Countdown
We've been
togerther for

ค้นหา
 
 

Display results as :
 


Rechercher Advanced Search


[OS] #dmbjdaily 41 days left (七夕節) Tanabata (ผิงเสีย)

5 posters

Go down

[OS] #dmbjdaily 41 days left (七夕節) Tanabata (ผิงเสีย)  Empty [OS] #dmbjdaily 41 days left (七夕節) Tanabata (ผิงเสีย)

ตั้งหัวข้อ by The_Dark_Lady Tue 07 Jul 2015, 19:20



#dmbjdaily 41 days left : 七夕節
มีบางส่วนเกี่ยวเนื่องกับ [Drabble]#dmbjdaily 44 days left (Yukata) Midsummer Night





- 1 year before -


"ถ้าเป็นช่วงเวลานี้ ที่ญี่ปุ่นจะมีเทศกาลที่เรียกว่า 'ทานาบาตะ' ล่ะค่ะ..."

หญิงสาวคู่ค้าเอ่ยขึ้นบนโต๊ะน้ำชาหลังการเจรจาซื้อขายเสร็จสิ้น

"ถ้าจะให้แปลก็คงจะเรียกว่า 'เทศกาลแห่งดวงดาว' คนญี่ปุ่นเราเชื่อกันว่าคืนวันที่ 7 เดือน 7 ของปฏิทินจันทรคติ คู่รักแห่งดวงดาว เจ้าหญิงทอผ้าโอริฮิเมะกับหนุ่มเลี้ยงวัวฮิโกโบชิ ผู้ถูกสาปให้ต้องพลัดพรากจากกัน จะได้กับมาพบกันที่ทางช้างเผือก"

"ตรงกับชีซีเลยนะครับ ตำนานที่เล่ามาก็คล้ายกับตำนานเจ็ดนางฟ้าของทางนี้เลย..."

"ที่จริงแล้วคือเจ็ดนางฟ้าเป็นต้นแบบของทานาบาตะค่ะ..."

อู๋เสียพยักหน้ารับ นึกชื่นชมอีกฝ่ายในใจ สมกับที่เป็นผู้ศึกษาความเชื่อมโยงอารยธรรมสองประเทศ

"ทางเราเชื่อว่าถ้าหากเขียนคำอธิษฐานใส่ในกระดาษสีแล้วนำไปแขวนไว้ทีากิ่งไผ่จะทำให้คำอธิษฐานเป็นจริง..."

"เรียบง่ายดีนะครับ สำหรับทางนี้แล้วเมื่อถึงเทศกาลพ่อแม่ที่มีลูกอายุสิบสี่ สิบห้าต้องเตรียมขนมไหว้เจ้า ขอบคุณที่ลูกรอดปลอดภัยจนเข้าวัยรุ่น คนที่แต่งงานก็ต้องเตรียมขนมมาไหว้เพื่อขอลูก..."

"เห็นง่ายๆก็มีเรื่องยุ่งยากเหมือนกันค่ะ อย่างกระดาษที่ใช้เขียนขอพร แต่ละสี จะเฉพาะเจาะจงสำหรับพรแต่ละด้าน..." หญิงสาวพักยกชาขึ้นจิบก่อนจะเล่าต่อ "ถ้าเป็นกระดาษสีเขียว สื่อความหมายถึงความก้าวหน้าในการเรียนการงาน สีเหลืองคือโชคลาภเงินทอง สีแดงคือความสำเร็จ สีชมพูคือความรัก และสีฟ้าคือความสุข...มีหนนึงฉันใช้กระดาษสีแดงขอพรเรืองอื่นโดนที่บ้านดุแทบตาย..."

พวกพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้กันพักใหญ่ก่อนหญิงสาวผู้นั้นจะขอตัวกลับ ตัวเขานั่งอยู่ในร้านซักพัก เมื่อถึงเวลาก็เก็บร้าน เดินทางกลับบ้าน


เขาเถลไถลแวะไปร้านอารอง กลับไปบ้านใหญ่ ไปหาพ่อแม่ พอมาถึงบ้านตัวเองฟ้าก็มืดจนเห็นดาวแล้ว

หูพลันได้ยินเสียงกอไผ่ในสวนหลังบ้านเสียดสีกัน

เขาอดไม่ได้ที่จะเปิดประตูเข้าบ้าน คุยหากระดาษสีที่เรี่ยๆอยู่ตามโต๊ะทำงาน มาเขียนคำอธิษฐานแล้วนำไปแขวนไว้ที่กิ่งไผ่หลังบ้าน

สีฟ้า...ขอให้ทุกคนมีความสุข

สีเขียว...ขอให้กิจการค้าขายรุ่งเรือง

สีเหลือง...ขอให้เงินไหลมาเทมา ค้าขายสะดวก บัญชีเลิกติดตัวแดง

สีแดง...ขอให้ประสบความสำเร็จในสิ่งที้ตั้งใจจะทำ

สีชมพู...ขอให้เมินโหยวผิงปลอดภัย ขอให้ได้พบกันอีกครั้ง


อู๋เสียยืนกอดอกมองกระดาษคำอธิษฐานสะบัดไปมาตามแรงลม จากบนระเบียงห้องนอนที่อยู่ชั้นสองของบ้าน

...แวบหนึ่ง เขาหวังว่าเมินโหยวผิงจะได้รับโอกาสให้ออกมาเยี่ยมเยือนโลกภายนอกหนึ่งวัน เหมือนกับหนุ่มเลี้ยงวัวที่ได้รับอนุญาติให้มาพบสาวทอผ้า...

เขาสะบัดศีรษะไล่ความคิดไร้สาระอันนั้น ก่อนจะดับไฟแล้วคลานขึ้นเตียง

...ในคืนนั้นเองเขาฝัน ฝันว่าตัวเองไปที่ฉางไป๋ซาน เห็นเมินโหยวผิงยืนรอรับอยู่ที่เนินหิมะ ที่ที่เขาเคยได้อีกฝ่ายช่วยเอาไว้

เขาฝันว่าเขากอดกับอีกฝ่าย...แน่น...เนิ่นนานสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นและความมีชีวิต...

พวกเขาไม่ได้พูดคุยอะไรแค่ซึมซับบรรยากาศที่มีกันและกันไว้

ฉากสุดท้ายของความฝัน เมินโหยวผิงตรึงต้นคอเขาไว้ จรดฝีปากจุมพิตก่อนจะเลือนหายไปราวกับหมอกควัน

...เขาสะดุ้งตื่นขึ้นมาตอนนั้น ละเมอเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยสุ้มเสียงที่ราวกับกรีดร้อง

รู้สึกอุ่นๆที่หางตา แตะดูจึงรู้ว่าตัวเองกำลังร้องไห้อยู่....

น่าแปลกที่ยังรู้สึกถึงไออุ่นในความฝันอยู่บนร่างกายตัวเอง...

อู๋เสียเหม่อมองนอกระเบียง กระดาษคำอธิษฐานยังคงแขวนอยู่กับต้นไผ่ ปลิวไหวน้อยๆตามสายลมยามเช้า

...รอก่อนนะเมินโหยวผิง อีกหนึ่งปี...เหลืออีกแค่หนึ่งปี...แล้วฉันจะไปรับนายที่หน้าประตูนั่น...









- Before we meet -


"อู๋เสีย...เสี่ยอ้วนมาแล้ว...อุ่ย..."

นายอ้วนเดินพรวดพราดเข้ามาในบ้านของเขาพร้อมกับส่งเสียงดังลั่น เมื่อยื่นหน้าเข้าในห้องรับแขกก็สะดุ้งสุดตัว

...เขาลืมบอกอีกฝ่ายไปว่าวันนี้เขานัดลูกค้ามาคุยที่บ้าน... อู๋เสียยกมือตบหน้าผากเมื่อเห็นสายตากรุ้มกริ่มของนายอ้วน เตรียมรับมือกับการถูกแซว

"ฮั่นแน่...เดี๋ยวนี้แอบร้ายนะมีสาวมาหาถึงบ้าน เดี๋ยวฉันจะฟ้องน้องเสี่ยวเกอ..."

"ลูกค้าต่างหากละโว้ย..."

เขาเอ่ยแก้ แต่นายอ้วนกลับทำหูทวนลมแล้วหันไปแนะนำตัวเองกับแขกของเขา หญิงสาวหัวเราะคิกคักกับท่าทีของพวกเขา ก่อนจะเอ่ยแก้ความเข้าใจให้นายอ้วน เมื่อเห็นเขาทำหน้าตาประหลาด

"ฉันเป็นลูกค้าเถ้าแก่อู๋ค่ะ มาจากญี่ปุ่น มารับของก็เลยแวะเยี่ยมบ้าน แล้วก็เอาของฝากมาให้ เลยนั่งพักจิบชาด้วยกันที่ห้องรับแขก ไม่คิดว่าจะทำให้ใครเข้าใจผิด"

"ไม่เป็นไรครับ...แล้วของฝากนี่..."

นายอ้วนชะเง้อมองกล่องกระดาษสองสามใบที่วางซ้อนอยู่บนโต๊ะรับแขก

"ขนมน่ะค่ะ...แล้วก็โอริกามิ...กระดาษสีสำหรับวันทานาบาตะน่ะค่ะ...ปีที่แล้วเถ้าแก่อู๋เปรยๆว่าอยากได้ ปีนี้เลยซื้อมาฝาก..."

นายอ้วนเอากำปั้นทุบมือแล้วร้องอ๋อ ก่อนจะปรายสายตาที่มีประกายล้อเลียนวิบวับมาทางเขา

...เขาได้แต่โอดครวญในใจว่าคุณผู้หญิงไม่น่าทำกับเขาได้...

หญิงสาวคุยเล่นกับนายอ้วนพักใหญ่ก่อนที่จะขอตัวกลับโรงแรมที่พัก ทันทีที่ท้ายรถของอีกฝ่ายลับไป นายอ้วนก็หันมาหาเขาทันที

"เทียนเจินนะ เทียนเจิน...รู้จักลูกค้าสาวสวยอัธยาศัยดี จะแนะนำให้นายอ้วนรู้จักนี่ไม่มี งุบงิบคุยคนเดียวตลอด..."

"ชะ นายไม่เคยขึ้นมาทันตอนเธอมาซักที แล้วจะเอาเวลาตอนไหนไปแนะนำให้รู้จักกันล่ะวะ"

เขาแหวใส่บ้าง "แล้วนี่ที่มานี่มีเรืองอะไร..."

"เสี่ยอ้วนจะถามเรื่องขึ้นฉางไป๋ซาน..." พอเดินเข้ามถึงห้องรับแขกอีกฝ่ายก็ชะงักไป "...แต่ดุเหมือนว่าเทียนเจินจะเตรียมพร้อมไว้บ้างแล้ว"

เขามองตามสายตาอีกฝ่ายไป ตรงนั้น คือมุมที่เขาวางอุปกรณ์ที่จำเป็นที่เขาจัดเตรียมไว้ให้คณะในการเดินทางในครั้งนี้

"...สัปดาห์หน้า...นายมาก็ดี...จะได้ช่วยกัน..."

เขาเปรยก่อนจะเดินไปที่โต๊ะชุดรับแขก เตรียมเก็บกล่องของฝากขึ้นชั้นบน แต่นายอ้วนตะปปไหล่ของเขาเอาไว้ มือหนึ่งดึงกล่องที่เล็กที่สุดไป

“เฮ้ย!!!”

ของร้องเสียงหลง พยายามจะคว้าคืน แต่ก็ไม่ทัน นายอ้วนเปิดฝากล่องออกดูแล้ว

ข้างในนั้นเต็มไปด้วยกระดาษญี่ปุ่นสีต่างๆ ถูกตัดเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ามีเชือกร้อยอยู่ด้านบน

“ไม่คิดว่าเทียนเจินจะฉลองงานเทศกาลทานาบาตะกับเขาด้วยแต่จะว่าไป...ก็เหมาะกับเทียนเจินดีนั่นละนะ…”

“พูดนี่รู้ด้วยเรอะว่าทานาบาตะมันคืออะไร…”

“ก็รู้น่ะสิ…” นายอ้วนกล่าวสวนก่อนจะปิดกล่องกระดาษลง “วันหนึ่งในรอบปี คู่รักที่พลัดพรากกลับมาพานพบ สองฟากฝั่งทางช้างเผือกมาบรรจบ เคารพสักการะขอพร…” นายอ้วนหรี่ตาใส่เขา “มิน่าล่ะ...ปีก่อนที่มาเยี่ยม เห็นเศษกระดาษติดอยู่ที่กอไผ่ในสวนหลังบ้าน แอบเขียนขอพรอะไรไว้ล่ะสิ...เขียนว่าอะไรล่ะ…”

“ใครเขาจะบอกกันฟะ...บอกไปเดี๋ยวก็ไม่เป็นจริงพอดี…”

“โอ๊ย...เชื่อแม้กระทั่งเรื่องแบบนี้ ฮ่าๆๆ เทียนเจินนี่...จะยังไงก็ยังเทียนเจินอยู่ดีนั่นล่ะ…” อีกฝ่ายหัวเราะร่าขณะตบบ่าเขาดังปั่กๆ “ต่อให้ไม่บอกนายอ้วนก็พอจะเดาได้อยู่หรอก...ไป...เอาของขึ้นไปเก็บ...ส่วนกระดาษพวกนั้นเอาไว้นี่แหละ...แล้วรีบๆลงมาจะได้ไปซื้อข้าวของมาทำกินกัน…”

เขาพยักหน้า รีบเดินขึ้นบ้านอย่างรวดเร็ว ...นายอ้วนจะลงมือทำอาหารทั้งที…เขาคิดถึงซุปปลาฝีมืออีกฝ่ายจะแย่...วันนี้จัดว่าได้ลาภปาก...เขาไม่มัวมาโอ้เอ้อยู่หรอก




...แต่ถึงอย่างนั้นพอเขาลงมาก็พบว่ามีกิ่งไผ่ขนาดย่อมๆตั้งอยู่กลางห้องรับแขก

“เอามาตั้งไว้ทำไมเนี่ย…”

“ก็ทานาบาตะไง…” นายอ้วนตอบด้วยสีหน้าระรื่นก่อนจะลากเขาออกไปซื้อของ ไม่เปิดช่องว่างให้คัดค้านซักคำ



คืนนั้น หลังจากที่กินข้าวเย็นกันจนเสร็จ นายอ้วนก็ชวนเขาดื่มต่อ ตามมาด้วยการเขียนคำอธิษฐานลงกระดาษแล้วเอาไปผูกที่กิ่งไผ่ ตัวเขาเขียนคำอธิษฐานแบบเดิมกับที่เคยเขียนเมื่อปีที่แล้ว นาอ้วนที่ชะเง้อมองก็กระแอมใส่

“แผ่นสีชมพูน่ะ...ทำไมไม่เขียนละว่า ‘ถ้ากลับมาแล้วขอให้ได้แต่งงานกัน’ น่ะ…”

“แต่งพ่อง…”

อีกฝ่ายหัวเราะกับท่าทางของเขาแล้วเอาคำอธิษฐานของตัวเองขึ้นผูกบ้าง ในที่สุด...กิ่งไผ่กลางห้องรับแขกก็มีกระดาษขอพรสีต่างๆติดอยู่เต็ม…

“นายจะเขียนขอเยอะไปไหนวะ…”

“นายอ้วนเขียนเยอะเพราะขอเผื่อนายน้อยกับเสี่ยวเกอด้วยไง…”

“ขอให้เสี่ยวเกอก็พอรับได้นะ...แต่ขอเผื่อฉันนี่มันอะไรกันวะ...นายอ้วน”

“เทียนเจินมักน้อยเกินไป...คำพรที่นายเขียนขอ นายอ้วนกลัวจะไม่พอเลยขอเพิ่มให้…”

เขาอยากจะสบถด่าอีกฝ่ายให้ลั่น แต่สุดท้ายเพราะเล็งเห็นถึงความปรารถนาดีที่อีกฝ่ายมีให้ ก็เลยทำแค่เพียงแค่นหัวเราะ

เขานั่งดื่มต่ออีกพักใหญ่ ก็เริ่มรู้สึกเหนื่อยและอยากพักผ่อน ออกปากถามนายอ้วนว่าจะค้างที่นี่ไหม อีกฝ่ายพยักหน้า เขาจึงบอกว่า ให้ขึ้นไปนอนที่ห้องเขาก็แล้วกัน แต่นายอ้วนส่ายหน้าดิก

“เทียนเจินง่วงก็ไปนอน เดี๋ยวนายอ้วนจะดื่มต่อคนเดียว แล้วเดี๋ยวจะนอนที่โซฟานี่แหละ เอาผ้าห่มลงมาให้หน่อยก็พอ”

เขาแย้งอีกฝ่ายไป เพราะมองออกว่าตัวใหญ่อย่างนายอ้วนนอนโซฟาไม่น่าจะสบายนัก แต่คำตอบที่ได้รับกลับมาทำเอาอยากจะไล่อีกฝ่ายไปนอนที่อื่น

“เสี่ยอ้วนเกรงใจ วันนี้วันทานาบาตะ หนุ่มเลี้ยงวัวสาวทอผ้ายังได้กลับมาพบกัน ถ้าเผื่อน้องเสี่ยวเกอกลับมาหาเทียนเจินจะได้เข้าหาได้สะดวกๆ ไม่มีก้างขวางคอ…”

“เชี่ย….”

เขาได้แต่สบถด่าอีกฝ่ายขรม มีอย่างที่ไหนมาพูดเล่นเป็นลางแบบนี้



แล้วยามใกล้รุ่งสาง เขาก็สะดุ้งตื่นพร้อมเสียงกรีดร้องของตัวเองอีกครั้ง...เหมือนที่เคยเป็นเมื่อปีก่อน…

แต่คราวนี้ต่างออกไปเล็กน้อย

ในฝัน อีกฝ่ายทิ้งท้ายไว้ว่า “...ฉันจะรอนายอยู่ที่นั่น” ก่อนที่จะเลือนหายไป

.
.
รอก่อนนะ ฉันกำลังจะไปรับนายแล้ว












- 1 year after -


วันที่ 7 เดือน 7 กลับมาบรรจบอีกครั้ง

...แต่คราวนี้ เมินโหยวผิงกลับมาแล้ว…

สาวคู่ค้าคนนั้นแวะเวียนมาที่บ้านอีกครั้งในช่วงบ่าย หลังจากไปที่ร้านแล้วทราบว่าเขาปิดร้านเพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลวันนี้

ตอนที่หญิงสาวมากดกริ่งหน้าบ้าน เขาหวั่นใจแทบตายว่าเมินโหยวผิงจะเป็นอะไรไปอีกไหม แต่ไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะต้อนรับขับสู้หญิงสาวเป็นอย่างดี ลงไปเปิดประตูให้ พาเข้ามานั่งในห้องรับแขก ชงชามาเสิร์ฟ ในระหว่างที่เขาพยายามจัดการกับสังขารอันอ่อนเพลียของตัวเอง

...พอลงมาก็เห็นหญิงสาวนั่งอมยิ้ม ส่วนเมินโหยวผิงนั้นก็ทำหน้าตายดังเดิม…

“ของฝากวันก่อนถูกใจไหมคะ…”

หญิงสาวเอ่ยทักขึ้น หันมามองเขาด้วยสีหน้ายิ้มๆ เขารู้สึกว่าใบหน้าตัวเองร้อนผ่าว

“ก็ดีครับ…ธูปกลิ่นหอมดีทีเดียว” เขาตอบกลับ

“อย่างอื่นล่ะคะ…” หญิงสาวซักต่อ นัยน์ตาพราวระยับ

เขาอายจนตอบไม่ถูก ได้แต่อึกอัก หญิงสาวเห็นดังนั้นก็หัวเราะร่า “ไม่แกล้งแล้วค่ะ ไม่แกล้งแล้ว…”

เขายกมือปิดหน้าเหลือบมองไปทางจางฉี่หลิง...เห็นอีกฝ่ายยิ้มมุมปาก…

“วันนี้วันทานาบาตะของญี่ปุ่น เป็นเทศกาลความรักของจีน…” หญิงสาวเงียบไปก่อนจะเปรยขึ้นมา “...ถ้าได้อยู่กับคนที่รัก เขียนคำอธิษฐานต่อดวงดาวร่วมกัน คงเป็นความรู้สึกที่ไม่เลวนะคะ…”

เขารู้สึกงุนงง เห็นหญิงสาวปรายตาไปทางเมินโหยวผิงแวบหนึ่ง เห็นอีกฝ่ายผงกหัวเบาๆ

...ตอนที่เขายังไม่ลงมาแอบไปคุยอะไรกันรึเปล่านี่…

...หวังว่าพวกคงไม่ติดใจของฝากจากญี่ปุ่นเข้าหรอกนะ...เขาไม่อยากจะเปลืองตัวขนาดนั้นอีกแล้ว…


ไม่นานนัก หญิงสาวก็ขอตัวกลับไป เขาเริ่มขบคิดถึงงานฉลองในวันนี้คร่าวๆ

“เสี่ยวเกอ...วันนี้ชวนนายอ้วนกับคนอื่นๆมาร่วมด้วยดีไหม…” ผมถามความเห็นคนร่วมบ้าน ก่อนจะควานหาโทรศัพท์มือถือที่จำได้ว่าเมื่อคืนน่าจะทำตกไว้แถวๆเก้าอี้ห้องรับแขกนี้

ไม่นึกว่าเมินโหยวผิงจะเดินเข้ามาด้านหลัง คว้าเอวเขาไปกอดแน่นแล้วส่ายหัวไปมา…

“อยากอยู่กับอู๋เสียสองคน...ได้ไหม…”

เห็นท่าทีออดอ้อนของคนปากหนัก ผมก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากล้มเลิกความคิดที่จะชวนคนอื่นมาร่วมแล้วยอมตามใจอีกฝ่ายเท่านั้น



ตกเย็นหลังจากกินข้าวกินปลากันเสร็จเรียบร้อย เขาก็ไล่เมินโหยวผิงขึ้นไปอาบน้ำ ส่วนตัวเองก็เอากระดาษสีต่างๆกับปากกาออกมาเตรียมรอไว้ ปีนี้คงจะขอเอาไปผูกไว้ที่ต้นไผ่หลังบ้านแทน เพราะจากประสบการณ์ที่นายอ้วนเอากิ่งไผ่มาตั้งกลางบ้านเมื่อปีที่แล้ว ทำให้เขาได้บทเรียนว่ามันยุ่งยากแค่ไหนกับการเก็บกวาดให้เรียบร้อย

เสียงเมินโหยวผิงเรียกหาเขาจากด้านบน...อู๋เสียจึงผละจากข้าวของที่เตรียมไว้แล้วเดินขึ้นไปบนห้อง…

เมื่อเปิดประตูเข้าไป เขาพบเมินโหยวผิงในชุดยูกาตะสีดำที่ยังไม่เรียบร้อยนัก เขาจำได้ว่าชุดนี้เป็นหนึ่งในคอลเลคชั่นของฝากจากคู่ค้าคนนั้น

...เหมาะจริงๆด้วย…

พอจางฉี่หลิงเห็นเขาก็ยื่นผ้าคาดเอวให้ เขาเกือบจะร้องออกมาแล้ว ถ้าไม่ทันเห็นว่าอีกฝ่ายใส่กางเกงขาสั้นเอาไว้ข้างใน เขาเขยิบเข้าไปหาร่างสูงโปร่ง ช่วยแต่งชุดให้เรียบร้อย

“ทำไมถึงหยิบชุดนี้มาใส่ล่ะ…”

“อู๋เสียน่าจะอยากเห็น…” เมินโหยวผิงเอ่ยเสียงเรียบ แต่ถ้อยคำทำเอาหน้าเขาร้อนผ่าว

พอแต่งตัวให้เสร็จเรียบร้อยตัวเขาก็ถูกดันเข้าห้องน้ำต่อ… พอเขาอาบน้ำเสร็จออกมาจางฉี่หลิงหายไปจากห้องนอนแล้ว แต่มีชุดยูกาตะสีขาววางทิ้งไว้บนเตียง

ดูท่าว่าอีกฝ่ายคงจะติดใจชุดนี้เข้าแล้ว…


เขาถอนใจแต่ก็หยิบมาใส่โดยไม่อิดออด…


เมื่อลงมาที่ห้องนั่งเล่นก็ได้กลิ่นธูปหอม… คงจะเป็นจางฉี่หลิงมาจุดเอาไว้ พอมองหาเจ้าตัวก็พบว่านั่งขัดสมาธิอยู่ตรงโต๊ะรับแขก จ้องพินิจพิจารณากระดาษรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าหลากสีในมือ

เขาเดินไปนั่งลงเคียงข้าง อีกฝ่ายหันมามองกระตุกยิ้มพึงพอใจครู่หนึ่ง ก่อนจะก้มลงไปมองกระดาษต่อแล้วถาม

“ต้องทำยังไง…” แล้วชูกระดาษในมือขึ้น

“เขียนคำอธิษฐานลงไป กระดาษสีเขียวขอความก้าวหน้าในการเรียนการงาน สีเหลืองขอโชคลาภเงินทอง สีแดงขอความสำเร็จ สีชมพูขอเรื่องความรัก และสีฟ้าคือความสุข… แล้วเอากระดาษไปแขวนไว้ที่กิ่งไผ่…”

อู๋เสียอธิบายก่อนจะหยิบกระดาษสีฟ้าขึ้นมา ทำให้ดูเป็นตัวอย่าง

...ขอให้ทุกคนมีความสุข

เขาเขียนหยิบกระดาษสีอื่นมาเขียนต่อ คำขอที่ไม่แตกต่างจากครั้งที่แล้วๆ

สีเขียว...ขอให้กิจการค้าขายรุ่งเรือง

สีเหลือง...ขอให้เงินไหลมาเทมา ค้าขายสะดวก บัญชีเลิกติดตัวแดง

พอจะหยิบสีแดงกับสีชมพูมาเขียน เขาชะงักไปชั่วอึดใจ

สิ่งที่ตั้งใจจะทำก็ทำสำเร็จแล้ว เมินโหยวผิงกลับมาแล้ว ตอนนี้ได้ยู่ด้วยกันแล้ว

...เขาควรจะขออะไรดีนะ…


จางฉี่หลิงหันมามอง เอียงคอถาม “...ไม่เขียนเหรอ…”

“เพราะตอนนี้มีนายอยู่ที่นี่แล้ว...ฉันเลยไม่รู้ว่าควรจะขออะไรดี…”

เมื่อได้ฟังคำตอบของเขาอีกฝ่ายเบิกตากว้างขึ้นนิดนึงก่อนจะยิ้มนุ่มนวล เเขนเรียวที่แกร่งด้วยมัดกล้ามโอบเอวเขาไว้แล้วลากเขาให้มานั่งเกยตัก หยิบกระดาษสีชมพูออกไปจากมือของเขา วางลงบนโต๊ะแล้วจับมือเขาเขียนข้อความ

‘ขอให้อู๋เสียและจางฉี่หลิงได้อยู่ด้วยกันไปจนกว่าจะสิ้นลมหายใจ’

หน้าเขาร้อนจนแทบจะระเบิด หัวใจเต้นกระหน่ำจนเหมือนจะทะลุออกจากอกเมื่อเขียนข้อความจบ

เขาได้ยินเสียงจางฉี่หลิงหัวเราะหึๆ ริมฝีปากสีอมส้มป่ายปัดอยู่บริเวณขมับ มือที่จับประคองเขาแขนคำอธิษฐานเปลี่ยนเป็นใช้ปลายนิ้วเกลี่ยหลังมือไปมา

อู๋เสียกระเด้งตัวลุกขึ้นยืน...เป็นเวลาเดียวกับที่ไฟในบ้านดับลงดังพรึ่บ!

เขาสองคน คนหนึ่งยืนนิ่งในความมืด อีกคนก็นั่งนิ่ง พอได้สติและสายตาพอชินกับความมืด อู๋เสียจึงย่อตัวเก็บรวบรวมกระดาษที่เขียนคำอธิษฐานเอาไว้ ก่อนจะเอ่ยชวนเมินโหยวผิง

“เอาออกไปผูกกับกิ่งไผ่หลังบ้านกันเถอะ…”




พวกเขายืนอยู่ใต้ต้นไผ่ในสวนหลังบ้าน จางฉี่หลิงเป็นคนอาสาผูกกระดาษเข้ากับกิ่งก้านของต้นไผ่ ตัวเขาได้แต่ยืนรอนิ่งๆ กลิ่มหอมลาเวนดอร์ลอยมาจางๆในอากาศ ผสานกับกลิ่นสมุนไพรอ่อนๆที่ออกมาจากตัวของจางฉี่หลิง

...เขาสูดลมหายใจเฮือกใหญ่เข้าปอด ซึมซับเวลาอันสงบที่มีตัวตนของอีกฝ่ายอยู่ใกล้ๆ

จางฉี่หลิงผูกกระดาษทั้งหมดเสร็จแล้ว ตอนนี้กิ่งไผ่มีกระดาษคำอธิษฐานสีสันต่างๆติดอยู่ประปราย กระดาษเหล่านั้น สั่นระริกตามแรงลมที่พัดผ่าน ร่างสูงโปร่งเดินมายืนเคียงข้างเขา ชี้นิ้วไปยังบนฟ้า

...เพราะว่าตอนนี้ไฟดับ...พวกเขาจึงสามารถเห็นดวงดาวบนฟ้าได้อย่างชัดเจน…

ซักพักพวกเขาก็ละสายตาจากผืนฟ้า ...ที่ซึ่งหญิงทอผ้ากำลังพลอดรักกับชายเลี้ยงวัวบนทางช้างเผือก…

ในความมืด...ดวงตาสองคู่สบประสานกัน…

ก่อนจะเป็นจางฉี่หลิงที่ค่อยขยับใบหน้าเข้ามา มอบจุมพิตใต้แสงดาราให้อู๋เสีย...แนบแน่น...เนิ่นนาน…

ราวกับคำสัญญาว่าจะทำให้คำอธิษฐานที่ร่วมเขียนเป็นจริงให้จงได้


END




ตอนแรกเห็นมีคนบอกว่าเป็นทานาบาตะ เลยวางพลอตเป็นทานาบาตะเต็มที่ ปรากฏว่าไม่ไช่จย้าาาา แก้พลอตไม่ทันแล้วจย้าาาา
เลยกลายเป็นทานาบาตะไปเต็มๆเลย
เข้าหัวข้อเดลี่ได้แหละ...เนอะ...เนอะ...
The_Dark_Lady
The_Dark_Lady
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ

จำนวนข้อความ : 301
Points : 3604
Join date : 21/06/2015
Age : 29
ที่อยู่ : On the Land, Below the sky

ขึ้นไปข้างบน Go down

[OS] #dmbjdaily 41 days left (七夕節) Tanabata (ผิงเสีย)  Empty Re: [OS] #dmbjdaily 41 days left (七夕節) Tanabata (ผิงเสีย)

ตั้งหัวข้อ by mama moosap Tue 07 Jul 2015, 20:23

ดีดดิ้นใส่คุณลูกค้าท่านนั้น ท่านเป็นสาววายและคอยเชีร์เถ้าแก่ของเราก็บอกมาเถอะ....5555

“เพราะตอนนี้มีนายอยู่ที่นี่แล้ว...ฉันเลยไม่รู้ว่าควรจะขออะไรดี…” <<< คำนี้ของเถ้าแก่เราว่าหวานแล้ว

แต่พอมาเจอเสี่ยวเกอเข้าไปนี่เลี่ยนเลยค่ะ >>> ‘ขอให้อู๋เสียและจางฉี่หลิงได้อยู่ด้วยกันไปจนกว่าจะสิ้นลมหายใจ’

ชอบบบบบ!
mama moosap
mama moosap
ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา
ด้วงตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา

จำนวนข้อความ : 64
Points : 3389
Join date : 29/03/2015

ขึ้นไปข้างบน Go down

[OS] #dmbjdaily 41 days left (七夕節) Tanabata (ผิงเสีย)  Empty Re: [OS] #dmbjdaily 41 days left (七夕節) Tanabata (ผิงเสีย)

ตั้งหัวข้อ by yakusoku Tue 07 Jul 2015, 21:56

อ่านแล้วเขินค่า ผิงเสียโรแมนติกมากๆ
yakusoku
yakusoku
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ
ด้วงตำหนักทิพย์พิมานเมฆ

จำนวนข้อความ : 369
Points : 3800
Join date : 05/11/2014
ที่อยู่ : โลงในสุสานโบราณ

ขึ้นไปข้างบน Go down

[OS] #dmbjdaily 41 days left (七夕節) Tanabata (ผิงเสีย)  Empty Re: [OS] #dmbjdaily 41 days left (七夕節) Tanabata (ผิงเสีย)

ตั้งหัวข้อ by Rozenkreuz Wed 08 Jul 2015, 00:18

สรุปว่านายน้อยยอมรับว่าตัวเองคือเจ้าหญิงทอผ้าเรียบร้อยละ 55555
Rozenkreuz
Rozenkreuz
ด้วงอาณาจักรเจ้าแม่ซีหวังหมู่
ด้วงอาณาจักรเจ้าแม่ซีหวังหมู่

จำนวนข้อความ : 625
Points : 3818
Join date : 01/07/2015
Age : 31
ที่อยู่ : กองทัพผีเก็บเห็ดแห่งประตูสำริด

ขึ้นไปข้างบน Go down

[OS] #dmbjdaily 41 days left (七夕節) Tanabata (ผิงเสีย)  Empty Re: [OS] #dmbjdaily 41 days left (七夕節) Tanabata (ผิงเสีย)

ตั้งหัวข้อ by Cathareen Wed 08 Jul 2015, 10:37

โฮรวววววววววววว /////q////// อ่านจบแล้วกระอักเลือดตายจากไป
โฮฮฮ น่ารักมากเลยค่ะะะ หฟหกฟหฟหก
แงง เขินนน ฮือออ ชอบค่ะๆๆๆๆ
Cathareen
Cathareen
ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา
ด้วงสุสานใต้สมุทรทะเลซีซา

จำนวนข้อความ : 149
Points : 3565
Join date : 24/12/2014

ขึ้นไปข้างบน Go down

ขึ้นไปข้างบน

- Similar topics

 
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ