยแววตาที่คิดถึง โหยหา และเศร้าสร้อย และเพราะเขาคุยกับลุงอ้วนบ่อยมาก สมัยเด็กๆ ผมจึงมักไปถามว่าคนคนนี้เป็นใคร เตี่ยก็มักจะเล่าว่าคนคนนี้เป็นคนสำคัญมากๆ คนคนนี้ ได้หายไปที่ไหนซักแห่ง ทำหน้าที่แทนเตี่ยโดยที่เตี่ยไม่ด้วอนขอ และตอนี้ เตี่ยก็รอเวลาไปรับเขากลับมา

ผมเองไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร แต่คิดว่าเสี่ยวเกอคนนี้ คงสำคัญกับเตี่ยมากจริงๆ

ระหว่างที่เล่า ผมเพิ่งสังเกตได้ว่าเสียงลมหายใจของอีกคนดูแปลกไป มันไม่ได้สงบสม่ำเสมอเช่นที่ผมได้ยินมาตลอด ผมคล้ายได้ยินเสียงกัดฟัน เสียงกำหมัด เสียงลมหายใจสั่น ราวกับกำลังอดกลั้นในบางสิ่งบางอย่าง

“คุณอ….”

“เล่าต่อไป”

ได้ยินแบบนั้น ผมจึงหยุดคำถามที่ติดค้างไว้บนริมฝีปาก และเร่มเล่าต่อไป

ผมถามเรื่องของพี่ชายน้อยกับเตี่ยบ่อยมาก เพราะเวลาที่เตี่ยเล่า ผมคล้ายกับได้เห็นรอยยิ้มที่ตนไม่เคยเห็นมาก่อน เห็นประกายเบาบางที่ผมคาดเดาว่าเป็นความสุข.. ดังนั้นเรื่องเล่าของเขาที่ผมได้ยินจึงมีเยอะมาก เช่นเรื่องที่เตี่ยแอบเรียกเขาในใจว่าเมินโหยวผิงเพราะตอนที่เจอกันครั้งแรก พี่ชายน้อยคนนี้ไม่คุยด้วย เรื่องที่หลังจากนั้น ได้เจอกันในรูปลักษณ์ของศาสตราจารย์จาง เตี่ยบอกว่านึกถึงตอนนั้นก็ยังขำไม่หายเสียที

เตี่ยมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับคนผู้นี้เยอะมาก เรื่องที่เคยไปผจญภัยด้วยกัน เรื่องที่พี่ชายน้อยเคยบอกว่าอยู่ข้างเตี่ย  ผมเล่าออกไปก็เริ่มเบลอว่ามีอะไรที่เล่าบ้าง และมีอะไรที่ยังไม่ได้เล่าบ้าง มีครั้งหนึ่งเตี่ยเคยบอกผม..เขารู้จักคนผู้นี้ไม่ถึงสองปี ทว่ากลับพบปะเรื่องราวด้วยกันมากมาย รู้สึกตัวอีกที ก็กลายเป็นคนที่ยากจะลืมเลือน

“อู๋เสียพูดแบบนั้นหรือ?”

“ครับ”

ผมพยักหน้ารับไปและเริ่มพูดต่อ แต่เมื่อพูดถึงเรื่องของเตี่ยและพี่ชายน้อยมากๆ เข้า ผมก็ยิ่งคิดถึงเตี่ยมากขึ้นเรื่อยๆ  เพิ่งรู้สึกตัวว่าตอนนี้ ผมอยู่ในที่ที่ว่างเปล่า ไม่มีใครนอกจากคุณอาที่ตนมองไม่เห็นหน้า ไม่มีคนรู้จัก ไม่รู้ว่ามาที่นี่ได้ยังไง ไม่รู้ว่าจะกลับออกไปได้อย่างไร และจะต้องติดอยู่เช่นนี้อีกนานเท่าไหร่

พอนึกถึงเรื่องนี้ ก้อนสะอื้นก็แล่นขึ้นมา เสียงที่เล่าไปเรื่อยๆจึงหยุดลง

ผมกอดเข่าแน่น ซุกใบหน้าลงกับเข่า เล่าอะไรต่อไปไม่ได้

คุณอาที่นั่งอยู่ข้างๆเงียบไป ไม่ได้ขอให้ผมเล่าต่อ

แต่ว่าไม่นานนักเขาก็แตะมือลงบนศีรษะผม ลูบเบาๆ

น่าแปลก เพียงแค่ฝ่ามือนั้นแตะลงมา ก็คล้ายความกลัวและความเศร้าจะคลายลง

ฝ่ามือของเขาอบอุ่นและเคยคุ้นอย่างประหลาด ทำให้ผมสบายใจคล้ายกับเวลาที่กอดเตี่ยไว้แน่นๆ

ผมหลับตาลง ปล่อยให้ฝ่ามือของเขาลูบผมอยู่แบบนั้น ความกลัวและความคิดถึงเริ่มคลายลง ถึงอย่างนั้น น้ำตาที่ควรจะหายไปกลับรื้นขึ้นมอีกครั้ง ดังนั้นผมจึงกอดเข่าแน่นขึ้น ซุกห้าลงไป ในขระที่ฝ่ามือองคุณอา ยังคงลูบไปมาเบาๆอย่างอ่อนโยน

เวลาผ่านไปซักพัก ผมก็เริ่มรู้สึกง่วงจนทนไม่ไหว

จากนั้น ก็ดูเหมือนจะหลับไป

++++++++++++++++++++++

พอตื่นขึ้นมา ก็พบกับแสงยามเช้า และเตี่ยที่เขย่าปลุกผมอยู่ข้างๆ

“เสี่ยวหลิงตื่นได้แล้ว เช้าแล้วนะ”

เตี่ยบอกผมเสียงใส เหมือนจะหัวเราะที่ผมตื่นสาย ผมกะพริบตางุนงง มองไปรอบด้าน สิ่งที่เห็น คือห้องสี่เหลี่ยสีครีม กับตู้เสื้อผ้า โต๊ะทำงาน กระจก และเตียงที่ผมนอนอยู่

ที่นี่คือห้องนอนของเตี่ยกับผม

ไม่ได้อยู่ในที่มืดๆ อันนั้นอีกแล้ว

ผมนิ่งไปอยู่ครู่ใหญ่ เร่มปะติดปะต่อหลายสิ่งหลายอย่าง เตี่ยเห็นว่าผมนิ่งไปนาน จึงเอ่ยทักขึ้น “เสี่ยวหลิง เป็นอะไร?”

เตี่ยว่าพลางลูบศีรษะผม อังฝ่ามือกับใบหน้า ผลบหลับตาให้เตี่ยแตะแก้มตัวเอง ก่อนจะส่ายหน้าไปมาเชิงว่าไม่มีอะไร “เตี่ย กอดหน่อย”

ผมบอกพลางยกแขนขึ้น เตี่ยเลิกคิ้วแล้วหัวเราะ บอกว่าจู่ๆ ทำไมจะอ้อน แต่เตี่ยก็อุ้มผมขึ้น กอดเอาไว้แล้วโยกตัวเบาๆ ปลอบขวัญผมอยู่ดี “เป็นอะไรหืมเสี่ยวหลิง ฝันร้ายหรือ?”

ผมผงกหัว กอดเตี่ยแล้วซุกหน้ากับไหล่ แต่ว่าเป็นฝันร้ายหรือเปล่า ผมไม่แน่ใจ ถึงจะกลัวมากๆ ก็ชอบคุณอาที่ได้ยินแค่เสียงแต่มองไม่เห็นคนนั้นมากๆเหมือนกัน

“ไหนเสี่ยวหลิงฝันถึงอะไร เล่าให้เตี่ยฟังได้ไหม”

ผมเงยมองหน้าเตี่ย ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็เล่าออกไป เล่าถึงที่ที่มืดมิด ไม่มีอะไร เล่าถึงกำแพงเรียบเย็นที่เหมือนจะมีลวดลาย เล่าถึงคุณอาที่ผมเจอ เล่าว่าผมเรื่องไปมากมายแค่ไหน

พอฟังแบบนั้น เตี่ยก็เหมือนจะนิ่งไป

“เสี่ยวหลิง..ฝันแบบนั้นจริงๆหรือลูก?”

ผมพยักหน้าให้เตี่ย

เตี่ยเหมือนจะนิ่งคิดไปอีกพักหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามผมเสียงเบา “คุณอาคนนั้น..เขาได้บอกชื่อหรือเปล่า?”

ผมส่ายหัวไปมา

เตี่ยสูดลมหายใจลึก คล้ายกับอดกลั้นอะไรบางอย่าง ไม่รู้ทำไม ทำให้ผมนึกถึงคุณอาในความฝัน

“เตี่ย...” ผมเรียกเขาไว้เบาๆ รู้สึกเป็นกังวล

“ไม่มีอะไร เสี่ยวหลิง” เขาบอกแล้วส่ายหัวไปมา กอดผมไว้แน่น ลูบศีรษะเบาๆ จากนั้น ก็พึมพำขึ้น “ถ้าฝันอีก...เสี่ยวหลิงมาเล่าให้เตี่ยฟังอีกได้ไหม?”

ผมไม่รู้ว่าทำไมเตี่ยถึงอยากรู้เรื่องความฝันอันนั้นของผม แต่ก็พยักหน้ารับคำไป ไม่รู้ว่าจะได้ฝันถึงอีกหรือเปล่า เพราะเรื่องที่ทำไมถึงฝันถึง ผมเองก็ยังไม่เข้าใจ

แต่ถ้าหากว่าได้ฝันถึงอีกครั้ง ก็จะเอาเรื่องใหม่ๆ ของเตี่ยไปเล่าให้เขาฟัง เอาเรื่องที่คุยกับเขามาเล่าให้เตี่ยฟัง

และครั้งหน้า จะไม่ลืมถาม

ว่าคุณอาที่มืออุ่นมากๆ คนนั้นชื่ออะไร

TBC.
sinnerdarker
sinnerdarker
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ

จำนวนข้อความ : 343
Points : 4015
Join date : 27/10/2014
ที่อยู่ : บ้านสกุลหวัง

ขึ้นไปข้างบน Go down

[Fic] บันทึกของเสี่ยวหลิง  | บทคั่น : Black Space - I  *สปอยเล่มสิบ* *ออริคาแรกเตอร์* Empty Re: [Fic] บันทึกของเสี่ยวหลิง | บทคั่น : Black Space - I *สปอยเล่มสิบ* *ออริคาแรกเตอร์*

ตั้งหัวข้อ by The_Dark_Lady Mon 20 Jul 2015, 00:12

บันทึกที่ดีย์...
อิหนูเอ๊ยยยย หนูเจอเตี่ยอีกคนแบบไม่รู้ตัวเลย
นี่เขาไปเจอกันในฝัน แงง สำริด(?)ลิขิตบันดาลชักพาสินะ
นึกภาพหนูเสี่ยวหลิงนั่งเล่าเรื่องตัวเองกับเตี่ยจ๋อยๆในห้คนหน้านิ่งฟังมาช่างกร๊าวเหลือเกิน
เสี่ยวเกอตอนได้ฟังแรกๆจะทำหน้ายังไงน้าาาาา เสียดายว่ามันมืด มองไม่เห็น ฟฟฟฟ
กระตุ้นให้เล่าต่อเรื่อยๆอีก แงงงง เสี่ยวเก๊อออออออออออออ
พอเป็นเรื่องตัวเองที่ถูกอู๋เสียพูดถึงนี่ดูจะกระตือรือร้นแปลกๆอยู่นะ แหม ไม่ค่อยเท่าไรเล้ยยยย
...ส่วนหนูเสี่ยวหลิงก็ขายอาเตี่ยซะแทบไม่เหลือ ฮรุ่มมมม
มีปลอบด้วย แงงงง เป็นพวกปากหนักแต่ใจดีสินะ เตี่ยจาง
เอ๊ะ!ว่าแต่เขารู้ตัวไหมว่าเป็นพ่อลูกกันน่ะ
...แล้วหนูเสี่ยวหลิงกลับมาเสี่ยวเกอจะเป็นยังไงหนอ
ทุรนทุรายรออยู่หลังประตู ภาวนาเร่งวันเร่งคืนให้ครบสิบปีเร็วๆไหม ยังไง ฟฟฟฟ
The_Dark_Lady
The_Dark_Lady
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ

จำนวนข้อความ : 301
Points : 3595
Join date : 21/06/2015
Age : 28
ที่อยู่ : On the Land, Below the sky

ขึ้นไปข้างบน Go down

[Fic] บันทึกของเสี่ยวหลิง  | บทคั่น : Black Space - I  *สปอยเล่มสิบ* *ออริคาแรกเตอร์* Empty Re: [Fic] บันทึกของเสี่ยวหลิง | บทคั่น : Black Space - I *สปอยเล่มสิบ* *ออริคาแรกเตอร์*

ตั้งหัวข้อ by HaiSaka Mon 20 Jul 2015, 00:54

เสี่ยวเกอออออออออ ฉันคิดถึงนายจริงๆเลยนะ
อย่ากังวลไปเลยว่านายน้อยจะมีแม่ให้เสี่ยวหลิง เขายังรอคอยนายอยู่เสมอ
ชอบบทนี้มากกกกก เสี่ยวหลิงฝันเข้าประตูสำริดบ่อยๆนะลูก
HaiSaka
HaiSaka
ด้วงฝึกหัด
ด้วงฝึกหัด

จำนวนข้อความ : 20
Points : 3280
Join date : 17/04/2015

ขึ้นไปข้างบน Go down

[Fic] บันทึกของเสี่ยวหลิง  | บทคั่น : Black Space - I  *สปอยเล่มสิบ* *ออริคาแรกเตอร์* Empty Re: [Fic] บันทึกของเสี่ยวหลิง | บทคั่น : Black Space - I *สปอยเล่มสิบ* *ออริคาแรกเตอร์*

ตั้งหัวข้อ by Eli-kun Mon 20 Jul 2015, 01:28

คุณองคุณอาอะไร นั่นน่ะคุณพ่อตัวจริงของหนูนะเสี่ยวหลิง แค่ก แค่ก นายน้อยต้องมองแรงมาก 555555
เสี่ยวเกอมีการหึงด้วย นึกว่าอู๋เสียแต่งงานมีลูกกับสาวไหนไปเรียบร้อยแล้วดิ
ชอบบทนี้จัง เสี่ยวหลิงฝันถึงเตี่ยจางบ่อยๆนะลูก
อย่างน้อยนายน้อยกับเสี่ยวเกอก็เหมือนได้ติดต่อกันผ่านทางเสี่ยวหลิงเนอะ ได้รับรู้ความเป็นไปของอีกฝ่าย คงจะช่วยให้คลายเหงาไปได้บ้าง ซึ้งงงง
รออีกหน่อยนะ เดี๋ยวก็ได้กลับมาอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาพ่อแม่ลูกแล้ว
Eli-kun
Eli-kun
ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา

จำนวนข้อความ : 80
Points : 3397
Join date : 04/03/2015

ขึ้นไปข้างบน Go down

[Fic] บันทึกของเสี่ยวหลิง  | บทคั่น : Black Space - I  *สปอยเล่มสิบ* *ออริคาแรกเตอร์* Empty Re: [Fic] บันทึกของเสี่ยวหลิง | บทคั่น : Black Space - I *สปอยเล่มสิบ* *ออริคาแรกเตอร์*

ตั้งหัวข้อ by Yuwadee Wana Mon 20 Jul 2015, 03:13

แงงงงงงง ซึ้งอ่ะ
คิดถึงเสี่ยวเกอมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
เมื่อไรจะได้กลับมาเจอหน้าลูกเมีย

ตอนที่ถามถึง แม่เสี่ยวหลิง เสี่ยวเกอคงแอบเสียใจสินะ คงคิด "อู๋เสีย นายมีลูกแล้ว? กับใคร? แล้วฉันล่ะ? แงงงงง

แต่พอลูกพูดถึง "พี่ชายน้อย" เสี่ยวเกอถึงได้สงบลงสินะ "เขายังคิดถึงฉัน" คำนี้คงวนเวียนอยู่ในหัวเสี่ยวเกอ วนไปวนมา ฮรือออออออ

เมื่อไรจะกลับมาเจอกัน ว่าแล้วก็ไปอ่านฉากแต่งงานอีกรอบย้อมใจก่อนนอนดีกว่า
Yuwadee Wana
Yuwadee Wana
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ

จำนวนข้อความ : 352
Points : 3789
Join date : 27/10/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

[Fic] บันทึกของเสี่ยวหลิง  | บทคั่น : Black Space - I  *สปอยเล่มสิบ* *ออริคาแรกเตอร์* Empty Re: [Fic] บันทึกของเสี่ยวหลิง | บทคั่น : Black Space - I *สปอยเล่มสิบ* *ออริคาแรกเตอร์*

ตั้งหัวข้อ by yakusoku Mon 20 Jul 2015, 03:58

เขาไม่ใช่อา แต่เขาเป็นพ่อของหนูต่างหากลูก
yakusoku
yakusoku
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ

จำนวนข้อความ : 369
Points : 3791
Join date : 05/11/2014
ที่อยู่ : โลงในสุสานโบราณ

ขึ้นไปข้างบน Go down

[Fic] บันทึกของเสี่ยวหลิง  | บทคั่น : Black Space - I  *สปอยเล่มสิบ* *ออริคาแรกเตอร์* Empty Re: [Fic] บันทึกของเสี่ยวหลิง | บทคั่น : Black Space - I *สปอยเล่มสิบ* *ออริคาแรกเตอร์*

ตั้งหัวข้อ by schneewittchen Mon 20 Jul 2015, 09:31

โอยๆ พ่อลูกคู่นี้ ในที่สุดก็ได้เจอกันแล้วนะ ถึงจะแค่ในความฝันก็เถอะ
รออีกไม่กี่ปีเองเสี่ยวหลิง เดี๋ยวก็ได้เจอเตี่ยแล้ว!
schneewittchen
schneewittchen
ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา

จำนวนข้อความ : 110
Points : 3396
Join date : 18/04/2015
Age : 27
ที่อยู่ : รังตะขาบของคิงว่านหนู

http://my.dek-d.com/sayurahime/

ขึ้นไปข้างบน Go down

[Fic] บันทึกของเสี่ยวหลิง  | บทคั่น : Black Space - I  *สปอยเล่มสิบ* *ออริคาแรกเตอร์* Empty Re: [Fic] บันทึกของเสี่ยวหลิง | บทคั่น : Black Space - I *สปอยเล่มสิบ* *ออริคาแรกเตอร์*

ตั้งหัวข้อ by Rozenkreuz Mon 20 Jul 2015, 14:33

เคี๊ยกกกกกก กัดฟันถามเลยนะว่าใครเป็นแม่
เสี่ยวหลิงเอ้ย นั่นแหละเตี่ยที่แท้จริง แหม่ๆ ไม่ต้องตามหาแม่หรอกน่า เอาเตี่ยไปอีกคนก็พอละ ถถถถถ
เสี่ยวหลิงนั่ลลั้กกกกก
Rozenkreuz
Rozenkreuz
ด้วงอาณาจักรเจ้าแม่ซีหวังหมู่
ด้วงอาณาจักรเจ้าแม่ซีหวังหมู่

จำนวนข้อความ : 625
Points : 3809
Join date : 01/07/2015
Age : 31
ที่อยู่ : กองทัพผีเก็บเห็ดแห่งประตูสำริด

ขึ้นไปข้างบน Go down

[Fic] บันทึกของเสี่ยวหลิง  | บทคั่น : Black Space - I  *สปอยเล่มสิบ* *ออริคาแรกเตอร์* Empty Re: [Fic] บันทึกของเสี่ยวหลิง | บทคั่น : Black Space - I *สปอยเล่มสิบ* *ออริคาแรกเตอร์*

ตั้งหัวข้อ by Luckey.B Thu 23 Jul 2015, 21:24

เปลี่ยนคำเรียกให้ไวเลยหลิงน้อย คราวหน้าเรียกเตี่ยไปเลยนะ
ถถถ ตาหนูน่ารักจริงๆ ไปเจอพ่ออีกคนโดยไม่รู้ตัว คริๆ
เด่วก็ได้เจอแล้วแหละหลิงน้อย
Luckey.B
Luckey.B
ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา

จำนวนข้อความ : 102
Points : 3267
Join date : 20/07/2015
ที่อยู่ : ใต้ถุนบ้านสกุลจาง ใต้ดินบ้านอาสาม

ขึ้นไปข้างบน Go down

[Fic] บันทึกของเสี่ยวหลิง  | บทคั่น : Black Space - I  *สปอยเล่มสิบ* *ออริคาแรกเตอร์* Empty Re: [Fic] บันทึกของเสี่ยวหลิง | บทคั่น : Black Space - I *สปอยเล่มสิบ* *ออริคาแรกเตอร์*

ตั้งหัวข้อ by Nlm1122 Sun 23 Aug 2015, 19:56

ไปเจอพ่-- แค่กๆ เสี่ยวเกอมาสิน้า~ >_<
Nlm1122
Nlm1122
ด้วง
ด้วง

จำนวนข้อความ : 33
Points : 3180
Join date : 07/08/2015

ขึ้นไปข้างบน Go down

ขึ้นไปข้างบน

- Similar topics
» [Fic] บันทึกของเสี่ยวหลิง  | บทคั่น : Black Space - II  *สปอยเล่มสิบ* *ออริคาแรกเตอร์*
» [Fic] บันทึกของเสี่ยวหลิง (13) *สปอยเล่มสิบ* *ออริคาแรกเตอร์*
» [Fic] บันทึกของเสี่ยวหลิง (14) *สปอยเล่มสิบ* *ออริคาแรกเตอร์*
» [Fic] บันทึกของเสี่ยวหลิง (4) *สปอยเล่มสิบ* *ออริคาแรกเตอร์*
»  [Fic] บันทึกของเสี่ยวหลิง (15) *สปอยเล่มสิบ* *ออริคาแรกเตอร์*

 
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ